ถึงแม้หมี่หลันเยว่จะยังไม่ทันเฉลียวใจถึงความรู้สึกที่เจิ้งซวี่เหยาแอบซ่อนไว้ แต่ความห่วงใยและความเอื้ออาทรที่เจิ้งซวี่เหยามีให้เธอ ไม่ใช่เื่จอมปลอม ดังนั้นหมี่หลันเยว่จึงรู้สึกขอบคุณเจิ้งซวี่เหยาจากใจจริง และไม่อยากให้เขาต้องเป็กังวลเื่ของเธออีกต่อไป สิ่งที่หมี่หลันเยว่อยากทำ คือการตอบแทนความจริงใจนี้เป็สิบเท่าร้อยเท่า
"ไม่ต้องขอบคุณหรอก ฉันเต็มใจเป็ห่วงเธอ เธอก็เป็น้องสาวฉันนี่นา"
เจิ้งซวี่เหยากล่าวอย่างเป็ธรรมชาติ ด้วยความสัมพันธ์ฉันพี่น้องที่หมี่หลันเยว่มีต่อเขาในตอนนี้ เจิ้งซวี่เหยาจึงรู้สึกภาคภูมิใจกับการเป็พี่ชายอย่างเต็มอกเต็มใจ
หมี่หลันเยว่เบิกตากว้าง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยจ้องมองเจิ้งซวี่เหยาเขม็ง จนเจิ้งซวี่เหยารู้สึกขนลุก ต้องรีบสำรวจตัวเองในใจ ว่ามีสิ่งใดที่เขาทำไม่ดี หรือพูดอะไรเกินเลยไป
"พี่ใหญ่..."
ขณะที่เจิ้งซวี่เหยากำลังสำรวจตัวเอง หมี่หลันเยว่ก็โผเข้ามากอดเขาอย่างรวดเร็ว เรียกขานด้วยความตื้นตัน ก่อนจะผละออก แม้จะเป็เพียงอ้อมกอดสั้นๆ แต่เจิ้งซวี่เหยาก็แทบจะละลาย
เพียงคำเรียกขาน ‘พี่ใหญ่’ และอ้อมกอดนี้ ทุกสิ่งก็คุ้มค่าแล้ว เพราะเขาััได้ถึงความตื้นตันของหมี่หลันเยว่ ความทุ่มเทของเขา เธอรับรู้ได้ นั่นก็เพียงพอแล้ว เขาไม่ได้คิดที่จะเธอั้แ่แรก การได้เก็บเธอไว้ข้างกาย แม้ในฐานะพี่น้อง เจิ้งซวี่เหยาก็พอใจแล้ว
ในโลกนี้มีสิ่งที่ปรารถนาแต่ไม่อาจได้มามากมาย โชคดีที่เขารู้ว่าตนเอง้าอะไร รู้วิธีที่จะเลือกและเสียสละ การเปลี่ยนวิธีการเก็บเธอไว้ การเปลี่ยนวิธีการดูแลเธอ ก็ถือเป็ความสง่างามอย่างหนึ่ง อย่างน้อยที่สุด เขาก็ไม่ได้สูญเสียเธอไป เจิ้งซวี่เหยาแตะที่หน้าอก หัวใจที่เต้นระรัวค่อยๆ สงบลง
จากฝ่ามือที่ััหน้าอก เขาเลื่อนมาลูบผมที่นุ่มสลวยของหมี่หลันเยว่อย่างเบามือ ขยี้จนผมของเธอเสียทรง แต่ครั้งนี้ หมี่หลันเยว่ไม่ได้หลบเลี่ยง ปล่อยให้เจิ้งซวี่เหยาทำตามใจชอบ เธอััได้ถึงความไม่สงบในจิตใจของเจิ้งซวี่เหยา
มองดูผมที่ถูกหวีมาอย่างเรียบร้อย ถูกเขาขยี้จนยุ่งเหยิง เจิ้งซวี่เหยาหัวเราะออกมาอย่างเงียบๆ รอยยิ้มนั้น ในสายตาของแม่เจิ้ง กลับแฝงไว้ด้วยความขมขื่น แต่ในใจของเจิ้งซวี่เหยา รอยยิ้มนั้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ ใต้ฝ่ามือ คือหญิงสาวที่เขาไม่อาจตัดใจ และไม่อาจทำร้ายได้
"หลันเยว่ เมื่อกี้เธอพูดว่า อยากไปช่วยฉันหาที่ตั้งสำนักงานเหรอ?"
เจิ้งซวี่เหยาเดินไปยืนด้านหลังหมี่หลันเยว่ แกะผมเปียที่เธอถักไว้ ใช้นิ้วเรียวยาวของเขา สางผมให้เธอ แน่นอนว่ามันไม่เรียบลื่นเท่ากับที่หมี่หลันเยว่สางเอง แต่เจิ้งซวี่เหยาก็พอใจกับผลงานของตัวเองเป็อย่างมาก
"ใช่ค่ะ ฉันกับพี่ๆ อยากจะถือโอกาสก่อนเปิดเทอมออกไปเดินเล่น ยังไม่เคยได้เที่ยวปักกิ่งดีๆ เลยสักครั้ง บังเอิญได้ยินพี่เสี่ยวหว่านบอกว่า พี่เจิ้ง...เอ่อพี่ใหญ่กำลังหาที่ตั้งสำนักงาน พวกเราก็เลยคิดว่า จะถามพี่ว่ามีเงื่อนไขอะไรบ้าง เผื่อตอนเดินเที่ยว พวกเราจะได้ช่วยดูๆ ให้ด้วย"
พอพูดถึงเื่งาน หมี่หลันเยว่ก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที
"พี่ใหญ่ บอกเงื่อนไขการเลือกทำเลให้ฉันหน่อยสิคะ เผื่อจะเจอที่ที่เหมาะสมก็ได้ คุณแม่ก็บอกว่าฉันเป็ดาวนำโชค มักจะมีโชคดีมาเยือนเสมอ"
เมื่อได้ยินว่าหมี่หลันเยว่มาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อเื่ของเขาโดยเฉพาะ เจิ้งซวี่เหยารู้สึกดีใจมาก แม้จะไม่ได้เป็น้องสาวบุญธรรม แต่เด็กสาวก็ยังคงใส่ใจเขา เื่ของเขา เด็กสาวก็ยังคงให้ความสำคัญ นี่ทำให้เจิ้งซวี่เหยามีความสุขมาก
"โอ้ อย่างนี้นี่เอง งั้นพวกเราออกไปพร้อมกันเลยดีไหม ฉันจะพาพวกเธอเดินเที่ยว พวกเธอช่วยฉันเลือกที่ตั้ง ตกลงไหม?"
พอคิดถึงว่าใน่วันก่อนเปิดเทอม จะได้อยู่กับเด็กสาวคนนี้ เจิ้งซวี่เหยาก็ตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล อยากจะพาเด็กสาวออกไปเที่ยวปักกิ่งเสียเดี๋ยวนี้เลย
แม่เจิ้งมองดูท่าทีของลูกชายตัวเอง ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที นี่มันชัดเจนว่ายังตัดใจไม่ได้ทั้งหมด ไม่รู้ว่าการที่เธอช่วยลูกชายสานฝันในครั้งนี้ จะเป็การช่วยลูกชาย หรือกลับเป็การทำร้ายลูกชาย ตัดหนทางสุดท้ายของเขา
"ไม่ต้องหรอกค่ะ พี่ใหญ่ พวกเราอยากจะแยกกันไปเที่ยว เดินเล่นกันตามสบาย จะได้ถือโอกาสพักผ่อนจริงๆ ต่างคนต่างเที่ยว อยากไปไหนก็ไป"
ตอนนี้หมี่หลันเยว่ไม่อยากออกไปเที่ยวกับเจิ้งซวี่เหยา กลัวว่าเจิ้งซวี่เหยาจะจับความคิดในใจของเธอได้ เธอจึงพูดจาเหลวไหลไปเรื่อย
ความคิดที่จะเปิดสาขา ก็เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น จะสำเร็จหรือไม่ก็ยังไม่รู้ เธอไม่อยากจะป่าวประกาศเื่นี้ออกไปก่อนที่จะเป็รูปเป็ร่าง อีกอย่าง เธอก็ถือว่าได้ตั้งตัวในปักกิ่งแล้ว เปิดร้านค้าและโรงงาน ต่อไป เธอก็ไม่อยากจะรบกวนคนในสกุลเจิ้งอีกแล้ว
ตอนที่ยังไม่ได้เป็ญาติกัน เธอยังคิดอยู่ว่าต่อไปจะทำอะไรให้สกุลเจิ้งบ้าง จะได้ใช้ความดีความชอบตอบแทนความช่วยเหลือของคนในสกุลเจิ้ง ตอนนี้พอได้เป็ญาติกัน ความช่วยเหลือของคนในสกุลเจิ้งก็จะยิ่งไร้เงื่อนไข และไม่หวังผลตอบแทน แล้วเธอจะเอาอะไรไปตอบแทนหนี้บุญคุณนี้ เธอไม่อยากให้ความรู้สึกดีๆ นี้ กลายเป็ภาระที่กดทับอยู่ในใจ เส้นทางที่เหลือ ก็ให้เธอเดินเองเถอะ เส้นทางที่เธอสร้างขึ้นมาเอง ใจถึงจะสงบ
ในเมื่ออยากจะพักผ่อนอย่างเต็มที่ การที่ทุกคนแยกกันไปเที่ยวก็ไม่ใช่เื่ผิด เจิ้งซวี่เหยาจึงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ในใจ เขาก็ยังมีแผนการเล็กๆ ของตัวเองอยู่
"ก็ได้ งั้นฉันจะบอกความ้าของฉันให้เธอฟัง"
หลังจากนั้น ทั้งสามคนแม่ลูกก็นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับความ้าของสำนักงาน อย่างเช่น ควรจะอยู่ในย่านไหนดี ย่านธุรกิจ ย่านการเงิน ย่านที่อยู่อาศัย หรือย่านอุตสาหกรรม? แล้วก็ปรึกษาว่าจะเอาแบบที่เป็ร้านค้า มีหน้าร้านแยกต่างหาก หรือแบบที่อยู่ในอาคารสำนักงานโดยเฉพาะดี? แถมยังมีการเสนอรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย
"แม่ครับ หลันเยว่ ถ้าวันนี้ไม่ได้นั่งลงปรึกษากับพวกแม่ ผมคงไม่รู้เลยว่าการหาสำนักงานมันเป็เื่ยากขนาดนี้ นึกว่าจะแค่หาห้องที่เหมาะสม ดูดีก็พอ ตอนนี้พอแม่กับน้องสาวมาวิเคราะห์ให้ฟัง ถึงได้รู้ว่าต้องหาทำเลที่เพียบพร้อมจริงๆ ถึงจะเอื้อต่อการทำงานของผมได้"
เจิ้งซวี่เหยาไม่ได้คิดจริงๆ ว่าเื่ราวจะซับซ้อนขึ้นในการหารือ ถ้าเขาได้พิจารณาถึงเื่เหล่านี้ั้แ่แรก ก็คงจะไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานานขนาดนี้ถึงค่อยคิดจะไปหาสำนักงาน เขาคิดจริงๆ ว่าแค่หาห้องเล็กๆ สักห้อง เขาก็เริ่มงานได้แล้ว แต่พอถูกหมี่หลันเยว่และแม่ถามถึงรายละเอียดมากมาย เขาก็ถึงรู้ว่าตัวเองคิดไม่รอบคอบพอ
"แน่นอนสิคะ พี่ใหญ่ พี่กำลังจะทำธุรกิจด้านการเงินนะคะ การเงินเป็ธุรกิจที่หรูหราที่สุดในทุกวงการ สถานที่ทำงานก็ต้องแสดงให้เห็นถึงความหรูหราของพี่ด้วย ไม่งั้น ถ้าพี่เช่าบ้านเก่าๆ ในซอยเปลี่ยวๆ คนก็จะมองว่าเป็บริษัทกระเป๋าหิ้ว แล้วใครจะกล้าทำธุรกิจกับพี่คะ"
"ต้องรู้ว่าคนที่พี่จะต้องติดต่อด้วยในอนาคต ล้วนแต่เป็บุคคลระดับสูงของปักกิ่ง การหาทำเลที่ดี สภาพแวดล้อมสำนักงานที่ดี ก็เป็การให้เกียรติลูกค้า ในขณะเดียวกันก็ยกระดับฐานะและตำแหน่งของสำนักงานของพี่ด้วย เื่นี้ประมาทไม่ได้จริงๆ ค่ะ"
หมี่หลันเยว่พูดอย่างจริงจัง ในชาติที่แล้ว เธอเคยเห็นสถาบันการเงินมามากมาย ประตูใหญ่จะต้องเป็ทองเหลืองทั้งบาน ทางเดินแทบจะปูด้วยหยก หน้าต่างแทบจะประดับด้วยคริสตัล สรุปคือหรูหรายังไงก็ได้ ไม่พ้นก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงฐานะและสถานะของตัวเอง เพื่อที่จะได้ร่วมงานกับลูกค้าระดับสูง
"เธอนี่พูดเป็ฉากๆ เหมือนกับว่าเคยทำงานแบบนี้มาแล้วอย่างนั้นแหละ"
เจิ้งซวี่เหยาเคาะศีรษะเล็กๆ ของหมี่หลันเยว่ เอานิ้วแตะออกไป ไม่กล้าที่จะออกแรง เพียงแค่แตะเบาๆ ก็ทำให้แม่เจิ้งถอนหายใจในใจอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ลูกชายของเธอถึงจะตัดใจได้จริงๆ
"ไม่เคยกินหมู แต่ก็เคยเห็นหมูวิ่ง พี่ใหญ่กลับมาจากต่างประเทศนี่คะ ฉันเคยเห็นนิตยสารเล่มหนึ่ง ในนั้นมีขนาดของสำนักงานในต่างประเทศ มันดูดีมีระดับมาก ตอนนั้นฉันก็คิดว่า ถ้าฉันมีเงิน ฉันก็จะร่วมงานกับสำนักงานแบบนี้"
"ดูสิคะ ขนาดคนไม่มีเงินอย่างฉันยังมีความคิดแบบนี้ แล้วพวกคนมีเงินจะไม่แย่งกันร่วมงานเหรอคะ ถ้ามีตัวเลือก ฉันคิดว่าลูกค้าที่มีเงินจะต้องเลือกร่วมงานกับผู้ประกอบการที่มีความสามารถ และสิ่งที่สร้างความประทับใจแรกให้พวกเขาได้ ก็คือบรรยากาศของสำนักงานพี่ ดังนั้นเื่นี้ประมาทไม่ได้จริงๆ ค่ะ"
คำพูดของหมี่หลันเยว่เข้าไปอยู่ในหัวของเจิ้งซวี่เหยาจริงๆ เขาคิดทบทวนอยู่ในใจหลายรอบ ก็เป็อย่างที่หมี่หลันเยว่พูดจริงๆ ตอนที่เขาอยู่ในต่างประเทศ เขาเคยเป็ผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัทการเงินหลายแห่ง
แต่เพราะตอนนั้นเขาเป็แค่ลูกจ้าง สายตาและพลังงานจึงมุ่งเน้นไปที่การติดต่อลูกค้าจริงๆ ไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดภายนอกเหล่านี้ พอได้ยินหมี่หลันเยว่พูดถึงเื่นี้ เขาก็เพิ่งสังเกตว่ามันเป็เื่จริง ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงที่เลื่องลือในวงการ ภาพลักษณ์ภายนอกของบริษัทก็เป็ปัจจัยสำคัญในการดึงดูดลูกค้า
ก่อนที่เขาจะกลับประเทศ บริษัทการเงินแห่งสุดท้ายที่เขาทำงานด้วย เป็บริษัทที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน แต่ผลประกอบการกลับน่าประทับใจมาก พอคิดถึงตอนนี้ อาคารสำนักงานที่โอ่อ่าคงจะมีส่วนช่วยไม่น้อย
"ก็ได้ ทำตามที่พวกแม่ว่ามา ไปหาอาคารสำนักงานหรูๆ แถวถนนการเงิน"
เื่ก็เป็อันตกลงกัน หลังจากนั้น หมี่หลันหยางและเฉียนหย่งจิ้นกับคนอื่นๆ นอกจากจะช่วยโรงงานนำเข้าวัสดุแล้ว เวลาที่เหลือทั้งหมดก็เอาไปเดินเที่ยวปักกิ่ง แต่หมี่หลันเยว่ก็ยังคงกำหนดขอบเขตให้ทุกคน
ถึงปักกิ่งจะกว้างใหญ่แค่ไหน แต่ย่านการค้าหลักก็มีอยู่แถวศูนย์กลางธุรกิจนั่นแหละ การไปไกลกว่านั้นไม่มีความจำเป็จริงๆ การพัฒนาของเธอในอนาคตก็จะต้องอยู่ในพื้นที่ศูนย์กลางนี้เช่นกัน ก็คือพื้นที่ระหว่างถนนฉางอัน ถนนเจี้ยนกั๋วเหมิน ถนนตงต้าเฉียว และถนนเฉาหยางเป่ย พื้นที่นี้ก็ไม่เล็กแล้ว ไม่จำเป็ต้องไปไกลกว่านี้อีกแล้ว
ผลลัพธ์ของการรวมตัว คือทุกคนสนุกกันอย่างเต็มที่ จนเกือบลืมตัว พวกหนุ่มๆ ทั้งหลายได้ปลดปล่อยตัวเองอย่างเต็มที่ ก็เลยวิ่งกันอย่างสุดเหวี่ยง ตรงกันข้ามกับเจิ้งซวี่เหยาที่ตามติดหมี่หลันเยว่อย่างใกล้ชิด สุดท้ายทั้งสองคนก็กลายเป็คู่หูกัน เดินเที่ยวชมความเจริญของปักกิ่ง
"หลันเยว่ เธอเคยคิดไหมว่า ในอนาคตจะลงหลักปักฐานอยู่ที่ปักกิ่ง ปักกิ่งเป็เมืองหลวงของประเทศ อนาคตมีแต่จะรุ่งโรจน์และสดใสมากขึ้น"
ในใจของเจิ้งซวี่เหยารู้สึกกระวนกระวายใจ อยากจะรู้คำตอบจากคนข้างกาย
"เื่นี้ตอนนี้ฉันยังบอกไม่ได้ ต้องรอให้เรียนจบมหาวิทยาลัยก่อนค่ะ ถึงตอนนั้น ฉันจะดูว่าธุรกิจของตัวเองพัฒนาไปถึงไหน แล้วค่อยตัดสินใจอีกที"
คำตอบของหมี่หลันเยว่ ทำให้ใจของเจิ้งซวี่เหยาจมดิ่งลงเหว
