“ไอ้เวร! คิดว่าตัวเองจะรอดอย่างนั้นเหรอ? ไม่ว่าแกจะเป็มนุษย์หรือสัตว์ประหลาด มีเื่กับตระกูลไมค์ก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น! ออกมาซะ! ออกมาสิโว้ย” คนแคระบูยาะโลั่น ปากกระบอกปืนของเขากวาดยิงไปยังป่าทึบอย่างไร้จุดหมาย
ะุกระเด็นไปถูกเศษซากต้นไม้ใหญ่ซึ่งถูกคนรวบรวมเอาไว้
“หยุดแหกปาก! กลัวมันไม่รู้เหรอว่าแกอยู่ตรงไหน?” ตาเฒ่าจอห์น มือปืนาุโ คำรามขึ้น “พีเตอร์! เอาสัญญาณไฟมาหรือเปล่า?”
“มีชุดหนึ่งครับ หัวหน้า!” พีเตอร์กล่าวพลางใช้ประตูรถข้างหนึ่งเป็เกราะกำบัง
“โยนมันไป!” เฒ่าจอห์นออกคำสั่งเสียงเข้ม
พีเตอร์ง้างปากกระบอกปืนยิงสัญญาณไฟขึ้น เขายิงพลุเข้าไปยังป่าทึบด้านหน้า มันพุ่งไปไกล 70 เมตร ส่องให้ป่าสว่างไสวราวกับในเวลากลางวัน
เปลวไฟที่ตกลงบนพื้นยังคงปะทุ เสิ่นินั่งพิงอยู่ที่หลังต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีแสงไฟสาดส่องมา ท่อนบนของเขาปกคลุมไปด้วยโคลนสีเข้มจากแม่น้ำ เขานิ่งสงบเหมือนกับเสือที่กำลังล่าเหยื่อ เขาใช้แผ่นเหล็กขึ้นสนิมตัดกิ่งไม้แบบหยาบๆ
อันที่จริงเสิ่นิหลุดออกมาจากก้นสระได้ั้แ่นาทีที่ 7 ที่จมลงไปแล้ว เขาใช้เวลา 10 นาทีเพื่อมาถึงที่นี่ และใช้เวลาอีก 13 นาทีในการหาอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ตอนนี้เขาไม่ใช่เหยื่ออีกต่อไปแล้ว เขาเป็ผู้ล่า
ข้างกายของเขามีเหล็กอยู่สามแท่งซึ่งหักมาจากรั้ว ชายหนุ่มประดิษฐ์มันจนเหมือนกับคันธนู เสิ่นิใช้เถาวัลย์เป็สายธนูให้จับยึดกิ่งไม้ไว้ เขาสร้างสรรค์คันธนูและลูกธนูแบบดั้งเดิมขึ้นมา
ปราศจากสัญญาณใด เขาสำเร็จการเตรียมการขั้นสุดท้าย เสิ่นิคาบลูกธนูสองดอกไว้ในปาก ก่อนจะง้างคันธนูและปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคน
“อยู่นั่น!” คนแคระบูยาะโ
ในขณะที่เฒ่าจอห์นเริ่มยิง เสิ่นิก็เสร็จสิ้นกระบวนการเล็งเป็ที่เรียบร้อย เขาพลิกตัวโยกหลบที่หลังต้นไม้ ะุไล่ยิงตามมาจนถึงบริเวณลำต้น ลูกธนูหมุนวน ทำมุมโค้งอันงดงามและปักเข้าที่เท้าขวาของพีเตอร์ซึ่งซ่อนอยู่ที่ด้านหลังประตูรถพอดี
“อ้า!!!” พีเตอร์ร้องลั่นพลางล้มตัวลงกับพื้น ที่หัวของลูกธนูมีน้ำของ “เอเวอร์กรีน” (ต้นเขียวหมื่นปี) อาบอยู่ ไม่เพียงแต่มีพิษ มันยังทำให้ระคายเคืองอีกด้วย าแเหมือนกับโดนมดหลายร้อยตัวรุมกัด ตอนนี้เขาถือปืนไม่อยู่แล้ว
“สุนัขรับใช้ของผู้หญิง! ฉันจะฆ่าแก!” ตาเฒ่าจอห์นโมโหสุ่มยิงในขณะที่ปีนขึ้นไปบนหลังคารถจี๊ป เขาคว้าปืนกลหนักขึ้นมาและกราดยิงอย่างเมามัน
เสิ่นิโน้มตัวไปข้างหน้าและวิ่งหนีแบบ “ซิกแซก” เข้าป่าทึบไปอย่างคล่องแคล่ว
ตาเฒ่าจอห์นสาดะุไล่ล่า เขายิงถูกลำต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างเขา แต่ก็ตามเงาของเสิ่นิไม่ทัน
“หนี? ดูสิว่าแกจะเร็วกว่าะุไหม?” เฒ่าจอห์นคำรามด้วยเสียงโเี้ ปืนกลหนักในมือพร้อมโซ่ะุ 500 นัด ระยะยิงมีประสิทธิภาพเกิน 700 เมตร
พูดยังไม่ทันขาดคำ เสิ่นิก้าวผิดจังหวะ ร่างของเขาพลิกเสียการทรงตัวและเซล้มไปด้านหน้า เฒ่าจอห์นหยุดยิงด้วยความตื่นเต้น เสิ่นิถูกล็อกเป้าไว้แล้ว
ในขณะที่เสิ่นิลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ คันธนูของเขาก็อยู่ในท่าขนานกับพื้น เขาหวดมันขึ้นฟ้าพุ่งลูกธนูอันแหลมคมออกจากคัน
เฒ่าจอห์นเล็งไปที่แก้มของเสิ่นิ แต่เขาไม่สามารถเหนี่ยวไกได้ ลูกธนูตกลงมาจากท้องฟ้าปักเข้าที่หัวไหล่ตาเฒ่าจอห์น ทำเอาเป้ายิงของเขาเคลื่อนไปด้านหลัง
“อ้า!!!” เฒ่าจอห์นกรีดร้องด้วยเสียงที่แหบแห้ง พิษกระจายเข้าสู่เส้นเื ทันใดนั้น ตามิัของตาเฒ่าจอห์นก็เกิดผื่นแดงขึ้น ตัวของเขาสั่นสะท้านขึ้นมาทันที
คนแคระบูยากลัวจนปัสสาวะราด มือปืนทหารอาชีพข้างกายเขา 3 คน ในเวลาไม่ถึง 3 นาทีก็เืตกยางออก เขาเกิดหายใจหอบหืดขึ้นมา
เสิ่นิก้าวออกมาจากป่า คนแคระโยนปืนทิ้งและคุกเข่าลงกับพื้น
“พี่ใหญ่ไว้ชีวิตฉันด้วย! ฉันเป็แค่สุนัขรับใช้! ฆ่าฉันจะทำเอามือของพี่สกปรกเปล่าๆ!” คนแคระบูยาโค้งคำนับขอความเมตตา
เสิ่นิไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เขาโยนคันธนูซึ่งพังไปเล็กน้อยทิ้งไป ในมือกำลูกธนูอันสุดท้ายไว้ และเดินเข้าไปหาคนแคระบูยา ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ออกมาจากวงแขนของคนแคระ ก่อนจะกดโทร.หาเ้าพ่อ
ที่ปลายสาย เ้าพ่อที่เพิ่งจะลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ก็กดรับสาย “บูยา ฉันจำได้ว่าฉันเคยบอกแกไปแล้วว่าฉันเท่านั้นที่จะติดต่อพวกแกได้ พวกแกไม่มีสิทธิ์โทร.หาฉัน แกต้องรู้ว่าสุนัขที่กดโทรศัพท์เป็มันน่าทึ่งมากแค่ไหน”
“ไม่ว่าแกจะอยู่ที่ไหน ฉันหาแกเจอแน่” เสิ่นิพูดด้วยโทนเสียงที่ราบเรียบ
“ฉันจำได้ว่าแกชื่อเสิ่นิใช่ไหม?” เ้าพ่อหยุดฝีเท้า
“ไม่ใช่ ตอนนี้ข้าคือ ‘าาเสิ่นิ’ ” เสิ่นิพูดจบก็ขยี้โทรศัพท์จนพัง ก่อนจะหันไปมองคนแคระบูยา “ได้ยินว่าแกอยากจะอัดถั่วดำฉันเหรอ?”
“เข้าใจผิดแล้ว! เข้าใจผิด! ฉันชอบผู้หญิง! ฉันมีลูกมีเมียนะ!” คนแคระบูยาร้องไห้ออกมา
“ว่ายน้ำเป็ไหม?”
“ว่าไงนะ?” คนแคระบูยาฉงน
“ถือว่าเป็ก็แล้วกัน” เสิ่นิเตะไปตรงๆ คนแคระลอยกลิ้งเป็ลูกบอล พร้อมกับแผดเสียงร้องอันโหยหวน เขาพุ่งออกไปจากขอบหน้าผา ตกลงไปในบ่อน้ำลึกด้านล่าง น้ำกระเซ็นขึ้นสูง 2 เมตร ราวกับเกิดะเิในน้ำลึก
ชายหนุ่มหันกลับไปมองมือปืนทั้ง 3 อีกครั้ง สองคนเสียเืมากจนหมดสติไป มีเพียงตาเฒ่าจอห์นเท่านั้นที่ยังสภาพดีอยู่
“แกไม่มีทางชนะหรอก ไม่ว่าแกจะเป็สัตว์ประหลาดประเภทไหน แกกำลังท้าทายจักรพรรดิอยู่!” เฒ่าจอห์นหัวเราะเยาะในขณะที่เหงื่อตก
“พูดให้น้อยๆ หน่อย แกอาจจะยังพอมีทางรอด” เสิ่นิทิ้งพืชที่ยังมีรากติดให้ตาเฒ่าจอห์น ที่แท้มันก็คือโสมซานชี “กินรากมัน เอาใบไปคั้นน้ำแล้วก็มาทาที่แผล ช่วยหยุดเืและลดความเ็ปได้ ยังมีอีกหลายต้น ให้เพื่อนร่วมงานด้วย ถ้าแกอยากให้พวกมันรอด”
“ทำไมถึงช่วยพวกเรา?” เฒ่าจอห์นถูกทำให้สับสน เขาเห็นว่าเสิ่นิไม่เหมือนกับพวกที่กลัวตาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความมีมนุษยธรรม ทักษะการสังหารของชายคนนี้ผ่านการเข่นฆ่ามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
“ฆ่าหรือไม่ฆ่า ฉันเป็คนตัดสินใจ ผู้อ่อนแอไม่มีสิทธิ์ถามให้มากความ” เสิ่นิแบกตาเฒ่าจอห์นให้นั่งลงข้างโอมาร์ ก่อนเขาจะนั่งลงบนที่นั่งคนขับซึ่งชุ่มไปด้วยเืสดและสตาร์ทเครื่องขับออกไปจากหน้าผา
“ยังมีสัตว์ประหลาดชั้นยอดอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ ด้วย...” เฒ่าจอห์นนอนพิงโขดหิน ชายเฒ่ามองพระจันทร์พร้อมถอนหายใจ
อาชีพในค่ายทหารก่อนหน้านี้ทำให้เขาได้เข้าใจว่าเสิ่นินั้นน่ากลัวกว่าที่เห็นมาก าาเสิ่นิที่แท้ก็คือเทพเ้าผู้บัญชาความเป็ความตาย หากชื่อของเขาไม่ได้ทำให้ผู้คนตื่นผวา ความหวาดกลัวของผู้ที่ถูกเ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้เข่นฆ่าก็คงจะกองรวมกันได้เป็ูเาแล้วกระมัง?
รถจี๊ปแล่นไปตามเส้นทางในป่า ทันใดนั้น เงาสีดำก็กระโจนลงมาจากต้นไม้ใหญ่ข้างทาง นั่งลงที่เบาะผู้โดยสารข้างเสิ่นิพอเหมาะพอดี หญิงสาวอยู่ในชุดต่อสู้แบบรัดรูป ภายใต้หน้ากากนั้นคืออันฉี
“เมื่อครู่นี้นายหล่อมาก!” อันฉีไม่แสดงบททีน่าอีกต่อไปแล้ว เธอนั่งอยู่ในรถของสามีเหมือนกับเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งซึ่งกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก
“อาชญากรสองสามคน หล่อตรงไหน?” เสิ่นิแทบจะไม่ได้มองผู้หญิงข้างๆ ด้วยซ้ำ ั้แ่ที่เขาขึ้นรถมา เขาก็รู้แล้วว่าอันฉีอยู่แถวนี้
“ที่หล่อไม่ใช่เพราะนายจัดการพวกเขา แต่ที่นายเรียกตัวเองว่า ‘าาเสิ่นิ’ ต่างหาก มันช่างเท่ราวกับกำลังดูิ่มวลสรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่เลย” อันฉีเอนศีรษะพิงไหล่ของเสิ่นิอย่างสุขใจ “ถึงนายจะไม่ได้ฆ่า แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกถึงความเมตตาเลยแม้แต่น้อย าาเสิ่นิ นายจะเอายังไงต่อไป?”
“ไปคิดบัญชีกับเ้าพ่อก่อน แล้วค่อยไปหาเงินคอร์รัปชัน” เสิ่นิกล่าวอย่างเ็า
“นายรู้ว่ามันอยู่ที่ไหนหรือ?” อันฉีแปลกใจ เธอสืบมาครึ่งปีแล้วยังไม่ได้เื่ได้ความเลย
“ัดำบอกว่าเธอมอบทุกอย่างให้ฉันแล้วแต่...แต่ฉันจำได้ว่าเธอให้ฉันมาแค่สิ่งเดียว”
ณ สลัมชานเมืองมีอาคารกระจกสูงหกชั้นอันสวยงามตั้งตระหง่านอยู่ เปรียบเสมือนกับทรราชท้องถิ่นที่ยืดอวดความมั่งคั่งต่อหน้ากลุ่มคนผู้หิวโหย เหตุผลที่รับประกันได้ว่าจะไม่ถูกหัวขโมยตัวเล็กตัวน้อยจารกรรม นอกจากระบบรักษาความปลอดภัยใต้ดินตลอด 24 ชั่วโมงด้วยปืนจริงะุจริงแล้ว ยังมีป้ายติดไว้ที่ประตูว่า “ไมค์”
มันคือฐานทัพของตระกูลไมค์ในเวกัส แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักมัน แม้แต่ตำรวจเองก็ไม่กล้าแตะต้องสถานที่แห่งนี้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมือปืนอาชีพที่เป็ทหารนอกเครื่อง สลัมด้านหน้าถือเป็ด่านหน้าของตระกูลไมค์มานานนม วิถีชีวิตของพวกเขามีสายตาสอดส่องอยู่ทั่วทุกที่ การบุกตรวจของตำรวจยังไม่เคยเข้าถึงด้านข้างของตัวอาคารได้ เป็ไปได้ว่าผู้บุกรุกอาจถูกคนทิ้งะเิจนกลายเป็ผุยผงราวกับอยู่ในอัฟกานิสถาน
เฮลิคอปเตอร์จอดอยู่ที่บนหลังคา เ้าพ่อนำตัวัดำและเซี่ยวอี๋เข้าไปในห้องรับแขก ทุกแห่งในห้องนั้นััได้ถึงความเป็ศิลปะร่วมสมัย โซฟาทรงกลมขนาดใหญ่ไล่ระดับอยู่ในร่องพื้น ตรงกลางมีโต๊ะกาแฟทรงกลมที่สามารถเปลี่ยนสีได้อัตโนมัติตามเวลา
เ้าพ่อชอบภาพวาดสีน้ำมัน เขาหลงรักในความแพงและความเคลื่อนย้ายได้สะดวกของมัน มีภาพวาดที่มีชื่อเสียงมากมายประดับอยู่ที่รอบผนังห้องนั่งเล่น ถึงขนาดมีภาพวาดของแท้ๆ ของแวนโก๊ะแขวนอยู่ท่ามกลางภาพเ่าั้ด้วย มูลค่าของภาพนั้นอยู่ที่ 7 สิบล้านเหรียญสหรัฐ
ัดำผู้ที่ชื่นชอบในจิตรกรรมสีน้ำมัน ั้แ่มาถึงห้องนั่งเล่นแห่งนี้ เธอกลับไม่มองไปที่ผลงานชิ้นเอกเ่าั้เลยสักนิด เพราะจิตรกรรมในที่อยู่อาศัยของมาเฟีย ต่อให้เป็ผลงานชิ้นเอกก็เป็เพียงแค่เครื่องมือในการฟอกเงินเท่านั้น
“ทั้งสองท่านจะดื่มอะไรดี?” เ้าพ่อนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม พร้อมกับถามด้วยรอยยิ้ม
“น้ำเปล่า” เซี่ยวอี๋กล่าว
“Screaming Eagle Cabernet Sauvignon ปี 1992 ไม่ใส่น้ำแข็ง ฉันชอบดื่มเพียวๆ” ัดำกล่าวอย่างไม่เกรงใจ ไวน์แดงนั้นเ้าพ่อประมูลแย่งมาได้ มูลค่าของสองขวดอยู่ที่ 5 แสนดอลลาร์ เขาซื้อมาแล้ว 1 ปี ตัวเองยังเสียดาย ไม่กล้าดื่ม
“เธอมันร้ายมากนะ ปีเตอร์ เอาไวน์มา” เ้าพ่อดีดนิ้ว เ้าลูกชายปีเตอร์ก็สั่งให้คนรับใช้ไปนำไวน์ขึ้นมาจากห้องใต้ดิน
“ัดำ นับว่าเราสองคนมีวาสนาต่อกัน เธอเกือบจะได้เป็ลูกสะใภ้ของฉันแล้ว เมื่อครั้งที่ทานข้าวด้วยกันครั้งแรก ฉันก็รู้สึกได้เลยว่าเธอเป็คนที่มีความคิด แต่ภรรยาของปีเตอร์นั้นไม่ยอมหย่า ไม่อย่างนั้นฉันคงยินดีที่จะชดเชยเงิน 100 นั่นให้ลูกสะใภ้ไป เพื่อเปลี่ยนเธอมาเป็ลูกสะใภ้ผู้ปราดเปรื่องของฉัน” เ้าพ่อไม่ขี้เหนียวกับคำชม
“ขอบคุณ ลูกชายคุณที่ทำตัวเหมือนกับสุนัขรับใช้ของคุณ ถ้าฉันแต่งกับเขาจริง คงจะรู้สึกเหมือนว่าได้อยู่กินกับสัตว์ร้าย ชีวิตคงต้องทุกข์ทน” ัดำหัวเราะเมื่อกล่าวเสียดสี
“รู้อะไรไหม? บนโลกนี้มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่กล้าพูดกับฉันแบบนี้ คนหนึ่งคือแม่ของฉัน เธอเอาแต่พร่ำบอกให้ฉันทานไก่งวงอบที่แม่ทำ ฉันก็ได้แต่รับปาก ส่วนอีกคนก็พี่ชายคนโตของฉัน แต่เขาไม่ได้มีอะไรให้ฉันจดจำมากนัก ฉันก็เลยสับเขาเป็อาหารสุนัขแทน
ทางที่ดีเธอควรจะมีบางอย่างให้ฉันจดจำ ไม่อย่างนั้นฉันคงได้มีอาหารสุนัขมื้อพิเศษอีก” เ้าพ่อแขวนรอยยิ้มเอาไว้บนใบหน้า เฉกเช่นคุณปู่ผู้ใจดีที่แลดูเป็มิตร แต่คำพูดนั้นกลับได้แต่กลิ่นเืโชยมา
“ฉันอบไก่งวงไม่เป็” ัดำเอนกายพิงโซฟา “แต่ 3 พันล้านก็น่าจะเพียงพอให้คุณจดจำ”
“เงินอยู่ที่ไหน?”
“อยู่ในรูก้นแม่แก...”
“ฉันชักจะไม่อยากได้เงินแล้ว ทั้งหมดนี่มันเป็เพราะปากเหม็นๆ ของเธอ”