“ข้าไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านพูดมา ท่านอธิบายได้หรือไม่” เย่เฟิงเอ่ยถาม เขาอยากรู้เื่ราวให้มากกว่านี้
“เก้าวัชรหุนหยวนที่เ้าเรียนรู้เป็มรดกของาาเสวียนที่ทิ้งไว้ในสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ในเมื่อเ้าเรียนรู้ขั้นแรกของเก้าวัชรหุนหยวนได้แล้ว ก็มีสิทธิ์เป็ผู้สืบทอดของาาเสวียน” ฉินเจิ้นถิงกล่าวขณะมองเย่เฟิงด้วยสายตาลุกโชน
“าาเสวียนคือใครหรือ ผู้าุโฉินบอกได้หรือไม่? ข้าต้องทำอย่างไร ถ้าได้เป็ผู้สืบทอดของาาเสวียน?”
เย่เฟิงเอ่ยถามอีกครั้ง ในเมื่อาาเสวียนทิ้งมรดกไว้ เย่เฟิงคิดว่าผู้สืบทอดที่ตามหาคงไม่ง่ายเพียงนั้น ผู้สืบทอดของเขาจำต้องทำสิ่งที่เขายังทำไม่สำเร็จลุล่วง
“าาเสวียนก็คือผู้ก่อตั้งสำนักยุทธ์เทียนเสวียน เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาา ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยตำนานมากมาย ส่วนรูปธรรมเกี่ยวกับาาเสวียน คาดว่าเ้าคงทราบมาบ้างจากการเรียนรู้ที่ผ่านมา แต่หาก้ารู้เื่ทั้งหมด เ้าจะได้รู้ผ่านการเรียนรู้ของมรดกในประตูหินอีกสองบาน ส่วนการได้เป็ผู้สืบทอดของาาเสวียน ภารกิจที่สำคัญที่สุดคือการฟื้นฟูสำนักเทพเทียนเสวียนที่าาเสวียนสร้างขึ้นมาใหม่”
ฉินเจิ้นถิงกล่าว แม้เขาจะเป็ผู้ดูแลสำนักยุทธ์เทียนเสวียน แต่ถึงอย่างไราาเสวียนก็เป็บุคคลเมื่อร้อยกว่าปีก่อน เขาจึงไม่รู้รูปธรรมอย่างแน่ชัด
“าาเสวียนคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาา สำนักยุทธ์เทียนเสวียน สำนักเทพเทียนเสวียนล้วนเป็เขาที่สร้างขึ้นมา!”
เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ต้องประหลาดใจ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาเป็การดำรงอยู่ระดับไหน แม้แต่ในอาณาจักรจ้าวก็ยังไม่เคยได้ยิน หากปรากฏตัว คงต้องเป็บุคคลระดับเทพเ้าอย่างแน่นอน
ที่แท้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาเช่นาาเสวียนเป็ผู้สร้างสำนักยุทธ์เทียนเสวียน มิน่าสำนักยุทธ์เทียนเสวียนถึงไม่อยู่ใต้อาณัติของราชวงศ์จ้าวที่มั่นคงมาร้อยกว่าปีได้เพราะเกี่ยวข้องกับพลังสยบของาาเสวียน
หลายร้อยปีผ่านไป ต่อให้าาเสวียนแข็งแกร่งเพียงใด แต่พลังสยบที่หลงเหลือก็ค่อย ๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา ดังนั้นหลายปีมานี้ราชวงศ์จ้าวจึงเริ่มเคลื่อนไหว และพยายามจัดการสำนักยุทธ์เทียนเสวียน
ส่วนชื่อสำนักเทพเทียนเสวียน เย่เฟิงเพิ่งได้ยินเป็ครั้งแรก แม้ก่อตั้งโดยผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาา แต่คาดว่าเป็กองกำลังหนึ่งที่ร้ายกาจมาก
“เ้าเลือกที่จะเข้าประตูหินบานที่สองต่อ เช่นนั้นเ้าคิดจะพักผ่อนกี่วัน?”
ฉินเจิ้นถิงเอ่ยถาม ในความคิดเขา เย่เฟิงคงสูญเสียพลังไปมากจากการเรียนรู้เก้าวัชรหุนหยวนจากในประตูหินบานแรก บางทีอาจ้าการพักผ่อน
“อีกสามวัน ข้าจะเข้าประตูหินบานที่สอง” เย่เฟิงตอบกลับ เขาคิดจะใช้เวลาสักระยะเพื่อทำให้เก้าวัชรหุนหยวนขั้นแรกมีความเสถียรภาพ เช่นนี้พอเข้าประตูหินบานที่สองจะได้ราบรื่นมากขึ้น เขาไม่ได้คิดที่จะพักผ่อนอย่างที่ฉินเจิ้นถิงว่ามา
“ดี”
ฉินเจิ้นถิงพยักหน้า จากนั้นพูดต่อไปว่า “งั้นเ้าก็อยู่ที่นี่หอวิชาชั้นที่ 4 อีกสามวันข้าจะมาหา!”
เมื่อกล่าวจบ ฉินเจิ้นถิงเดินออกจากที่นี่ผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติ แสงพลันส่องวาบก่อนเขาจะหายตัวไป
“ฟื้นฟูสำนักเทพเทียนเสวียน!” เย่เฟิงมองประตูหินทั้งสามบาน ก่อนจะรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจาง ๆ
เขาในตอนนี้อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 4 มีภารกิจสำคัญคือฟื้นฟูตระกูลเย่และตามหาบิดามารดา อีกทั้งในเมืองหลวงยังมีศัตรูอยู่มากมาย จึงเป็เื่ยากที่จะทำเป้าหมายให้สำเร็จลุล่วง
ดังนั้นการฟื้นฟูสำนักเทพเทียนเสวียน จะใช่เื่ง่ายได้อย่างไร!
หาก้าบรรลุเป้าหมายพวกนี้ให้สำเร็จ เย่เฟิงจำต้องยกระดับพลังของตนโดยเร็ว แต่การฟื้นฟูสำนักเทพเทียนเสวียนสำหรับเย่เฟิงในตอนนี้ยังอีกยาวไกล แม้ใจพร้อม แต่กำลังยังไม่พร้อม อย่างน้อยต้องรอเย่เฟิงทำภารกิจของตัวเองให้เสร็จและบรรลุขั้นยุทธ์แท้เสียก่อน
เย่เฟิงคิดในใจพลางตรึกตรองหนทางของตนในอนาคต ครั้งนี้แม้เขาจะได้เรียนรู้เก้าวัชรหุนหยวน แต่ก็มองเห็นราง ๆ ว่าเขามีภาระเพิ่มขึ้น
“ช่างเถอะ ปล่อยวางเื่พวกนี้ไว้ก่อน” เย่เฟิงพึมพำ จากนั้นนั่งลงขัดสมาธิและเริ่มโคจรเก้าวัชรหุนหยวนเพื่อฝึกต่อไป
เย่เฟิงนั่งอยู่เช่นนี้เป็เวลาสามวันเต็ม ในระหว่างนั้นเย่เฟิงก็ฝึกเก้าวัชรหุนหยวนขั้นแรกถึงระดับสูงได้ในที่สุด พลังหยวนภายในกายถึงจุดอิ่มตัว ขั้นพลังยกระดับถึงจุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 4
ฉินเจิ้นถิงมาถึงตรงเวลา เย่เฟิงเองก็ไม่อยากเสียเวลา จึงเดินเข้าสู่ประตูหินบานที่สองทันที
ซึ่งเหมือนก่อนหน้านี้ ด้านในประตูหินบานที่สองยังคงเต็มไปด้วยพลังประหลาด เย่เฟิงไขว้ขานั่งลงขัดสมาธิ เมื่อมีการสนับสนุนจากเก้าวัชรหุนหยวนขั้นแรก เย่เฟิงจึงเข้าสู่โลกความฝันได้ในเวลาไม่นาน
ความฝันนี้เชื่อมโยงกับความฝันครั้งก่อน ในความฝันเย่เฟิงได้เป็ตัวละครหลักอีกครั้ง และเผชิญกับเื่ราวของตัวละครหลัก
หลังจากถูกส่งไปยังอีกดินแดนหนึ่งผ่านค่ายกลเคลื่อนย้าย เย่เฟิงในโลกความฝันก็เริ่มเผชิญกับชีวิตอันแสนยากลำบาก ทั่วทุกแห่งหนเป็ถิ่นอาศัย ประสบกับความเป็และความตายนับครั้งไม่ถ้วน แต่เขากลับรอดมาได้ ต่อมาเขาเข้าร่วมกองกำลังหนึ่ง เขาทั้งถูกคนอื่นข่มเหง และกลั่นแกล้งเพียงเพราะพร์แสนธรรมดา แต่เขายังคงอดทนไม่ย่อท้ออยู่เสมอ
หลังจากทำภารกิจที่นอกสำนัก เขาถูกศิษย์ร่วมสำนักใส่ร้ายอีกครั้ง ครั้งนี้เรียกได้ว่าร้ายแรงถึงชีวิต คือการผลักเขาให้ตกจากหน้าผา
ทว่าเขาดวงแข็ง ตกหน้าผาก็ไม่ตาย จากนั้นเขาได้รับเคล็ดวิชาเหนือธรรมชาติจากในถ้ำแห่งหนึ่ง นั่นคือเก้าวัชรหุนหยวน ั้แ่นั้นเขาก็เริ่มฝึกอย่างบ้าคลั่งจนลืมวันลืมคืน
คำโบราณว่าไว้ ความมุมานะสามารถชดเชยความไม่ฉลาดได้ หลายปีต่อมาเขาพึ่งพาเคล็ดวิชานี้จนกระทั่งบรรลุขั้นาา
เขากลับไปยังตระกูลที่บิดาอยู่ แล้วแก้แค้นให้บิดาด้วยวิธีที่โเี้ที่สุด แม้จะเห็นคนเ่าั้ที่เสียใจกับการกระทำของตน แต่ในใจของเขาก็มีเพียงความเ็าเท่านั้น
หลังไปจากตระกูล เขาก็กลับไปยังสำนักเก่าอีกครั้ง เขาพบว่าคนนั้นที่ใส่ร้ายเขากลายเป็บุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดในสำนัก ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดจะปล่อยไป จึงสังหารอีกฝ่าย
นับจากนี้ไปเขาจะไม่เชื่อใจใครอีก เขาเริ่มออกเดินทางท่องยุทธภพตัวคนเดียว หลายปีต่อมานามของเขากลายเป็ที่รู้จักมากขึ้นในดินแดนแห่งนี้ จนถูกเรียกขานว่าาาเสวียน
ความฝันหยุดอีกครั้ง เย่เฟิงจึงตื่นขึ้นจากความฝัน เมื่อผ่านความฝันนี้ทำให้เย่เฟิงเข้าใจาาเสวียนมากขึ้น ราวกับว่าตัวเองได้ััมันอย่างแท้จริง อารมณ์จึงเปลี่ยนไปไม่น้อย
เมื่อเทียบกับาาเสวียน ตอนนี้เย่เฟิงยังมีประสบการณ์น้อยมาก และความทุกข์ยากที่เขาเจอมาไม่ถึงเสี้ยวของาาเสวียนที่พบเจอมาด้วยซ้ำ
โลกแห่งการบ่มเพาะเต็มไปด้วยหนทางขรุขระและความลำบากยากเข็ญ เห็นชัดว่าการที่าาเสวียนบรรลุเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาได้นั้นต้องผ่านอะไรมาบ้าง ประสบการณ์เหล่านี้จะตราตรึงอยู่ในใจของเย่เฟิง ส่งผลให้มีประสบการณ์มากขึ้นไปอีก
จากนั้นความทรงจำของเก้าวัชรหุนหยวนขั้นที่สองได้ปรากฏขึ้นมาในหัว แต่เย่เฟิงไม่ได้ดีใจมากเพียงนั้น เขายังคงลิ้มรสชีวิตของาาเสวียนอย่างระมัดระวัง
การที่ยินดีแบ่งปันความทรงจำกับผู้อื่น าาเสวียนคงต้องเป็คนใจกว้างและถ่อมตัวมาก เพียงแต่สิ่งที่เขาประสบในตอนวัยเยาว์ช่างมืดมนจริง ๆ และมีหลายอย่างที่คุ้มค่าจะให้เย่เฟิงเรียนรู้
หลังจากนั้นสักพัก เย่เฟิงเริ่มซึมซับความทรงจำของเก้าวัชรหุนหยวนขั้นที่สอง หลังจากทำความเข้าใจทั้งหมด เย่เฟิงก็เริ่มทำการฝึกฝนทันที
เป้าหมายหลักของเก้าวัชรหุนหยวนขั้นที่สองคือทำให้ผู้ฝึกดูดซับพลังหุนหยวนได้อย่างแท้จริง เมื่อมีประสบการณ์จากการฝึกขั้นแรก เย่เฟิงจึงฝึกขั้นนี้ได้อย่างราบรื่นและไร้อุปสรรคขัดขวาง
พลังหยวนหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย และบำรุงทุกองค์ประกอบในร่างกายอย่างต่อเนื่อง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด พลังปราณพวยพุ่งออกจากร่างเย่เฟิงไม่หยุดยั้ง จนภายในเวลาอันสั้นก็ถึงจุดวิกฤตของขั้นรวมชี่ที่ 4 เสียงเืเดือดพล่านดังไม่หยุด เพียงพริบตาพลังปราณที่พวยพุ่งออกจากร่างเย่เฟิงก็ทลายกำแพงของขั้นรวมชี่ที่ 4 เข้าสู่ขั้นรวมชี่ที่ 5 และยังเกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง พลังก็เปลี่ยนไปแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
เย่เฟิงสูดหายใจเข้าลึก และค่อย ๆ ออกจากการบ่มเพาะพลัง ดวงตาคู่นั้นดูล้ำลึกกว่าเดิม และสุกสกาวดุจดวงดาว พลังปราณยังเปลี่ยนไปสุขุม และสงบนิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน
หลังจากผ่านการฝึกเก้าวัชรหุนหยวน ทำให้พลังหยวนของเย่เฟิงเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับเดียวกัน กระทั่งทัดเทียมกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 7
ในขณะเดียวกันมิติแห่งนี้ก็เริ่มเปลี่ยนไป ก่อนจะจางหายไปในที่สุด หลงเหลือเพียงห้องธรรมดา จากนั้นเย่เฟิงเดินออกไป
“เ้าทะลวงขั้นพลังแล้ว!”
ฉินเจิ้นถิงเห็นเย่เฟิงเดินออกมาก็ต้องใเล็กน้อย เ้าเด็กคนนี้เพิ่งทะลวงขั้นพลังไปเมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ใช่หรือ? นี่เพิ่งผ่านมากี่วันเอง เขาก็ทะลวงอีกแล้วงั้นหรือ? อัตราการก้าวหน้านี้ช่างฝืนชะตาฟ้ายิ่งนัก ไม่แปลกใจที่เขาจะเรียนรู้มรดกที่าาเสวียนทิ้งไว้ในประตูหินได้
ฉินเจิ้นถิงคิดในใจขณะมองเย่เฟิงด้วยแววตาที่ต่างไปจากเดิม
“อืม”
เย่เฟิงพยักหน้า จากนั้นกล่าวว่า “ผู้าุโฉิน ครั้งนี้ข้าจะไม่หยุดพัก ข้าจะเรียนรู้ประตูหินบานที่สามต่อเลย”
