“ระ...รีบไปเชิญพวกเขาเข้ามาเร็ว!” คุณชายใหญ่ใ พูดติดอ่างราวกับคนจมน้ำที่คว้าฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้
“ว่าอย่างไรนะ พวกเขาไปทีู่เาไฟซึ่งมีข้อพิพาทอยู่เป็ปัญหาอย่างนั้นหรือ? ั้แ่เมื่อไร? นี่ก็ครึ่งวันมาแล้ว ทำไมถึงเพิ่งมารายงาน?”
ในขณะเดียวกัน ที่ถนนด้านหน้าจวนเซียวโหว ในห้องส่วนตัวหรูหราของโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มในอาภรณ์อย่างดีหลายคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“ฮ่าๆๆ คุณชายเซียวหวังพึ่งหลานชายสุดที่รักอย่างเซียวหลิงเฟิงให้กลับมาช่วย แต่หารู้ไม่ว่าในบรรดาสิบอัจฉริยะแห่งสำนักอำนาจ์นั้น ก็มีลูกหลานของตระกูลเจิ้งและตระกูลหลิ่วของพวกเราอยู่ในนั้นด้วย ฮ่าๆๆ เ้าเซียวหลิงเฟิงคนนี้ดูฉลาดกว่าปู่ของมันมาก เชื่อว่าเซียวหลิงเฟิงในเวลานี้คงกำลังทำให้ปู่ของมันโกรธจัดอยู่เป็แน่!” แล้วชายวัยกลางคนในชุดสีทองที่นั่งอยู่ตรงกลางก็หัวเราะออกมา!
ทันใดนั้นคนอื่นๆ ก็พากันหัวเราะตาม!
หลังจากหัวเราะจนสาแก่ใจ ชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบปีที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายก็เอ่ยขึ้น “ข้าก็ได้ข่าวมาว่า เซียวหลิงอวิ๋นลูกชายของเซียวเซิ่งหู่ที่ถูกพี่สามทำร้ายได้กลับมาแล้ว!”
“เซียวหลิงอวิ๋นงั้นหรือ? ข้าได้ยินมาว่าเ้าเฒ่าเซียวว่านส่งลูกหลานจำนวนมากไปร่ำเรียนที่สำนักต่างๆ ที่อยู่ในสังกัดของสำนักใหญ่หลายแห่งใน่หลายปีที่ผ่านมานี้ และเ้าเซียวหลิงอวิ๋นคนนี้ก็เป็หนึ่งในนั้นด้วยสินะ?” ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีทองถาม
“ใช่แล้วขอรับคุณชาย เซียวหลิงอวิ๋นคนนี้ถูกส่งไปเรียนที่สำนักิญญาเมฆาเมื่อสองปีที่แล้วขอรับ!”
“สำนักิญญาเมฆาของในสังกัดสำนักดาบิญญาเมฆางั้นหรือ?” ชายวัยกลางคนในชุดสีทองขมวดคิ้ว!
“คุณชายไม่ต้องกังวลไป เซียวหลิงอวิ๋นคนนี้เป็พวกไม่เอาไหนมาั้แ่สมัยอยู่ที่เชียนเจ๋อแล้ว ครั้นเข้าสำนักิญญาเมฆามาก็ยังคงเป็คนไม่เอาไหนเหมือนเดิม ข้าได้ยินมาว่าเมื่ออยู่ในสำนักิญญาเมฆา เ้านั่นได้ฉายาว่า 'เ้าขยะชั้นสองชั้นสาม' เพราะร่ำเรียนมาสองปีเพิ่งได้แค่ระดับสาม เพราะเหตุนี้ตระกูลว่านถึงมาขอถอนหมั้นกับตระกูลเซียวเมื่อไม่นานมานี้!”
“ฮ่าๆๆ ขยะชั้นสองชั้นสามงั้นหรือ? สำนักสาขาย่อยของสำนักใหญ่อย่างสำนักิญญาเมฆา เรียนตั้งสองปียังได้แค่ระดับสาม? นี่มันขยะชัดๆ!”
“เรียกเ้าขยะแบบนี้กลับมาช่วยคุณชายเซียว หรือว่าตั้งใจจะกลับมาทำให้คุณชายเซียวลำบากใจกันแน่?”
“อุตส่าห์ได้คนกลับมาช่วยทั้งที แต่น่าเสียดายที่ไร้ความสามารถ คงทำให้สถานการณ์แย่ลงด้วยซ้ำ คุณชายเซียวหวังพึ่งให้เซียวหลิงเฟิงที่เป็อัจฉริยะระดับสูงกลับมาช่วย แต่กลับได้เซียวหลิงอวิ๋นที่เป็ขยะชั้นสองชั้นสามมาแทน พวกเ้าคิดว่าคุณชายเซียวจะโกรธจนกระอักเืตายหรือไม่!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนในห้องต่างก็พากันหัวเราะไม่หยุด!
“หวืดดดดด!” จู่ๆ ก็มีเสียงสั่นะเืแปลกๆ ดังขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน! ชายหนุ่มที่นั่งทางซ้ายของชายวัยกลางคนในชุดสีทองมีแสงสีเขียวกะพริบที่เอว!
ชายหนุ่มที่นั่งทางด้านซ้ายของชายวัยกลางคนในชุดสีทองก็ยื่นมือออกไปหยิบ หยกสีเขียวก้อนหนึ่งปรากฏอยู่ในมือของเขา!
ป้ายหยกสื่อสาร!
ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างก็เป็คนสำคัญของตระกูลใหญ่ต่างๆ ในแคว้นมู่อวิ๋น พวกเขาย่อมรู้จักสิ่งของในมือของชายหนุ่มที่นั่งทางด้านซ้ายของชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีทองทันที นั่นคือป้ายหยกสื่อสารซึ่งถือเป็ของมีค่ามากในหมู่ผู้บำเพ็ญเพียร!
ป้ายหยกสื่อสารมีทั้งแบบหนึ่งติดต่อหนึ่ง หนึ่งติดต่อมากกว่าหนึ่ง และหลายสายติดต่อหลายสาย ระยะทางในการติดต่อมีั้แ่ร้อยลี้ไปจนถึงหลายหมื่นลี้! แม้แต่ในตำนานยังเคยได้ยินว่ามีป้ายหยกสื่อสารที่สามารถใช้ได้ทั้งอาณาจักรเลยก็มี!
แน่นอนว่ายิ่งติดต่อได้มากเท่าไร หรือระยะทางในการสื่อสารยิ่งไกลมากเท่าไร ราคาของป้ายหยกสื่อสารก็จะยิ่งแพงมากขึ้นเท่านั้น!
แม้ว่าทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้จะเป็คนของตระกูลใหญ่ในแคว้นมู่อวิ๋น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกตระกูลจะมีสมบัติล้ำค่าอย่างป้ายหยกสื่อสารนี้! พูดให้ถูกก็คือ มีเพียงสองตระกูลเท่านั้นที่มีป้ายหยกสื่อสาร นั่นคือตระกูลเจิ้งของชายวัยกลางคนในชุดสีทอง กับตระกูลหลิ่วของชายหนุ่มที่นั่งทางด้านซ้ายของเขา
“มีอะไรหรือ เสี่ยวิ?” ชายหนุ่มที่นั่งทางด้านซ้ายของชายวัยกลางคนในชุดสีทองเปิดใช้งานป้ายหยกสื่อสาร แล้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เกิดเื่แล้วพี่สาม มีคนกลุ่มหนึ่งมาทีู่เาจิงหั่วหลิงซาน แล้วอาศัยหมอกหนาเป็ที่กำบัง ไล่สังหารคนของเราทั้งหกตระกูลและชิงเอาหินผลึกไฟไป ตอนนี้พี่เจ็ดจากตระกูลเจิ้งกำลังตามล่าตัวคนร้ายอยู่!” เสียงเร่งรีบดังออกมาจากป้ายหยกสื่อสาร
เมื่อได้ยินข่าวนี้ ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้ก็พากันเปลี่ยนสีหน้าทันที!
หมอกหนา?
ฆ่าคนของหกตระกูล!
แย่งชิงหินผลึกไฟ!
คำพูดเหล่านี้เหมือนมีดคมกริบหลายเล่มแทงเข้าไปที่หัวใจของทั้งหกคนในห้อง!
ชั่วขณะต่อมา!
ความโกรธก็พุ่งพล่านขึ้นในใจของทั้งหกคน!
ไอ้คนตาบอดผู้นั้นเป็ใคร ถึงกล้ามาชิงสมบัติของพวกเรา!
“ท่านอ๋องน้อย คุณชายหลิ่วโหว พวกเราจะจัดการเื่นี้อย่างไรดี?” ผู้ที่พูดขึ้นมาคือหลิวอวิ๋นฉี ผู้นำตระกูลหลิว!
“หน็อยแน่ ต้องเป็ฝีมือของเ้าเฒ่าเซียวแน่ๆ พวกเรารีบไปที่จวนตระกูลเซียวกันตอนนี้เลย!” ผู้ที่พูดคือหวังเจียเฉียง ผู้นำตระกูลหวัง! ซึ่งในบรรดาทั้งหกคน ชายหนุ่มคนนี้มีอายุน้อยที่สุดแล้ว โดยมีอายุเพียงยี่สิบเก้าปีเท่านั้น! แต่กลับมีพลังยุทธ์อยู่ในระดับผู้ใช้พลังิญญาขั้นกลาง เป็อัจฉริยะที่มีพร์อย่างมากของตระกูลหวังทั้งยังหนุ่มยังแน่น!
“เ้าเฒ่าเซียวน่ะหรือ? อย่างเ้าเฒ่าเซียวไม่มีความสามารถถึงเพียงนั้นหรอก หากมีก็คงไม่นั่งไล่ทุบข้าวของที่บ้านแล้ว! เื่นี้ไม่น่าจะข้องเกี่ยวอะไรกับตระกูลเซียว น่าจะเป็ฝีมือของคนนอกเสียมากกว่า หากเป็พวกตระกูลใหญ่ในอาณาจักรของเราก็ไม่น่ากลัวอะไร แต่ที่น่ากลัวจริงๆ อีกฝ่ายอาจเป็คนของสำนักใหญ่มากกว่า” โจวเจิ้ง ผู้นำตระกูลโจวเอ่ยขึ้น
“ท่านโจวพูดถูก ทั้งๆ ที่รู้ว่าพวกเราทั้งหกตระกูลร่วมมือกัน ข้าคิดว่าคงไม่มีตระกูลไหนในแคว้นกล้าลงมือสังหารและชิงสมบัติไปโดยไม่บอกกล่าวเช่นนี้แน่ แม้แต่ทางราชสำนักก็ไม่กล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่นเช่นนี้เลย เื่นี้อาจจะเกี่ยวข้องกับคนของสำนักใหญ่จริงๆ” เจิ้งอวิ๋นหลง ชายวัยกลางคนในชุดสีทองสงบสติอารมณ์ลง
“ท่านอ๋องน้อย เื่นี้...” ทุกคนเริ่มรู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้ยินว่าอาจเกี่ยวข้องกับสำนักใหญ่!
“ไม่น่าจะใช่ฝีมือของสำนักใหญ่ หากทั้งห้าสำนักใหญ่้าูเาจิงหั่วหลิงซานจริง ก็น่าจะส่งคนมาพูดคุย และตกลงกันทำสัญญาเป็ลายลักษณ์อักษร มีหรือที่ตระกูลของพวกเราทุกคนจะกล้าเพิกเฉยไม่ทำสัญญา ทางนั้นก็คงไม่ออกจากสำนักมาสังหารหมู่และชิงสมบัติผู้อื่นไปเป็แน่!” ชายหนุ่มที่นั่งทางด้านซ้ายของชายวัยกลางคนในชุดสีทอง หลิ่วอิง ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หลังจากปรึกษากันอย่างเร่งรีบ ทุกคนจึงตัดสินใจเดินทางไปทีู่เาจิงหั่วหลิงซาน ซึ่งเป็สถานที่เกิดเหตุ มีเพียงต้องไปที่นั่นเท่านั้นถึงจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม
กุบกับๆๆ!
ม้าหลายสิบตัวพุ่งออกจากเมืองอวิ๋นเซียว มุ่งหน้าไปทีู่เาจิงหั่วหลิงซาน!
...
“ท่านอาชิว รู้หรือไม่ว่าในบรรดาผู้ใช้พลังิญญาหนึ่งพันคน จะมีสักหนึ่งคนที่สามารถใช้อาวุธและเครื่องมือวิเศษได้อย่างคล่องแคล่วดั่งแขนของตนเอง ดังนั้นการใช้มือตัดหินผลึกไฟเช่นนี้จึงเหมาะสมแก่การฝึกฝนนัก ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม ตอนแรกอาจจะช้าสักหน่อยก็ไม่เป็ไร ครั้นตัดไปหลายๆ ก้อน ท่านอาก็จะรู้สึกได้ถึงข้อดีของมันเอง!”
ชิวเทียนฉี่รู้สึกว่าตนยิ่งดูเซียวหลิงอวิ๋นมากเท่าไรก็ยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นเท่านั้น ในแง่ของพลังยุทธ์ ตัวเขามีพลังมากกว่าเซียวหลิงอวิ๋นมากนัก แต่ชิวเทียนฉี่กลับรู้สึกว่าในด้านอื่นๆ แล้ว เซียวหลิงอวิ๋นสามารถเป็อาจารย์ของเขาได้เลย ไม่สิ ควรจะเป็อาจารย์เหนืออาจารย์ด้วยซ้ำ ชิวเทียนฉี่รู้สึกว่าแม้แต่เหล่ามหาปรมาจารย์ิญญาระดับสูงของสำนักดาบิญญาเมฆาเอง หรือแม้แต่ผู้ที่อยู่เหนือกว่านั้น ก็อาจยังไม่รู้เื่มากมายในหลายๆ ด้านเท่าเซียวหลิงอวิ๋นเลยก็ได้
เ้าหนุ่มนี่รู้เื่มากมายเพียงนี้ หัวสมองของเขาทำจากอะหรกันแน่ หากเซียวหลิงอวิ๋นไม่เด็กเกินไป และพลังยุทธ์ก็ไม่ด้อยว่าตนเองมาก ชิวเทียนฉี่คงจะก้มหัวลงคำนับเขาเป็อาจารย์ไปแล้ว!
หลังจากชิวเทียนฉี่สงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว ก็ลองใช้พลังิญญาในนิ้วมือเป็เหมือนดั่งมีด ตัดอย่างต่อเนื่อง เมื่อตัดหินผลึกไฟก้อนที่สี่เสร็จ ชิวเทียนฉี่ก็ใเมื่อพบว่าพลังิญญาที่ไหลเวียนอยู่ในนิ้วมือของเขานั้นดูคล่องแคล่วขึ้นมาก เมื่อตัดถึงก้อนที่หก ความรู้สึกนี้ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น! จนถึงก้อนที่แปด ความเร็วและความแม่นยำในการตัดก็เพิ่มขึ้นไปอีกขั้น!
ชิวเทียนฉี่ยิ้ม ไม่รีบหยิบหินผลึกไฟก้อนที่เก้ามา แต่กลับหลับตาลงเพื่อััถึงมันอย่างถี่ถ้วน!
การตัดนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มการใช้พลังิญญาให้แม่นยำขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยในการสกัดพลังิญญาอีกด้วย การที่ผู้ใช้พลังิญญาจะก้าวไปสู่ระดับปรมาจารย์ิญญาได้นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการสกัดพลังิญญา เฉพาะเมื่อสามารถสกัดพลังิญญาภายในลมปราณให้มีควาบริสุทธิ์ที่สูงขึ้นและบีบอัดให้เป็ของเหลวได้ จึงจะกลายเป็ปรมาจารย์ิญญา!
จู่ๆ ชิวเทียนฉี่ก็ลืมตาขึ้น!
มีคนมา!
ในขณะเดียวกัน เซียวหลิงอวิ๋นก็หยุดทำการตัดหินผลึกไฟที่ตัดไปได้ครึ่งหนึ่งเช่นกัน แล้วลุกขึ้นยืนพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “ได้เวลาเก็บเกี่ยวแล้ว!”
ประสาทการรับรู้ไวมาก สามารถััได้ด้วยว่ามีคนมาแล้ว! ชิวเทียนฉี่เฝ้ามองเซียวหลิงอวิ๋นด้วยความใ!
คนที่เข้ามาหานั้นเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว! หลังจากที่ทั้งสองรู้สึกตัวได้ว่ามีคนมาเพียงไม่กี่วินาที อีกฝ่ายก็รู้สึกได้ว่ามีคนอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน!
ความเร็วในการเคลื่อนที่พลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!
เซียวหลิงอวิ๋นที่เพิ่งจะลุกขึ้นชักดาบใหญ่เหล็กดำออกมา พร้อมกับหมอกทางด้านซ้ายมือที่เกิดความปั่นป่วน เงาร่างคนคนหนึ่งพุ่งเข้ามาใกล้ทั้งคู่ในระยะสิบเมตร!
“นั่นคุณชายสามชิวเทียนฉี่ เ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” คนที่มาถึงอุทานออกมาด้วยความใ!
“อ้าว เ้าเจ็ด เ้าฝึกวิชาขจัดจิตใจเสริมแกร่งิญญาสำเร็จั้แ่เมื่อไร หมอกนี้ถึงได้ไม่ส่งผลกระทบต่อเ้ามากนัก?” ชิวเทียนฉี่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่จ้องมองไปยังคนที่มาหาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม เนื่องจากทางเขาเองใช้วิชาขจัดจิตใจ จึงมองเห็นสิ่งต่างๆ โดยรอบในระยะสิบห้าเมตรได้อย่างชัดเจน!
เซียวหลิงอวิ๋นที่กำลังจะชักดาบไปสังหารอีกสองคนขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วหันไปมองชิวเทียนฉี่ด้วยสายตาซักถาม “ท่านอาชิว?”
“เ้าไปทำธุระของเ้าเถอะ พอดีข้าอยากจะคุยอะไรกับคุณชายเจ็ดแห่งตระกูลเจิ้งเสียหน่อย!” ชิวเทียนฉี่รู้ความหมายที่เซียวหลิงอวิ๋นกำลังจะพูด จึงยกมือขึ้นแล้วชิงเอ่ยก่อน!
ตระกูลเจิ้ง! แววตาของเซียวหลิงอวิ๋นเผยให้เห็นถึงความเย็นะเื ดูเหมือนว่าคนผู้นี้คงจะเป็หนึ่งในตัวการทั้งสองคนแน่ เซียวหลิงอวิ๋นขยับตัวไปทางด้านขวา ส่วนทั้งสองยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน!
“ช้าก่อนคุณชาย!” คุณชายเจ็ดแห่งตระกูลเจิ้ง เจิ้งอวิ๋นเผิงก็พูดออกไปอย่างเร่งรีบ ในตอนที่เขามาถึงที่นี่ เขาััได้ถึงลมหายใจของคนอีกสองคนที่อยู่ห่างออกไปยี่สิบเมตร!
แต่หลังจากที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็ใครแล้ว เซียวหลิงอวิ๋นก็ไม่สนใจอีกฝ่ายอีกต่อไป เคลื่อนย้ายตัวเองหายเข้าไปในหมอกก่อน แล้วค่อยพุ่งเข้าหาทั้งสองคนนั้นทันที!
เจิ้งอวิ๋นเผิงยกมือขึ้นมา ดาบยาวที่อัดแน่นไปด้วยพลังิญญาธาตุน้ำล้วนๆ ตัดผ่าหมอก ไล่ตามหลังของเซียวหลิงอวิ๋นไป ในขณะเดียวกัน เจิ้งอวิ๋นเผิงก็ควบรวมพลังแล้วะโไปยังที่ที่อีกสองคนอยู่ “ระวังถูกซุ่มโจมตี!”
เนื่องจากหมอกไม่มีผลกับเจิ้งอวิ๋นเผิงที่ฝึกวิชาเมฆน้ำสามวิสุทธิ์มากนัก ประกอบกับเมื่ออยู่ในสถานการณ์เร่งรีบด้วยแล้ว เจิ้งอวิ๋นเผิงจึงไม่คิดยั้งมืออีกต่อไป พลังของดาบนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยิญญาธาตุน้ำ!
เซียวหลิงอวิ๋นไม่สนใจดาบิญญาธาตุน้ำที่ฟันมาจากทางด้านหลังเลย เพราะเขารู้ว่าชิวเทียนฉี่จะต้องช่วยสกัดกั้นการโจมตีนี้ให้เขาอย่างแน่นอน!
ให้ชิวเทียนฉี่ติดตามเขามาเพื่อจุดประสงค์อะไรน่ะหรือ? ก็เพื่อให้รับมือกับผู้ใช้พลังิญญาที่อาจจะพบเจอเข้าน่ะสิ!
เขาไม่สนใจว่าคุณชายเจ็ดแห่งตระกูลเจิ้งจะรู้จักกันกับชิวเทียนฉี่หรือไม่ หากอีกฝ่ายกล้าลงมือกับเขา เซียวหลิงอวิ๋นเชื่อว่าชิวเทียนฉี่จะต้องลงมืออย่างแน่นอน!
เซียวหลิงอวิ๋นที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา ปล่อยลมปราณเข้าไปในดาบใหญ่เหล็กดำในมืออย่างเต็มที่ แล้วฟันดาบออกไปสามครั้งอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ ทันใดนั้นเสียงเสือคำรามดังก้องขึ้นภายในหมอก ‘วิชาพยัคฆ์สามคำราม’!
“เ้าเจ็ด! เดี๋ยวนี้ตระกูลเจิ้งไม่รักศักดิ์ศรีของตนเองแล้วอย่างนั้นหรือ ผู้ใช้พลังิญญาขั้นสูงอย่างเ้าถึงกล้าลงมือกับนักยุทธ์หนุ่มน้อยเช่นนั้น!” การลงมือของชิวเทียนฉี่รวดเร็วกว่าคำพูดขประชดประชันเสียอีก!
แสงสีทองอร่ามดั่งสายฟ้าพุ่งเข้าปะทะกับดาบิญญาธาตุน้ำสีฟ้าเล่มนั้น!
แสงสีทองนี้แม้ไม่สว่างนัก แต่กลับพุ่งชนดาบิญญาธาตุน้ำจนสลายไปในชั่วพริบตา!
