ตำหนักเชียนชิวเดิมตั้งอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกล ทว่า ไม่ได้ไกลจากประตูฉงมากนัก
ชิวอวี่มึนงงเล็กน้อย ก่อนที่กระบี่ของเขาจะแทงทะลุหน้าอกหวังฮู่ ในวินาทีต่อมาที่เขาลืมตา หวังฮู่ยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้น
เมื่อครู่...มันเป็ภาพลวงตางั้นหรือ?
ท่ามกลางเสียงหงุดหงิดของเ้าแมวอ้วนที่ดังขึ้น เขาก็รีบพาหวังฮู่และคนของหวังฮู่กลับตำหนักเชียนชิว ตอนนี้จิ๋วกุ่ย จางจื่อและคนอื่นๆ ยังคงหมดสติอยู่
ชิวอวี่เองก็ไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น
เถาเซียงและต้านเสวี่ยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นๆ อยู่ว่าคนเหล่านี้ถูกพาตัวออกไปแล้ว เหตุใดถึงพาพวกเขากลับมาอีกล่ะ
“ปิดประตูเร็ว! อย่าให้ใครเข้ามา”
ชิวอวี่รู้สึกร้อนรน ราวกับว่าตอนนี้ตนเป็ขโมย อย่างไรก็ตาม เขาเต้นใจแรงมาก เขาไม่ได้ตามเ้านายผิดคนใช่ไหม...
เป็ไปอย่างที่คิด
แน่นอนว่านางไม่ใช่คนแบบนั้น เออ ผีแบบนั้นแน่นอน
ชิงอีที่นั่งอยู่ภายในห้อง ในระหว่างที่ชิวอวี่พาคนพวกนี้กลับมายังตำหนัก โชคดีที่แม้พวกจิ๋วกุ่ยจะหมดสติ ทว่า ก็ยังสามารถขยับกาย ภายใต้การควบคุมของเ้าแมวอ้วนได้
ทันทีที่ชิงอีดีดนิ้ว บรรดาคนในครอบครัวของหวังฮู่ก็หมดสติไป
ส่วนคนที่เหลือต่างตื่นใ พร้อมกับสติที่คืนกลับมา
หวังฮู่และคนอื่นๆ จ้องชิงอีที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกตะลึงครู่หนึ่ง
“พวกเรา...ยังไม่ตายหรือ?”
“หรือว่าที่นี่คือปรโลก? ทว่า องค์หญิงจะทรงอยู่ในปรโลกได้เช่นไรกัน?”
อย่าว่าแต่พวกหวังฮู่เลย พวกจิ๋วกุ่ยต่างตกตะลึงเช่นกัน ก่อนหน้านี้ พวกเขาเพิ่งฆ่าหวังฮู่และคนของเขสไปอยู่ไม่ใช่หรือ? เหตุใดพวกเขาถึงมีชีวิตอยู่อีกล่ะ? และพวกเขากลับมาที่ตำหนักเชียนชิวั้แ่เมื่อไรกัน
“พวกเ้าและครอบครัวของพวกเ้าตายไปแล้วจริงๆ ในสายตาของฝูงชน” ชิงอีพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เพียงเสี้ยววินาที หวังฮู่ก็เข้าใจได้ในทันที เขามองนางอย่างประหลาดใจ
เขาไม่รู้ว่าชิงอีซ่อนตัวจากสายตาของทุกคนได้อย่างไร ทว่า นางไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตเขา แต่ยังช่วยชีวิตครอบครัวของพวกเขาด้วย!
“หวังฮู่ขอบพระทัยองค์หญิงที่ไว้ชีวิต!”
หวังงฮู่คุกเข่าลงกับพื้น พร้อมก้มศีรษะทำความเคารพซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนอื่นๆ ก็ทำตามเขา พร้อมมองชิงอีด้วยสายตาด้วยความขอบคุณและซาบซึ้งยิ่ง
“ไม่ต้องรีบขอบคุณไปหรอก ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป ชีวิตของเ้าเป็ของข้า” ชิงอีพูดกับพวกเขาอย่างไม่แยแส “หากข้า้าให้พวกเ้าบุกน้ำลุยไฟ พวกเ้าก็ต้องไป”
“จากนี้ไป กระหม่อมหวังฮู่จะติดตามองค์หญิง อุทิศชีวิตให้องค์หญิงด้วยความเต็มใจ ต่อให้ตายไป ข้าก็ไม่เสียดายชีวิต วันนี้กระหม่อมขอสาบานด้วยเื หากกระหม่อมทรยศ ตายไปขอให้กระหม่อมตกนรกหมกไหม้ไม่ได้ผุดได้เกิดตลอดไป!” เมื่อหวังฮู่กล่าวจบ เขาก็กัดข้อมือตัวเองอย่างแรง ปล่อยให้เืไหลรินพร้อมก้มคำนับลงกับพื้น
เหล่าลูกน้องที่อยู่ข้างหลัง ต่างสาบานด้วยเืตามหวังฮู่เช่นกัน
เมื่อที่มองอยู่พวกชิวอวี่ต่างรู้สึกซาบซึ้งไม่น้อย
ในขณะที่พวกหวังฮู่กำลังสาบาน เืที่พวกเขาใช้สาบานลอยไปอยู่ในมือของชิงอี ทันใดนั้น ร่างกายของชิงอีก็ส่องแสงสีทองออกมาจางๆ
เื่นี้ทำให้นางแปลกใจเล็กน้อย
คนเหล่านี้ เคารพนับถือนางในฐานะเ้านายจากใจ คิดไม่ถึงว่าจิตเช่นนี้จะทำให้นางได้มีบุญกุศลเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
เหตุการณ์นี้ มีเพียงชิวอวี่เท่านั้นที่เห็น
เขาก็ได้แต่ใซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“จากนี้ไป พวกเ้าจะเป็องครักษ์เงาของข้า ข้าจะมอบตัวตนใหม่แก่พวกเ้า ต่อไปนี้ ชิวอวี่จะเป็คนปกครองพวกเ้า”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
หวังฮู่และคนอื่นๆ น้อมรับบัญชา
ชิวอวี่เองก็ก้มลงทำความเคารพ “ขอบพระทัยองค์หญิง ที่ทรงเลื่อนตำแหน่งให้กระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
ชิงอีโบกมือ สิ่งที่นางไม่ชอบที่สุดคือตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
นางล้วงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ แล้วโยนมันให้หวังฮู่ “เื่แรกที่ข้าจะมอบหมายให้พวกเ้าคือไปสืบมาว่า รายชื่อของคนที่อยู่ในกระดาษแผ่นนี้ ตายไปหมดแล้วใช่หรือไม่ หากตายไปแล้ว ศพของพวกเขาถูกฝังไว้ที่ใด” เสียงของชิงอีหยุดไปครู่หนึ่ง “ขุดศพของพวกเขาทั้งหมดมาด้วย”
แม้จะไม่เข้าใจว่านางมีจุดประสงค์อะไร ทว่า นี่เป็งานแรกที่นางมอบหมายให้ พวกหวังฮู่ก็ควรทำให้อย่างเต็มที่
“กระหม่อมจะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ!”
“ดึกๆ ค่อยพาพวกเขาออกไปจากวัง” ชิงอีพูดกับชิวอวี่ และชี้ไปที่เ้าแมวอ้วนบนไหล่ของเขา
ความหมายช่างชัดเจนยิ่งนัก หากมีปัญหาอะไร ก็หาเ้าอ้วนนี่ซะ อย่ามายุ่งกับนาง
หลังจากจัดการเื่นี้เสร็จ ชิงอีก็จับหว่างคิ้ว และออกทางด้านข้างตำหนัก
ฤทธิ์จากสุรายังไม่สร่างดี ทั้งยังมีเื่ให้คิดกองโต สุราของโลกมนุษย์รุนแรงมากขนาดนี้เลยหรือ? สีหน้าของชิงอีเต็มไปด้วยความลังเล เมื่อวานนางกลับมาอย่างไรกันแน่?
เถาเซียงและต้านเสวี่ยที่เดินตามหลังนางมา เมื่อเห็นว่าสีหน้าชิงอีไม่ค่อยดี กุมหน้าผากอยู่ตลอด ต้านเสวี่ยขยิบตาให้เถาเซียง ไม่นานหลังจากนั้น เถาเซียงก็เข้ามาพร้อมกับถาด
“องค์หญิง นี่คือซุปแก้เมาค้างเพคะ ท่านเสวยก่อนนะเพคะ หากยังทรงไม่รู้ดีขึ้น เชิญหมอหลวงมาดูจะดีกว่านะเพคะ”
ชิงอีหยิบซุปแก้เมาค้างขึ้นมาซด ส่วนเถาเซียงและต้านเสวี่ยนั้น คนหนึ่งนวดขมับ อีกคนก็บีบไหล่ให้ชิงอี สีหน้าของนางแปลกไปเล็กน้อย “เมื่อวานข้ากลับมาอย่างไร?”
หญิงสาวสองคนมองหน้ากัน และตอบอย่างกระอึกกระอักว่า “เป็ขันทีตัวน้อยจากห้องเครื่องที่มาส่งข่าว ว่าองค์หญิงทรงเมาแล้วเพคะ”
เกือบไปแล้ว ความจริงในตอนที่พวกเขารีบไปเมื่อวาน เหตุการณ์ในห้องเครื่องวุ่นวายจนเกือบจะคุมไม่อยู่
องค์หญิงที่เมาหัวราน้ำนั้น ศีรษะของนางตกลงไปในโถข้าว
เถาเซียงและต้านเสวี่ยไม่กล้าบอกเื่นี้กับนาง ไม่เช่นนั้น ชิงอีต้องคลุ้มคลั่งเป็แน่
“มีแค่ข้าคนเดียว?”
สองสาวพยักหน้า
ชิงอีกัดฟันแน่น และตีหน้าผากตนเองอย่างแรง จนทำให้หญิงสาวทั้งสองหวาดกลัว
“เ้าหนุ่มน้อยเซียวเจวี๋ยนั่น ออกไปจากวังั้แ่เมื่อไร?”
“เอ่อ...หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ”
สีหน้าของชิงอีแย่กว่าเดิม แปลกมากจริงๆ เมื่อวานนี้นางทำอะไรหลังจากเมากันนะ? นางไม่ได้เมาจนภาพตัดมาหลายปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าดื่มสุราของมนุษย์ตัวเล็ก แค่ไม่กี่จอกก็ล้มไม่เป็ท่าเช่นนี้
เพียงแต่
นางแตะริมฝีปากของตนเอง นางได้พลังกลับมาไม่น้อย
เช่นนั้น เมื่อวานหลังจากที่นางเมา นางจูบเ้าหนุ่มน้อยได้สำเร็จงั้นหรือ?
เหอะ ไม่แปลกที่ไม่กล้ามาเจอหน้า เดาว่าคงจะซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งกับร่องรอยััที่ยังติดค้างอยู่กระมัง
ชิงอีคิดอย่างไร้ยางอาย สีหน้าของนางก็กลับมาเป็ดั่งเดิมในทันที คิ้วที่ขมวดก็กลายเป็ความอวดดีเหมือนปกติ
“โอ๊ย ไม่ได้การแล้ว กระดูกของข้าเกือบจะแตกอยู่แล้ว เถาเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ ออกแรงกว่านี้หน่อย~”
ทันทีที่ทั้งสองสาวได้ยินเสียงนี้ พวกเขารู้ว่าฝนได้ผ่านไปแล้ว และอากาศแจ่มใสกำลังมาเยือน พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กัน
อารมณ์ขององค์หญิงของพวกเขา เหมือนกับสภาพอากาศแปรปรวนจริงๆ
...
เซียวเจวี๋ยจามออกมา
บรรยากาศในวังฝั่งตะวันออกดูเคร่งเครียด พลันก็แปรเปลี่ยนเป็แปลกประหลาดอีกครั้ง
ขุนนางเฒ่าหลายคนมองมาที่เซ่อเจิ้งอ๋องด้วยสายตาเป็ห่วงเป็ใย ท่านอ๋องเป็...โรคซางหาน[1]หรือไม่นะ?
“พวกเ้าออกไปก่อนเถิด” ฉู่จื่ออวี้โบกมืออย่างไม่แยแสต่อเหล่าขุนนางเฒ่า หลังจากรอให้พวกเขาออกไป เขาก็เดินไปอยู่ข้างๆ เซียวเจวี๋ย “พี่ใหญ่เซียว ท่านต้องดูแลสุขภาพด้วยนะ แม้ว่าท่านพ่อจะฟื้นแล้วก็ตาม ทว่า เื่ในราชสำนักยังต้องพึ่งพาท่านกับข้า ตอนนี้ก็เป็เวลาที่ดีที่จะกำจัดจิ้งจอกเฒ่าตู้หรูฮุ่ยนั่น!”
“ขอบพระทัยฝ่าาที่ทรงห่วงใยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมสบายดี” เซียวเจวี๋ยพูดเบาๆ ทว่า ยามนี้กลับดูไม่มีความสุขเท่าไร
เขาเป็โรคซางหานเสียที่ไหนละ เห็นๆ กันอยู่ว่าคงมีคนนินทาเขาลับหลังแน่ๆ
คงจะเป็...ตัวปัญหานั่นกระมัง
นับๆ เวลาดู ตอนนี้ก็คงจะหายเมาแล้ว
“พี่ใหญ่เซียว ท่านยิ้มทำไมหรือ?”
เสียงของฉู่จื่ออวี้ที่ดังขึ้น ทำให้สติของเซียวเจวี๋ยกลับมา เขาก็ผงะครู่หนึ่ง
เมื่อครู่ เขายิ้มหรือ?
ความโค้งของมุมปากไม่ทันจะได้หย่อนลง รวมถึงประกายในดวงตา ราวกับว่า...กำลังยิ้มอยู่จริงๆ
ดูเหมือนจะมีความสุขไม่น้อย
อารมณ์ของเซียวเจวี๋ยค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะรู้สึกมีความสุข ในขณะที่คิดถึงตัวปัญหาผู้นั้น?
“พูดไปแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าเองก็ได้ยินเื่ที่น่าสนใจมาเช่นกัน” แววตาของฉู่จื่ออวี้มีความหยอกล้อเล็กน้อย “เมื่อวานฉู่ชิงอีเมาในห้องเครื่อง เมาหลับจนศีรษะจุ่มลงไปในถังข้าว ทั้งยังเกือบจะจุดไฟเผาห้องเครื่อง...แล้วก็เหมือนจะพูดว่า นางกำลังดื่มสุรากับพี่ใหญ่เซียวด้วยล่ะ?”
***********************
[1] โรคซางหาน คือ โรคที่เกิดจากถูกพิษเย็น โดยจะมีอาการสำคัญดังนี้ มีไข้ ไม่มีเหงื่อ ปวดศีรษะ และชีพจรลอยแน่น
