หลังรับประทานอาหารเสร็จแล้ว หลินเยว่จึงขอตัวออกไปก่อน เพราะเขาต้องไปดูแลร้านวัตถุโบราณของหรงเล่อเซวียน ในเวลาเดียวกันเขาก็ต้องรอต้อนรับการมาถึงของท่านเฮ่อฉางเหอ
ฉินเหยาเหยามองเื้ัของหลินเยว่ที่เดินจากไปพร้อมครุ่นคิดอยู่ในใจ เธอพบว่าสองสามวันมานี้หลินเยว่เปลี่ยนไป เขากลายเป็คนที่มีความมั่นใจ อีกทั้งท่าทีที่เขามีต่อเธอก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ถึงแม้ว่าเธอไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหลินเยว่จึงเปลี่ยนไป แต่การเปลี่ยนแปลงของหลินเยว่กลับทำให้เธอดีใจมาก
ในที่สุดผู้ชายที่แสนทื่อมะลื่อก็เริ่มฉลาดขึ้นมาบ้างแล้ว
ฉินเหยาเหยาคลี่ยิ้มเล็กน้อย หลังจากนั้นเธอจึงจัดเก็บอาหารที่เหลืออยู่บนโต๊ะให้เรียบร้อย
ถึงจะตกลงกันไว้ว่าให้อีกฝ่ายทำงานบ้านเป็เวลา 3 วัน แต่เมื่อคืนหลินเยว่ก็ไม่ได้ทำตามคำสัญญาแล้ว และฉินเหยาเหยาก็ไม่ได้คิดจะกดดันเขาสักเท่าไร เพราะตอนนี้เขาก็กำลังรีบออกไปทำธุระของตัวเองนั่นเอง
ระหว่างเดินทางไปหรงเล่อเซวียน หลินเยว่คิดถึงพลังพิเศษของตัวเอง ตอนนี้เขามีความรู้เกี่ยวกับเครื่องเคลือบน้อยมาก จึงไม่สามารถใช้พลังพิเศษมาพิสูจน์ว่าเครื่องเคลือบแต่ละยุคสมัยเป็อย่างไร เป็ของแท้หรือของปลอม เขารู้ดีว่าต้องรอให้เขามีความรู้ด้านเครื่องเคลือบให้มากขึ้นเสียก่อนจึงจะสามารถนำทั้งสองสิ่งนี้มาใช้ร่วมกัน
และในเวลานี้เขาก็คิดอยากจะกลับบ้านเกิดของตัวเองให้เร็วที่สุด เขา้าถามทางวัดลัทธิเต๋าว่าพลังพิเศษของเขาจะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง เพราะเื่นี้เป็เื่ที่เขากังวลมาตลอด อีกทั้งเดือนหน้าเขายังต้องไปพนันหินหยกที่เถิงชงกับเฮ่อโย่วจ้างเสียด้วย ดังนั้น เขาจึงต้องรีบพยายามหาเวลากลับบ้านเกิดให้เร็วที่สุด
เมื่อมาถึงถนนหินหยกวัตถุโบราณ หลินเยว่จึงตรงดิ่งไปยังหรงเล่อเซวียนทันที
เมื่อเข้าไปในร้านหรงเล่อเซวียน หลินเยว่จึงเริ่มสังเกตเครื่องเคลือบเอกรงค์สีถั่วเขียวและเครื่องเคลือบชิ้นอื่นๆ ที่เขาได้เรียนรู้เมื่อวานนี้พร้อมทั้งทบทวนความรู้ที่เขาได้เรียนมาทั้งหมด
เวลาแปดโมงเช้า ท่านเฮ่อฉางเหอก็มาถึงหรงเล่อเซวียนอย่างตรงเวลา เมื่อท่านเห็นหลินเยว่มีความตั้งใจและเอาจริงเอาจังขนาดนี้ ในใจของท่านก็รู้สึกดีใจมาก เพราะในปัจจุบันคนหนุ่มที่รักการเรียนรู้เช่นนี้มีไม่เยอะแล้ว
“ท่านเฮ่อ ท่านมาแล้ว” เมื่อหลินเยว่เห็นท่านเฮ่อฉางเหอมาถึง เขาจึงวางเครื่องเคลือบในมือลงและรีบมาหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าของท่านเฮ่อฉางเหอ พร้อมทั้งโค้งคำนับทำความเคารพ
ท่านเฮ่อฉางเหอส่งยิ้มพร้อมถามขึ้น “หลินเยว่ ทำความเข้าใจความรู้ที่เรียนไปเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง?”
“โดยรวมเข้าใจหมดแล้ว แต่ว่าสิ่งที่จดจำทั้งหมดนั้นยังไม่สามารถนำมาใช้ได้จริง” หลินเยว่ตอบตามความเป็จริง
ท่านเฮ่อฉางเหอพยักหน้าและพูดขึ้น “ต่อไปหากคุณเข้าใจเยอะขึ้นก็จะสามารถเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน ตอนนี้แค่พยายามอย่าลืมก็พอ วันนี้พวกเราจะเริ่มจากเครื่องเคลือบที่อยู่ในสมัยราชวงศ์ซางที่เป็ต้นกำเนิดของเครื่องเคลือบ หลังจากนั้นก็จะอธิบายตามลำดับราชวงศ์ไปเรื่อยๆ”
เมื่อได้ยินว่าท่านเฮ่อฉางเหอจะเริ่มบรรยายให้กับตนเองเร็วขนาดนี้ หลินเยว่จึงรีบวิ่งไปยกเก้าอี้สองตัวอย่างไม่รอช้า เมื่อวานท่านเฮ่อฉางเหอยืนพูดตลอดเวลา พอเริ่มบรรยาย ท่านก็บรรยายต่อเนื่องหลายชั่วโมง หากเป็คนทั่วๆ ไปอาจจะทนไม่ไหวแล้ว ดังนั้น หลินเยว่จึงคิดถึงการยกเก้าอี้ออกมานั่ง
การกระทำของหลินเยว่ทั้งหมดล้วนอยู่ในสายตาของท่านเฮ่อฉางเหอ ทำให้ท่านเฮ่อรู้สึกพอใจเป็อย่างมาก ในใจของท่านคิดว่า “ใครบอกว่าคนวัยรุ่นสมัยนี้ไม่รู้จักเคารพและปฏิบัติตามคำสั่งสอนของอาจารย์ ดูหลินเยว่สิ หลินเยว่คนนี้ไม่เลวเลยทีเดียว! หากตาแก่ฉางไม่รับเขาไว้เป็ศิษย์ ตาแก่อย่างผมก็ยินดีรับไว้เอง ฮ่าๆ ......”
หลังจากพวกเขาทั้งสองคนนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ท่านเฮ่อฉางเหอจึงเริ่มบรรยายเนื้อหาต่อ การบรรยายครั้งนี้ก็ใช้เวลาทั้งวันเลยทีเดียว นอกจากตอนกลางวันที่ออกไปทานอาหารง่ายๆ แล้ว พวกเขาก็ใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดอยู่ในหรงเล่อเซวียน มีบางครั้งที่มีลูกค้าเข้ามาดูวัตถุโบราณบ้าง แต่นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีใครเข้ามารบกวนชายชราและชายหนุ่มทั้งสองคนนี้เลย
ระหว่างทางกลับบ้านในตอนกลางคืน หลินเยว่ย้อนคิดทบทวนความรู้เกี่ยวกับเครื่องเคลือบที่ท่านเฮ่อฉางเหอได้บรรยายไว้ เนื่องจากมีเครื่องเคลือบจำนวนมากที่หรงเล่อเซวียนไม่มี ดังนั้น ท่านเฮ่อฉางเหอจึงให้เขากลับไปค้นหาข้อมูลเอง เมื่อสักครู่เขาไปแวะที่ห้องสมุด แต่ในห้องสมุดกลับไม่มีข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเครื่องเคลือบอย่างเป็ระบบ จึงไม่ต้องคิดว่าจะมีข้อมูลภาพต่างๆ ได้เลย ดังนั้น เขาจึงมีความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นในสมอง นั่นก็คือ การไปค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต หลินเยว่ตบศีรษะของตัวเองอย่างแรง ทำไมเขาถึงไม่ได้คิดถึงเื่นี้เลยล่ะ การค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตสะดวกสบายจะตาย
ดังนั้น เขาจึงรีบลงจากรถแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังศูนย์รวมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทันที
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป หลินเยว่จึงถือโน้ตบุ๊กออกมาจากศูนย์รวมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์แห่งนี้
หลายวันต่อมา ตอนกลางวันหลินเยว่จะไปฟังการบรรยายของท่านเฮ่อฉางเหอตามกำหนด ตอนกลางคืนหลังจากกลับถึงบ้านแล้วเขาจะใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต โชคดีที่เ้าของบ้านหลังนี้ชอบเล่นอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว จึงได้ต่อสายอินเทอร์เน็ตไว้เรียบร้อยแล้ว มิฉะนั้น หลินเยว่ยังต้องใช้เวลาพอสมควรในการหาช่างมาต่อสายอินเทอร์เน็ตให้เขา
หลังจากค้นหาข้อมูลเสร็จแล้ว เขาถึงจะฝึกผ่าธูป หลายวันมานี้ การผ่าธูปของหลินเยว่เริ่มพัฒนาขึ้นมาบ้าง ถึงแม้ว่าอัตราส่วนในการผ่าถูกเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่หลินเยว่รู้สึกว่าคมมีดในมือของเขาเริ่มเข้าใกล้ธูปมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ ตอนนี้เขายังสามารถอดทนผ่าธูปได้ยาวนานจนกระทั่งธูปไหม้ไปหนึ่งดอกครึ่งเขาก็ยังไม่หมดสติ แต่ความพยายามในการฝืนทำเช่นนี้ สิ่งที่เขาแลกมาก็คือ เขาสามารถเผลอหลับขณะยืนอยู่ได้เลยทีเดียว
การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องทำให้หลินเยว่รู้สึกว่ามีดอีโต้ในมือของเขามันช่างไม่เหมาะมือจริงๆ เขาจำเป็ต้องหาเวลาออกไปหามีดที่เหมาะสมกับมือของเขาเสียแล้ว
วันที่ 7 หลินเยว่มาถึงหรงเล่อเซวียนตามเวลา เขาเปิดร้านเพียงไม่นาน ขณะที่เขากำลังคิดจะทบทวนความรู้ที่เขาได้เรียนมาเมื่อวานและนำมาเทียบกับเครื่องเคลือบของจริงในร้านนั้น มีชายวัยกลางคนหุ่นลงพุงผู้หนึ่งเดินเข้ามาในร้าน เขาสวมชุดภูมิฐานดูเป็ผู้มีอันจะกิน ในมือของเขาถือเครื่องลายครามเอาไว้ชิ้นหนึ่ง เมื่อบุคคลผู้นี้เดินเข้ามาเขาก็เหลียวซ้ายแลขวาทันที
หลินเยว่เห็นว่ามีลูกค้าเดินเข้ามา เขาจึงรีบเดินไปต้อนรับอย่างไม่รีรอ
“ไม่ทราบว่าท่าน้าอะไรหรือครับ?”
โดยปกติหลินเยว่สามารถให้ลูกค้าเดินชมวัตถุโบราณได้ตามใจชอบ ส่วนตัวเขาค่อยปรากฏตัวตอนที่อีกฝ่าย้าชำระเงินก็พอแล้ว แต่ทว่าตอนนี้เขา้าฝึกทักษะการพูดของตัวเองรวมทั้งเพิ่มประสบการณ์ในการค้าขายให้มากขึ้น ดังนั้น เขาจึงกระตือรือร้นในการเข้าไปหาอีกฝ่ายก่อน
“คุณเป็พนักงานของร้านนี้หรือ?” ชายวัยกลางคนกวาดตามองหลินเยว่ทั้งตัวพร้อมถามขึ้น
“พนักงาน?” หลินเยว่ลองคิดๆ ดู ตัวเขาก็ถือว่าเป็พนักงานครึ่งหนึ่งในหรงเล่อเซวียนแล้วล่ะ เขาจึงตอบขึ้น “ก็ใช่ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอถามคุณเื่หนึ่ง หลายวันมานี้ท่านเฮ่อมักจะมาที่นี่ใช่ไหม?” ชายวัยกลางคนเห็นว่าหลินเยว่ยอมรับว่าตนเองเป็พนักงานของหรงเล่อเซวียน เขาจึงพูดด้วยใบหน้าประจบเล็กน้อย
“ใช่ครับ ท่านมาหาท่านเฮ่อมีธุระอะไรหรือครับ?”
หลินเยว่เหลือบมองเครื่องลายครามที่ชายวัยกลางคนผู้นี้อุ้มอยู่ในมืออย่างไม่ตั้งใจ ในใจของเขาคิดว่าชายผู้นี้คงไม่ได้มาหาท่านเฮ่อเพื่อให้ท่านเฮ่อพิสูจน์ว่าเครื่องลายครามชิ้นนี้เป็ของแท้หรือของปลอมหรอกนะ
ชายวัยกลางคนกลับรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ผมไม่ได้มาหาท่านเฮ่อ แต่ผมมาหาคุณ”
“หาผม? มาหาผมเพราะอะไรหรือ?” หลินเยว่งงไปชั่วครู่ เขามองชายวัยกลางคนผู้นี้อย่างข้องใจ เพราะนี่เป็ครั้งแรกที่มีคนมาหาเขา
“ใช่แล้ว ผมมาหาคุณนั่นแหละ” ชายวัยกลางคนพยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้ามาใกล้ตัวของหลินเยว่พร้อมถามขึ้น “คุณคุ้นเคยกับท่านเฮ่อหรือเปล่า?”
คำพูดและสีหน้าของชายวัยกลางคนผู้นี้ทำให้หลินเยว่รู้สึกงงงวย เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่าย้าทำอะไรกันแน่
หลินเยว่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีจึงได้แต่ตอบกลับไป “ก็พอคุ้นเคยอยู่บ้าง”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย” สีหน้าของชายวัยกลางคนผู้นี้ดูโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นเขาจึงถามหลินเยว่ด้วยน้ำเสียงประจบเล็กน้อย “พ่อหนุ่ม ช่วยผมสักเื่ได้หรือเปล่า?”
“เื่อะไรล่ะ?” หลินเยว่เดินถอยหลังไปหนึ่งก้าว ยิ่งเขาสังเกตอีกฝ่ายมากขึ้นเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าชายผู้นี้ไม่น่าจะเป็คนดีเลย
ชายวัยกลางคนก็รีบก้าวเท้าตามมาหนึ่งก้าวทันทีเช่นกัน หลังจากนั้นจึงล้วงสิ่งของสีแดงจากในกระเป๋าแล้วยัดใส่มือของหลินเยว่ ปากของเขาก็ยังพูดไม่หยุด “ช่วยหน่อยนะๆ .......”
“คุณ้าทำอะไรกันแน่?” ตอนที่ชายวัยกลางคนกำลังล้วงกระเป๋าออกมา หลินเยว่จึงพบว่าสิ่งของสีแดงนั้นเป็ธนบัตรปึกหนึ่ง เขาจึงรีบหลบถอยหลังอย่างไม่รอช้าพร้อมมองอีกฝ่ายด้วยความโกรธจัด
การที่สุภาพบุรุษจะชอบเงิน หากไม่ได้ทำร้ายใคร หรือทำผิดกฎหมายก็ไม่ได้เป็ความผิดอะไร ซึ่งธรรมเนียมนี้เขาก็รู้เป็อย่างดี
ชายวัยกลางคนเห็นว่าหลินเยว่ไม่ยอมรับเงิน เขาก็ยิ่งร้อนใจมากขึ้น ปากของเขาก็ยังเอ่ยขึ้นตลอดเวลา “พ่อหนุ่มรับไว้เถอะ ไม่ได้ให้ทำเื่ใหญ่อะไร ก็แค่งานเล็กๆ เป็เพียงงานเล็กๆ เท่านั้นเอง”