บทที่ 1 ทะลุมิติ สู่ร่างแม่เลี้ยงกำพร้า
ยามอรุณรุ่งสาดแสงสีทองอ่อน แต้มฟ้าทางทิศบูรพา ทั่วทั้งหมู่บ้านสกุลหลี่ที่อยู่ลึกเข้าไปในหุบเขาอวี้หลงยังคงปกคลุมด้วยม่านหมอกจางๆ เสียงไก่ขันเจื้อยแจ้วปลุกชีวิตที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นช้าๆ
เฉินอิง นักศัลยแพทย์สมองมือหนึ่งแห่งยุค 21 ที่เมื่อวานยังคงยืนหยัดหน้าห้องผ่าตัดเกือบ 12 ชั่วโมงเต็ม ทำให้ร่างกายไม่ไหวนางวูบและน็อคไปทันทีหลังจากจบการผ่าตัดเคสสุดท้าย
เช้าวันใหม่นางกำลังแบกจอบเก่าคร่ำคร่าไว้บนบ่า ทั้งๆที่ร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ แต่นางก็ต้องออกไปทำงาน เท้าเปลือยเปล่าเหยียบย่ำไปบนทางเดินดินโคลนที่ยังคงชุ่มฉ่ำด้วยน้ำค้างยามเช้า มุ่งหน้าสู่ปลายสุดของหมู่บ้านทางทิศตะวันตก
"ท่านแม่... ท่านแม่เ้าคะ!" เสียงเรียกเล็กๆ ที่แฝงด้วยความหวาดกลัวดังมาจากด้านหลัง ทำให้เฉินอิงชะงักฝีเท้า หันหลังกลับไปมอง
บนทางโคลนเลนเื้ั เด็กชายหญิงฝาแฝดวัยสิบขวบ สวมเสื้อผ้าปอนๆ ไม่พอดีตัว เนื้อผ้าหยาบกระด้างจนมองเห็นรอยปะชุนนับไม่ถ้วน พวกเขากำลังก้าวเท้าเล็กๆ เหยียบย่ำน้ำโคลนเสียงดังเปาะแปะ มือเล็กๆ กอดโถดินที่ดูใหญ่เกินตัวมาอย่างทุลักทุเล เมื่อเห็นนางหยุด พวกเขาก็เร่งฝีเท้า ดวงตาใสซื่อจับจ้องมายังนางอย่างมีความหวัง
เด็กสองคนนี้คือหลี่เฟิงหลงและหลี่อิงฮวา ลูกชายและลูกสาวฝาแฝดของอดีตเ้าของร่าง
"พวกเ้ามาตามข้าทำไมกัน อากาศหนาวเช่นนี้เหตุใดจึงไม่สวมรองเท้าเล่า" เฉินอิงเอ่ยถาม น้ำเสียงแฝงความห่วงใยที่แม้แต่นางเองก็ยังแปลกใจ
หลี่อิงฮวา ดวงตากลมโตเป็ประกาย ตอบอย่างว่าง่าย "ท่านแม่เ้าคะ ข้าเอาน้ำมาให้ท่านแม่เ้าค่ะ ถ้าท่านแม่ไม่ดื่มน้ำแล้วจะทำงานไม่ไหว ท้องก็จะปวดด้วยเ้าค่ะ"
หลี่เฟิงหลงถลึงตาใส่น้องสาว "พูดอะไรน่ะ! นางไม่ใช่ท่านแม่ของเรา ท่านย่าบอกว่าห้ามเรียกนางว่าท่านแม่!"
หลี่อิงฮวาย่นปากอย่างน้อยใจ พึมพำเบาๆ "แต่... แต่ว่า ข้าอยากมีท่านแม่นี่นา..."
นางขยับจอบบนบ่า ใช้ร่างค้ำจอบไว้ไม่ให้หล่น แล้วยื่นมือออกไปรับโถดินจากเด็กทั้งสอง "ส่งโถน้ำมาให้ข้า พวกเ้ากลับบ้านไปเถิด ทางมันไกลนัก อากาศก็หนาวเย็น"
หลี่อิงฮวาพยักหน้าอย่างว่าง่าย เพราะขาดสารอาหารมานาน คอเล็กบางของนางจึงต้องรองรับศีรษะที่ดูใหญ่จนเกินตัว ทำให้เฉินอิงอดสะท้านใจไม่ได้กับความอดอยากที่เด็กน้อยต้องเผชิญในยุคสมัยนี้
หลี่เฟิงหลงเหลือบมองเฉินอิงแวบหนึ่งก่อนจะยื่นโถน้ำส่งให้นาง
"รีบกลับไปเถิด อย่าให้ท่านย่าเป็ห่วงเลย" เฉินอิงกล่าวเร่ง
หลี่เฟิงหลงจูงมือน้องสาวเตรียมจะเดินกลับ แต่หลี่อิงฮวาพลันสะบัดมือพี่ชายจนหลุดแล้ววิ่งกลับมาหาเฉินอิง
"ท่านแม่ ท่านจะไม่หนีไปใช่หรือไม่เ้าคะ" เด็กหญิงตัวน้อยเงยหน้ามองนาง ดวงตาใสซื่อเต็มไปด้วยความโหยหาความรักจากมารดาแท้ๆ แม่คลอดนางกับพี่ชายแล้วจากไปั้แ่นางยังเล็กๆ พวกนางไม่เคยมีแม่ ดังนั้นนางจึงอิจฉาเด็กคนอื่นที่มีแม่มาก ในใจของอิงฮวา เมื่อท่านพ่อพาแม่ใหม่เข้ามาในบ้าน นางก็ถือว่าตนมีแม่แล้ว!
นางวางของในมือแล้วย่อตัวลงลูบศีรษะเล็กเบาๆ "อิงฮวาเด็กดี กลับบ้านไปคอยข้านะ ท่านแม่ไม่หนีไปไหนหรอก"
ได้ยินนางบอกว่าจะกลับมา อิงฮวาก็ตาเป็ประกาย มือน้อยยื่นออกไปลองจับนิ้วของเฉินอิงเบาๆ พร้อมยิ้มเขิน "อิงฮวาจะเชื่อฟัง จะกลับบ้านไปรอท่านแม่นะเ้าค่ะ"
"ดีแล้วหละ พวกเ้าไปเถิด"
"อืม! อืม!"
หลี่อิงฮวาถูกพี่ชายจูงมือเดินไปแล้ว แต่ระหว่างทางยังคงหันกลับมามองเฉินอิงเป็ระยะ เห็นเฉินอิงยังคงมองมาที่นางก็ส่งยิ้มให้ ยิ้มนั้นหวานชื่น ว่าง่ายเสียจนทำให้เฉินอิงใจละลาย
เฉินอิงมองส่งเด็กทั้งสองจนลับตาเข้าหมู่บ้านไป จากนั้นก็ยกจอบขึ้นพาดบ่า อุ้มโถดินแล้วเดินย้ำโคลนต่อไป
ถึงแม้นางจะต้องกลายเป็แม่เลี้ยงของเด็กสองคน ถึงแม้ว่าตอนนี้ครอบครัวนี้จะยากจนข้นแค้นก็ตามที แต่มันจะเลวร้ายยิ่งกว่าโลกเดิมที่เต็มไปด้วยความตาย ความป่วยไข้ และความกดดันที่ถาโถมเข้ามาอีกหรือ
เพียงแต่เมื่อความทรงจำของเ้าของร่างเดิมปรากฏขึ้นในหัว นึกถึงสามีสารเลวผู้นั้น นางยังมีสามีนี่นา แววตาเฉินอิงก็เปลี่ยนเป็คมกริบ
'เหยาเหนียง' เ้าของร่างเดิมเป็เพียงเด็กสาวกำพร้าที่หลบหนีภัยามาจากหมู่บ้านเล็กๆ ทางตอนเหนือ ครอบครัวของนางตายหมดสิ้น นางตัวคนเดียวหลบหนีมาจนถึงอำเภอหลงเยว่ เพื่อให้ได้ลงทะเบียนสำมะโนครัว นางจึงยอมรับการจัดการของทางการ เด็กสาวงดงามร่าเริงในวัยสิบเก้าต้องมาแต่งงานกับหลี่ิ พ่อหม้ายอายุยี่สิบเก้าปีที่มีลูกสองคนแห่งหมู่บ้านสกุลหลี่
เดิมนางคิดว่าชีวิตจะสงบสุขเสียที แต่กลับพบว่าหลี่ิผู้นี้นอกจากรูปร่างหน้าตาดีหล่อเหลาแล้วนอกนั้นก็ไม่มีอะไรดีเลย!
เขาไม่ทำไร่ ทำนาไม่ทำงานทำการ แต่บอกว่าคนทั่วไปว่าไปค้าขาย ซึ่งก็บ้านไหนมีงานครึกครื้นรื่นเริงเขาจะเป็คนแรกที่พุ่งไปชมดู ทั้งวันเอาแต่เที่ยวเตร่ ประพฤติตัวออกนอกลู่นอกทาง สำมะเลเทเมา ไม่รับผิดชอบอะไรเลย
ตอนที่หลี่ฮูหยิน มารดาแท้ๆ ของลูกเลี้ยงทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ยังสามารถควบคุมหลี่ิได้บ้าง แม้ครอบครัวจะยากจนไปหน่อย แต่ดีร้ายอย่างไรก็ยังมีที่ดินยี่สิบหมู่ไว้ให้เพาะปลูก หากทำนากันอย่างขันแข็งตลอดปี ทั้งครอบครัวก็ไม่ถึงกับอดตายอย่างแน่นอน แต่ั้แ่นางคลอดฝาแฝดชายหญิงจนตกเืเสียชีวิตไปก็ไม่มีใครคอยควบคุมหลี่ิคนล้างผลาญผู้นี้อีก จะเพาะปลูกก็รังเกียจว่างานหนัก ไม่ยอมทำงานใดๆ พอไม่มีอะไรจะกินเมื่อใดก็ขายที่ดินออกไป ไม่นานก็ขายที่ดินดีๆ ที่มีอยู่ไปจนหมดสิ้น!
โชคดีที่ท่านย่าหลี่ห้ามเด็ดขาดไม่ให้ขายที่เหลืออยู่จึงเหลือที่ดินเอาไว้สองหมู่ เพียงแต่ที่ดินเ่าั้ แต่ละหมู่อยู่ห่างบ้านแสนไกล แถมยังอยู่ในหุบเขา ระยะทางใกล้ที่สุดยังต้องเดินถึงห้าลี้!
ที่บ้านยากจนถึงขนาดนี้ เด็กทั้งสองอดมื้อกินมื้อ การที่พวกเขาเติบโตขึ้นมาได้ถือเป็ปาฏิหาริย์
สี่วันก่อน ทางการเป็พ่อสื่อ หลี่ิรับเ้าของร่างเดิมเข้ามาในบ้านแล้วโยนเด็กผอมแห้งทั้งสองคนไว้ตรงหน้านาง แล้วสั่งว่าหน้าที่ของนางคือดูแลแม่และลูกของเขา จากนั้นก็สะบัดก้นออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นเช่นเคย!
ตอนนั้นเหยาเหนียงถึงกับงงงัน นางรู้ว่าบ้านหลี่ิยากจนและยังมีลูกถึงสองคน ชีวิตคงไม่ง่าย แต่ยังคิดอย่างไร้เดียงสาว่าหากสามีภรรยาร่วมแรงร่วมใจ ชีวิตคงจะดีขึ้นได้ แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อเปิดโอ่งข้าวดู แม้แต่ข้าวและรำข้าวยังไม่มีสักเม็ด!
เดิมนางลี้ภัยมาร่างกายก็เหนื่อยล้าทรุดโทรมถึงขีดจำกัดแล้ว ในบ้านไม่มีของกิน เมื่อเห็นฤดูสารทกำลังใกล้เข้ามา ฤดูหนาวก็ใกล้มาถึง นางจึงแบกจอบออกไปปลูกข้าวสาลีฤดูหนาวเพื่อเตรียมไว้กินในปีหน้า แต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วล้มตัวนอนลงบนเตียงจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก
ส่วนหลี่ิคนสารเลวผู้นั้นจนตอนนี้ก็ยังไม่กลับบ้าน หากไม่ใช่เพราะเฉินอิงข้ามเวลามา เกรงว่าจะไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเด็กสาวที่พยายามจะใช้ชีวิตผู้นี้ได้ตายไปแล้ว
"เฮ้อ..." เฉินอิงถอนหายใจ เอ่ยในใจว่า 'เหยาเหนียง' พวกเรามาตั้งใจใช้ชีวิตด้วยกันเถอะ!
แต่เมื่อนึกถึงสภาพครอบครัวหลี่ในตอนนี้ เฉินอิงก็อดปวดหัวไม่ได้
ฤดูหนาวใกล้เข้ามาแล้ว บ้านหลังคามุงจากหญ้าคาแสนทรุดโทรมของครอบครัวหลี่คงไม่อาจต้านทานความหนาวเหน็บได้ ฤดูหนาวที่นี่มีหิมะตกหนัก หลังคามุงหญ้าคาต้องเสริมให้แข็งแรง ไม่เช่นนั้นหากหิมะตกหนัก บ้านจะถล่มลงมาได้ บ้านถล่มไม่ใช่เื่ใหญ่ แต่หากทับคนตาย นั่นก็ถือเป็โศกนาฏกรรมที่ใหญ่หลวงนัก
อีกทั้งเสื้อผ้า นางและเด็กสองคนของตระกูลหลี่ล้วนใส่เสื้อผ้าเก่าที่ผู้อื่นให้มา ทั้งไม่พอดีตัวและยังขาดรุ่งริ่ง ยามปกติหากเปื้อนจนต้องซักยังไม่กล้าขยี้แรงเพราะกลัวจะขาด! เสื้อกันหนาวอาจซื้อผ้าฝ้ายและสำลีมาทำเองได้ เฉินอิงไม่ขอพูดว่านางทำเป็หรือไม่ แต่ก็สามารถเรียนรู้ได้ ใช่ไหมเล่า
แค่คิดถึงเสื้อกันหนาวสำหรับนางและเด็กทั้งสอง การซื้อวัสดุก็นับเป็ค่าใช้จ่ายที่ไม่น้อยแล้ว เงินหนอเงิน ตอนนี้นางไม่มีแม้แต่ครึ่งเหวินด้วยซ้ำ
แต่นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือตอนนี้นางกำลังหิว
ในกระเพาะของนางเหมือนมีเพลิงกำลังลุกไหม้ราวกับจะแผดเผากระเพาะของนางให้ทะลุเป็รูใหญ่ ทรมานเสียจนเฉินอิงอยากจะสังหารหลี่ิเ้าคนสารเลวนั่นแล้วกินเนื้อของเขาเสีย! ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง หากต้องมาหิวตายอีก นางคงตายตาไม่หลับแน่!
เมื่อไปถึงแปลงนาที่เหลืออยู่เพียงสองหมู่ ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขาที่ค่อนข้างทุรกันดาร เฉินอิงมองสำรวจพื้นที่อย่างละเอียดรอบคอบ ด้วยสายตาของแพทย์ที่เคยวิเคราะห์โรคและวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำ นางมองเห็นปัญหาและโอกาสที่ซ่อนอยู่ในที่ดินผืนนี้
นางเริ่มต้นการขุดพลิกหน้าดินอย่างระมัดระวัง ใช้จอบเก่าๆ ที่มีอยู่ค่อยๆ พลิกดินขึ้นมาอย่างช้าๆ แรงกายที่ยังไม่คุ้นชินกับงานหนักทำให้เหงื่อผุดพรายบนหน้าผาก แต่เฉินอิงก็ไม่ย่อท้อ การทำงานหนักท่ามกลางธรรมชาติเช่นนี้ แม้จะเหนื่อยล้า แต่ก็ทำให้จิตใจของนางสงบลงอย่างประหลาด
พลัน! เสียงกรอบแกรบของใบไม้ดังมาจากพุ่มไม้ใกล้ๆ ทำให้เฉินอิงชะงักมือ นางหันขวับไปมอง เห็นเงาตะคุ่มๆ ขนาดใหญ่เคลื่อนไหวอยู่หลังพุ่มไม้สูง
"ใครน่ะ!" เฉินอิงะโถาม เสียงแหบพร่าด้วยความเหนื่อยล้า แต่แววตาเฉียบคมจับจ้องไปที่พุ่มไม้ไม่วางตา ในโลกเดิมนางเคยเป็แพทย์ผู้เผชิญหน้ากับความตาย แต่ในโลกนี้... ไม่รู้ว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้นั้นคืออะไร จะเป็สัตว์ป่า หรือ... คน
เงาตะคุ่มนั้นค่อยๆ เคลื่อนออกมา ปรากฏร่างของบุรุษผู้หนึ่ง สวมชุดสีเข้ม เนื้อผ้าดีกว่าเสื้อผ้าชาวบ้านทั่วไป ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย แต่กลับซีดเซียว ดวงตาเหม่อลอยคล้ายคนไร้ิญญา เขามีรอยแผลฉกรรจ์ที่ต้นแขน เืซึมออกมาเปรอะเปื้อนเสื้อผ้า
บุรุษผู้นั้นก้าวโซเซออกมาจากพุ่มไม้ ทันใดนั้น เขาก็เซถลาล้มลงกับพื้น เืจากาแไหลออกมาเป็ทางยาว
"โอ๊ย!" เสียงร้องทุ้มต่ำหลุดออกมาจากริมฝีปากของเขา แววตาที่เคยเหม่อลอยพลันเต็มไปด้วยความเ็ป
เฉินอิงรีบวางจอบในมือ ลงไปคุกเข่าข้างกายบุรุษผู้นั้น ไม่ว่าเขาจะเป็ใคร การาเ็เช่นนี้ย่อมต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน!
"ท่านเป็อะไรไป!" เฉินอิงเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว มือรีบสำรวจาแที่ต้นแขนของเขา
าแลึกถึงกระดูก มีร่องรอยของการติดเชื้อเล็กน้อย หากปล่อยทิ้งไว้นานกว่านี้ อาจเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเืถึงขั้นเสียชีวิตได้
"ข้า... ข้าไม่เป็ไร..." บุรุษผู้นั้นพยายามจะลุกขึ้น แต่ก็ไร้เรี่ยวแรง ดวงตาพร่าเลือน ก่อนจะสลบไปในที่สุด
เฉินอิงถอนหายใจ 'ซวยแล้วไง' ในโลกเดิมนางเป็แพทย์ แต่ในโลกนี้... อุปกรณ์การแพทย์ไม่มีสักชิ้น! แต่ถึงอย่างไร นางก็ต้องช่วยชีวิตบุรุษผู้นี้ไว้ให้ได้ ในฐานะแพทย์... นางไม่เคยปล่อยให้คนไข้ตายต่อหน้าต่อตา!
เฉินอิงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว นางฉีกชายเสื้อของตนเองออก ใช้มีดพกเล็กๆ ที่เ้าของร่างเดิมใช้ตัดผักมาลนไฟให้ร้อนเพื่อฆ่าเชื้อ และใช้มันกรีดเปิดปากแผลให้กว้างขึ้น เพื่อระบายหนองและเืเสียออก
ด้วยทักษะการแพทย์ที่สั่งสมมานาน เฉินอิงค่อยๆ ชำระล้างาแด้วยน้ำสะอาดที่นำติดตัวมา (ซึ่งเดิมตั้งใจเอาไว้ดื่มเอง) และใช้นิ้วบีบเค้นหนองและเืเสียออกอย่างชำนาญ แม้จะไม่มียาปฏิชีวนะหรืออุปกรณ์ผ่าตัดทันสมัย แต่นางก็พยายามทำทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้เพื่อรักษาชีวิตของเขา
จากนั้น เฉินอิงก็มองไปรอบๆ พลันสายตาก็ไปหยุดที่พุ่มไม้ชนิดหนึ่งที่ขึ้นอยู่ไม่ไกล ใบของมันมีลักษณะคล้ายที่นางเคยศึกษาในตำราสมุนไพรจีนโบราณ ว่ามีสรรพคุณห้ามเืและฆ่าเชื้อ
เฉินอิงรีบเก็บใบสมุนไพรเ่าั้มาขยี้ แล้วนำมาโปะลงบนาแ ก่อนจะใช้เศษผ้าที่ฉีกมาจากเสื้อของตนเองพันาแไว้แน่น
ขณะที่กำลังพันผ้า เสียงกระแอมไอเล็กๆ ก็ดังขึ้นจากบุรุษผู้นั้น เขาลืมตาขึ้นช้าๆ ใบหน้าซีดเซียว แต่แววตากลับคมกริบ เมื่อเห็นเฉินอิงกำลังทำแผลให้เขา
"เ้า... เ้าเป็ใคร..." เขาเอ่ยถามเสียงแหบพร่า แววตาเต็มไปด้วยความระแวง
"ข้า... ข้าชื่อเหยาเหนียง" เฉินอิงตัดสินใจบอกชื่อเ้าของร่างเดิมไป "ท่านาเ็หนัก ข้าต้องพาไปพักที่บ้าน มิฉะนั้นท่านอาจทนพิษาแไม่ไหวท่านอาจตายได้"
"ข้า... ข้าชื่อหลงอี้..." เขาเอ่ยชื่อออกมาเบาๆ
เฉินอิงขมวดคิ้ว 'หลงอี้' ชื่อนี้ฟังดูยิ่งใหญ่ ไม่น่าจะใช่คนธรรมดาจริงๆ นั่นแหละ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเื่ฐานะ
"ท่านต้องพยายามช่วยตัวเองด้วย หากท่านไม่ลุกขึ้น ข้าก็ไม่สามารถแบกท่านกลับบ้านได้" เฉินอิงเอ่ยอย่างอดทน
หลงอี้มองเฉินอิงด้วยแววตาที่ซับซ้อน คล้ายจะยอมแพ้ แต่ก็คล้ายจะมีประกายแห่งความหวัง เขาพยายามรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย ยันกายขึ้นอย่างช้าๆ เฉินอิงรีบเข้าช่วยประคอง พาดแขนของเขาไว้บนบ่าของนาง
การเดินกลับหมู่บ้านเป็ไปอย่างทุลักทุเล ทุกก้าวที่เดินเฉินอิงรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลจากน้ำหนักของหลงอี้ แต่ก็กัดฟันอดทนไว้
เมื่อมาถึงหน้าบ้านหลังคามุงจากที่ทรุดโทรม เฉินอิงเกือบจะล้มลงไปพร้อมกับหลงอี้ เด็กน้อยเฟิงหลงและอิงฮวาที่รออยู่หน้าบ้านถึงกับใ เมื่อเห็นนางแม่เลี้ยงพยุงบุรุษแปลกหน้าที่มีเืเปรอะเปื้อนกลับมา
"ท่านแม่! เกิดอะไรขึ้นเ้าคะ!" อิงฮวาร้องขึ้นอย่างใ ใบหน้าเล็กๆ ซีดเผือด
"ท่านแม่เ้าคะ เขาเป็ใคร!" เฟิงหลงเองก็รีบวิ่งเข้ามาดูด้วยความหวาดระแวง
"อย่าเพิ่งถามอะไรทั้งนั้น ช่วยข้าพาเขาเข้าไปในบ้านก่อน!" เฉินอิงเอ่ยเสียงหอบเหนื่อย
เฉินอิงหันไปมองเด็กทั้งสอง "อิงฮวา เฟิงหลง ไปหาผ้าสะอาดกับน้ำมาให้ท่านแม่"
เด็กทั้งสองรีบวิ่งไปทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ท่ามกลางความใและความสงสัยที่ยังคงค้างอยู่ในใจ
หลงอี้ บุรุษลึกลับผู้นี้ จะนำพาเื่ราวใดมาสู่นางและครอบครัวที่เพิ่งจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในยุคโบราณนี้กันแน่... ชีวิตของเฉินอิง หมอศัลยแพทย์จากยุคปัจจุบันที่ข้ามภพมาเป็แม่เลี้ยงกำพร้าในยุคโบราณ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างแท้จริง และดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้เสียแล้ว!
****////****