“งั้นหรือ?” เย่เฟิงแสยะยิ้ม เขาไม่นึกว่าเว่ยจี้ผู้นี้จะบ้าบิ่นมากขนาดนี้
อีกด้านหนึ่ง นักดาบแขนเดียว ฉู่หาน และคนอื่น ๆ ก็เริ่มโจมตีจ้าวเฉิน ภายใต้การปิดล้อมทำให้จ้าวเฉินจนตรอก ทั้งยังโดนโจมตีจนมีสภาพสะบักสะบอม ไร้ซึ่งความเกรงขามเฉกเช่นก่อนหน้านี้
“อย่าเพิ่งรีบฆ่าเขา แค่ทรมานเขาก็พอ” เย่เฟิงส่งเสียงผ่านจิตไปให้พวกนักดาบแขนเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างในแดนมายาล้วนเป็ภาพลวงตา แม้จะฆ่าจ้าวเฉินก็มิอาจแก้ปัญหาอะไรได้ สู้ปล่อยให้เขาจดจำ่เวลานี้ไปนาน ๆ เสียดีกว่า
พวกนักดาบแขนเดียวก็พยักหน้าให้เย่เฟิงพลางตัวสั่นสะท้าน พวกเขาไม่คิดว่าเย่เฟิงผู้นี้จะโหดร้ายและน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้
ด้านจ้าวเฉินนั้นเริ่มอ่อนกำลังลงแล้ว มีหรือจะต่อต้านนักดาบแขนเดียว ฉู่หาน และคนอื่น ๆ ได้ เขาถูกทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงร้องโหยหวนดังออกจากปากไม่หยุด
ส่วนเย่เฟิงกำลังสู้กับเว่ยจี้ เว่ยจี้นั้นตัวคนเดียว แต่ทางเย่เฟิงมีผู้ช่วยอีกสามคน สามคนนี้เป็คนของพรรคเทียนเสวียนที่ค่อนข้างมีฝีมือ และอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 5 แม้จะเทียบกับเว่ยจี้ไม่ได้ แต่เมื่อทั้งสามรวมพลังกันก็สามารถควบคุมอีกฝ่ายได้ เย่เฟิงเองก็ปลดปล่อยพลังสังหารไม่หยุด และทุกการโจมตียังคุกคามชีวิตของเว่ยจี้ ทำให้เว่ยจี้มีสีหน้าไม่สู้ดี เพราะเขาจะรู้สึกดีได้อย่างไร ในเมื่อมีผู้ฝึกยุทธ์สี่คนปิดล้อมเขา ซ้ำยังเกือบตายหลายครา ต่อให้เขามีพลังอันแกร่งกล้า ก็ยังไร้ประโยชน์อยู่ดี
“เว่ยจี้ เ้าเป็ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 4 ในรายนามขั้นรวมชี่ บัดนี้ศักดิ์ศรีของเ้าไปอยู่ไหนแล้ว? ไม่ใช่ว่าสวะพวกนั้นของพรรคเทียนจีเ้ามาแก้แค้นหรอกหรือ เหตุใดไม่มาฆ่าข้าเล่า?” เย่เฟิงกล่าวขณะพลังพวยพุ่งออกจากฝ่ามือ นี่ทำให้สีหน้าของเว่ยจี้ดูย่ำแย่กว่าเดิม การเผชิญหน้ากับเคล็ดวิชาที่โจมตีตัวเองไม่หยุด ทำให้เขารู้สึกใจสู้มากแต่ไม่มีพละกำลังที่จะสู้ด้วย
“สวะ เ้าสี่คนปิดล้อมข้าคนเดียวไว้ ข้าจะฆ่าเ้าได้ยังไงกัน นี่มันไม่ยุติธรรม ถ้าเ้าคนเดียว ป่านนี้ข้าฆ่าไปนานแล้ว!” เว่ยจี้กล่าวเสียงเย็น
“น่าขัน!” เย่เฟิงเหยียดยิ้ม เขามองเว่ยจี้ด้วยสายตาดูถูก และกล่าวต่อ “เ้าไปไหนมาไหนคนเดียวก็น่าจะรู้เื่การถูกปิดล้อมดี คนของพรรคเทียนจีเ้ารวมกลุ่มสร้างเป็พันธมิตรหลายกลุ่ม ซ้ำยังเข้าปิดล้อมคนอื่น ๆ อีก นี่ไม่ใช่ว่าคนหมู่มากรังแกคนหมู่น้อยหรอกหรือ? เ้ามันไม่คู่ควรที่จะพูดเื่ยุติธรรมกับข้า!”
จากนั้นรังสีหมัด พลังแห่งทักษะหล่อิญญาและคัมภีร์หล่อกายาเทพาถูกปล่อยออกมาอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง การโจมตีนี้ทำลายการป้องกันของเว่ยจี้ ก่อนจะเข้าโจมตีร่างเว่ยจี้ ทำให้เว่ยจี้กระเด็นปลิวและกระอักเื จนสีหน้าดูย่ำแย่เป็อย่างมาก
“ตาย!” ขณะเดียวกันผู้ฝึกยุทธ์พรรคเทียนเสวียนอีกสามคนก็ปลดปล่อยการโจมตีพร้อมกัน หมายทำลายเว่ยจี้ให้สิ้นซาก
“ไปให้พ้น!” เว่ยจี้ตื่นตระหนก จากนั้นเขาหนีออกไปด้วยความว่องไวดุจติดปีกพร้อมกับาแเต็มตัว
ผู้ฝึกยุทธ์พรรคเทียนเสวียนสามคนนั้นจะไล่ตามไป กลับได้ยินเย่เฟิงส่งเสียงผ่านจิตมาว่า “ไม่ต้องไล่ตาม สู้เหมือนหมาจนตรอกขนาดนี้ ปล่อยเขาไปซะ!”
ทั้งสามคนได้ยินเช่นนั้นก็หยุดฝีเท้า พวกเขารู้ว่าเย่เฟิงคิดมาดีแล้ว หากเว่ยจี้ถูกบีบคั้นก็อาจจะทุ่มพลังทั้งหมดและตายไปพร้อมกับพวกเขาสามคน บางทีพวกเขาอาจจะหยุดไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นก็จะหายไปจากแดนมายาแห่งนี้
“ปัง!”
การโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งโดนจ้าวเฉินเต็ม ๆ ทำให้จ้าวเฉินกระอักเื ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้น บัดนี้ทั่วร่างเขาเต็มไปด้วยาแ ซ้ำยังสูญเสียแขนหนึ่งข้าง จนในที่สุดจ้าวเฉินก็ไร้ซึ่งพลังต่อสู้อย่างสมบูรณ์
แสงเืปะทุออกจากดวงตาของจ้าวเฉิน ขณะมองเย่เฟิงเดินมาหา ความเกลียดชังที่มีต่อเย่เฟิงก็พุ่งทะยานสูงขึ้น
“ตอนนี้ข้าอยากดูนักว่าเ้าจะกำเริบเสิบสานต่อหน้าข้าได้อย่างไร?”
เย่เฟิงเอาสองมือไพล่หลัง พลางเชิดหน้ามองจ้าวเฉิน ก่อนกล่าวว่า “ต่อหน้าผู้อื่นเ้าคืออ๋องเล็ก แต่ต่อหน้าข้าเย่เฟิงเ้าไม่ต่างจากเศษขยะ หากฆ่าเ้าข้าก็กลัวมือข้าจะแปดเปื้อนมลทิน เ้าจงทำลายตัวเองซะ!”
หลังจากพูดจบ เย่เฟิงก็พาพรรคพวกเดินจากไป
ขณะมองเงาร่างเ่าั้ที่เดินจากไป สามารถรับรู้อารมณ์ของจ้าวเฉินได้เลย ตอนนี้เขาไม่ขยับเขยื้อนใด ๆ และเป็อย่างที่เย่เฟิงกล่าวไว้เช่นนั้น เขาอยู่ที่นี่ก็ได้แต่รอความตายเท่านั้น แย่ยิ่งกว่าถูกฆ่าเสียอีก
นอกจากทางด้านพวกเย่เฟิงแล้ว ที่อื่น ๆ ในแดนมายาก็ยังมีการต่อสู้ที่รุนแรงกว่าตอนแรกมากกำลังดำเนินอย่างต่อเนื่อง
ขณะนั้นที่ไหนสักแห่งในแดนมายา มีสองหญิงงามกำลังเผชิญหน้ากัน ทั้งสองฝ่ายต่างสบตามองกันไม่วางตา และยังเห็นได้ถึงเจตจำนงต่อสู้ในดวงตาของพวกนาง
“ได้ยินชื่อเสียงเ้ามานาน สวยสมคำร่ำลือจริง ๆ แต่ด้านพลังไม่รู้จะแกร่งสักเท่าไร?” เซี่ยเชียนชิวในชุดขาวกล่าว พร้อมกับมีแสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตา
ซึ่งด้านหน้าของเซี่ยเชียนชิวคือ ฉินเยียนหรานในชุดหงส์แดงเพลิง ขับผิวขาวนวลให้เปล่งประกาย ประหนึ่งบุปผาที่สวยงดงามที่สุดในใต้หล้า
“เ้าก็เช่นกัน” ฉินเยียนหรานกล่าว ในฐานะศิษย์สำนักยุทธ์เทียนเสวียน นางย่อมรู้จักเซี่ยเชียนชิว แม้จะเป็ผู้หญิงเหมือนกัน แต่ฉินเยียนหรานก็จำต้องยอมรับความสวยของเซี่ยเชียนชิว
เมื่อสองหญิงงามแห่งสำนักยุทธ์เจอกัน ก็ย่อมเกิดา
“มาสู้กันสักตั้ง ข้าอยากรู้มากว่าพลังของคุณหนูฉินจะดีเยี่ยมอย่างหน้าตาเ้าหรือไม่!”
เซี่ยเชียนชิวกล่าว ครั้งหนึ่งนางเคยเป็ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 2 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายา แต่บัดนี้นางบรรลุขั้นรวมชี่แล้ว นางจึงมั่นใจในพลังของตัวเองขึ้นมาก
“ดี!” ฉินเยียนหรานพยักหน้า จากนั้นหญิงงามทั้งสองแห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียนก็เปิดฉากต่อสู้
ฉินเยียนหรานในเวลานี้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่เช่นเดียวกัน และนางยังฝึกเคล็ดวิชาหงส์แดงจนถึงระดับชินมือ ทุกการโจมตีล้วนแฝงด้วยพลังมหาศาลที่เป็คุณสมบัติวิหคเทพหงส์แดง
จู่ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่กลายเป็เขตแดนหงส์แดง ฝ่ามือถูกปลดปล่อย ราวกับทำลายทุกสิ่งให้ราบเป็หน้ากลอง
เซี่ยเชียนชิวปล่อยการโจมตีเช่นเดียวกัน ิญญาาพืชพรรณของนางเป็อาวุธสังหารที่ดีที่สุด เถาวัลย์และพืชพรรณทุกชนิดถูกอัดแน่น และปล่อยออกมาด้วยพลังอันน่าทึ่งอย่างต่อเนื่อง
สองสาวต่อสู้อย่างดุเดือด รอบข้างพลันเกิดคลื่นกระแทกสั่นะเื ทำให้ผู้คนแถวนั้นต่างต้องใและพึมพำในใจว่าพลังของสองคนนี้แข็งแกร่งมาก
ในที่สุดหลังจากฝ่ามือที่ทั้งสองสาวปล่อยออกมาเข้าปะทะกัน พวกนางก็แยกออกจากกัน และต่างมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นเยียบ
“ถึงข้าจะเอาชนะเ้าไม่ได้ แต่เ้าก็ทำอะไรข้าไม่ได้!” เซี่ยเชียนชิวกล่าวเสียงเย็น แต่ในใจกลับไร้ชีวิตชีวา ต้องรู้ว่าเดิมทีนางเป็ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 2 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายา ส่วนฉินเยียนหรานยังไม่ก้าวหน้าเท่าไร แต่บัดนี้ฉินเยียนหรานกลับไล่ตามนางทันแล้ว เช่นนั้นนี่ก็เป็สัญญาณที่บ่งบอกว่าสักวันหนึ่งฉินเยียนหรานจะก้าวข้ามนางไม่ใช่หรือ?
“ถ้าผ่านไปอีกสามเดือน เ้าไม่รอดแน่!” ฉินเยียนหรานกล่าวเสียงนิ่งเรียบ แน่นอนว่านางรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเซี่ยเชียนชิว พร์ของนางแกร่งกว่าเซี่ยเชียนชิว ไม่ช้าก็เร็ว เื่ก้าวข้ามย่อมต้องเกิดขึ้นเป็ธรรมดา
หลังจากพูดจบ ฉินเยียนหรานก็เดินจากไป ทิ้งให้เซี่ยเชียนชิวตัวแข็งทื่ออยู่เช่นนั้น
งานประลองสำนักยุทธ์นั้นคือการแข่งขันของเหล่าอัจฉริยะ ประชันเื่ความสามารถและความแข็งแกร่ง บางเวลาความแข็งแกร่งก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่นิรันดร์ แต่เป็เื่ของจังหวะเวลาที่ความเฉิดฉายของอัจฉริยะแท้จริงจะบานสะพรั่ง เป็อย่างที่ฉินเยียนหรานกล่าวไว้ เมื่อก่อนที่สำนักยุทธ์ แม้ชื่อเสียงของฉินเยียนหรานจะไม่ดังเท่าเซี่ยเชียนชิว แต่วันนี้ในหนึ่งปีให้หลัง นางกลับมีฝีมือเทียบเคียงกับเซี่ยเชียนชิว หากให้เวลานางอีกหน่อย คงก้าวข้ามเซี่ยเชียนชิวได้อย่างแน่นอน
สามวันผ่านไป การต่อสู้ที่แดนมายาใน่นี้เกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน ส่วนมากจะเป็การต่อสู้กลุ่ม และผลลัพธ์ที่ได้ก็ช่างน่าเวทนามาก เมื่อเวลาล่วงเลย ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในแดนมายาตอนนี้ก็มีจำนวนน้อยลง จนเกือบจะครบกำหนด 2,000 คน
ในที่สุด วันนี้เย่เฟิงที่นำพันธมิตรก็ได้เจอกับพันธมิตรของเฉินอ้าวเทียน ซึ่งเว่ยจี้และหนานกงหลิงซวงอยู่ในพันธมิตรของเฉินอ้าวเทียนด้วย และยังมองมาที่เย่เฟิงด้วยสายตาเย็นเยียบ
ส่วนหนานกงหลิงซวงที่นอกจากมีความเ็าแล้ว ก็ยังมีความใที่ปกปิดไม่มิด เพียงเวลาไม่ถึงสามวันพันธมิตรของเย่เฟิงแข็งแกร่งขึ้นมาก ทั้งยังมีคนอยู่จำนวนมาก ช่างน่าหวาดผวายิ่งนัก
แม้แต่ว่าที่สามีอย่างเฉินอ้าวเทียนของนางก็ยังทำขนาดนี้ไม่ได้ ในเวลาสามวันเฉินอ้าวเทียนรวบรวมคนได้แค่สิบกว่าคนเท่านั้น เพื่อเผชิญหน้ากับพันธมิตรของเย่เฟิง พวกเขาจึงตัวหดเล็กลงถนัดตา
“สวะ ในที่สุดข้าก็เจอเ้าสักที!” เฉินอ้าวเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นะเื