หลังจากมู่หว่านชิงออกไป ไป๋หยุนเฟยและหญิงสาวทั้งคู่ก็สนทนากันอย่างผ่อนคลาย
ชิวลู่หลิวกล่าวถึงเื่ราวที่น่าสนใจทั้งหลายในเมืองชุ่ยหลิว ฉู่อวี้เหอ‘รายงาน’เื่ราวของตนั้แ่เข้าเป็ศิษย์สำนักหลิวขจีด้วยเสียงแ่เบา ส่วนไป๋หยุนเฟยก็บอกเล่าเื่ราวที่ผ่านมาั้แ่แยกทางจนกระทั่งกลับมาพบกัน
แน่นอนว่าไป๋หยุนเฟยต้องปิดบังรายละเอียดบางอย่างที่ไม่อาจกล่าวถึงได้ แม้เป็เช่นนั้นแต่เื่ราวของมันก็ยังสร้างความกังวลห่วงใยแก่หญิงสาวทั้งคู่ โดยเฉพาะฉู่อวี้เหอ เมื่อได้ยินว่าไป๋หยุนเฟยตกหลุมพรางที่เมืองเหลาจิ่งก่อนจะหลบหนีติดต่อกันถึงสามวัน แต่สุดท้ายก็ถูกจางเจิ้นซานไล่ตามทัน นางก็ตื่นเต้นตึงเครียดจนใบหน้าแดงฉาน จนได้ยินว่าหลังจากต่อสู้อย่างยากลำบากสุดท้ายไป๋หยุนเฟยก็หนีพ้น ฉู่อวี้เหอจึงแสดงสีหน้าปีติยินดีราวกับตื่นเต้นดีใจสุดขีด เห็นดังนั้นทั้งไป๋หยุนเฟยและชิวลู่หลิวก็อดไม่ได้ต้องหัวเราะออกมา
กระทั่งมีคนเข้ามาแจ้งทั้งสามว่าอาหารกลางวันจัดเตรียมเรียบร้อยแล้วจึงหยุดการสนทนา แต่ทว่ากระทั่งรับประทานอาหารเสร็จสิ้นมู่หว่านชิงก็ยังไม่ปรากฏกายขึ้น ตามที่ชิวลู่หลิวบอกเล่าเหล่าผู้าุโทั้งหมดของสำนักจะรับประทานอาหารในสถานที่อีกแห่งหนึ่ง
ยามบ่าย หญิงสาวทั้งสองนำทางไป๋หยุนเฟยเดินชมภายในสำนักหลิวขจี ทั้งสามพูดคุยและหัวร่ออย่างร่าเริงตลอดทางที่เดิน
ไป๋หยุนเฟยเงยหน้าพิจารณาสีสันของท้องฟ้าก็พบว่าเป็ยามสนธยาแล้ว ชายหนุ่มจึงหยุดเท้าพร้อมกับกล่าวต่อหญิงสาวทั้งสองว่า “ลู่หลิว อวี้เหอ ได้เวลาที่ข้าต้องกลับแล้ว...”
“อา? ท่านรีบกลับนัก?” ชิวลู่หลิวเอ่ยถามด้วยความผิดหวังอยู่บ้าง ที่ด้านข้างฉู่อวี้เหอก็เผยสีหน้าไม่ยินยอม
ไป๋หยุนเฟยจึงหัวร่อพลางกล่าวว่า “ถูกแล้ว ข้ายังมีเื่ที่ต้องกระทำอีก ไม่วันพรุ่งนี้ก็วันมะรืนข้าจะไปจากเมืองชุ่ยหลิวแล้ว แต่ก่อนไปข้าจะมาอำลาท่านทั้งสองก่อน”
ชายหนุ่มมองดูฉู่อวี้เหอที่ส่งสายตาห่วงกังวลมาให้ จึงกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า “ถึงตอนนั้น ข้ามีของขวัญให้แก่น้องอวี้เหอด้วย หวังว่าเ้าจะชมชอบ”
ฉู่อวี้เหองงงันวูบก่อนจะแสดงสีหน้ายินดี นางกล่าวอย่างคาดหวังว่า “จริงหรือ? ของขวัญอะไร?”
“ฮ่า ฮ่า ถึงเวลาเ้าก็ทราบเอง”
ไป๋หยุนเฟยที่เงยหน้าขึ้นมองก็พลันพบเห็นเงาร่างของผู้คนสองคนเดินเคียงข้างกันเข้ามา เมื่อมองดูชัดตาชายหนุ่มจึงเอ่ยปากด้วยความประหลาดใจ “โอ? เ้าสำนักมู่ไม่ใช่หรือ? นับว่าประจวบเหมาะนัก ข้าจะได้อำลาท่านผู้าุโก่อนกลับไป”
ไป๋หยุนเฟยและพวกทั้งสามเดินเข้าหามู่หว่านชิงที่มองเห็นพวกมันแล้วเช่นกัน เมื่อเดินเข้าไปใกล้ไป๋หยุนเฟยจึงส่งสายตามองผู้ที่อยู่ข้างกายมู่หว่านชิง --- บุรุษผู้นี้อายุราวสามสิบ ท่วงท่าสง่าใบหน้าหล่อเหลา ที่หาได้ยากยิ่งคือท่วงท่าที่สง่างามของคนผู้นี้ยังกอปรด้วยความสุขุมและสูงศักดิ์ นับว่าเป็บุรุษที่ให้ความทรงจำที่ดีแก่ผู้พบเห็นั้แ่คราแรก
“คนผู้นี้สมควรเป็หยิวชิงเฟิงจากสำนักธาตุไม้” ไป๋หยุนเฟยครุ่นคิดในใจ
มู่หว่านชิงพยักหน้าแก่ไป๋หยุนเฟยก่อน จากนั้นกวักมือเรียกฉู่อวี้เหอพลางกล่าวว่า “อวี้เหอเข้ามาคารวะอาจารย์ลุงหยิว”
ฉู่อวี้เหอมักจะประหม่าเสมอเมื่อต้องเผชิญกับคนแปลกหน้า นางทำตามที่อาจารย์บอกเดินมายังเบื้องหน้ามู่หว่านชิงจากนั้นคารวะพร้อมกับกล่าวเสียงค่อย “เป็เกียรติที่ได้พบอาจารย์ลุงหยิว...”
“ฮ่า ฮ่า นี่คงเป็ทารกหญิงที่ท่านบอกกระมัง? ไม่เลว ทั้งเชื่อฟังและเฉลียวฉลาด มิหนำซ้ำยังเปี่ยมด้วยพร์ ประเสริฐมาก” หยิวชิงเฟิงพยักหน้าแก่ฉู่อวี้เหอพร้อมกับกล่าวกลั้วหัวเราะด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ได้ยินแล้วให้ความรู้สึกสนิทสนมอย่างยิ่ง
ชิวลู่หลิวก็ก้าวมาเบื้องหน้าประสานมือคารวะก่อนจะเคลื่อนกายไปยืนด้านข้างอย่างนอบน้อม
ไป๋หยุนเฟยมองดูบุรุษตรงหน้าอีกคราก็พบว่าอีกฝ่ายส่งสายตายิ้มแย้มมาให้ จึงก้มศีรษะคารวะจากนั้นประสานมือแก่มู่หว่านชิงพลางกล่าวว่า “เ้าสำนักมู่ ผู้เยาว์ยังมีเื่ต้องกระทำจึงไม่อาจรั้งอยู่ได้อีก ผู้เยาว์มาเพื่ออำลาผู้าุโ”
“โอ? ท่านจะไปแล้วหรือจอมยุทธ์ไป๋? เช่นนั้นข้าจะไม่รั้งท่านไว้ หาก้าความช่วยเหลืออันใดขอให้ท่านมาที่สำนักหลิวขจีได้ทุกเมื่อ เมื่อท่านเป็พี่บุญธรรมของอวี้เหอสำนักหลิวขจีเราย่อมต้องช่วยเหลือท่านอย่างสุดกำลัง”
“เมื่อเป็เช่นนี้ผู้เยาว์ต้องขอขอบคุณท่านเ้าสำนักมาก ก่อนไปจากเมืองชุ่ยหลิวผู้เยาว์จะมาอำลาอีกครั้ง”
……
หลังจากเห็นไป๋หยุนเฟยเดินออกไปพร้อมกับหญิงสาวทั้งสอง มู่หว่านชิงก็หุบยิ้มพร้อมกับเผยแววตาครุ่นคิด
“หว่านชิง มันคือบุรุษหนุ่มซึ่งเกี่ยวข้องกับสำนักชะตาลิขิตที่ท่านบอกข้ากระมัง? จากที่เห็นมันเพียงบรรลุด่านวีรชนิญญาระดับกลาง มิหนำซ้ำยังไม่มีอันใดเด่นล้ำเป็พิเศษ...” หยิวชิงเฟิงถอนสายตากลับมาพร้อมกับกล่าวอย่างสงสัย
มู่หว่านชิงสั่นศีรษะกล่าวว่า “พี่ชิงเฟิงอย่าได้ประเมินมันต่ำไป ไม่ว่าพลังฝีมือระดับใดแต่เมื่อได้รับการชี้แนะจากผู้าุโเกออี้หยุนก็เพียงพอจะยืนยันได้ว่ามันไม่ใช่ผู้เยาว์ธรรมดา อีกอย่างข้าได้ยินจากลู่หลิวว่ายามที่พบกันคราแรกทวนที่ไป๋หยุนเฟยผู้นี้ใช้สมควรเป็วัตถุิญญา หากไม่ใช่ชั้นมนุษย์ระดับสูงหรือไม่ก็ต้องเป็ชั้นปฐี! นอกจากนี้หลังจากสังหารบุตรชายของจางเจิ้นซานผู้าุโสำนักธารน้ำแข็งแล้ว ถึงขนาดว่าตระกูลจางทุ่มเทกำลังไล่ล่ามันยังสามารถรอดชีวิตมาถึงเมืองชุ่ยหลิวแห่งนี้ได้อย่างปลอดภัย นี่เพียงพอจะยืนยันได้ว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้เด่นล้ำเหนือธรรมดา”
“โอ? มีเื่เช่นนี้? ท่านกลับไม่เคยบอกต่อข้ามาก่อน” หยิวชิงเฟิงประหลาดใจอยู่บ้าง “หากเป็เช่นนี้ บุรุษหนุ่มผู้นี้ก็คุ้มค่าที่จะช่วยเหลือ กับคนเช่นนี้หากท่านยื่นมือช่วยเหลือในยามที่ยังไม่เข้มแข็ง เมื่อใดที่มันเติบใหญ่กล้าแข็งขึ้น ย่อมเป็ประโยชน์ต่อสำนักหลิวขจีอย่างใหญ่หลวง”
…………
ไป๋หยุนเฟยก้มศรีษะเดินเพียงลำพังบนถนนมุ่งหน้ากลับเมือง คิ้วมันขมวดเป็รอยย่นราวกับกำลังใคร่ครวญเื่บางอย่าง
“ไม่ว่าจะมีเหตุผลใด การที่เ้าสำนักหลิวขจียอมยื่นมือช่วยเหลือก็นับว่าเป็ผลดี ไม่มีผลเสียแม้แต่น้อย! แม้ข้าจะตัดสินใจไปจากเมืองนี้แล้ว แต่กลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่เสมอ...”
“ข้าต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับตระกูลหลงแห่งเมืองชุ่ยหลิวอีก ยามนี้ความเป็ไปได้ที่ส่งผลดีต่อข้าที่สุดคือ ต่อให้จางเจิ้นซานจะนำกำลังมากมายไล่ล่าข้าแต่ก็ไม่อาจทุ่มกำลังทั้งสำนักธารน้ำแข็งออกมาได้ ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็เพียงผู้าุโของสำนัก ดังนั้นต่อให้ตระกูลหลงมีความสัมพันธ์กับสำนักธารน้ำแข็งก็เป็ไปได้ว่าพวกมันยังไม่ทราบเื่เกี่ยวกับตัวข้า...”
“แต่ยิ่งข้ารั้งอยู่ที่นี่นานเท่าใดก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น! ข้าล่าช้าไปสองวันแล้วจึงไม่อาจรั้งอยู่ได้อีกแล้ว! ต้องรีบกลับไปและบอกกล่าวต่อเมิ่งเอ๋อร์ให้กระจ่างว่าข้าจะไปจากที่นี่วันพรุ่งนี้!”
ทันทีที่นึกถึงหลิวเมิ่ง จิตใจของมันก็พลันกลับกลายเป็ห่อเหี่ยว เนื่องเพราะมันไม่ทราบว่านางจะยังคง‘มีโทสะ’อยู่หรือไม่ มิหนำซ้ำยามคิดถึงเื่ที่ตนเองต้องไปจากที่นี่วันพรุ่งนี้ ความรู้สึกไม่ยินยอมก็พลุ่งพล่านในจิตใจโดยไม่ทราบเหตุผล...
ขณะครุ่นคิดเื่ราวเหล่านี้ก็สร้างความสับสนแก่จิตใจไป๋หยุนเฟยไม่น้อย ด้วยจิตใจที่ยุ่งเหยิงเช่นนี้ชายหนุ่มก็เข้าสู่เมืองอย่างเชื่องช้าก่อนจะมุ่งหน้าไปยังที่ซึ่งหลิวเมิ่งบอกต่อมันว่าพักอยู่
กระนั้นเมื่อไปถึงโรงเตี๊ยมกลับไม่พบเห็นผู้ใด ไป๋หยุนเฟยผิดหวังไม่น้อย คาดว่าหลิวเมิ่งอาจจะออกไปเดินเล่นที่ด้านนอก ยามอับจนปัญญาชายหนุ่มจึงตกลงใจว่าพรุ่งนี้ยามเช้าตรู่ค่อยมาอีกครั้ง
เมื่อไป๋หยุนเฟยกลับถึงโรงเตี๊ยมที่ตนเองพักก็ต้องประหลาดใจที่พบว่ามีคนผู้หนึ่งรอคอยอย่างกระวนกระวายอยู่ที่หน้าประตู --- มิคาดว่าจะเป็เสี่ยวหนิง!
ทันทีที่มองเห็นไป๋หยุนเฟย ดวงตาเสี่ยวหนิงก็เป็ประกาย นางรีบวิ่งเข้าหาชายหนุ่มอย่างร้อนรุ่ม ถึงตอนนี้ไป๋หยุนเฟยจึงมองเห็นได้ชัดตาว่าสาวใช้ตรงหน้ากำลังหลั่งน้ำตานองใบหน้าที่ร้อนรุ่มกระวนกระวาย
“คุณชายหยุนเฟย แย่แล้ว! คุณหนูถูกคนตระกูลหลงคร่ากุมตัวไปแล้ว!!”
