“ให้เ้าไปหยิบเ้าก็ไปหยิบ จะพูดจามากความให้ได้อันใด? ”
เว่ยเหม่ยเจียใ เฉินไท่เฟยไม่เคยพูดกับนางด้วยน้ำเสียงที่ดุดันเช่นนี้มาก่อน
นางพูดพร้อมน้ำตา “แต่ว่าเสด็จป้า ท่านเคยเอ่ยว่า... ”
“แล้วอย่างไร? ข้าแก่แล้ว ป่วยแล้ว ก็เริ่มเรียกใช้เ้าไม่ได้แล้วใช่หรือไม่? หรือว่าจะให้ข้าไปหยิบเอง? ”
“ไม่... ไม่ใช่นะเพคะ เสด็จป้า หม่อมฉันจะไปเดี๋ยวนี้! ”
เว่ยเหม่ยเจียพูดทั้งน้ำตา เหลือบมองซูจิ่นซีอย่างขุ่นเคือง แล้วไปหาปิ่นหงส์ที่เฉินไท่เฟยเอ่ยถึง
งานฝีมือของปิ่นหงส์นั้นประณีตมาก สามารถที่จะพูดได้ว่าเป็งานฝีมือที่ประณีตบรรจง
หากเป็สมัยปัจจุบัน มันก็เป็เพียงของเก่าโบราณ ทว่าสำหรับซูจิ่นซีผู้ซึ่งคุ้นเคยกับรูปแบบที่หรูหราทันสมัย เรียบง่าย แม้ไม่อาจสวมใส่ได้ เพียงแต่เก็บไว้ก็ไม่เลวเช่นกัน
หลังจากซูจิ่นซีและเฉินไท่เฟยล่ำลากันอย่างหวานซึ้งอยู่ครู่หนึ่ง เว่ยเหม่ยเจียที่กำลังเ็ปก็ได้แต่มองซูจิ่นซีกลับจวนโยวอ๋องด้วยมือที่ถือปิ่นหงส์พร้อมกับอารมณ์ที่มีความสุขเป็อย่างมาก
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ทุกวันซูจิ่นซีจะไปหนานย่วนเพื่อฝังเข็มให้เฉินไท่เฟยอย่างตรงเวลา
ด้วยความเย้ายวนของวิธีการเสริมความงามที่หลากหลาย ระหว่างนี้ซูจิ่นซีและเฉินไท่เฟยเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว อย่างน้อยก็ไม่ได้เพิ่มปัญหายุ่งยากให้กับนาง
เว่ยเหม่ยเจียเมื่อเห็นก็รู้สึกไม่มีความสุข บางครั้งนางก็อยากจะฆ่าซูจิ่นซีด้วยคำพูดไม่กี่คำ ทว่าต่อหน้าของซูจิ่นซี นางราวกับถูกลิขิตไว้ว่าคำพูดของนางจะถูกกำหนดให้ไม่เกิดผลประโยชน์อันใด และทุกครั้งล้วนถูกซูจิ่นซีเอาคืนเสมอ
วันที่เจ็ด ซูจิ่นซีฝังเข็มให้เฉินไท่เฟย นางอารมณ์ดีเป็อย่างยิ่งดั่งเช่นทุกวัน
“เสด็จแม่ วันนี้เป็วันสุดท้าย พิษที่หลงเหลือในร่างกายของท่านถูกขจัดหมดแล้ว เนื่องจากท่านนั่งเป็เวลานานทางเดินของเืลมในร่างกายของท่านจึงมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าคนทั่วไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต่อไปนี้ จำเป็ต้องอาศัยให้ท่านออกกำลังกายตามวิธีที่หม่อมฉันได้สอนท่านไว้ก่อนหน้านี้นะเพคะ ไม่เกินหนึ่งเดือน จิ่นซีรับรองว่าเสด็จแม่จะสามารถเดินได้อย่างผู้คนทั่วไปแน่นอนเพคะ”
เฉินไท่เฟยจับมือของซูจิ่นซี “จิ่นซีเอ๋ย! ลำบากฝีมือที่สูงส่งของเ้าแล้วจริงๆ แม่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชั่วชีวิตนี้ตนเองจะสามารถยืนขึ้นได้อีกครั้ง”
ซูจิ่นซียิ้มอวดฟันขาวเป็แถวราวกับอยู่ท่ามกลางแสงแดด
“อ้อ ใช่สิ จิ่นซี! ยารักษาจุดด่างดำบนใบหน้าที่เ้าให้แม่มานั้นใช้ดีมาก ยังมียาเสริมหน้าอกอีก เ้าสามารถออกใบสั่งยาให้กับแม่โดยตรงได้นะ! แม่จะหาหมอหลวงจัดมาให้สักสองสามชุด ทุกครั้งที่ทำให้เ้าลำบาก แม่เห็นแล้วปวดใจยิ่งนัก! ”
“ไม่เป็ไรเพคะเสด็จแม่ เป็หน้าที่ของจิ่นซีที่เป็ลูกสะใภ้ในการแบ่งเบาความกังวลของเสด็จแม่ และอีกอย่างเื่ของสตรีอย่างเราเช่นนี้มีแค่พวกเราเท่านั้นที่เข้าใจ! ถึงแม้ว่าจะให้พวกหมอหลวงมารับใบสั่งยานี้และจัดเตรียมยาได้ตลอดเวลา ทว่าจะปรุงยาอย่างไร พวกเขาก็คงไม่เข้าใจ เช่นนั้นก็ให้จิ่นซีเป็คนจัดการให้กับเสด็จแม่ด้วยตนเองเถิดเพคะ! ”
เมื่องานสำเร็จแล้วเฉินไท่เฟยก็คิดจะสังหารบุคคลที่เป็กำลังสำคัญ ซูจิ่นซีเข้าใจดี
สิ่งของอย่างอื่นสามารถมีได้ ทว่าสูตรลับของอาชีพเก่าต้องจับให้แน่นอยู่ในมือ ซูจิ่นซีตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะไม่ให้รั่วไหลออกไปภายนอก โดยเฉพาะสิ่งที่สามารถควบคุมเฉินไท่เฟยได้อยู่หมัด
ถูกซูจิ่นซีพูดเช่นนั้น เฉินไท่เฟยก็ไม่รู้จะหาเหตุผลอันใดแล้ว เลยพักที่จะคิดหาทางเอาสูตรยามาจากซูจิ่นซีไว้ชั่วคราวก่อน
ยังมีโอกาสวันข้างหน้าอีกยาวไกล
ใน่ไม่กี่วันที่ผ่านมาซูจิ่นซีไปที่หนานย่วนตลอด เมื่อเห็นความใกล้ชิดของเฉินไท่เฟยกับซูจิ่นซี เว่ยเหม่ยเจียก็ริษยาไปเสียหลายรอบ ใบหน้าของนางขมวดคิ้วมุ่นตลอดเวลา ไม่เคยได้ผ่อนคลายอย่างสบายใจเลย
หลังจากที่ซูจิ่นซีจากไป เฉินไท่เฟยก็จับมือเว่ยเหม่ยเจียอย่างนุ่มนวลทันที “ป้ารู้เ้าคิดสิ่งใด ไม่กี่วันมานี้ให้เ้ากล้ำกลืนฝืนทน เพียงแต่เหม่ยเจีย! สิ่งใดที่เป็ของเ้า ก็ยังเป็ของเ้าอยู่วันยังค่ำ ผู้อื่นอยากจะแย่งไปก็แย่งไปไม่ได้”
เว่ยเหม่ยเจียไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป น้ำตาไหลลงมาราวกับน้ำพุ “แต่ว่าเสด็จป้า ท่านถึงขนาดมอบปิ่นหงส์นั้นให้กับพี่สะใภ้ไปแล้ว นั่นเป็สิ่งที่เต๋อฉือไทเฮาประทานให้ท่านเชียวนะเพคะ”
เฉินไท่เฟยเช็ดน้ำตาเว่ยเหม่ยเจียอย่างทุกข์ใจ “เด็กโง่ ป้าเคยบอกเ้าไปกี่รอบแล้ว จะต้องใช้สายตามองให้ยาวหน่อย แค่ปิ่นหงส์นั่นนับเป็สิ่งใดได้? ในวังของล้ำค่าถมเถไป ป้าจะต้องให้ของที่ดีกว่านี้แก่เ้า แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา รอจนถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ป้าจะต้องส่งให้เ้าถึงมือด้วยมือของป้าเอง”
สิ่งที่ดีกว่าปิ่นหงส์?
คืออะไรหรือเพคะ?
เว่ยเหม่ยเจียคิดจนสติแตกก็คิดไม่ออก มองเฉินไท่เฟยอย่างสงสัย
ที่แท้เฉินไท่เฟยเป็หมาป่าผู้หิวโหยที่ให้อย่างไรก็ไม่พอ
เพียงแต่ว่าซูจิ่นซีไม่ได้คาดหวังว่าเฉินไท่เฟยจะปฏิบัติต่อนางอย่างจริงใจ ตราบใดที่สามารถรักษาความสงบต่อไปได้ก็เพียงพอแล้ว
ตอนนี้ซูจิ่นซีคิดเพียงแค่อยากกลับเรือนชิงโยวให้เร็วที่สุด กลับมาที่ที่ตนเองปลูกดอกไม้จำนวนมากไว้เต็มห้อง แล้วอาบน้ำร้อน นอนแช่อยู่ในนั้น ดื่มชาชั้นดีและสนุกไปกับมัน เพียงแต่ว่า ในฐานะเด็กสาวที่ข้ามภพมาเช่นเดียวกับในนิยายออนไลน์และละครออนไลน์หลายๆ เื่ นาง้าใช้เวลาว่างธรรมดาสองสามวันนี้ให้สบายใจ ทว่าพระเ้า! แม้แต่ช่องทางล้วนไม่เหลือไว้ให้
ไม่นะ! ปัญหามาอีกแล้ว
ซูจิ่นซีพึ่งจะมาถึงเรือนอวิ๋นไค แม่นมฮวาที่ต้มน้ำแกงไก่เสร็จแล้ว นางก็พึ่งจะดื่มไปได้ครึ่งเดียว พ่อบ้านก็มาบอกว่า มีคนจากสำนักราชวังมา อยากให้ซูจิ่นซีเข้าวัง ทั้งยังส่งรถม้ามาด้วย ตอนนี้รออยู่ที่หน้าประตูจวน
ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งที่แล้วที่เฉินไท่เฟยเรียกตัวซูจิ่นซี ในครั้งนี้ซูจิ่นซีไม่มีเวลาขอความช่วยเหลือจากเยี่ยโยวเหยาอีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพ่อบ้านก็ไม่รู้ ล้วนไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าเยี่ยโยวเหยาอยู่ที่ใดในเวลานี้
ครึ่งชั่วยามต่อมา ซูจิ่นซีสวมชุดทางการสำหรับเข้าวังที่สง่างามและสูงส่งภายใต้การดูแลอย่างพิถีพิถันของแม่นมฮวาและลวี่หลี นางเข้าไปในวังด้วยรถม้าที่ไทเฮาส่งมาให้
เดิมทีซูจิ่นซีคิดอยากจะให้แม่นมฮวาไปด้วย เพราะว่าแม่นมฮวาก่อนหน้านี้อยู่ในวังมาก่อน หากเจอเื่อันใดเข้าก็จะรีบแก้ไขได้ทันท่วงที ทว่าคนที่มาเอ่ยบอกว่าไทเฮาทรงรับสั่งกำชับมาว่ามีเพียงซูจิ่นซีเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในวัง และไม่อนุญาตให้พาผู้ใดมาด้วย ดังนั้นซูจิ่นซีจึงต้องลุยเดี่ยวเผชิญหน้าด้วยตนเองเสียแล้ว
ในวังวั่นโซ่ว สตรีที่เรียบร้อยและสง่างามนั่งอยู่บนตำแหน่งที่สูงส่ง นั่นก็คือไทเฮาองค์ปัจจุบัน
ตลอดทางซูจิ่นซีได้จำไว้ในหัวหมดแล้วว่าจะต้องทำอย่างไรเมื่อพบกับไทเฮา ต้องแสดงกิริยามารยาทท่าทางอย่างไรกับฮ่องเต้ ดังนั้นซูจิ่นซีก็จะปฏิบัติตามนั้น
ไทเฮายังคงเป็สตรีที่บำรุงรักษาสุขภาพอย่างดีเช่นเคย เทียบกับเฉินไท่เฟยแล้วก็สูสีพอกัน แต่พลาอนุภาพาุโและความสง่างามสุภาพเยือกเย็นนั้นมากกว่าเฉินไท่เฟยหลายเท่า
“ชื่อเสียงไม่เท่าไหร่ ทว่าเรียนรู้กฎระเบียบมาอย่างดีทีเดียว ลุกขึ้นเถิด! ”
ซูจิ่นซีลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง นางไม่รู้ว่าไทเฮาเรียกนางมาด้วยเหตุอันใด ดังนั้นนางจึงไม่กล้าพูดอันใดให้มากความ
ไทเฮามองซูจิ่นซีั้แ่หัวจรดเท้า ดูเหมือนจะประหลาดใจกับซูจิ่นซีและข่าวลือเื่ใบหน้าที่สวยงามของนาง เป็เวลานานที่ไม่ยอมเพิกถอนสายตาออกมา
ผ่านไปครู่หนึ่ง แม่นมที่อยู่ข้างๆ นางเตือนด้วยเสียงต่ำๆ ก่อนที่นางจะกลับมารู้สึกตัว
“ซูจิ่นซี เ้ามีความกล้ามากนะ เ้ารู้หรือไม่ว่าจะถูกลงโทษอย่างไร? ”
“เรียนไทเฮา ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าตนเองทำผิดอันใดจึงโดนลงโทษ ขอไทเฮาทรงโปรดชี้แนะให้กระจ่างแจ้งทีเพคะ”
ซูจิ่นซีรู้สึกสับสน
“เยี่ยมมาก! ซูจิ่นซี เ้าอาศัยที่โยวอ๋องรักและโปรดปรานเ้า จึงกล้าที่จะเอ่ยวาจายอกย้อนข้าแล้วใช่หรือไม่? ทหาร! ลากเ้านี้ออกไปโบย โบยจนกว่านางจะรู้ว่าตนเองผิดอันใด! ”
เมื่อไทเฮาออกคำสั่ง เหล่าแม่นมร่างท้วมรีบเข้ามาจากด้านนอก แล้วก็ลงมือกับซูจิ่นซี
มันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย พูดยังไม่ทันไรก็ให้ลากออกไปโบย นางเคยไปกวนประสาทผู้ใดไว้หรือไม่เล่า
“ไทเฮาเพคะ หม่อมฉันไม่ยอมรับ”
ซูจิ่นซีประท้วง
“กล้ามากนะซูจิ่นซี ต่อหน้าไทเฮาเ้ายังกล้าอวดดี ไม่เชื่อฟัง! ”
แม่นมคนหนึ่งด่าทออย่างรุนแรง ยกมือขึ้นแล้วเหวี่ยงไปยังทิศทางใบหน้าของซูจิ่นซี