"เ้ากังวลใจในเื่นี้เองหรอกรึ?? ศิษย์พี่ผู้นี้จะบอกแก่เ้า ความจริงแล้วก่อนหน้านี้หลายปีก่อนที่ท่านอาจารย์จะรับเ้าเข้ามา ทางฝั่งของผู้าุโระดับสูงและเ้าตำหนักทั้งสามคนต่างกดดันอาจารย์เหวินหวู่ของพวกเราให้เลือกศิษย์คนใดคนหนึ่งเป็ศิษย์สืบทอดของตำหนักเสียทีเพราะตำแหน่งนี้ถูกว่างเว้นมาหลายปีเเล้ว..."
"เ้าอาจจะพอรับรู้มาบ้างว่าเป็ธรรมเนียมที่ถูกปฏิบัติยึดถือในสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์มาอย่างช้านานั้แ่เริ่มต่อตั้งสำนัก นั่นคือในทุก ๆ สี่ปีตำหนักทั้งสี่จักต้องให้ศิษย์ผู้สืบทอดในตำหนักของร่วมประลองกัน ทางตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาไร้ซึ่งตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดมายาวนานนับสิบปีแล้วเ้ารู้หรือไม่ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นหลังจากนั้น??" ไป๋เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นก่อนที่จะยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
"ขอรับ..." หนิงอ้ายตอบกลับไปด้วยความไม่มั่นใจ
"พวกเราทั้งหกคนต่างโยนตำแหน่งนี้ให้กันไปมาราวกับเหล็กร้อน ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างเห็นตรงกันว่าเป็ศิษย์พี่ใหญ่ที่คู่ควรกับตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดแต่ทว่าศิษย์พี่ใหญ่นั้นกลับโยนให้กับศิษย์พี่รองเสียอย่างนั้น..."
"เ้าน่าจะพอคาดเดาได้ว่าหลังจากนี้ได้เกิดสิ่งใดขึ้น ศิษย์แต่ละคนในตำหนักต่างถกเถียงกันไปมาก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าผู้ใดจักเป็เ้าของตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดนี้ ท้ายที่สุดในการประลองระหว่างศิษย์ผู้สืบทอดในเเต่ละครั้งนั้นท่านอาจารย์จึงสุ่มคัดเลือกเพื่อตัวเเทนของตำหนักในการเข้าประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดของทั้งสามตำหนักที่เหลือนั่นเอง..." ไป๋เหลียนฮวาตอบกลับเด็กหนุ่มไปพร้อมกับหัวเราะออกมาเล็กน้อย เพราะเมื่อพูดถึงทีไรภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นชัดเจนในความทรงจำของนางอยู่เสมอ
"เ้ากังวลใจว่าตำแหน่งผู้สืบทอดนี้จะทำให้เ้าถูกเกลียดชังและไม่พอใจจากศิษย์พี่ท่านอื่นเช่นนั้นรึ?? ข้าว่าพวกบุรุษเ่าั้คงจะดีใจเสียมากกว่า..." นางตอบกลับเด็กหนุ่มไปด้วยความสัตย์จริงให้เด็กหนุ่มนั้นเลิกกังวลใจ
"ท่านอาจารย์คงเห็นถึงความสามารถและความเหมาะสมในตัวเ้า อย่าลืมว่าในก่อนหน้านี้เ้าได้ผ่านการทดสอบในฐานะของศิษย์ผู้สืบทอดซึ่งเห็นเป็ประจักษ์แก่เ้าสำนัก ท่านเ้าตำหนักทั้งสามท่าน ผู้าุโคุมกฎรวมไปถึงผู้าุโระดับสูงทุกคนรวมไปถึงศิษย์สายใน ศิษย์สายนอกของสำนักศึกษาเราแล้ว เ้าได้ตำแหน่งนี้มาด้วยความภาคภูมิอย่างแท้จริง..."
"สุดท้ายนี้ แม้ว่าท่านอาจารย์นั้นอาจดูยากที่จะคาดเดาไปบ้างแต่ทุกที่ท่านอาจารย์ตัดสินใจแล้ว สิ่งนั้นย่อมมีเหตุผลรองรับเสมอ ต้องรีบไปกันได้แล้วอย่าให้ศิษย์พี่ท่านอื่นต้องรอนานไปมากกว่านี้..." นางเอ่ยเสริมขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะเดินนำเด็กหนุ่มไปด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น
ตัวเรือนรับรองหลังนี้ตรงที่ด้านข้างมีสระน้ำขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยกอบัวหลากสีสันที่ชูช่อไปมาชวนให้รู้สึกสงบใจเป็อย่างยิ่ง เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปในห้องรับรองดังกล่าวเเล้วนั้นจึงพบว่า ตรงที่นั่งตรงกลางเป็ผู้าุโเหวินหวู่ที่กำลังพูดคุยกับศิษย์พี่ท่านหนึ่ง
ตรงที่นั่งสองลำดับเเรกไร้ซึ่งตัวคน แต่ที่นั่งจากนั้นที่ลดหลั่นกันนั้นต่างมีผู้ที่นั่งอยู่ทั้งสิ้น หนิงอ้ายไม่แปลกใจที่ไม่พบเห็นศิษย์พี่ครบทุกคนเพราะตามที่ศิษย์พี่ไป๋ได้บอกในก่อนหน้าว่าศิษย์พี่ทั้งสองได้ออกไปทำภารกิจให้กับท่านอาจารย์ ภายในเจ็ดวันนี้คงกลับถึงตำหนักอย่างแน่นอน
"ขอบใจเ้ามากไป๋เอ๋อร์ที่เป็ธุระในครั้งนี้ให้กับอาจารย์..." ผู้าุโเหวินหวู่เอ่ยขึ้น ศิษย์พี่ไป๋เหลียนฮวาจะประสานมือโค้งคำนับก่อนที่จะเเยกตัวไปนั่งยังที่ประจำของตน
"เ้าชื่อหนิงอ้ายสินะ มาตรงนี้ให้ข้าได้เห็นหน้าเ้าชัด ๆ เสียหน่อยในลานพิธีนั้นเห็นเ้าไม่ชัดสักเท่าไหร่นัก..." ผู้าุโเหวินหวู่เอ่ยขึ้น หนิงอ้ายที่หันไปมองศิษย์พี่ไป๋และศิษย์พี่คนอื่นที่ต่างส่งสายตาบอกให้เขาทำตามที่ท่านอาจารย์สั่ง เด็กหนุ่มจึงก้าวเท้าเข้าไปก่อนที่จะคุกเข่าคำนับชายชราที่นั่งอยู่ด้านหน้าทันที
"หวังหนิงอ้ายคำนับท่านอาจารย์เหวินหวู่ขอรับ!!" หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันมั่นคงก่อนที่จะประสานมือโค้งคำนับอีกฝ่ายพร้อมกับจรดหัวลงกับพื้นด้วยความเคารพยิ่ง
"อายุเพียงสิบห้าสิบหกปีเช่นนี้แต่กลับมีปราณต้นกำเนิดธาตุไฟที่บริสุทธิ์ไปถึงสิบส่วน อีกทั้งยังกระดูกิญญาอายุสี่พันปีเช่นนี้ ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดา..."
"ตาเฒ่าจิ่งหลง ฮูหยินเหมยฮวาและซินเอ๋อร์คงสบายดีใช่หรือไม่??" สิ้นคำกล่าวของชายชราผู้เป็ดั่งอาจารย์ ยิ่งคำกล่าวที่พูดถึงท่านตาของตนอย่างสนิทสนมเช่นนี้นับว่าน่าแปลกใจเป็อย่างยิ่ง
ทางฝั่งของศิษย์พี่ทั้งสองยกเว้นไป๋เหลียนฮวา หลังจากได้รับรู้ว่าพวกตนมีศิษย์น้องลำดับที่เจ็ด ที่ผ่านการทดสอบของผู้าุโและได้รับตำแหน่งผู้สืบทอด ต่างคิดว่าเป็เพียงเื่ขำขันที่ไม่อาจเป็ไปได้ เเต่ด้วยเพราะข่าวที่ว่าตำหนักศาสตร์แห่งการรักษามีผู้ที่ตำแหน่งผู้สืบทอดเเล้วในที่สุด และผู้นั้นเป็เพียงเด็กหนุ่มผู้เป็ศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีอายุเพียงสิบห้าสิบหกปี
ทุกคนในสำนักศึกษาทั้งที่เข้าร่วมรับชมการทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้หรือต่างรับรู้กันทั้งสิ้น เมื่อพวกตนได้รับคำยืนยันจากไป๋เหลียนฮวา พวกเขาจึงเฝ้ารอคอยที่จะได้พบศิษย์น้องของพวกตน เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนที่ท่านอาจารย์เลือกเป็ศิษย์ในตำหนักและได้รับฐานะผู้สืบทอดนั้นต้องไม่ธรรมดาสามัญอย่างแน่นอน
"ท่านตาท่านยายและท่านแม่ของข้าสบายดีขอรับ ท่านอาจารย์รู้จักพวกท่านทั้งสองและมารดาของข้าด้วยอย่างนั้นหรือ??" หนิงอ้ายตอบกลับไปด้วยท่าทีขัดเขินเพราะเขานั้นตั้งใจที่จะปกปิดตัวตนของตนเเต่ไม่คิดว่าท่านอาจารย์จะทราบเื้ัของเขา
"ตาเฒ่าหวังจิ่งหลงได้เขียนจดหมายฝากฝังพวกเ้าสองพี่น้องให้กับข้าก่อนที่พวกเ้าจะผ่านการทดสอบเสียอีก ตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดที่เ้าได้มานั้นเป็สิ่งที่มีความชอบธรรมและความสามารถอันเป็ประจักษ์ ไม่เกี่ยวกับการที่ข้าเป็สหายของตาเ้าจงสบายใจได้!!" เหวินหวู่ตอบกลับเด็กหนุ่มไปด้วยความเอ็นดู ดูท่าเเล้วสหายเฒ่าของเขาที่เขียนบรรยายถึงความน่าเอ็นดูของหลานคนเล็กและหลานคนโตไม่เกินจริงไปเท่าไหร่นัก
"ศิษย์น้องเ้าแซ่หวังเช่นนั้นรึ?? ข้านึกว่าเ้าแซ่หนิงเสียอีก แสดงว่าในการประลองแคว้นก่อนหน้าที่แคว้นเต่าดำเป็ผู้จัดขึ้นคุณชายหวังหนิงอ้ายผู้เป็ผู้ชนะอันดับหนึ่งในการประลองและฐานะเ้าแห่งยุทธภพที่อายุน้อยที่สุดเป็เ้าเช่นนั้นรึ!!!!" เสียงของศิษย์พี่หกเอ่ยขึ้นอย่างชื่นชมทำเอาหนิงอ้ายนั้นรู้สึกเขินไม่น้อย
"ศิษย์น้องของพวกเราเป็ถึงเ้าแห่งยุทธภพรุ่นเยาว์เชียวรึ?? เช่นนั้นแล้วในอีกสองปีข้างหน้าในการประลองศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักทั้งสี่ดูท่าเเล้วพวกเราของมีหวังมากกว่าเดิมสินะ..." ศิษย์พี่สี่ที่นั่งอยู่ทางฝั่งซ้ายมือเอ่ยเสริมขึ้น
"ว่ากันว่าเ้ายุทธภพรุ่นเยาว์หวังหนิงอ้ายรูปโฉมงดงามนั่งนางเซียนในตำนานเื่เล่า เส้นผมสีขาวเงินบริสุทธิ์รับกับผิวขาวราวกับหิมะดวงตาเปรียบดั่งอัญมณีอันล้ำค่าที่ผู้ใดสบตาเเล้วยากที่จะต้านทานได้ เเต่กับเ้าในรูปลักษณ์ตอนนี้เ้าคงใช้เวทย์ปลอมแปลงอยู่ใช่หรือไม่?? " ศิษย์พี่หกเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้
"ข้าใช้รูปลักษณ์ปลอมแปลงนี้ในการเดินทางมาทดสอบของสำนัก..." หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมกับยกยิ้มเล็กน้อย
"เ้าอยู่ในรูปลักษณ์ปลอมแปลงเช่นนี้ก็ดีเเล้ว ด้วยฐานะเ้ายุทธภพรุ่นเยาว์ของเ้าในตอนนี้หากมีผู้คนรับรู้มากเท่าไหร่ย่อมไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร่..." ผู้าุโเหวินหวู่เอ่ยเสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
ด้วยเพราะเ้ายุทธภพรุ่นเยาว์แต่ละคนในรอบร้อยปีมานี้ สุดยอดฝีมือเหล่านี้ล้วนต่างหายตัวไปอย่างปริศนาแม้จะมีคำกล่าาว่าคงท่องเที่ยวโลดแล่นอยู่ในยุทธภพอันกว้างใหญ่นี้ เเต่ว่าความจริงเ้ายุทธภพเ่าั้ล้วนหายตัวไปอย่างน่าแปลกประหลาดที่ไม่สามารถสืบค้นหาสิ่งใดได้ ดังนั้นจึงมีการปรึกษาหารือกันอย่างลับ ๆ เพื่อที่จะหาทางแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดเื่ราวเช่นนี้ได้อีกในวันข้างหน้า
"ศิษย์น้องหนิงอ้ายเ้าช่วยปลดการปลอมแปลงได้หรือไม่?? ศิษย์พี่อยากเห็นตัวตนที่เเท้จริงของเ้าเเต่หากเ้าไม่สะดวกใจก็ไม่เป็ไร..." ศิษย์พี่หกคนเดิมเอ่ยขึ้นกับเด็กหนุ่ม
ในการประลองระหว่างแคว้นที่ผ่านมา เขาได้ยินเื่ราวที่เกิดขึ้นมาไม่น้อยรวมไปถึงเื่ราวของเ้ายุทธภพรุ่นเยาว์หวังหนิงอ้ายที่ทุกคนเข้าร่วมรับชมงานประลองต่างพูดเป็เสียงเดียวกันว่าความงามของอีกฝ่าย หากกล่าวว่าเป็ที่สองคงไม่มีผู้ใดกล้ายกตนเป็ที่หนึ่ง
"ศิษย์น้องหกอย่าทำให้ศิษย์น้องเล็กลำบากใจ ศิษย์น้องหนิงอ้ายเ้าไม่จำเป็ต้องทำตามที่ศิษย์น้องหกร้องขอ เพราะมันเป็สิทธิของเ้า..." แม้ว่าไป๋เหลียนฮวาเองก็อยากเห็นรูปลักษณ์ที่เเท้จริงของเด็กหนุ่ม เเต่นางก็ไม่อาจฝืนบังคับได้เพราะนางเชื่อว่าหากวันใดเด็กหนุ่มพร้อมพวกนางคงได้เห็นอย่างแน่นอน
"ความจริงแล้วข้าก็ตั้งใจที่จะเปิดเผยรูปลักษณ์ที่เเท้จริงของข้าให้พวกท่านเห็นเช่นกันเพราะข้ายึดถือคำที่ว่าเป็อาจารย์หนึ่งวันเป็ดั่งบิดาไปชั่วชีวิต ในเมื่อพวกเราต่างยึดถือเคารพอาจารย์คนเดียวกันแล้ว เช่นนั้นพวกเราต่างเป็พี่น้องกันทั้งสิ้น ข้าเองเต็มใจที่จะให้ศิษย์พี่ทุกคนและท่านอาจารย์ได้เห็นตัวตนที่เเท้จริงของข้าขอรับ!!" หนิงอ้ายตอบกลับศิษย์พี่ทั้งสองของตนไปพร้อมกับระบายยิ้มเล็กน้อย
เขาได้มองไปยังอาจารย์ของตนและศิษย์พี่ที่ต่างมองมายังตน ก่อนที่ชั่วอึดใจหนิงอ้ายจึงปลดการปลอมแปลงของตนในทันที…
โดยปกติรูปลักษณ์ภายนอกที่หนิงอ้ายใช้เวทย์ปลอมแปลงจะเป็เด็กหนุ่มอายุราว ๆ สิบห้าสิบหกปีคนหนึ่งที่มีหน้าตาน่ารักชวนให้รู้สึกเอ็นดู เมื่อเทียบกับเด็กหนุ่มใน่วัยเดียวกันหนิงอ้ายนั้นตัวเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัด
สิ่งเหล่านี้เองไม่ว่าจะเป็ใบหน้าที่จะเรียกว่างดงามหรือหล่อเหลาก็ได้แล้ว เมื่อถูกรวมไปกับรูปร่างอันบอบบางของเด็กหนุ่มจึงทำให้ในสายตาของทุกคนจึงมองหนิงอ้ายเป็ดั่งน้องน้อยที่ต้องคอยปกป้องดูเเลให้ดีที่สุด ทว่าเมื่อทุกคนได้เห็นฝีมือและพร์ของร่างบางนั้นความคิดนี้จึงถูกปัดตกไปจนสิ้น
รูปลักษณ์ปลอมแปลงที่หนิงอ้ายใช้ก็เป็ตัวตนของเขาเองในโลกเดิมตอนที่อยู่ใน่วัยเดียวกัน แม้ว่าพวกเขาทั้งสองคนจะมีเค้าโครงหน้าที่คล้ายกันเป็อย่างมากก็จริง เเต่ทว่าด้วยเพราะใบหน้าของหนิงอ้ายในโลกนี้นั้นมีความคล้ายคลึงกับเยว่ซินไปมากถึงเก้าในสิบส่วน
จึงส่งผลให้เด็กหนุ่มมีใบหน้าที่งดงามไม่ต่างไปจากมารดาผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็อันดับหนึ่งยอดพธูของแคว้น แล้วยิ่งหลังจากที่หนิงอ้ายได้ปลุกพลังสายเืของหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์สำเร็จคล้ายคลึงกับว่าร่างกายนี้ได้เกิดใหม่ก็คงไม่เกินจริงไปนัก เพราะพิษต่าง ๆ ที่เคยได้รับสะสมเป็เวลาหลายปีในก่อนหน้าล้วนได้รับการขจัดไปทั้งสิ้น อีกทั้งร่างกายก็มีความเเข็งแกร่งเป็อย่างมาก
สิ่งที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าของทุกคนในเรือนรับรองหลังนี้นับได้ว่าเกินความคาดหมายไปเป็อย่างมาก เพราะตอนเเรกนั้นข่าวคราวของงานประลองระหว่างแคว้นที่ผ่านมา ชาวยุทธภพนั่นต่างร่ำลือกันไปทั่วว่าเ้ายุทธภพรุ่นเยาว์หวังหนิงอ้ายนั้นงดงามเสียจนไม่อาจนำไปเปรียบเทียบให้ต้องมลทินได้ เส้นผมสีขาวเงินก็แปลกตาส่งเสริมให้อีกฝ่ายราวกับไม่มีอยู่จริง
สำหรับพวกเขาเองที่ได้รับรู้ว่าศิษย์น้องลำดับที่เจ็ดที่ท่านอาจารย์เหวินหวู่ได้ทดสอบจนท้ายที่สุดก็ได้ส่งมอบตำแหน่งผู้สืบทอดให้อีกฝ่ายนั้น ฟังจากคนที่ไปร่วมพิธีรับศิษย์ใหม่ในปีนี้ต่างพูดเป็เสียงเดียวกันว่าเด็กหนุ่มควรเข้าสังกัดศาสตร์แห่งการต่อสู้เสียมากกว่าด้วยความสามารถเช่นนี้นับได้ว่าเหมาะสมยิ่ง
สุดท้ายตัวคนกลับเลือกตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาเสียอย่างนั้น เื่นี้ต่างทำให้ทุกคนเสียดายเป็อย่างมากเพราะหากเด็กหนุ่มได้เข้าสังกัดการต่อสู้ย่อมสร้างชื่อเสียงได้มากเป็แน่...
เมื่อพวกเขาได้รับรู้ว่าเ้ายุทธภพรุ่นเยาว์หวังหนิงอ้ายและศิษย์น้องหนิงอ้ายเป็คนเดียวกัน พวกเขาต่างดีใจกันเป็อย่างมาก เเต่ถึงอย่างนั้นพวกเราต่างคิดกันว่าสิ่งที่ผู้คนในโลกยุทธภพที่ได้ร่ำลือกันไปคงจะเกินจริงไปเสียหน่อยตามประสาที่อาจมีการแต่งเติมกันขึ้นก็เป็ไปได้ เเต่เมื่อพวกเขาได้เห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าพวกตนที่ได้ปลดการปลอมแปลงไป คำกล่าวเ่าั้ไม่ได้เกินจริงไปเลยแม้เเต่น้อย
หวังหนิงอ้ายมีความงดงามเป็อย่างมากจนที่ว่าคำกล่าวถึงเด็กหนุ่มดูราวกับว่าไม่ให้เกียรติความงามของอีกฝ่ายไปเสียอย่างนั้น พวกเขาทุกคนในที่นี้ต่างหยุดนิ่งราวกับถูกสะกดมนต์ขลังความงามนี้ พวกเขาต่างคิดว่าไป๋เหลียนฮวาเป็สตรีที่งดงามมาก จนทำให้ครั้งเเรกพบหน้าพวกเขาต่างตกตะลึงไปอยู่ไม่น้อย จนนานวันเข้าหลายปีพวกเราที่เป็บุรุษทุกคนในตำหนักแห่งนี้ต่างคุ้นชินกับความงามดังกล่าว
อีกทั้งยังมีความคิดเดียวกันว่านางงดงามมากและหาได้ยากยิ่งที่จะพบสตรีอื่นที่เทียบเท่ากับนางได้ เเต่ทว่าในตอนนี้พวกเขาที่ได้เห็นรูปลักษณ์ของหนิงอ้ายผู้เป็ศิษย์น้องคนใหม่ของตนพอนำมาเปรียบเทียบกับไป๋เหลียนฮวาที่เป็สตรีที่พวกเขาเคยคิดว่างดงามที่สุดเเล้วยังด้อยกว่าเด็กหนุ่มไปหลายส่วนเลยทีเดียว
พินิจมองใบหน้างามรูปไข่นั้นจะพบว่าดวงตาสีฟ้าอ่อนคล้ายกับอัญมณีอันล้ำค่าที่หายาก จมูกโด่งที่รับเข้ากับคิ้วโก่งสีดำ ริมฝีปากบางเป็รูปกระจับสีชมพูที่ล้อไปกับพวงแก้มทั้งสองข้าง เส้นผมสีขาวเงินบริสุทธิ์ที่ถูกปล่อยยาวจรดไปถึงกลางหลังได้ปลิวสยายยามเมื่อลมพัดมา รวมไปถึงผิวกายที่ขาวสะอาดยิ่งส่งเสริมให้เด็กหนุ่มในตอนนี้ดูงดงามเป็อย่างมากราวกับว่าไม่มีอยู่จริงในโลกแห่งนี้
กลิ่นอายที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างบางนั้นชวนให้รู้สึกว่าหนิงอ้ายเป็ผู้สูงศักดิ์จากแดนเซียนที่ลงมาโปรดมนุษย์ ความงดงามเช่นนี้เองพวกเขาทุกคนจึงเข้าใจกันอย่างถ่องเเท้ว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงต้องปลอมแปลงตน เพราะถ้าหากว่าเด็กหนุ่มออกเดินทางจากแคว้นของตนเพื่อมาทดสอบเข้าสำนักในครั้งนี้ด้วยรูปลักษณ์ดังกล่าว ไม่แคล้วคงมีปัญหาอย่างมากมายเป็แน่...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้