‘จือซินกุ้ยเฟย จือซินกุ้ยเฟย’ นางทวนคำอยู่สองครั้งพลันเบิกตากว้างเมื่อนึกได้ว่า จือซินกุ้ยเฟยคือหญิงโบราณที่อยู่ในโลงแก้วถูกจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์หนานจิง จึงรีบหันไปยังกระเป๋าเปิดกล่องไม้หยิบเอาผ้าปักลายหงส์ขึ้นมองพร้อมสายตาสั่นไหว
‘ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ ต้องเกี่ยวข้องกับผ้าผืนนี้แน่ ๆ’ เธอกลืนน้ำลายพร้อมกำผ้าเก่าโบราณไว้แน่น
เมื่อบอกความจริงแล้ว แม้แต่บ่าวรับใช้ในจวนยังคิดว่าเป็เื่หลอกลวง เยว่ไป๋ลู่จึงเลือกที่ใช้ฐานะของจ้าวอี้หนิง กินอยู่ในจวนอย่างสุขสำราญ จวนสกุลจ้าวใหญ่โตใช้เวลาสำรวจเกือบสองวันจึงจะหมด ทั้งเรือนบ่าว เรือนเ้านาย และโรงครัว ยังมีเรือนรับรองแยกอีกหลายเรือน หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดโบราณตบแต่งด้วยเครื่องประดับสูงค่า พร้อมบ่าวรับใช้ติดตามตลอดเวลา
“บ่อน้ำโบราณ!” เยว่ไป๋ลู่เบิกตากว้าง ก่อนจะวิ่งไปยังบ่อน้ำอย่างรวดเร็ว แล้วก้มมองลงไปด้วยความตื่นเต้นพร้อมดวงตาเป็ประกายแห่งความทึ่ง เคยเห็นแต่ในพิพิธภัณฑ์ทว่าของจริงทำให้เธอแทบเก็บอาการไม่อยู่
‘ของใหม่ ๆ ดูลึกกว่าที่เห็น’
“คุณหนูทำอะไรเ้าคะ?” ซูหนิงเห็นผู้เป็นายพยายามโยนที่ตักน้ำลงไปในบ่อ
“ฉันจะวัดว่าลึกแค่ไหน" เมื่อเผลอพูดคำปัจจุบันออกไปท่ามกลางบ่าวรับใช้จำนวนมาก เธอจึงเรียบเรียงคำพูดใหม่
“ข้าหมายถึงว่า ข้าอยากรู้ว่าน้ำลึกแค่ไหน” ก่อนบ่าวรับใช้จะเอ่ยห้าม
“ไม่ได้นะเ้าคะ! อีกไม่นานคุณหนูจะต้องเข้าวัง ห้ามให้มือด้านหรือเป็รอยแผลแม้แต่น้อย เชือกพวกนี้ทั้งหนาทั้งคม คุณหนูห้ามจับเด็ดขาด!” บ่าวรับใช้กล่าวด้วยน้ำเสียงกังวล
“บ่อนี้ลึกมาก สามคนต่อกันยังไม่ถึงก้นบ่อเลยเ้าค่ะ คุณหนูอยากรู้ไปทำไมเ้าคะ?” น้ำเสียงของบ่าวรับใช้แฝงความห่วงใยอย่างลึกซึ้ง ท่ามกลางความตื่นเต้นของเยว่ไป๋ลู่
‘ลึกเท่ากับที่ทางพิพิธภัณฑ์บอกไว้จริง ๆ ด้วย เช่นนั้นประวัติศาสตร์ก็ค่อนข้างแม่นยำ’ เยว่ไป๋ลู่ขบคิดในใจ ก่อนจะปล่อยมือออกจากเชือกและเดินกลับไปยังห้องพักตามคำเตือนของซูหนิง
ท่าทางของนางแฝงไปด้วยความคิดลึกซึ้งเกี่ยวกับสิ่งที่เพิ่งค้นพบ แม้จะยังตื่นเต้น แต่ก็เริ่มรู้สึกว่าตนต้องระมัดระวังการใช้ชีวิตในสถานที่แห่งนี้มากขึ้น เมื่อเดินมาถึงห้องพัก ร่างของจ้าวจื่อเฉิงและจ้าวฮูหยินก็ยืนรอด้วยกิริยาสง่างาม บ่าวรับใช้เห็นดังนั้นจึงน้อมกายแล้วพากันแยกย้ายกลับออกไป เหลือเพียงจ้าวอี้หนิงยืนเม้มปากแน่นด้วยอาการประหม่า เพราะไม่คุ้นชินกับระเบียบสมัยโบราณเท่าใดนัก
“โหรหลวงหาฤกษ์แต่งตั้งกุ้ยเหรินได้แล้ว อีกไม่นานเ้าต้องเข้าไปปรนนิบัติฮ่องเต้ในวังหลวง ว่ากันว่าบรรณาการที่ฮ่องเต้จะมอบให้เ้า มีทั้งเครื่องประดับทองคำ เครื่องประดับหยก เครื่องลายคราม และผ้าไหม” หญิงสาวได้ยินดังนั้น จึงขบคิดเงียบ ๆ
‘ผ้าไหมงั้นเหรอ ผ้าไหมปักลายหงส์ทำให้ฉันย้อนอดีตกลับมา บางทีอาจต้องหาผ้าไหมปักลายัที่อยู่ในมือของจือซินกุ้ยเฟย เมื่อทั้งสองผืนมากันอาจเป็ประตูให้ฉันกลับไปยุคปัจจุบันก็ได้’
“อี้หนิง เดินมาหาแม่หน่อยสิ” จ้าวฮูหยินอ้าแขนรับบุตรสาว ก่อนจ้าวอี้หนิงจะละความคิดแล้วค่อย ๆ ย่างเท้าไปหามารดา
“อี้หนิง แม่รู้ว่าเ้ามีใจปฏิพัทธ์ต่อฮ่องเต้ แต่อย่าลืมว่าตำแหน่งของเ้าเป็เพียงแค่กุ้ยเหริน อย่าใช้อารมณ์ล่วงเกินตำแหน่งกุ้ยเฟย เข้าใจหรือไม่”
“เื่นี้ ท่านพ่อท่านแม่ย้ำมาตลอด ข้าเข้าใจเ้าค่ะ” นางตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทันใดนั้นจ้าวจื่อเฉินจึงเดินเข้ามาแล้วยกมือลูบศีรษะนางด้วยความรัก ความอบอุ่นที่ััได้ทำให้เยว่ไป๋ลู่รู้สึกแปลกใหม่ เพราะนางไม่เคยได้รับความรักหรือความอบอุ่นเช่นนี้มาก่อนเพราะเป็เด็กกำพร้า เขาค่อย ๆ ดึงร่างของบุตรสาวเข้ามาสวมกอดแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“พ่อจะคอยมองเ้าอยู่ห่าง ๆ เมื่อใดที่เ้าไม่ได้รับความรักมากพอ ขอให้รู้ไว้ว่าเ้ายังมีพ่อและแม่ยืนอยู่ตรงนี้เสมอ พ่อเลี้ยงเ้ามาด้วยความรัก ที่ตามใจเพราะรักทั้งนั้น ให้จำไว้ว่าเ้ามีค่าเสมอในสายตาของพ่อและแม่เสมอ” คำพูดอบอุ่นของชายกลางคน ทำให้เยว่ไป๋ลู่กระชับกอดแแ่แล้วพยักหน้า
“ข้ารู้ แล้วข้าจะมาเยี่ยมท่านพ่อกับท่านแม่บ่อย ๆ” รอยยิ้มของสองสามีภรรยาปล่อยออกมาอย่างมีความสุข พร้อมสายลมพัดผ่านมาเบา ๆ
พิธีแต่งตั้งกุ้ยเหรินจัดขึ้นตามธรรมเนียมโบราณ เยว่ไป๋ลู่ในนามของจ้าวอี้หนิงถูกคนของราชสำนักพาเข้าวังหลวงเพื่อเตรียมตัว เพียงแค่เข้าไปในเขตวังหลวงเท่านั้น สายตาของหญิงสาวเบิกกว้าง พลันยกมือขึ้นมาปิดปาก พยายามสงบสติอาการตื่นเต้นของตัวเอง เพราะวังหลวงที่เคยจินตนาการไว้เล็กกว่าของจริงหลายเท่าตัว
“คุณหนูเ้าคะ ปิดผ้าเถอะเ้าค่ะ” ว่าแล้วบ่าวรับใช้ที่นั่งมาในรถม้า ก็เอื้อมไปปิดผ้าตรงหน้าต่างเบา ๆ แล้วหันมาสบสายตาอี้หนิง
“หลังจากนี้คุณหนูต้องดูแลตัวเองดี ๆ ห้ามดื้อ ห้ามเอาแต่ใจ เพราะนางกำนัลาุโจะเป็ผู้นำตัวคุณหนูไปเตรียมตัว” หญิงสาวได้ยินดังนั้นจึงขมวดคิ้ว
“เตรียมตัวอะไร”
“ขัดตัว ขัดผิว และแสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อน” เมื่อพูดถึงตรงนี้ เยว่ไป๋ลู่รู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ในคอขึ้นมาทันที พร้อมขบคิดในใจ
‘ฉันอยู่ในยุคปี 2025 ร้อยคนจะมีถึงห้าคนหรือเปล่าที่ไม่เคยมีเื่อย่างว่า ไม่เคยต้องมือชายอย่างนั้นเหรอ เหอะ!’ ยังไม่ทันที่ความคิดจะจบ เสียงของซูหนิงก็ดังขึ้นมา
“คุณหนูไม่ต้องห่วงนะเ้าคะ คุณหนูจะไม่บริสุทธิ์ได้ยังไงในเมื่อคุณหนูถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี” เยว่ไป๋ลู่ยิ้มแห้ง ๆ แล้วขบคิดอีกครั้ง
‘ใช่ฉันจะไม่บริสุทธิ์ได้ยังไง ซูหนิงเธอพูดถูกต้องที่สุด แต่ไม่ใช่เพราะฉันถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี เพราะทั้งชีวิตที่ผ่านมาของฉัน ไม่เคยมีแฟนเลยสักคนต่างหาก’
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้