คำพูดของหญิงรับใช้ก็เป็ตัวแทนของประสงค์จากใต้เท้าผู้นำนั่นเอง ทุกคนในเมืองอู่ตี้ต่างก็รู้ดีว่าใต้เท้าผู้ฝึกมีนิสัยแปลกประหลาดแค่ไหน จึงไม่มีใครกล้าตั้งข้อกังขาเื่เื้ัของหญิงรับใช้คนนี้เลยสักคน
ลั่วซางหน้าถอดสี เขามองไปยังหญิงรับใช้อย่างระมัดระวัง ความกลัวทำให้เขาไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ นางเป็ถึงหญิงรับใช้คนสนิทของใต้เท้าผู้นำ ย่อมมีพลังแข็งแกร่งกว่าลั่วซางมากอยู่แล้ว
เดิมทีเขาเตรียมจะพูดค้านออกไป ทว่ากลิ่นอายพลังที่กระจายออกมาจากร่างของเว่ยเวยกลับทำให้เขาต้องกลืนคำพูดที่เตรียมจะพ่นออกมากลับเข้าไปในคออีกครั้ง พลังกดดันที่ไร้รูปร่างแผ่เข้ามาปกคลุมจนทั่วร่างกาย มันทำให้เขาเหงื่อตกด้วยความหวาดกลัว ร่างกายก็สั่นเทาขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม
หลงเหยียนตกตะลึงเป็อย่างมาก ด้วยพลังระดับนี้ เกรงว่าแค่กระดิกนิ้วเบาๆ ก็สามารถบี้ให้ตนสิ้นชีพได้แล้ว
ขณะที่มองไปยังร่างของหลงเหยียนผู้น่าเวทนาที่นอนทรุดอยู่ไม่ไกล หญิงรับใช้คนดังกล่าวก็ประกายความสงสารออกมาทางแววตา
นางหันมาส่งยิ้มให้หลงเหยียน รอยยิ้มนั้นทำให้หลงเหยียนรู้สึกวาบหวิวไปทั้งตัว ราวกับโดนมนต์สะกดบางอย่าง
“เอาละ พวกเ้าออกไปเถิด ต่อจากนี้ ข้าจะเริ่มประกาศผลของการแข่งขันในครั้งนี้แล้ว หากพวกเ้ากล้าทำผิดกฎระเบียบอีกละก็ อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
เมื่อพูดจบ หญิงสาวก็มองไปยังซือถูหม่ากับคนอื่นๆ “พวกเ้าละเลยต่อหน้าที่ ทั้งยังให้ท้ายลูกน้อง ไม่กลัวว่าใต้เท้าผู้นำจะเอาเื่หรืออย่างไร พวกเ้าช่างบังอาจเสียจริง”
ซือถูหม่าตื่นตระหนกเป็อย่างมาก เขารีบคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว เขาไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ ดูเหมือนในยามปกติ เว่ยเวยจะนำความหวาดกลัวมาสู่คนเหล่านี้มากมายจริงๆ
หลงเหยียนครุ่นคิดในใจ ‘ในเมื่อท่านแม่ไม่อยากเผยความสัมพันธ์ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ ข้าจะอดทนอีกหน่อยก็ได้ เชื่อว่าครั้งหน้า หากหลบสายตาของตระกูลอู่ตี้ไปได้ นางคงไม่มีเหตุผลที่จะแสร้งทำเป็ไม่รู้จักข้าอีกแล้ว’
“ลุกขึ้นเถิด ข้าให้อภัยแค่ครั้งนี้เท่านั้น หากยังมีครั้งหน้า พวกเ้าก็ไม่ต้องทำงานที่นี่อีกต่อไปแล้ว”
ซือถูหม่ากับพวกรีบขานรับอย่างหวาดผวา “ขอรับ รับทราบแล้ว พวกข้าทราบแล้วขอรับ”
“ยังไม่รีบไสหัวไปอีก”
ซือถูหม่ากับพวกกุลีกุจอหนีไป ลั่วซางให้ลั่วเฉิงขี่หลัง จากนั้นก็มองเขม่นหลงเหยียนอีกครั้งเป็การทิ้งท้าย ทว่าในตอนที่เขาเตรียมจะเดินจากไป อยู่ๆ สตรีคนนั้นก็ยื่นมือออกไป
“ส่งตราคำสั่งของใต้เท้าผู้นำมา!”
ลั่วซางใจกระตุกวูบ เขาไม่รู้ว่านางรู้เื่นี้ได้อย่างไร ทว่าน้ำเสียงที่เยือกเย็นก็บ่งบอกให้เขารู้แล้วว่านางไม่เปิดโอกาสให้เขาปฏิเสธแน่ เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงยอมมอบตราคำสั่งออกไปอย่างว่าง่าย หลงเหยียนเห็นดังนั้นก็รู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก ทว่าก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจเช่นกัน
‘หรือว่าท่านแม่จะจับตาดูการเคลื่อนไหวของข้าั้แ่วินาทีแรกที่ข้าเข้ามาในเมืองอู่ตี้แล้ว?’
สตรีคนดังกล่าวประกาศชื่อของผู้เข้ารอบทั้งห้าคนจนครบ จากนั้นก็หันไปมองลั่วซาง “หากมีโอกาสก็อธิบายเื่กฎระเบียบของเมืองอู่ตี้กับพวกเขาให้ละเอียดเถิด ถือเป็การไถ่โทษในสิ่งที่เ้าทำผิดครั้งนี้”
ลั่วซางรีบขานรับ เว่ยเวยเห็นดังนั้นก็หันไปพยักหน้าให้หญิงรับใช้เบาๆ หญิงรับใช้เดินไปหยุดอยู่ข้างกายหลงเหยียน จากนั้นก็ยื่นนิ้วเรียวที่ขาวเนียนประดุจหยกชั้นดีของตนออกไปยกคางของหลงเหยียนให้เชิดขึ้นอย่างแ่เบา
“เ้าชื่อหลงเหยียนสินะ ดูเ้าสิ หน้าตางดงามไม่น้อยเลย วางใจเถิด ต่อไปพี่สาวคนนี้จะเป็คนคุ้มครองเ้าเอง ไม่มีใครกล้ารังแกเ้าอีกแน่”
พูดจบก็ประกายรอยยิ้มพลางหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาจากหน้าอกของตน นางส่งยาเม็ดนั้นเข้าร่างกายของหลงเหยียน เม็ดยาพลันแตกกระจายออกจากกัน รักษาาแแก่เขาอย่างรวดเร็ว
ด้วยเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ลมหายใจ หลงเหยียนก็อดกลั้นต่อความเ็ป พร้อมลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งแล้ว
“หลงเหยียนน้อย วันนี้เ้าทำได้ไม่เลวเลย อย่าลืมเล่า คืนนี้จงไปหาใต้เท้าผู้นำเสีย ท่านมีเื่ที่อยากจะบอกกับเ้า”
หญิงรับใช้พูดพลางขยิบตาให้หลงเหยียนอย่างทรงเสน่ห์ เมื่อทำเสร็จถึงเดินกลับไปยืนอยู่ข้างกายเว่ยเวย โดยระหว่างนี้ เว่ยเวยกลับเอาแต่เงียบ ไม่พูดสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น
หลงเหยียนมองตามแผ่นหลังที่กำลังเดินจากไปของคนเ่าั้ หลงเหยียนอธิบายความรู้สึกในเวลานี้ไม่ถูกเลย ทว่าเมื่อมองไปที่แผ่นหลังของหญิงรับใช้คนนั้น อยู่ๆ เขาก็ประกายรอยยิ้มบางๆ ขึ้นมาที่มุมปาก
“สิงโตน้อย แม่สาวนางนี้กำลังยั่วยวนข้าอยู่หรือไร หรือนางจะรู้เื่ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับใต้เท้าผู้นำ”
ราชสีห์หิรัณย์พยักหน้าเบาๆ อย่างอ่อนแรง
ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ ที่เหลืออยู่ต่างก็มองมายังหลงเหยียนด้วยสายตาอิจฉา อีกด้านนั้น ชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าหลงเหยียน
ไม่นาน ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ ก็เดินเข้ามาสมทบ
“ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป พวกเ้าคือหนึ่งในสมาชิกของสำนักตงฟางแห่งเมืองอู่ตี้แล้ว ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป ข้าจะเป็ผู้ดูแลพวกเ้าทั้งห้าคนเอง และข้าจะอธิบายเื่เกี่ยวกับขอบเขตทางอำนาจ รวมไปถึงกฎระเบียบต่างๆ ของสำนักตงฟางให้พวกเ้าได้รู้เอง”
เมื่อพูดจบ ชายหนุ่มก็หันไปมองหลงเหยียน
“เ้าหนุ่ม เ้าไม่ธรรมดาเลยนี่ เพิ่งเข้ามาในเมืองก็ทำให้ใต้เท้าผู้นำหมายตาได้แล้ว ดูท่าเ้าจะมีพร์ที่ไม่เลวเลย อย่างไรเสีย อย่าคิดว่าเข้าตาใต้เท้าผู้นำแล้วจะทำอะไรก็ได้โดยไม่เห็นหัวใคร ในสำนักตงฟางของเรามีสมาชิกนับหมื่นคน หากอยากอยู่ร่วมกันที่นี่ ความประพฤติก็เป็พื้นฐานแรกที่เราให้ความสำคัญมาก เข้าใจหรือไม่?”
หลงเหยียนพยักหน้าอย่างนอบน้อม “ข้าน้อยหลงเหยียนเข้าใจแล้ว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องเรียกแทนตัวเองว่าข้าน้อยหรอก เมื่อเข้าสำนักตงฟางของเราแล้ว ทุกคนย่อมเป็พี่น้องกัน ข้าอายุมากกว่าพวกเ้า ดังนั้น เรียกข้าว่าหลิงเทียนอวี่ หรือพี่อวี่ก็ได้ กับข้า พวกเ้าไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมาย”
หลงเหยียนและคนอื่นๆ พยักหน้าหงึกหงัก
หลิงเทียนอวี่หัวเราะเสียงดังอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็ยื่นมือข้างหนึ่งขึ้นไปพาดบ่าหลงเหยียน
“ต้องยอมรับเลยว่าเ้าใจกล้าจริงๆ ถึงกล้ามีเื่กับลั่วซางแบบนี้ เ้าไม่รู้หรือว่าคนเ้าเล่ห์แบบเขาไม่ใช่คนที่ควรจะมีเื่ด้วยหรอกนะ ต่อไปเ้าต้องระวังตัวให้ดี ต่อให้ใต้เท้าผู้นำจะตักเตือนแล้ว เขาก็อาจจะวางแผนร้ายเพื่อเอาคืนเ้าก็ได้”
ชายที่ชื่อหลิงเทียนอวี่ทำให้หลงเหยียนรู้สึกเป็กันเองไม่น้อย หลงเหยียนรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้าน่าจะเป็คนที่ไม่เลวเลย
“วางใจเถิดพี่อวี่ ต่อไปข้าจะระวังตัวให้มาก”
“อืม ไม่เลว อายุยังน้อย กลับมีฝีมือเก่งกาจ! เ้ายังอายุน้อย กลับชิงหัวใจศพมารออกมาจากถ้ำได้มากมายขนาดนั้น ทั้งยังแสดงวิชาการต่อสู้ระดับมายาออกมาได้ ทั้งที่มีแค่ชีพัขั้นที่แปดเท่านั้น กระทั่งข้าก็ยังอดยกย่องเ้าไม่ได้ นับประสาอะไรกับใต้เท้าผู้นำ” หลิงเทียนอวี่ดูประวัติของหลงเหยียนกับพวก ทำให้รู้รายละเอียดพื้นฐานเกี่ยวกับเื่ส่วนตัวและครอบครัวของจนพอประมาณแล้ว
หลงเหยียนหัวเราะพลางเกาศีรษะอย่างเขินอาย “ข้าน้อยก็แค่โชคดีเท่านั้น”
แม้เขาจะพูดจานอบน้อม ถึงอย่างไรทุกคนก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเขามีฝีมือเพียงใด เขาถือเป็คนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนทั้งห้าเลยก็ว่าได้ ทั้งยังเป็ผู้ฝึกอสูรเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มอีกด้วย
“เอาเถิด ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ต่อไปพวกเราก็ต้องศึกษาและเรียนรู้จากกันและกันแล้ว เมืองอู่ตี้ไม่เหมือนหมู่บ้านเล็กๆ ที่พวกเ้าจากมา ข้าเองก็มาจากเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งเช่นกัน อยู่ที่นี่ พวกเ้าจะมีโอกาสในการก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น พยายามเข้าเถิด หนุ่มๆ ทั้งหลาย”
พูดจบ หลิงเทียนอวี่ก็พาพวกเขาไปที่สำนักตงฟางที่แท้จริงทันที
“จำเอาไว้ เมื่อถึงที่ทางเข้าสำนักตงฟาง พวกเ้าต้องระวังเื่วาจาและกิริยาให้มาก ยิ่งไปกว่านั้น หากมีโอกาสได้แสดงฝีมือก็จงทำให้ดีที่สุด หากมีความสามารถเสียอย่าง ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ต้องไปได้ดีแน่ สำนักตงฟางนี้ต่างหากที่เป็ฐานทัพที่แท้จริงของพวกเรา”
หลิงเทียนอวี่เดินนำอยู่ด้านหน้า อีกด้านหนึ่ง อาการาเ็ของหลงเหยียนได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว ไม่รู้ว่ายาที่หญิงรับใช้นางนั้นมอบให้เป็ยาอะไรกันแน่ถึงได้เห็นผลเร็วขนาดนี้
‘ท่านแม่ ในที่สุดเราก็จะได้พบกันอีกครั้งแล้ว ท่านบอกว่าอยากพบข้าคืนนี้ บอกว่ามีเื่ที่อยากจะเอ่ยกับข้า หรือว่าท่านอยากจะเปิดเผยฐานะของเราสองคนในคืนนี้?’
หลงเหยียนคิดถึงหลงหลิงขึ้นมา ไม่รู้ว่าสตรีที่เป็ดั่งเทพธิดาคนนั้นอยู่ที่ใด ร่างกายของนางได้รับการฟื้นฟูแล้วหรือไม่ เมืองหยุนจงเป็เมืองซ้อนเมืองที่กว้างใหญ่ยิ่งนัก
“เสี่ยวหลิง ข้าควรไปตามหาเ้าจากที่ใด...”
ราชสีห์หิรัณย์กลับเข้าไปในถุงผ้าเฉียนคุน ในตอนนั้นเอง ทุกคนถึงรู้ว่าหลงเหยียนได้ไปที่เมืองอู่ตี้ผ่านการคัดเลือกด้วยตนเองของเว่ยเวยนั่นเอง
ผู้ที่เดินทางไปคัดเลือกในเมืองขนาดเล็กอื่นๆ เป็แค่หัวหน้าหรือผู้ฝึกเท่านั้น มีเพียงหลงเหยียนที่พิเศษไปจากคนอื่น
ระหว่างเดินอยู่บนถนนภายในเมือง เมื่อได้เห็นสายตาสนใจหรือสงสัยจากนักรบคนอื่นๆ หลงเหยียนก็อดตัดพ้อในใจไม่ได้... ในที่สุดเขาก็ได้มายืนอยู่ที่นี่อย่างถูกต้องและผ่าเผยเสียที ั้แ่บัดนี้เป็ต้นไป เขาจะต่อสู้และสร้างชื่อในสถานที่แห่งนี้ให้จงได้
--------------------