ฮูหยินของท่านจอมยุทธ์ในตำนาน 【แปลจบแล้ว】

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ถนนทิศใต้ที่ใกล้กันกับถนนทิศเหนือ ซึ่งขึ้นชื่อเ๱ื่๵๹หญ้าเซียน

        คล้ายกับถนนทิศเหนือ เพียงแต่ถนนทิศใต้นั้นขายหญ้าเซียนโดยเฉพาะ หญ้าเซียนสุกงอมหลากชนิดที่ต่ำกว่าขั้นหกล้วนหาซื้อได้ที่นี่ ที่สำคัญ ที่นี่ยังมีร้านขายเมล็ดพันธุ์หญ้าเซียน

        เมล็ดพันธุ์หญ้าเซียนกับหญ้าเซียนนั้นเหมือนกัน มีแต่ต่ำกว่าขั้นหก ทว่าจำนวนของเมล็ดพันธุ์นั้นน้อยกว่าหญ้าเซียนอยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกขั้นสูงเพราะยิ่งขั้นสูง ก็ยิ่งเพาะปลูกยาก เวลาในการเพาะก็ยาวนานกว่ามาก

        เพราะเหตุนี้ นักหลอมโอสถส่วนน้อยที่จะซื้อไปปลูกเอง คนทั่วไปก็จะซื้อแค่เมล็ดพันธุ์ที่ต่ำกว่าขั้นสาม แต่ถึงกระนั้น คนซื้อก็ยังน้อยอยู่ดี

        เมล็ดพันธุ์ที่โหยวเสี่ยวโม่๻้๵๹๠า๱ซื้อเยอะพอสมควร ถ้าร้านที่ครบครันหน่อย เห็นจะเป็๲ร้านใหญ่เสียมากกว่า ทว่าเขาไม่ได้เข้าไปทันที

        เมื่อถามไถ่โดยรอบ ทราบโดยประมาณเกี่ยวกับราคาเมล็ดพันธุ์แล้ว โหยวเสี่ยวโม่ถึงเลือกไปร้านที่ใหญ่ที่สุด เรือนกล้วยไม้

        เรือนกล้วยไม้นั้นใหญ่กว่าร้านเครื่องไม้ หญ้าเซียนและเมล็ดพันธุ์ทั้งหลายถูกแบ่งสัดส่วน

        ทว่าคนที่ซื้อเมล็ดพันธุ์นั้นมีน้อย จึงใช้พื้นที่ไม่มาก ฉะนั้นส่วนของเมล็ดพันธุ์มีแค่ซุ้มเดียว คนเบาบางกำลังยืนเลือกอยู่

        โหยวเสี่ยวโม่เดินเข้าไป ทันใดก็มีลูกจ้างมาต้อนรับ พอแนะนำตัวเสร็จ ก็พาเขาไปแผงเมล็ดพันธุ์ขั้นหนึ่งถึงสาม

        “คุณชายท่านมาถูกที่แล้ว เรือนกล้วยไม้ของเรามีเมล็ดพันธุ์หลากหลายทุกขั้น ครบครันที่สุดในเมืองเหอผิง ไม่ทราบว่าท่าน๻้๪๫๷า๹ซื้อเท่าไหร่” ลูกจ้างถามอย่างสุภาพ

        โหยวเสี่ยวโม่มองแผงชั้นวางพลางเอ่ย “ข้าอยากได้เมล็ดพันธุ์ขั้นสองทั้งหมด ร้านเ๽้ามีเมล็ดพันธุ์ขั้นสองเท่าไหร่ คิดราคายังไง”

        ลูกจ้างตอบ “เมล็ดพันธุ์ขั้นสองร้านข้ามีทั้งหมดแปดสิบชนิด แบ่งใส่ถุงเล็กขนาดหนึ่งร้อย สองร้อย ห้าร้อย และหนึ่งพันเมล็ด สี่ขนาด ราคาห้าร้อยเมล็ดต่อหนึ่งตำลึงทอง”

        โหยวเสี่ยวโม่คำนวณอยู่ครู่หนึ่ง

        ถ้าเขาซื้อถุงขนาดห้าร้อย แปดสิบชนิดก็เท่ากับแปดสิบตำลึงทอง เขายังเหลือเงินสามร้อยสามสิบสี่ตำลึงทอง ยังเหลือพอซื้อขั้นสามได้บ้าง

        “แล้วขั้นสามล่ะ คิดอย่างไร” โหยวเสี่ยวโม่ถามต่อ

        ลูกจ้างไม่ได้ชักสีหน้าแต่อย่างใด น้ำเสียงราบเรียบพร้อมอธิบายต่อ “เมล็ดพันธุ์ขั้นสามมีหกสิบชนิด ทุกชนิดแบ่งขนาดเหมือนขั้นสอง ราคาห้าร้อยเมล็ดต่อสี่ตำลึงทอง”

        โหยวเสี่ยวโม่เปลือกตากระตุก นี่มันจะแพงเกินไปแล้ว แพงกว่าขั้นสองตั้งสามตำลึงทอง นี่แค่ขั้นเดียวเองนะ ทำไมถึงแพงแบบนี้ ถ้าเขาซื้อหมดคงต้องจ่ายทีเดียวถึงสองร้อยห้าสิบหกตำลึงทองเชียว

        ลูกจ้างเห็นท่าที๻๷ใ๯ของเขา ก็พอเดาออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ พร้อมเอ่ยอย่างประนีประนอม “คุณชาย ถ้าท่านซื้อทั้งขั้นสองและขั้นสาม ทางเราสามารถแถมฟรีเมล็ดพันธุ์ขั้นหนึ่งให้ท่านอีกชุดนึง”

        โหยวเสี่ยวโม่ตะลึงชั่วครู่ ย้อนคิดถึงยุคปัจจุบัน นี่มันกลยุทธ์การซื้อขายที่คุ้นเคยนี่นา แม้จะไม่ใช่ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง แม้เมล็ดพันธุ์ขั้นหนึ่งราคาจะไม่ถึงสิบตำลึงทอง

        ท้ายสุด โหยวเสี่ยวโม่ก็กัดฟันซื้อจนได้ ยอมจ่ายไปอีกสามร้อยสามสิบหกตำลึงทอง ทว่าเมล็ดพันธุ์ขั้นหนึ่งที่ทางร้านแถมให้ มีถุงละหนึ่งร้อยเมล็ด แม้จะไม่เยอะ แต่ก็ดีกว่าไม่มี เขาเองก็อยากจะปลูกหญ้าเซียนขั้นหนึ่งในห้วงเวลาด้วย

        แม้ว่าเขาจะลดความเสี่ยงของยาเซียนตันทิพย์ขั้นหนึ่งให้ลดลงได้ถึงร้อยละสิบ แต่อย่างไรเป็๲เพียงคุณภาพระดับล่าง เทียบกับระดับปานกลางและระดับสูงไม่ได้

        พอออกจากเรือนกล้วยไม้ โหยวเสี่ยวโม่แหงนมองฟ้า ไม่ทันไรตะวันก็ใกล้ลับขอบฟ้าแล้ว ไม่ทันรู้ตัวเลย

        เนื่องด้วยต้องรวมตัวกันในเช้าถัดไป คืนนี้เขาจึงต้องหาที่พักเอง ดีที่ในถุงเก็บของยังเหลืออยู่เจ็บสิบกว่าตำลึงทอง ยังไม่ถึงขั้นต้องนอนข้างถนน

        ขณะที่ซื้อเมล็ดพันธุ์ เขาก็พอถามคร่าวๆ เกี่ยวกับตำแหน่งของโรงเตี๊ยมไว้แล้ว

        ถนนทิศตะวันตกเน้นกิจการที่พักเป็๲หลัก คนส่วนใหญ่ที่มาจับจ่ายที่เมืองเหอผิง เช่น ศิษย์สำนักเทียนซิน ถ้าต้องค้างพักแรม ก็จะไปรวมตัวกันที่ถนนทิศตะวันออก ใครชอบโรงเตี๊ยมไหนก็เลือกกันตามใจชอบ

        ไม่รู้เพราะดวงไม่ดีหรือเปล่า ที่พักราคาระดับกลางที่โหยวเสี่ยวโม่ไปถามต่างก็เต็มหมดแล้ว ไม่มีห้องว่าง

        ตอนแรกเขาเองก็ยังแปลกใจ

        โดยทั่วไปที่พักปานกลางแบบนี้น่าจะมีห้องว่างเยอะถึงจะถูก ต่อมาได้ยินว่า วันนี้เป็๞วันแรกของเดือน สินค้าใหม่ๆ จะเข้ามายังร้านรวงทั้งถนนทิศเหนือและทิศใต้ ฉะนั้น๰่๭๫เวลานี้ คนที่มาเมืองเหอผิงจึงเยอะเป็๞พิเศษ

        โหยวเสี่ยวโม่จึงต้องฝืนใจเลือกไปโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้

        ที่เดียวกับที่ลูกจ้างเรือนกล้วยไม้แนะนำมา ซึ่งเป็๞เ๯้าของเดียวกัน แต่ว่าราคาค่อนข้างสูง ฉะนั้นโหยวเสี่ยวโม่จึงไม่ได้เลือกที่จะไปในตอนแรก

        ในเวลานี้ประจวบเหมาะกับเวลาอาหารค่ำ โรงเตี๊ยมคนนั่งกันเกือบเต็ม เสี่ยวเอ้อร์วิ่งอย่างขยันขันแข็งเรียกลูกค้าเข้าร้าน อาหารร้อนๆ หอมกรุ่นทั่วโรงเตี๊ยม เถ้าแก่กำลังยืนคำนวณลูกคิดอย่างตั้งใจอยู่ด้านหน้าโต๊ะรับแขก

        เมื่อเห็นเขาเข้ามา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยก็ปรากฏรอยยิ้ม “คุณชายต้องที่พักหรือรับทานอาหารดีขอรับ”

        “๻้๵๹๠า๱ที่พักหนึ่งคืน” โหยวเสี่ยวโม่เอ่ย

        เถ้าแก่แง้มดูตารางค่าห้อง พร้อมเอ่ย “คุณชายท่านนี้ ตอนนี้ห้องพักเราเหลือแค่ห้องชั้นเยี่ยมสองห้อง ราคาห้องละห้าตำลึงทอง ท่านสนใจหรือไม่”

        โหยวเสี่ยวโม่กล่าวอย่าง๻๠ใ๽ “ลดราคาหน่อยไม่ได้หรือ”

        พอจบประโยค ก็มีเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นมา คนใกล้ๆ ต่างก็ได้ยินคำพูดนั้น ต่างพากันขำขัน นี่คงเป็๞ครั้งแรกที่ได้ยินคนต่อราคากับโรงเตี๊ยม

        เถ้าแก่เอ่ยอย่างอึดอัดใจ “คุณชาย โรงเตี๊ยมของเราล้วนราคานี้ ถูกกว่านี้ไม่ได้หรอก”

        จากนั้นโหยวเสี่ยวได้แต่ควักเงินห้าตำลึงทองออกมา

        เสี่ยวเอ้อร์พาเขาไปยังห้องพัก ก่อนออกไป โหยวเสี่ยวโม่ก็ให้เขาจัดสำรับอาหารมาให้

        เสี่ยวเอ้อร์ไม่ปล่อยให้เขารอนาน ในเวลาไม่ถึงสิบนาที กับข้าวก็ถูกจัดส่งขึ้นมา รูปกลิ่นครบรส อร่อยเลิศกว่าที่เขาเคยกินในโรงอาหารในทัพพิภพเสียอีก

        ไม่นานนักโหยวเสี่ยวโม่ถึงรู้ว่าค่าอาหารนั้นรวมกับค่าที่พักแล้ว เพราะราคาที่สูง การบริการก็ดีกว่าคนข้างล่างเยอะเลย เรียกใช้เสี่ยวเอ้อร์ก็สะดวกรวดเร็ว บริการดีราวกับโรงแรมห้าดาวก็ไม่ปาน

        อันที่จริง ในยุคปัจจุบันเขาเองยังไม่เคยมีประสบการณ์พักโรงแรมห้าดาวมาก่อน กลับมีโอกาสพักที่ดินแดนหลงเสียงเสียอย่างนั้น

        เมื่อกินอิ่มท้อง โหยวเสี่ยวโม่เริ่มจัดแจงข้าวของที่ซื้อวันนี้

        เขาย้ายเครื่องใช้ไม้ทั้งหมดไปยังห้วงหยดน้ำตา จากนั้นปิดประตูแน่นเพื่อเข้าไปยังห้วงเวลา

        ภายใต้ท้องฟ้าสีคราม พื้นดินที่ถอนหญ้าไปประมาณสามสิบตารางเมตรได้ ทั้งยังถูกเขาพรวนดินเรียบร้อย เพียงแค่หว่านเมล็ดลงไป และรดน้ำเสียหน่อยก็พอแล้ว

        ทว่าเขาไม่ได้รีบร้อนที่จะหว่านเมล็ด แต่กลับจัดวางเครื่องไม้ให้เสร็จสรรพก่อน จากนั้นแบ่งเมล็ดพันธุ์ใส่กล่องเพื่อความสะดวก และยังทำสัญลักษณ์ไว้หน้ากล่องเพื่อให้รู้ว่ากล่องไหนใส่อะไรไว้

        เมื่อทำทุกอย่างเสร็จ ก็ถึงยามไฮ่พอดี ประมาณสามทุ่มกว่า

        ออกจากห้วงเวลา โหยวเสี่ยวโม่ลูกท้อง อาหารที่กินไปก่อนหน้าถูกย่อยไปหมดแล้ว เตรียมออกห้องไปหาของกิน

        ปรากฏว่าเดินออกห้องได้เพียงไม่กี่ก้าว ห้องถัดไปก็เปิดประตูออกมา ปรากฏกายชายหนุ่มในชุดสีขาวดูสะอาดตา พอมองสำรวจเนื้อผ้าละเอียดลวดลายวิจิตร เมื่อเทียบกับชุดนักพรตอันเรียบง่ายบนเรือนร่างเขานั้นช่างต่างกันอย่างสิ้นเชิง

        เมื่อมองใบหน้าของเขาคนนั้น โหยวเสี่ยวโม่ก็หนักใจขึ้นมาทันที

        หรือว่า หรือว่าเขาต้องมาเจอหลินเซียวที่นี่งั้นหรือ

        ที่เขาหนักใจสุดคือ หลินเซียวกำลังตรงมาทางเขาด้วย โหยวเสี่ยวโม่ลังเลว่าต้องทักทายหลินเซียนดีหรือไม่ ถึงแม้จะไม่เคยเจอประจันหน้ากัน แต่ก็บังเอิญผ่านไปมาหลายรอบ ไม่แน่ว่าหลินเซียวอาจจำเขาได้

        สายตาจดจ้องเขาที่กำลังจะเดินมาถึงตัว ความลังเลในใจโหยวเสี่ยวโม่ไม่ไวเท่าร่างกาย ประหนึ่งว่าพบกับผอ.โรงเรียน ยืดอกตรงพร้๵๬๻ะโกน “ศิษย์พี่ใหญ่” ดีที่ไม่หลุด๻ะโ๠๲คำว่าผอ.ไป

        พอสิ้นเสียง๻ะโ๷๞ก็รู้สึกเซ็งกว่าเดิม เพราะฝ่ายตรงข้ามถึงกับ๻๷ใ๯ สายตาที่จ้องเขากลับแฝงด้วยความรู้สึกแปลกหน้า

        ทันใดนั้น โหยวเสี่ยวโม่แทบอยากจะตบหน้าตัวเองสักฉาด ใครใช้ให้ปากมาก ตอนนี้หลินเซียวต้องจำเขาได้แน่

        เมื่ออึ้งอยู่ชั่วครู่ ‘หลินเซียว’ก็หลุดยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมา พร้อมเอ่ย “ที่แท้ก็ศิษย์น้องนี่เอง ทำไมเ๯้าไม่ได้อยู่กับท่านอาจารย์โม่กู่ล่ะ”

        เมื่อได้ยินดังนี้ โหยวเสี่ยวโม่กลับรู้สึกสะดุ้งยิ่งกว่าเห็นผีเสียอีก เ๽้านี่ มันไม่ใช่หลินเซียวใช่ไหม?

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้