เรือนพักของพวกนางมีห้องครัวขนาดเล็กอยู่ภายใน บนเตาอุ่นน้ำร้อนไว้อยู่ ไฟด้านใต้ยังไม่ดับ
ขณะที่หลินหวั่นชิวช่วยต้มบะหมี่ให้เจียงหงหย่วน เจียงหงหย่วนขนของจากบนรถม้าเข้าไปในห้อง ตามด้วยไปตักน้ำร้อนจากในครัวมาอาบอย่างรวดเร็ว บะหมี่ชามร้อนโปะด้วยไข่ดาวก็เสร็จสิ้น
บะหมี่ชามโตโปะด้วยไข่ดาวสีเหลืองทองสองใบ ตะเกียบเสียบอยู่กลางไข่ทั้งสองฟองพอดี
เขายิ้มเล็กน้อย “ภรรยาข้าช่างความจำดียิ่งนัก แต่ตะเกียบคู่นี้เล็กไปหน่อย…”
“หา…” หลินหวั่นชิวไม่เข้าใจ แต่เมื่อมองไปที่ชามบะหมี่บนโต๊ะก็เข้าใจทันทีว่าชายฉกรรจ์หมายถึงกระไร
ลามกอีกแล้ว!
แค่กินบะหมี่ยังจะลากเข้าเื่ลามกได้
“ขนาดมีของกินก็ยังอุดปากท่านไม่ได้!” หลินหวั่นชิวทำตาขวางใส่เขา
แต่ชายฉกรรจ์กลับดึงนางเข้าอ้อมอกอย่างฉับพลัน จากนั้นก้มหน้าประกบริมฝีปาก
“จำไว้ จะอุดปากข้าต้องทำเช่นนี้”
เจียงหงหย่วนกินของหวานก่อนกินของคาว กินจนพอใจแล้วถึงยอมปล่อยหลินหวั่นชิว
เขามองนางที่ทั้งเขินอายทั้งโมโห รู้สึกคันยุบยิบในใจไม่ไหว
เขาอยากจับนางมากินให้เกลี้ยง ไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูก
หลินหวั่นชิวดิ้นตัวหลุดจากอ้อมกอดเจียงหงหย่วนก็กลับห้อง นางรู้สึกว่าหากยังมัวอยู่ต่อ บะหมี่ที่ตัวเองตั้งใจทำคงได้เย็นและขึ้นอืด
ไม่ใช่เพราะนางกลัวชายฉกรรจ์นะ
เพราะกลัวบะหมี่ที่ตัวเองตั้งใจทำเสียของต่างหาก
เจียงหงหย่วนมองแผ่นหลังที่เร่งรีบหนีไปของภรรยาตัวน้อย มุมปากยกโค้งอีกครั้ง
เขาไม่รู้ตัวสักนิดว่าั้แ่มาอยู่กับภรรยาตัวน้อย นับวันเขาก็ยิ่งยิ้มบ่อยขึ้นเรื่อยๆ
ชายฉกรรจ์คีบบะหมี่ขึ้นกินอย่างตะกละตะกลาม
ความรู้สึกที่มีคนให้เป็ห่วงและมีคนรออยู่ที่บ้านช่างดีเหลือเกิน
ทั้งหมดนี้เป็ดั่งความฝัน ฝันหวานราวกับเทพนิยาย
หลินหวั่นชิวกลับห้องด้วยความโมโห เข้าห้องมาเห็นผ้าและผ้าไหมหลากสีสิบกว่าผืนกองอยู่บนโต๊ะ
ด้านข้างมีกล่องสีแดงลายบุปผาสองสามใบ นางเปิดออกดู อดรู้สึกหวานชื่นในใจประหนึ่งกินน้ำผึ้งไม่ได้
มันคือเครื่องประดับ
ทำจากทองทุกชิ้น
ปิ่นระย้า ต่างหู ปิ่นปักผม กำไลข้อมือ…
นี่คือของขวัญที่ชายฉกรรจ์ซื้อให้นาง
“ชอบหรือไม่?” จังหวะที่เจียงหงหย่วนเดินเข้ามา หลินหวั่นชิวกำลังใช้ปิ่นระย้าทาบหน้ากระจก รอยยิ้มสุกสกาวบนใบหน้านาง ดุจบุปผาที่เบ่งบานในฤดูใบไม้ผลิ
งดงามยิ่งนัก
“ชอบ!” หลินหวั่นชิวปักปิ่นระย้าบนผม นางยังไม่นอน มวยผมยังไม่คลายออก
“สวยหรือไม่?” ดวงตาดอกท้อจ้องมาที่เขาอย่างคาดหวัง รอให้เขาตัดสิน
“สวย ข้าหวงจะแย่อยู่แล้ว!” เขาเข้าไปโอบเอวนาง ร่างกายทั้งคู่แนบชิดกัน ใช้มืออีกข้างตรึงท้ายทอยนางพร้อมกับก้มลงประทับริมฝีปาก
ไม่เจอกันแค่สองวัน เขาก็คิดถึงแทบทนไม่ไหวแล้ว
รอบนี้หลินหวั่นชิวไม่ได้ขัดขืนเหมือนตอนอยู่ในครัว บุรุษมอบของขวัญให้ ควรต้องมอบสิ่งตอบแทนกันบ้าง
ต้องให้เขารู้สึกว่าที่เป็นิสัยที่ดี ควรทำต่อไป
หลินหวั่นชิวเขย่งเท้า พยายามจูบตอบเขา ลิ้นทั้งคู่เกี่ยวพันกัน ไม่ยอมพรากจาก
ทันใดนั้น เท้านางลอยขึ้นสู่อากาศ ชายฉกรรจ์อุ้มตัวนางขึ้น นางโอบคอเขาอย่างเป็ธรรมชาติ ให้ชายฉกรรจ์อุ้มไปวางที่เตียง…
“ภรรยาจ๋า…ข้าหวงเ้าจะแย่อยู่แล้ว” ผ่านไปสักพัก ชายฉกรรจ์ฝังหน้าที่ซอกคอนางพร้อมกับพูดอู้อี้
หลินหวั่นชิวลูบริมฝีปากที่บวมเล็กน้อยของตัวเอง หันไปจูบขมับชายฉกรรจ์ “บ่าวก็หวงต้าเหยียเช่นกันเ้าค่ะ”
เสียงนางอ่อนหวานราวกับลูกอม
“ให้ตาย นี่มันปีศาจชัดๆ เ้าจะเอาชีวิตข้าใช่หรือไม่!”
ชายฉกรรจ์ทนการปลุกเร้าจากนางไหวที่ใดเล่า ลงมือดึงเสื้อผ้านางทันที
จากนั้น…
หลินหวั่นชิวได้ปวดข้อมือสมใจอยาก
ร่างกายปกคลุมไปด้วยรอยแดง เห็นได้ว่าชายฉกรรจ์ไม่ยั้งมือ
ชายฉกรรจ์ได้กินอิ่มไปครึ่งหนึ่ง แม้จะไม่ถึงขั้นอิ่มหนำสำราญแต่ก็พอแก้ขัดได้อยู่
เขาลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า ไปต้มน้ำอาบน้ำที่ห้องครัว ต้มเสร็จก็กลับมาดูคนที่นอนบนเตียง
พบว่าขดตัวเป็ก้อนและหลับไปแล้ว
“คนใจร้าย” เขาบ่นเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม รู้ทั้งรู้ว่าเขายังทำใจแตะต้องนางไม่ลง นางก็ยังจะมายั่วเขาอีก
เจียงหงหย่วนดึงผ้าห่มออก อุ้มนางลงจากเจียง หลินหวั่นชิวที่ัักับอากาศหนาวอย่างฉับพลันซุกตัวกับอกเจียงหงหย่วน
เพราะรู้ว่านางรักความสะอาด หากไม่ทำความสะอาดสนามรบ เขากลัวว่าวันพรุ่งภรรยาตัวน้อยจะทำหน้าบึ้งใส่
วางภรรยาตัวน้อยลงในอ่าง เจียงหงหย่วนหันไปเปลี่ยนผ้าปูอย่างรวดเร็ว
เขามีประสบการณ์ด้านนี้มาก
เปลี่ยนผ้าปูที่นอนเสร็จ เปิดตู้เสื้อผ้านำเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาให้ภรรยาตัวน้อย จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อผ้าลงแช่ในอ่างด้วยเช่นกัน…
อาบน้ำเสร็จ กอดภรรยาตัวน้อยตัวหอม คืนนี้ชายฉกรรจ์หลับสบายมาก
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อหลินหวั่นชิวตื่นมา ข้างกายก็ไม่มีผู้ใดแล้ว
นางขดตัวในผ้าห่มไม่อยากลุก ทั้งที่ยังไม่ถึงขั้นสุดท้าย แต่นางกลับอ่อนเพลีย
เพลียจนไม่อยากขยับ
“ตื่นแล้วหรือ? ข้าต้มบะหมี่ให้เ้ากินดีหรือไม่?” เจียงหงหย่วนเข้ามาจากด้านนอก ไอร้อนแผ่ออกจากร่างเขา ใบหน้ามีเหงื่อหยด ดูก็รู้ว่าเพิ่งฝึกออกกำลังกายเสร็จ
“เจียงหงหย่วน ท่านมันไม่ใช่คน!”
ชายฉกรรจ์เห็นภรรยาตัวน้อยกลอกตาใส่ก็หัวเราะ เขาใช้ผ้าชุบน้ำล้างหน้า จากนั้นเดินมาโน้มตัวกัดปากหลินหวั่นชิวที่เตียง จูบอยู่สักพักจึงจะยอมปล่อย “ไม่กินบะหมี่ก็กินอย่างอื่นแทน”
(เจียงหงหย่วน “เขาคงเป็คนไม่ได้ ชีวิตนี้คงเป็ไม่ได้”)
หลินหวั่นชิวทำตาขวางใส่เขา แต่เจียงหงหย่วนกลับหัวเราะคำโต
เขาบีบแก้มนาง “เหตุใดเ้าจึงน่ารักเพียงนี้? ล้นใจข้าไปหมดแล้ว!”
ถ้อยคำหวานของชายโฉดน่าฟังขนาดนี้ได้อย่างไร?
หลินหวั่นชิวอดรู้สึกเขินอายในใจไม่ได้ ตัดสินใจภายในชั่วพริบตาว่าจะไม่ถือสาที่ชายฉกรรจ์พูดลามก
“หย่วนเกอ ข้าอยากกินเส้นหมี่เนื้อแกะ”
เจียงหงหย่วนยีหัวนาง “ข้าจะไปทำมาให้!”
หลินหวั่นชิวรู้สึกว่า หากต้องใช้ชีวิตเช่นนี้ตลอดไปก็…ดูจะไม่เลวเช่นกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้