“ไม่ต้องซ่อนหรอก ข้ามาที่นี่แล้วไม่ใช่หรือ”
ทุกคนได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน หลังจากนั้นทุกคนพลันหันมองทางออกด้านขวาด้วยสีหน้าตึงเครียด
คนสามคนยืนอยู่ตรงทางเล็กๆ ที่ปูด้วยหิน ค่อยๆ เดินเข้ามายังทะเลสาบอย่างเชื่องช้าและหยุดลงริมทะเลสาบ
เสิ่นเลี่ยน เสิ่นเสี่ยวเม่ย เริ่นเสี้ยวเทียน และเฝิงเป่าเป่า นั่งอยู่ในศาลาใจกลางทะเลสาบ เท่ากับว่าพวกเขาโดนล้อมแล้ว
“อู๋ิ เ้าคิดจะทำอะไร”
เฝิงเป่าเป่าเห็นดังนั้นจึงลุกขึ้นแล้วถามอีกฝ่าย
สามคนที่เข้ามา คนหนึ่งคืออู๋ิ ส่วนอีกสองคนไม่ใช่ผู้าุโจากตระกูลเฝิง น่าจะเป็คนนอกที่อู๋ิรู้จัก ทุกคนต่างมีคลื่นพลังแข็งแกร่งแผ่ซ่านออกมาจากร่าง
สองคนนั้นมีพลังยุทธ์ขั้นราชันระดับสูงสุด ส่วนอู๋ิมีพลังยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ
“ได้ยินว่าคุณชายใหญ่โดนรังแก พวกข้ารับคำสั่งจากคุณชายรองเข้ามาจัดการปัญหาแทนคุณชายใหญ่”
อู๋ิกล่าวต่อหน้าเฝิงเป่าเป่า
ช่างเป็ข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ยิ่งนัก ใช้ฐานะของข้ารับใช้นี้เข้ามาแยกตัวเฝิงเป่าเป่าออกไป
“เ้าเข้ามายุ่มย่ามมากเกินไปแล้ว พวกเขาคือสหายของข้า ไม่มีใครรังแกข้าทั้งนั้น อีกอย่าง เ้าบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของข้า ควรรับโทษอย่างไร”
เฝิงเป่าเป่ากล่าวเสียงเย็น เขาคิดไม่ถึงเลยว่าน้องรองของเขาจะทำอย่างนี้ เขาเป็ห่วงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง แต่ดูเหมือนน้องรองของเขาไม่สนใจเลย
“พวกคนชั่วอยู่ที่นี่ด้วย คุณชายคงไม่กล้าบอกความจริง คุณชายวางใจได้ พวกข้าจะจัดการให้เอง ข้าคือผู้าุโตระกูลเฝิง คงไม่มีใครว่าอะไรหากเข้าออกอาณาเขตของตระกูลเฝิงหรอกใช่ไหม!”
อู๋ิลูบเคราขาวเบาๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เขาดูเหมือนมีเมตตา เพียงแต่ในแววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยเจตจำนงสังหาร
“สองคนนี้คือสหายของข้าเอง และพวกเขามาที่นี่เพื่อปกป้องคุณชาย อย่าได้กลัวไปเลย”
อู๋ิชี้ชายชราสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ พลางกล่าวกับเฝิงเป่าเป่า สองคนนี้มีอายุใกล้เคียงกับอู๋ิ ดูจากไอพลังที่แผ่ซ่านออกมาก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา
“ข้าสั่งให้เ้าออกไป”
เฝิงเป่าเป่าเห็นว่าตนเองออกคำสั่งอีกฝ่ายไม่ได้จึงะโออกไปอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรอู๋ิคือคนที่ตระกูลเฝิงชุบเลี้ยงขึ้นมาด้วยเงินมหาศาล ตอนนี้กลับไม่ฟังคำของเขาเสียอย่างนั้น
“มาถึงที่แล้วจะออกไปง่ายๆ ได้อย่างไร”
“เ้ากล้าขัดคำสั่งอย่างนั้นหรือ”
“ขออภัยคุณชายใหญ่ ท่านออกคำสั่งไม่ได้หรอก ในตระกูลเฝิงข้ารับคำสั่งจากนายท่านและคุณชายรองเท่านั้น สำหรับท่านแล้วข้าได้รับคำสั่งเพียงปกป้องชีวิตไว้เท่านั้น คุณชายโปรดหลีกไป ไม่อย่างนั้นหากทำให้ท่านาเ็คงไม่ดีนัก”
อู๋ิกล่าวด้วยน้ำเสียงแกมบังคับ ไม่เห็นเฝิงเป่าเป่าอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
“เ้าบังอาจนัก!” เฝิงเป่าเป่าโกรธจนปากสั่น ข้ารับใช้น่ารังเกียจกล้าทำร้ายเ้านาย เื่นี้เกิดขึ้นกับเขาแล้วจริงๆ
หากเสิ่นเสวียนอยู่ที่นี่คงมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ในตอนที่เขาเพิ่งฟื้นขึ้นมาก็โดนรังแกเช่นนี้ เพียงแต่ตอนนั้นเขาแก้แค้นไปแล้ว เก็บข้ารับใช้อย่างนี้เอาไว้จะเป็ภัยต่อตนเองไม่ช้าก็เร็ว
“เลิกเสียเวลาได้แล้ว คนฉลาดมองออกนานแล้วว่าเขาคิดสังหารเ้า หากข้าเดาไม่ผิด ครั้งนี้ที่เ้าโดนลอบสังหารตอนไปหาซื้อของก็น่าจะมีต้นเหตุมาจากเขาด้วยกระมัง”
เริ่นเสี้ยวเทียนนั่งอยู่ข้างๆ เขายกน้ำชาขึ้นจิบ ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็น
“เขา...”
เฝิงเป่าเป่าตะลึงงัน ไม่รู้ควรตอบกลับอย่างไร
เริ่นเสี้ยวเทียนในตอนนี้ไม่ได้รู้สึกกดดันมากนัก เสิ่นเสวียนแข็งแกร่งมากก็จริง แต่เขาไม่ได้อ่อนแอ หากเสิ่นเสวียนอยู่ที่นี่ด้วยเขาคงไม่ต้องกลัวอีกฝ่าย แต่เสิ่นเสวียนไม่อยู่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่มีพลังต่อสู้
แม้กล่าวว่าอีกฝ่ายมีขั้นราชันด้วยอีกสองคน แต่เสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยนก็ไม่ใช่คนที่จะโดนรังแกได้ง่ายๆ เขายังจำเหตุการณ์บนเรือเสวียนอู่ได้อย่างชัดเจน สองคนนี้จัดการคนบนเรือเสวียนอู่ราบคาบ ความกล้าหาญขนาดนี้เขาทำไม่ได้เลย
ทั้งเขายังเคยเห็นเสิ่นเลี่ยนลงมือสังหารผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิในกระบวนท่าเดียวมากับตาตนเอง
“เลิกพล่ามได้แล้ว อยากสู้ก็เร็วเข้าเถอะ หยุดกล่าววาจาทำร้ายจิตใจพวกข้าสักที”
เริ่นเสี้ยวเทียนมองอีกฝ่ายพลางกล่าว
“ดีมาก ช่างน่าชื่นใจ ข้าชอบสังหารอัจฉริยะอย่างเ้ายิ่งนัก”
อู๋ิหัวเราะอย่างร่าเริง ครั้งก่อนได้ปะทะกันในโรงเตี๊ยม เขารู้ได้ทันทีว่าเริ่นเสี้ยวเทียนต้องไม่ธรรมดา ได้สังหารอัจฉริยะเช่นนี้ค่อนข้างน่าตื่นเต้นสำหรับเขา หากคนที่อยู่เื้ัเริ่นเสี้ยวเทียน้าตามหาตัวเขาเพื่อคิดบัญชีแค้น เขาไม่ต้องเป็กังวลเื่นี้เลย
ถ้าตามหาตัวเขาเจอจริงๆ แล้วสู้เขาได้ก็คงไม่ต้องกล่าวอะไร หากสู้ไม่ได้ก็ให้ตระกูลเฝิงออกหน้าแทน เขามีที่พึ่งทรงพลังเช่นนี้ ทำเื่แบบนี้มาไม่น้อยแล้ว
“พวกเ้าสองคนจัดการสองคนนั้นได้ไหม”
เริ่นเสี้ยวเทียนถามเสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยน ตอนนี้เขาเป็พี่ใหญ่สุด เสิ่นเสวียนไม่อยู่เขาต้องปกป้องทั้งสองคนให้ดี
“ไม่มีปัญหา”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยนอยากลองดูเหมือนกันทั้งคู่ แม้พลังยุทธ์ของตนเองจะเทียบอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ถ้าสู้กันจริงๆ ใครแพ้ใครชนะก็ยังมิอาจบอกได้
“ดูแลตัวเองด้วย”
เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าวกับทั้งสองคนแล้วลุกขึ้นกระโจนขึ้นไปกลางอากาศเหนือสวน ส่วนอู๋ิก็กระโจนไปบนท้องฟ้าในระดับเดียวกับเริ่นเสี้ยวเทียนเช่นกัน
ที่นี่คือชานเมืองตะวันตก ห่างจากใจกลางเมืองชางฉงมาก หากต่อสู้ที่นี่ไม่มีใครสนใจนัก และตอนเข้ามาได้สร้างค่ายกลไว้ด้านนอกแล้วเรียบร้อย คลื่นพลังจากภายในนี้จะหลุดลอดออกไปภายนอกได้ยากมาก
จากนั้นอู๋ิที่ยืนอยู่กลางอากาศก็โบกมือให้สองคนที่ยืนอยู่ด้านล่างไปจัดการเสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยน
ทั้งสองคนทำสัญญาณมือแล้วกระโจนไปตรงหน้าเสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยนในพริบตา ทั้งสองคนถือกระบี่ยาวเป็ประกายแสงเอาไว้ แล้วแทงตรงไปที่คอของเสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยน
พลังโจมตีของผู้แข็งแกร่งขั้นราชันระดับสูงสุดมิอาจดูิ่ได้เลย ทว่ามันกลับไม่ค่อยน่าสนใจนักเมื่ออยู่ต่อหน้าเสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยน
ร่างของตระกูลเสิ่นทั้งสองคนพลันหายไปอย่างน่าประหลาดขณะพลังโจมตีของอีกฝ่ายพุ่งเข้ามาถึง เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็ไปอยู่ด้านหลังของอีกฝ่ายแล้ว จากนั้นตระกูลเสิ่นทั้งสองคนก็แสดงพลังฝ่ามือโจมตีใส่แผ่นหลังของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง
สองคนที่มากับอู๋ิร่างโซเซจนเกือบตกลงไปในทะเลสาบ
แต่ต่อมาเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นก็ปรากฏขึ้น
สองคนที่มากับอู๋ิถือศาสตราวุธอยู่ ซึ่งกระบี่ทั้งสองเล่มอยู่ในขั้นปฐี ส่วนเสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยนนั้นต่อสู้ด้วยมือเปล่า
ทว่าเสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยนกลับได้เปรียบมากกว่า เมื่อกลับไปมองทางชายชราทั้งสองคน พวกเขาทำได้เพียงปัดป้องเท่านั้น ไม่มีพลังตอบโต้กลับเลยแม้แต่น้อย
“พลังไม่พอ ค่อนข้างแย่”
“ชักช้าอืดอาด ค่อนข้างแย่”
“การตอบสนองต่ำ ค่อนข้างแย่”
ทุกครั้งที่โจมตีจะได้ยินเสียงวิจารณ์จากเสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยนดังเป็ระยะ หลายครั้งเข้าผู้แข็งแกร่งขั้นราชันระดับสูงสุดทั้งสองคนก็เริ่มเวียนหัว ไม่รู้แล้วว่าควรสู้อย่างไร
“ดูเหมือนพวกเ้ายังซ่อนพลังเอาไว้อยู่”
อู๋ิยังไม่ได้ต่อสู้ มองเห็นการต่อสู้เบื้องล่างได้อย่างชัดเจน เขาอดใไม่ได้ที่ตนเองประเมินพวกเขาต่ำเกินไป
เด็กสองคนนั้นมีอายุสิบกว่าปีเท่านั้น โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงคนนั้นที่น่าจะมีอายุเพียงสิบเอ็ดสิบสองปี กลับสามารถต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งขั้นราชันระดับสูงสุดได้ และยังสู้ได้เป็อย่างดีอีกด้วย
พร์ระดับนี้ไม่รู้จะหาคำใดมาเปรียบเปรยแล้ว
“คู่ต่อสู้ของเ้าคือข้าต่างหาก”
เริ่นเสี้ยวเทียนชี้นิ้วไปยังอู๋ิพลางกล่าวเสียงเรียบ
“จัดการเ้าก่อนแล้วค่อยไปจัดการพวกเขา”
อู๋ิสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติกลับมาจากความตื่นใเมื่อครู่นี้ พลังหมัดของเขาแหวกอากาศพุ่งตรงไปยังเบื้องหน้าของเริ่นเสี้ยวเทียน
อู๋ิรวดเร็วมากจนเริ่นเสี้ยวเทียนไม่ทันได้ตั้งตัวเลย
พลังโจมตีเข้าตรงหน้าอย่างจัง ทำให้เริ่นเสี้ยวเทียนตีลังกาไปบนท้องฟ้าอยู่หลายตลบ ร่างของเขาถอยหลังไปราวห้าจั้งแล้วจึงหยุดนิ่งลง
“เ้าคือขั้นจักรพรรดิระดับกลาง!”
เริ่นเสี้ยวเทียนเืไหลออกจากจมูกเพราะโดนพลังหมัดเข้าไปเต็มๆ ทำให้เขาาเ็ไม่น้อย และยังทำให้เขาประเมินพลังยุทธ์ของอีกฝ่ายได้ว่าอยู่ในขั้นจักรพรรดิระดับกลางแล้ว
“เดาได้ถูกต้อง หากมีเวลาให้เ้าสักระยะหนึ่ง เ้าอาจอยู่ในขั้นเดียวกับข้าได้ น่าเสียดายที่เ้าจะไม่มีภายหลังอีกต่อไปแล้ว”
อู๋ิยิ้มน้อยๆ ร่างของเขาหายวับไปปรากฏขึ้นตรงหน้าเริ่นเสี้ยวเทียน พลันคว้าเข้าที่คอของเริ่นเสี้ยวเทียนโดยไม่ทันได้ตั้งตัวแล้วบีบคอเขาอย่างรุนแรง
อู๋ิสร้างผนึกไปทั่วร่างของเริ่นเสี้ยวเทียนในพริบตาที่เขาบีบคอ ทำให้เริ่นเสี้ยวเทียนมิอาจแสดงพลังออกมาได้
“ปล่อยเขา”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยนที่อยู่ด้านล่างััได้ถึงพลังหมัดของอู๋ิจึงตื่นใ ต่างคนต่างแสดงพลังสังหารออกไปทำให้ขั้นราชันทั้งสองคนได้รับาเ็หนัก แล้วพวกเขาก็กระโจนขึ้นไปบนท้องฟ้าในระดับเดียวกับอู๋ิ
“แม้ข้าไม่รู้ว่าพวกเ้าฝึกฝนได้อย่างไร แต่ข้ารู้ว่านับแต่วันนี้ไปในทวีปนี้จะมีอัจฉริยะหายไปสามคน”
อู๋ิยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วออกแรงบีบรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
เสิ่นเลี่ยนหรี่ตามอง เขาเตรียมกริชนิลนาคาเอาไว้นานแล้ว กำลังรวบรวมพลังเพื่อโจมตีด้วยพลังแข็งแกร่งที่สุดออกไป
“ปล่อยเดี๋ยวนี้”
เพลิงิญญาสีเขียวเข้มลุกโชนขึ้นทั่วร่างของเสิ่นเสี่ยวเม่ย มือเล็กๆ ของนางเคลื่อนไหวเล็กน้อย ทำให้ร่างของอู๋ิถูกเพลิงิญญาห่อหุ้มและแผดเผา
เพลิงิญญาแผดเผาจิต มันดูเหมือนไม่มีอะไร แต่กลับแผดเผาจิติญญาของเขาไม่หยุดหย่อน
หลังจากััได้ถึงความผิดปกติ เจตจำนงสังหารของอู๋ิยิ่งรุนแรงขึ้น จึงใช้ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งทาบลงบนหัวของเริ่นเสี้ยวเทียน
เขา้ากำจัดเริ่นเสี้ยวเทียนในพริบตา