อวี๋มู่ถูกเฟิงฉี่กักขังไว้
เขาเดินวนรอบบ้านที่เต็มไปด้วยม่านคาถา
เขาไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะต้องมาตกอยู่ในสภาพอย่างวันนี้
ก่อนหน้านั้นเขาอยากจะทำให้คะแนนความประทับใจของอวี๋มู่ให้เหลือศูนย์ จนเคยคิดอยากจะใช้เฟิงฉี่เป็เครื่องมือ แต่เพราะเกรงกลัวว่าเฟิงอวี้จะอาละวาด จึงล้มเลิกความคิดนี้ไป
ทว่าตอนนี้กลับจับพลัดจับผลูมาเกี่ยวพันกับเฟิงฉี่ อีกทั้งอีกฝ่ายยังไม่ใช่เทวดาน้อยที่มีจิตเมตตายอมปล่อยเขาไป
ทั้งยังเป็พระเอกที่เป็ประเภทห้าวหาญเอาตัวเองเป็ใหญ่เมื่อได้ยืนกรานเื่ใดก็จำเป็ต้องทำให้สำเร็จจนได้
นี่ตกลงมันเื่อะไรกันแน่?
ตอนนี้เขากลัวมากจริงๆ ว่าเฟิงฉี่จะถือหัวใจของเฟิงอวี้แล้วมาหาเขา แล้วเอ่ยกับเขาว่า ให้เ้า กินเสียสิ กินแล้วพวกเราจะได้อยู่ด้วยกันชั่วนิจนิรันดร์
บ้าเอ๊ย!!!
นี่มันการตั้งค่าบ้าบออะไรกัน!
คิดไปคิดมา เขาก็เอ่ยกับระบบ: เ้าระบบ หรือไม่ฉันจะใช้กลยุทธ์แกล้งจะฆ่าตัวตายเพื่อให้เฟิงฉี่รามือ!
ความคิดชั้นมัธยมสองแบบนี้ อวี๋มู่เองยังรู้สึกว่าน่าขายขี้หน้า
กระนั้นระบบก็ปัดวิธีของเขาตก [โฮสต์ครับ คุณตายไปแล้วนี่นา! อีกอย่างกำไลลงกลอนิญญาอันนี้ก็ไม่มีอะไรทำให้คุณาเ็ได้ คุณคิดอยากจะิญญาแหลกสลายก็ไม่อาจทำได้ อีกอย่างพูดไปหากคุณบังคับไม่ดี แล้วตายไปจริงๆ ภารกิจนี้เท่ากับล้มเหลวเลยนะครับ...]
อวี๋มู่:… ก็ถูกนะ บัดซบ
เขาถอดใจนั่งก้นจ้ำเบ้าลงพื้น เกาศีรษะอย่างหงุดหงิด: ระบบ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าโลกนี้มันตั้งแง่กับฉันจริง? พล็อตเื่ที่ฉันอยากจะหลีกเลี่ยง เขาก็ดันส่งมาให้ตรงหน้า ในเมื่อเป็โลกแห่งตำรา แล้วทำไมถึงเกิดเื่เหนือความคาดหมายมากมายขนาดนี้?
ระบบสะดุ้งโหยง เขารีบคิดในใจ แล้วเอ่ยชี้แจง [โฮสต์ครับ ผมเป็เพียงผู้มอบหมายภารกิจ ภารกิจของเราคือเติมคะแนนความประทับใจให้เต็มแล้วออกไป พล็อตเื่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่พวกเราจะพิจารณาได้]
เขาเอ่ย [เหมือนกับโลกที่หนึ่ง เมื่อเหลียงหานไปแล้วเื่ก็ดำเนินถึงตอนจบ พอโลกที่สอง เว่ยจวินหยางเสียชีวิต วายร้ายในโลกนั้นก็หายไป เื่ราวหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่อะไรที่พวกเราคาดการณ์ได้เลย และไม่เกี่ยวกับพวกเราด้วย]
อวี๋มู่: ถ้าอย่างนั้นความหมายของนายก็คือ พล็อตเื่ของแต่ละเื่นั้นไม่อาจควบคุมได้ และไม่ต้องรักษากฎก็ได้ใช่ไหม?
[อืม ความหมายนี้แหละครับ]
อวี๋มู่หรี่ตา แล้วเอ่ย: ถ้าอย่างนั้นนายช่วยหากลโกงให้ฉันหน่อยได้ไหม ให้ฉันทำลายเฟิงฉี่เสีย?
[…]
อวี๋มู่รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเริ่มเปลี่ยนเป็ชั่วร้าย เขาถึงขั้นคิดว่าก่อนหน้านั้นที่โรงโสเภณีไม่น่าห้ามปรามเฟิงอวี้ แล้วปล่อยเฟิงฉี่ไป
หากไม่ได้ปล่อย ตอนนี้ก็คงไม่ต้องเหี้ยมโหดแบบนี้
[โฮสต์ครับ คุณรอสักครู่นะครับ ผมจะลองดูว่ามีขอบเขตอำนาจตรงนี้หรือเปล่า?] ระบบรีบเปิดข้อมูลค้นหา จู่ๆ ก็หยุด เขาอุทานออกมา [โฮสต์ครับ เฟิงอวี้หนีออกจากคุกหลวงแล้ว!]
“อ๋า?” อวี๋มู่ใ
เขาถูกขังอยู่ที่นี่เป็เวลาสามวัน ระบบบอกกับเขาทุกเื่ราว ปรากฏว่าเมื่อวานยังบอกว่าเฟิงอวี้อยู่ในคุกหลวงดีๆ สถานะยังเป็หย่งอวี้ ทำไมวันนี้ถึงหนีออกมาได้?
เขาถาม: เพราะเฟิงฉี่ไปหาเขาอย่างนั้นเหรอ?!
[อื้อๆ เมื่อครู่ตอนที่ผมคุยกับคุณ ดังนั้นจึงไม่ทันสังเกต จากนั้นมองไปอีกทีก็เห็นเขาตีเฟิงฉี่จนสลบ แล้วหนีออกจากคุกหลวง!]
อวี๋มู่: ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เขาอยู่ในสถานะของเฟิงอวี้เหรอ?
[น่าจะใช่ครับ...] ระบบรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจ [แต่ว่าต้องเจอกับเขาถึงจะแน่ใจได้ โฮสต์ ผมพบว่าไม่มีกลโกงที่ช่วยให้คุณแข็งแกร่งขึ้นได้ แต่ว่าตอนนี้เฟิงอวี้กำลังมาทางนี้แล้วครับ!]
ไม่ถึงชั่วพริบตา ม่านคาถาแกร่งกล้าที่กักขังอวี๋มู่ไว้ก็ถูกคนทำลายจากด้านนอก นักบวชน้อยั์ตาสีแดงที่มีควันดำกลิ่นอายิญญาปกคลุมรอบตัวใช้ขาถีบพังประตูเข้ามา เขามองเห็นอวี๋มู่ที่อยู่ในห้อง เพียงกะพริบตา กลิ่นอายปีศาจนั้นมลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
เฟิงอวี้พุ่งตรงมาหน้าอวี๋มู่ แล้วโอบกอดชายหนุ่มไว้ ถูใบหน้าด้านข้างของเขา น้ำเสียงน้อยใจ“อวี๋มู่ ข้าเบียดเ้าหย่งอวี้ลงไปจนได้ หากไม่เช่นนั้น คงไม่รู้ว่าต้องถูกขังอีกนานเท่าไร! ”
อวี๋มู่ถูกเฟิงอวี้กอดไว้ เขาตะลึงไปชั่วครู่ แล้วโล่งอก
โชคดีที่เ้าบ้านี่ไม่เป็อะไร
คะแนนความประทับใจเหนือศีรษะของเฟิงอวี้ปรากฏขึ้น ยังคงเป็สองแถบ ้ามีแถบของหย่งอวี้ที่เป็สี่ดวงครึ่ง ส่วนของเฟิงอวี้นั้นกลายเป็ห้าดวงเต็ม...
ระบบยังไม่ได้แจ้งว่าภารกิจเสร็จสิ้น ดังนั้นเขายังมีเวลาอยู่ที่นี่อีก่หนึ่ง เพียงแต่ความคืบหน้านี้บ่งชี้ว่า เขาใกล้จะต้องจากโลกนี้ไปแล้ว
จู่ๆ อวี๋มู่ก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง พูดไม่ถูกว่าเป็ความรู้สึกอะไร เพียงแต่ในใจกลับกระวนกระวาย
เขาถามเฟิงอวี้ “ใต้เท้า ท่านพบกับเฟิงฉี่อย่างนั้นหรือ? ”
เฟิงอวี้พยักหน้า “เจอแล้ว”
อวี๋มู่หัวใจบีบแน่น รีบเอ่ยอธิบาย “ใต้เท้า ท่านอย่าได้เชื่อคำพูดของเขา ข้าไม่้าอยู่กับเขาอีกต่อไป นั่นเป็สิ่งที่เขา้าเพียงฝ่ายเดียว...”
“ใครบอกว่าข้าเชื่อ?” เฟิงอวี้วางศีรษะไว้บนบ่าของอวี๋มู่ น้ำเสียงแฝงด้วยรอยยิ้ม แต่อวี๋มู่มองไม่เห็นสีหน้าของเขา “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเขานั้นคิดไปเองฝ่ายเดียว เ้าไม่มีทางรักเขาอย่างแน่นอน ข้ารูปโฉมงดงามกว่าเขาตั้งมาก หากเป็เช่นนี้เ้ายังเลือกเขา นั่นก็เท่ากับว่าเ้าตาบอดสิ้นดี”
เขากอดอวี๋มู่ไว้แน่น แล้วเอ่ยถาม “ข้าพูดถูกหรือไม่? ”
อวี๋มู่ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี “ขอรับ ใต้เท้าพูดถูกต้อง”
*
เพราะเกรงว่าจะมีทหารไล่ล่า เฟิงอวี้จึงแบกอวี๋มู่แล้วรีบหนีออกจากจวนของเฟิงฉี่
พวกเขาเหาะเหินขึ้นกลางอากาศ เบื้องล่างเท้าคือเมืองหลวงเขตพระราชวังที่โอ่อ่า อวี๋มู่มองดู จู่ๆ ก็พบว่าตัวเองเหมือนยังไม่ได้เดินเล่นกับเฟิงอวี้ในเมืองดีๆ เลย
หลังจากเกิดเื่ที่โรงโสเภณีในเมืองหนานเซียง ต่อมาก็ถูกพามาเมืองหลวง แล้วประสบกับเื่ที่เฟิงอวี้ถูกขังคุก เขาถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว คลื่นหลายลูกซัดมายังไม่ทันนิ่ง
เขารู้ว่าเฟิงอวี้สูญเสียอิสรภาพั้แ่เยาว์วัย และคงไม่มีคนยอมเข้าใกล้เขา หรือยินยอมเมตตาต่อเขาสักนิด
ตอนนี้กลับมีเขาเป็ต้นเหตุ ทำให้ต้องเริ่มเหตุการณ์ชีวิตของการหนีเอาตัวรอดโดยไม่อาจหยุดได้...
เขาเม้มริมฝีปาก หมอบอยู่ข้างหูนักบวชน้อยแล้วเอ่ยกับเขา “ใต้เท้า พวกเราหยุดสักครู่จะได้หรือไม่? ”
เฟิงอวี้ชะงักฝีเท้า แล้วหยุด ก่อนเอ่ยถามอวี๋มู่ “มีอะไรหรือ? ”
อวี๋มู่ชำเลืองมองเห็นย่านด้านล่างฝั่งขวาที่มีแผงเล็กๆ กำลังขายพุทราเคลือบน้ำตาล[1] จึงเอ่ย “เ้าไปรอข้าที่ตรอกตรงนั้นสักครู่ ข้าจะไปซื้อของหน่อย”
“ได้” เหนือความคาดหมาย เฟิงอวี้ไม่มีถามต่อว่าอวี๋มู่้าซื้ออะไร ซึ่งขัดกับนิสัยของเขามาก
แต่ว่าก็ทำให้อวี๋มู่สะดวกมากขึ้น
เฟิงอวี้ะโลงบนหลังคา แล้วรีบซ่อนตัวเข้าตรอก แล้วปล่อยอวี๋มู่ลงมา เขาอิงกำแพงหินไว้ ก่อนเอียงคอยิ้มให้อวี๋มู่แล้วเอ่ย “อวี๋มู่จ๋า เ้ารีบไปรีบกลับนะ ข้าจะรอเ้าตรงนี้”
อวี๋มู่พยักหน้า เดินออกจากตรอกพลันเหลียวมองเฟิงอวี้แวบหนึ่งอย่างไม่รู้ตัว พบว่านักบวชน้อยจ้องมองเขาตาไม่กะพริบ ใบหน้าไม่มีรอยยิ้มแต่อย่างใด
แต่พอเห็นเขาหันมา ก็รีบฉีกยิ้ม ไม่พูดไม่จา
อวี๋มู่เดินไปถึงแผงนั้น ซื้อพุทราเคลือบน้ำตาลมาสองไม้ ถึงพบว่าบนตัวไม่มีเงินแม้สลึงเดียว ดีที่ระบบปลดล็อกให้เขา ถึงทำให้เขาได้ของมา
อวี๋มู่ชูพุทราเคลือบน้ำตาลขึ้นมาแล้วเอ่ยถามระบบ: เ้าระบบ แม้ว่าคิดแบบนี้มันจะไม่ถูกต้อง แต่ฉันก็รู้สึกว่าจากนิสัยของเฟิงอวี้ การที่เขาไม่ได้ฆ่าเฟิงฉี่ทันที แต่เพียงแค่ตีเขาจนสลบ แบบนี้มันน่าแปลก
[อืม ผมก็คิดว่าน่าแปลก] ระบบเองก็ไม่เข้าใจ [ดูจากคะแนนความประทับใจ ตอนนี้เฟิงอวี้ชัดว่าแยกขาดออกจากกัน เป็ปีศาจร้ายบริสุทธ์แม้จะมีนิสัยเด็กอยู่เล็กน้อย แต่ต้องลงมือเหี้ยมโหดกว่าตอนที่เป็สถานะสมบูรณ์ โดยเฉพาะกับคนที่เกลียดชัง เขาไม่สังหารเฟิงฉี่ นี่ช่างไม่สมเหตุสมผลเลย]
รู้ว่าระบบก็คลายข้อสงสัยไม่กระจ่าง อวี๋มู่ถอนหายใจ เดินกลับตรอกนั้น ยื่นพุทราเคลือบน้ำตาลในมือให้นักบวชน้อย แล้วเผยรอยยิ้มออกมา
“ใต้เท้าเคยทานสิ่งนี้หรือไม่? ”
เมื่อเห็นเฟิงอวี้ส่ายศีรษะอย่างมึนงง อวี๋มู่ก็รีบอธิบาย “นี่คือพุทราเคลือบน้ำตาล รสชาติหวานอมเปรี้ยว อร่อยมาก ท่านลองชิมสิ”
เขาปลอบเฟิงอวี้เหมือนกำลังปลอบเด็ก เพราะเขาเดาได้ว่าเฟิงอวี้โตมาขนาดนี้มีความเป็ไปได้สูงว่าไม่เคยกินพุทราเคลือบน้ำตาล
นักบวชน้อยนี้มีชีวิตอย่างยากลำบากั้แ่เกิดมา เขาอยากทำให้ชีวิตต่อจากนี้ของเฟิงอวี้นั้นหวานขึ้นมาบ้างเหมือนกับพุทราเคลือบน้ำตาลไม้นี้
เฟิงอวี้รับพุทราเคลือบน้ำตาลไป แล้วมองดูอวี๋มู่ ขบริมฝีปากล่าง กัดคำหนึ่งเข้าปาก เคี้ยวไปไม่กี่ที แววตาของเขาก็เป็ประกาย แต่เหมือนนึกถึงอะไรบางอย่างแล้วแววตาก็มืดมนลง
เขาได้ยินอวี๋มู่เอ่ยถามเขา “หวานหรือไม่? ”
คำถามนี้ดึงสติของเฟิงอวี้กลับมา
นักบวชน้อยจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน
จู่ๆ ก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ด้านนอกเป็ตรอกย่านที่คึกคัก เมื่อจุดโคมไฟกลางคืน กลับถูกกำแพงหินตรงปากทางเข้าตรอกบดบังไว้ ทำให้เฟิงอวี้นั้นอยู่ท่ามกลางเงามืด
จากนั้น เขาตอบกลับอวี๋มู่เสียงเบา “หวานมาก”
หวานมากจริงๆ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] พุทราเคลือบน้ำตาล 冰糖葫芦 "ปิงถังหูลู่" เป็ขนมที่เป็สัญลักษณ์แห่งการมาเยือนของฤดูหนาวสำหรับชาวจีนทางภาคเหนือ โดยจะนำผลไม้ เช่น ลูกซานจา ส้ม สตรอเบอร์รี่ มาเสียบบนไม้ไผ่ แล้วเคลือบด้วยน้ำตาลกรวดที่ใสเหมือนกระจก รสชาติอมเปรี้ยวอมหวาน ทานได้ทุกเพศทุกวัย มีมาแต่โบราณถูกใจชาวจีนเป็อย่างมาก

