อวิ๋นซียิ้มปลอบแม่นางน้อย “วางใจเถิด มีหม่อมฉันอยู่ ท่านจะต้องเติบใหญ่ได้อย่างแข็งแรงแน่นอนเพคะ”
ตอนที่จวินเหยียนเดินเข้ามาก็ได้ยินประโยคนี้ของอวิ๋นซีเข้าพอดี เขาจึงรีบก้าวมาด้านหน้าอย่างรวดเร็วและถามไถ่อย่างเร่งร้อน “เสี่ยวซีซี เ้ารู้แล้วหรือว่าหวานหว่านโดนพิษอะไร? ” สองปีมานี้เขากังวลใจเพราะเื่นี้อยู่ไม่น้อย หากได้รู้ว่าหวานหว่านโดนพิษอะไร เช่นนั้นการหายาถอนพิษก็จะง่ายดายขึ้นมาก
อวิ๋นซีลูบศีรษะของหวานหว่านเบาๆ จากนั้นจึงกล่าวตอบ “ใช่แล้วเพคะ หม่อมฉันรู้แล้วว่าร่างกายของจวิ้นจู่น้อยโดนพิษอะไร ทั้งยังบอกได้ด้วยว่า พิษชนิดนี้สามารถขจัดได้”
เด็กน้อยที่น่ารักเพียงนี้ วันหน้าจะต้องเติบใหญ่ได้อย่างแข็งแรงเป็แน่
เมื่อจวินเหยียนได้ยินคำพูดนี้ เขาก็รีบลากอวิ๋นซีออกไปด้านนอก ส่วนหวานหว่านที่อยากตามออกมาก็ได้แต่ถูกสาวใช้สองนางพาตัวกลับไป
อวิ๋นซีที่อยากจะสลัดมือตนออกจากการพันธนาการของชายหนุ่ม สุดท้ายเมื่อพบว่าเรี่ยวแรงของเขามีมากมายมหาศาล นางจึงทำได้เพียงต้องยอมให้อีกฝ่ายลากตนมาจนถึงห้องหนังสือ
“ท่านนี่ น่าตายนัก มีอะไรก็ตรัสมาเถอะเพคะ มือไม้รุ่มร่ามต่อสตรีเช่นนี้ น่ารังเกียจจริงๆ ” อวิ๋นซีสาดสายตาเ็ามองจวินเหยียน ไม่รู้ด้วยเหตุใดนับแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกันจนถึงตอนนี้ นางกลับไม่เคยรู้สึกเกรงกลัวบุรุษตรงหน้าผู้นี้เลย
“พิษในร่างหวานหว่าน เ้าว่าขจัดออกไปได้จริงหรือ? ” นี่คือเื่ที่เขาเป็กังวล
อวิ๋นซีพยักหน้า “พิษนั่นมีนามว่า ‘สาวงามเมามาย’ หากพิษนี้ยังคงอยู่ในกายนางจนกระทั่งอายุได้สี่ขวบละก็ นางจะหลับใหลและค่อยๆ จมดิ่งเข้าสู่นิทราอย่างไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีก”
“สมควรตายนัก เหตุใดข้าจึงคิดไม่ออกว่ามันคือพิษสาวงามเมามาย” เมื่อได้ยินคำพูดของอวิ๋นซี จวินเหยียนก็มีโทสะจนทำให้โต๊ะเบื้องหน้าเกิดรูขนาดใหญ่เพียงแค่ใช้หมัดเดียว และเป็มือของเขาที่ถูกเศษไม้ครูดจนได้รับาเ็ โลหิตสดๆ หลั่งไหลออกมาอย่างรวดเร็ว
อวิ๋นซีเห็นแล้วก็ถึงกับมุมปากกระตุกไปสองสามที นางอดถามไม่ได้ “ท่านคิดจะทำให้ตนเองพิการหรืออย่างไร? ”
ไม่ว่าตัวเขาจะเป็คนมุทะลุหรือว่าโกรธเกรี้ยวกับเื่ที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ไม่ควรใช้ตัวเองเป็ที่ระบายอารมณ์ ทว่า เมื่อนางนึกถึงาแที่ไหล่เขาก็อดไม่ได้ให้ต้องเบ้ปาก “ฟื้นฟูได้ไม่เลวเลย หากเป็ผู้อื่นที่โดนกระบี่ทำร้ายจนาเ็เพียงนั้นก็คงยังไม่สามารถปล่อยหมัดัทะยานพยัคฆ์โผนจนทำลายโต๊ะได้เช่นนี้”
เมื่อนางพูดจบ แทบจะในทันทีที่สีหน้าของจวินเหยียนพลันเปลี่ยนไป หรือว่าในตอนที่ตนจำนางได้ นางเองก็จำตนได้เช่นกัน? หากเป็เช่นนั้นจริง...
ชายหนุ่มจดจ้องนางด้วยแววตาแฝงจิตสังหารเข้มข้น ทว่าอวิ๋นซีกลับไม่เกรงกลัว นางก้าวมาด้านหน้าเพื่อจับมือเขาไว้ จากนั้นสูดหายใจเข้าลึกๆ ไปทีหนึ่งแล้วนำผ้าเช็ดหน้าสะอาดๆ ออกมาซับเืบนาแ ก่อนจะโรยยาผง และพันแผลให้เรียบร้อย
“หม่อมฉันขอกล่าวเพียงว่าพระองค์อย่าได้คิดจะสังหารหม่อมฉันเลยเพคะ อวิ๋นซีผู้นี้ดวงแข็งยิ่ง แม้แต่ยมบาลก็เอาไปไม่ได้ ดังนั้นมนุษย์เยี่ยงพระองค์ยิ่งไม่มีทาง” พูดจบ นางก็มองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย ส่วนผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนเืนั้นก็ถูกนางเหวี่ยงทิ้งไปอีกทาง
เมื่อครู่นี้ทั้งที่นางรู้ดีอยู่แก่ใจว่าตนมีจิตคิดจะสังหาร แต่นางกลับไม่เกรงกลัว ทั้งยังกล้าเข้ามารักษาาแให้ เพียงแค่นี้เขาก็รู้แล้วว่า ไม่มีทางเลยที่เขาจะสังหารสตรีผู้นี้ได้
“ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดเ้าจึงต้องทำเช่นนั้นกับลู่เหวินเจิ้น” จู่ๆ เขาก็นึกถึงประโยคที่นางพึมพำในร้านขายงานฝีมือเมื่อวานนี้ขึ้นมาได้ ทั้งยังนึกไปถึงคำกล่าวที่นางให้เฉิงเถียนไปย้ำเตือนกับลู่เหวินเจิ้น การกระทำเหล่านี้แค่ปราดเดียวก็พอเดาได้แล้วว่า สตรีผู้นี้มีความแค้นอย่างล้ำลึกต่อลู่เหวินเจิ้น
ล้ำลึกจนนางไม่แม้แต่จะเสียใจหากชื่อเสียงของลู่เหวินเจิ้นจะต้องมัวหมองป่นปี้
สำหรับบุรุษที่ปรารถนาเพียงบุตรชาย ขอแค่สตรีนางนั้นสามารถให้กำเนิดบุตรชายแก่เขาได้ เขาก็ไม่สนใจสิ่งอื่นใด ไม่ว่าจะชาติกำเนิด หรือความเป็มาของคนผู้นั้น อีกทั้ง ด้วยเื่นี้อวิ๋นซียังได้ย้ำแล้วย้ำอีกว่าลู่อวี้ฉิงมีดวงให้กำเนิดบุตรชาย ทั้งยังให้เฉิงเถียนช่วยย้ำเตือนใต้เท้าลู่ของตนอีกแรง ดังนั้น ไม่นานเกินรอลู่เหวินเจิ้นจะต้องเห็นเื่นี้เป็จริงเป็จังอย่างแน่นอน
คนคนหนึ่งหากหลงเข้าสู่ความดื้อดึงและการย้ำคิดย้ำทำแล้วละก็ ไม่นานก็จะชักนำให้เกิดเื่บ้าบอบางอย่างขึ้น เช่นว่า ลู่เหวินเจิ้นคิดชั่วต่อบุตรสาวของตนเอง
อวิ๋นซีมองอีกฝ่าย ก่อนที่จู่ๆ จะหัวเราะอออกมา “หากจะให้พูดถึงสาเหตุ ก็แค่ลงมือก่อนได้เปรียบกว่าเท่านั้นเองเพคะ หม่อมฉันกับลู่อวี้ฉิงผูกพยาบาทกันไปแล้ว ซึ่งคนตระกูลลู่ก็หาใช่จะรับมือได้ง่ายๆ หม่อมฉันเชื่อว่าลู่อวี้ฉิงไม่มีทางปล่อยหม่อมฉันไปแน่ นี่เป็เื่ที่ใครๆ ก็ทราบดีเพียงแต่ไม่ได้มีการป่าวประกาศออกมา ดังนั้น ในเมื่อเป็เช่นนี้ หม่อมฉันก็ทำได้แค่ต้องจัดการกับปัญหาที่จะตามมานี้ให้หมดสิ้นไปก็เท่านั้น เพราะหากลู่เหวินเจิ้นมีใจคิดจะย่ำยีลู่อวี้ฉิงจริงๆ เช่นนั้นคนทั้งคู่ก็ย่อมไม่มีเวลามาสร้างความลำบากให้หม่อมฉันแน่”
“แม่นาง พวกเขาเป็พ่อลูกกันนะ เ้ายังคิดจะวางกับดักเช่นนี้อีกหรือ? ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเื่นี้ถือเป็โทษมหันต์ที่ฟ้าดินไม่อาจให้อภัย” บิดาและบุตรสาวหรือ? แค่คิดก็รู้สึกคลื่นไส้แล้ว
อวิ๋นซีหัวเราะฮ่าฮ่า “ฟ้าดินไม่อาจให้อภัย? หานอ๋องเพคะ บนโลกใบนี้มีคนมากน้อยสักเพียงใดกันที่ยังสะอาดบริสุทธิ์อย่างแท้จริง และหากว่าไม่อาจให้อภัยได้ เช่นนั้นจะให้ดีก็ให้โลกใบนี้ล่มสลายไปเลยเถอะ เพราะเมื่อโลกใบนี้สลายไปแล้ว ทุกสิ่งอย่างก็จะกลับมาบริสุทธิ์อีกครั้ง แบบนั้นถึงเรียกว่าดีเพคะ”
เมื่อย้อนนึกถึงเื่ราวในตอนนั้นอีกครั้ง จวนเฉียวกั๋วกงของนางจงรักภักดีต่อเชื้อพระวงศ์เสมอมา แต่สุดท้ายแล้วพวกนางได้อะไรตอบแทนกลับมา? นั่นคือการยัดเยียดความผิดที่คนตระกูลเฉียวไม่มีทางก่อ คนตระกูลเฉียวร่วมมือกับศัตรูเพื่อทรยศประเทศชาติของตนหรือ? หึหึ ช่างเป็แผนการที่ดีเสียจริง ขอแค่เป็ฮ่องเต้ เมื่อเจอเข้ากับเื่เช่นนี้ก็คงยินดีสังหารพันชีวิต และจะไม่มีทางปล่อยไปแม้แต่ชีวิตเดียว
ด้วยเหตุนี้ เฉียวอวิ๋นซีถึงได้ไม่สนใจเื่ฟ้าดินไม่อาจให้อภัยอะไรนี่ไปนานแล้ว ทั้งยังไม่สนใจในชื่อเสียงใดๆ อีกด้วยทั้งนั้น
อวิ๋นซีมองดูชายตรงหน้าแล้วจึงพูดจาชัดถ้อยชัดคำ “โอวหยางจวินเหยียน สิ่งที่ข้า้านั้นเรียบง่ายมาก ก็แค่การได้มีชีวิตต่อไป ทว่า หากมีคนไม่อยากให้ข้าอยู่เป็สุข เช่นนั้นตัวข้าก็จะไม่มีทางให้คนผู้นั้น รวมถึงคนในตระกูลนั้นได้อยู่เป็สุขเฉกเช่นเดียวกัน”
“คนผู้นั้นที่เ้าว่าคือลู่เหวินเจิ้น นายอำเภอแห่งหานโจว” ชายหนุ่มหัวเราะเ็าพลางมองดูสตรีผู้นี้ คิดไม่ถึงเลยว่า นางจะมีจิตคิดอยากสังหารลู่เหวินเจิ้น สิ่งนี้ถือว่าเหนือความคาดหมายของเขาไปมากจริงๆ แต่ว่าเขาเองก็ชื่นชอบความเหี้ยมโหดในตัวนางนี้เป็อย่างยิ่งเช่นกัน
อวิ๋นซีหัวเราะ “เป็นายอำเภอแล้วอย่างไร ต่อให้ตอนนี้ข้าจะยังจัดการเขาไม่ได้ แต่ตัวข้าก็ยังอ่อนเยาว์นัก ทั้งยังมีเวลามากพอที่จะยอมเสียให้กับเขา ต่อให้ข้าจะทำให้เขาตายในทันทีไม่ได้ แต่ข้าก็สามารถทำลายสิ่งที่เขารักไปทีละนิด ทีละนิดได้”
เช่นว่าหากลู่เหวินเจิ้นผู้นั้นปรารถนาอยากจะได้บุตรชายสักคน ได้! นางก็จะให้โอกาสนั้นแก่อีกฝ่ายเสียั้แ่ในตอนนี้ เพราะร่างกายของลู่อวี้ฉิงนั้นเหมาะแก่การตั้งครรภ์เป็อย่างมาก ซึ่งเื่นี้หาใช่เื่ที่นางพูดไปมั่วๆ ดังนั้นขอเพียงลู่เหวินเจิ้นร่วมหอเข้าห้องกับอีกฝ่าย ลู่อวี้ฉิงจะต้องตั้งครรภ์ได้อย่างง่ายดายอย่างแน่นอน
แต่ว่าบุตรที่เกิดมาจากความสัมพันธ์พ่อลูก ร้อยทั้งร้อยคงจะไม่ปกติ
เมื่อถึงตอนนั้นลู่เหวินเจิ้นคงได้เห็นบุตรชายสักคนที่อาจขาดขา ขาดแขน หรือไม่ก็มีสติไม่สมประกอบ ด้วยเื่นี้นางอยากจะรู้จริงๆ ว่าชายผู้นั้นจะทนไม่คลุ้มคลั่งได้หรือ
“เ้า… ดีมาก ข้าชอบใจในตัวเ้ามาก” จวินเหยียนมองเพียงนาง แล้วจู่ๆ ก็พูดประโยคนั้นออกมา ในชั่วขณะนั้นในใจเขาเกิดความคิดเช่นนี้จริงๆ จึงได้พูดออกมาโดยไม่อาจยับยั้งชั่งใจ
อวิ๋นซีได้ยินดังนั้นก็อดหัวเราะหึหึออกมาไม่ได้ “หานอ๋องทรงล้อหม่อมฉันเล่นแล้วเพคะ หม่อมฉันเป็แค่หมอหญิงธรรมดาในโรงหมอเล็กๆ ส่วนพระองค์คือหานอ๋องที่เปล่งประกายเหนือฟากฟ้า มารดาของพระองค์เป็ถึงฮองเฮา มารดาของแผ่นดิน ส่วนบิดาของพระองค์คือองค์ฮ่องเต้ ดังนั้น พระองค์จะมาชอบพอสตรียากจนเยี่ยงหม่อมฉันได้หรือ? ”
ถึงแม้จะมองเห็นความจริงจังในดวงตาเขา ทว่านางก็ยังไม่กล้าที่จะเชื่อ เนื่องด้วยต้องรู้ก่อนว่า บุรุษผู้นี้มิใช่คนธรรมดา ความคิดและจิตใจของเขาลึกลับซับซ้อนจนเกินไป เพราะมาถึงตอนนี้ นางก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่เขา้าคืออะไรกันแน่
ชายหนุ่มถอนหายใจ “ตัวข้านั้นไม่เคยสนใจสิ่งเหล่านี้ ขอแค่สิ่งนั้นเป็สิ่งที่ข้า้าเป็พอ”
นี่เป็เื่จริงที่เขาสนใจในตัวสตรีผู้นี้เป็อย่างมาก ถึงแม้นางจะบอกว่า ตนหวังเพียงอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปในหานโจว ในดินแดนทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือนี้ ทว่าคนที่คิดจะมีชีวิตอยู่ต่อไปย่อมต้องมีความทะเยอทะยาน ซึ่งนั่นเป็สิ่งที่เขามองเห็นในตัวนาง ทั้งความทะเยอทะยาน และความเฉลียวฉลาด การมองการณ์ไกล...
คิดไม่ถึงเลยว่า โรงหมออวิ๋นซานนี้จะมีไข่มุกงามผุดขึ้นมาจากกองฝุ่นอยู่หนึ่งเม็ด