ภายใต้การนำทางของผู้เฒ่าร้องไห้ ฉินอวี่ก็รู้สึกเหมือนรอยวิถีทำลายล้างที่มีพลังอันน่ากลัวนั้นไม่มีอยู่จริง และยังไม่รู้เช่นกันว่าผู้เฒ่าร้องไห้อยู่ในระดับใด ก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปในส่วนของรอยวิถีทำลายล้าง
เมื่อทะลุเข้าไปยังรอยวิถีทำลายล้างที่หนาแน่นนั้น ภาพที่เห็นตรงหน้าคือหลุมขนาดั์ที่กว้างใหญ่หลุมหนึ่ง ไม่อาจรู้ได้ว่าหลุมนี้มีขนาดเท่าไร เมื่อมองไปในครั้งแรกกลับมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด แต่คาดว่าน่าจะมีความกว้างมากกว่าหมื่นลี้ ราวกับเป็มหาสมุทรที่เหือดแห้ง
“นี่เป็ซากปรักหักพังของสำนักจูเทียนเต้าหรือ? ข้ามองไม่เห็นร่องรอยของา มีเพียงหลุมขนาดใหญ่อยู่หนึ่งหลุม หรือว่า... เื่ที่สำนักจูเทียนเต้าในอดีตถูกลบหายไปในพริบตาจะเป็เื่จริง?” ฉินอวี่ตกตะลึงในใจ
“ที่นี่คือซากปรักหักพังของสำนักจูเทียนเต้าหรือ! เมื่อเห็นสิ่งนี้แล้ว เ้าคิดจะแก้แค้นทุกวัน ไม่มีวันยอมทิ้งไปตลอดชีวิตได้อีกหรือ?” ดูเหมือนผู้เฒ่าร้องไห้จะกลับเป็ปกติแล้ว ทอดสายตาไปยังหลุมขนาดั์ที่กว้างใหญ่ พลางพูดอย่างแหบแห้ง
ฉินอวี่มองไปด้วยสายตาเปล่งประกาย และพูดขึ้น “ทำได้!”
ร่างกายที่โงนเงนของผู้เฒ่าร้องไห้เริ่มสั่นเล็กน้อย เขาโบกมือขวาขึ้น จนภาพตรงหน้าของฉินอวี่เปลี่ยนไปอย่างมาก
ในภวังค์นั้น ฉินอวี่ได้มองเห็นหมูู่เาที่ทอดยาวต่อเนื่องกัน ตลอดทั้งทิวเขาเต็มไปด้วยเมฆหมอกที่ลอยปกคลุมไปทั่วบริเวณ ราวกับเขตแดนของเหล่าเทพเซียน บนทิวเขาแห่งนี้ ปรากฏเป็หมู่อาคารเหมือนกลุ่มวังอันงดงาม บนท้องฟ้ามีเหล่าสัตว์อสูรกำลังเหาะไปมาเล่นกันอย่างสนุกสนาน มีศิษย์จำนวนมากมายกำลังรวมตัวพูดคุย หัวเราะกัน อยู่บนท้องถนนใต้ทิวเขาเ่าั้
ท่ามกลางภวังค์ ฉินอวี่ก็มองไปยังยอดูเาแห่งนั้นอีกครั้ง จึงเห็นชายชราคนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น และดูเหมือนชายชรากำลังสั่งสอนชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ท่ามกลางภวังค์ ฉินอวี่ก็ยังมองเห็นศิษย์หลายคนที่มีเหงื่อไหลท่วมตัว และกำลังทำการฝึกฝนอย่างเหน็ดเหนื่อย
ในขณะที่ฉินอวี่กำลังติดอยู่กับภาพที่เห็น ทันใดนั้นก็เกิดวังวนพลังขนาดใหญ่ขึ้นเหนือฟากฟ้าของสำนักแห่งนี้ มีรูปของนิ้วชี้ขนาดใหญ่นิ้วหนึ่งปรากฏอยู่ท่ามกลางวังวนพลังนั้น ทันใดนั้นนิ้วชี้ก็เปล่งพลังที่พร้อมทำลายโลกออกมาทันที จากนั้นพลังทำลายล้างที่ไม่มีประมาณก็กดลงมาอย่างรุนแรง
ดูเหมือนฉินอวี่จะมองเห็นพลังปราณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ภายใต้พลังของดัชนีที่ปรากฏขึ้นนี้ พวกเขาต่างดูอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง และถูกกดลงมาอย่างต่อเนื่อง
“ตูม ตูม!” ฉินอวี่ได้ยินเสียงเหมือนเสียงะเิที่ดังกึกก้อง ราวกับเป็จุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย จนแผ่นดินสั่นะเือย่างรุนแรง เศษฝุ่นจำนวนนับไม่ถ้วนได้พัดกระจายไปทั่วบริเวณอย่างรุนแรง
แม้สำนักขนาดใหญ่ก็ถูกทำลายหายไปได้ในพริบตา แม้แต่เบาะแสต่างๆ ก็ถูกทำลายไปจนไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ ราวกับว่าสำนักแห่งนี้ยังไม่เคยมีอยู่!
ฉินอวี่ตกตะลึง การหายใจของเขารวดเร็วและถี่ขึ้นมาก หน้าอกกระเพื่อมอย่างรุนแรง ในใจของเขาแปรปรวนเหมือนเกิดเป็พายุใหญ่ จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความสะพรึงกลัวต่อดัชนีอันน่ากลัวนั้น
นี่เป็ผู้แข็งแกร่งระดับใดกัน จึงสามารถทำลายล้างสำนักระดับชั้นนำแห่งยุคไท่ชูจนหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้ถึงเพียงนี้?
มิน่าล่ะ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้เฒ่าร้องไห้จะไม่มีความกล้าที่จะแก้แค้น คนผู้นี้จะต้องเป็ผู้แข็งแกร่งซึ่งมีระดับฝึกฝนที่น่าสะพรึงกลัว ผู้แข็งแกร่งคนนี้จะต้องอยู่ในขั้นของเขตแดนเซียน จะต้องเป็ผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดของขั้นเขตแดนเซียน!
สำนักจูเทียนเต้าสูญสลายไปในทันที กระแสวังวนพลังขนาดใหญ่หนึ่งฟากฟ้า ค่อยๆ กลับกลายเป็ปกติ แต่ในขณะที่กำลังคลี่คลายเป็ปกตินั้น ฉินอวี่ก็ต้องใจนตัวสั่นสะท้าน
ท่ามกลางภวังค์ เขามองเห็นดวงตาข้างหนึ่งอยู่ในวังวนพลังนั้น ดวงตาปีศาจขนาดมหึมาข้างนี้เต็มไปด้วยพลังความโเี้ ราวกับสามารถทะลุทะลวงสิ่งมีชีวิตทั้งหมดไปได้ สามารถมองผ่านวันเวลาอันไร้จุดสิ้นสุด
ฉินอวี่จ้องมองดวงตาปีศาจนั้นด้วยความตกตะลึง สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่ต้องใเป็อย่างมากคือ จิตใจของเขามีความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ปรากฏขึ้นมา ดวงตาปีศาจนี้... ดูเหมือนจะสามารถพบเห็นเขาได้ตลอดเวลาที่ผ่านมา
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินอวี่รู้สึกได้ชัดเจนว่า รูม่านตาของดวงตาปีศาจนี้จะหดตัวเล็กลงอย่างรวดเร็ว...
ราวกับว่าฉินอวี่มองเห็นความใ ความเหลือเชื่อ และความลังเลสับสนได้จากดวงตาปีศาจนี้
เป็ไปได้อย่างไร!
ฉินอวี่ขนลุกไปทั้งตัว สำนักจูเทียนเต้าถูกทำลายไปั้แ่ยุคไท่ชู หรืออาจพูดได้ว่า สิ่งที่เขากำลังเห็นอยู่ในตอนนี้เป็เพียงภาพลวงตา แต่ทำไมดวงตาปีศาจที่ทรงพลังข้างนั้นจึงเหมือนกำลังจ้องตาตนเอง
“ใช่...” ท่ามกลางความเลือนราง ฉินอวี่ก็ได้ยินเสียงที่ดูเหมือนจะผ่านความผันผวนของเวลามานาน น้ำเสียงดั่งเสียงของสายลม ดูเหมือนหูแว่ว และดูเหมือนไม่มีตัวตน
เมื่อภาพเบื้องหน้าของเขาหายไป และถูกแทนที่ด้วยหลุมขนาดใหญ่ ในใจของฉินอวี่ก็ไม่อาจสงบนิ่งลงได้ ในจิตใจยังคงหวาดกลัวต่อดัชนีที่เพิ่งพบเห็นมา ดวงตาปีศาจที่แปลกประหลาดคู่นั้นเป็เหมือนก้อนหินขนาดใหญ่สองก้อนที่ตกกระแทกใส่จิตใจที่ไม่สงบของฉินอวี่
“บอกข้ามา เ้ายังยืนยันว่าจะแก้แค้นทุกวัน ไม่หยุดพักตลอดชีวิตได้อีกหรือไม่?” เสียงของผู้เฒ่าร้องไห้ดังก้องอยู่ในหัวของเขา
ฉินอวี่ระงับความหวาดกลัวที่ปรากฏขึ้นในใจทิ้งไป พลางมองไปยังใบหน้าที่โหดร้ายซึ่งมีดวงตาแดงก่ำของผู้เฒ่าร้องไห้ จากนั้นก็กัดฟันพูดออกไป “ทำไมจะไม่ยืนยันล่ะ? หรือเป็เพราะความแข็งแกร่งของเขา ก็เลยไม่กล้ายืนยันว่าจะทำต่อไปอย่างนั้นหรือ? ในมุมมองของข้า ไม่มีผู้แข็งแกร่งโดยกำเนิด แม้ว่าจะมีพร์ที่คนทั่วไปไม่อาจเทียบได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่สามารถเพิ่มเสริมในวันหลังได้ ข้าคิดว่า ความหมั่นเพียรสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ ถึงแม้ว่า... หากพยายามแล้วมันยังไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยก็ได้ทำมันแล้ว และไม่ต้องมาคอยเสียใจในภายหลัง”
“ฮ่าๆ ความหมั่นเพียรสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ ฮ่าๆ ลูกวัวเพิ่งเกิดจึงไม่กลัวเสือ ตอนนี้ประสบการณ์ของเ้ายังน้อยนัก รอให้ระดับฝึกฝนของเ้าไปถึงระดับหนึ่งเสียก่อน เ้าก็จะเข้าใจได้เอง ความหมั่นเพียรมันไม่ได้มีประโยชน์ และไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้” ผู้เฒ่าร้องไห้ดูเหมือนจะมีสติดี หัวเราะเสียงดัง เพียงแต่ เวลาที่เขากำลังหัวเราะก็มีน้ำตาไหลออกมาเช่นกัน
“หากไม่หมั่นเพียร ผู้าุโจะรู้ได้อย่างไรว่ามันไม่มีประโยชน์?” ฉินอวี่พูดอย่างเฉยเมย และถอนหายใจในใจ เขารู้อยู่แล้วว่าผู้เฒ่าร้องไห้ได้เข้าสู่จิตมารจนไม่อาจถอนตัวได้
“เ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่หมั่นเพียร?” ผู้เฒ่าร้องไห้พูดขึ้นทันทีด้วยเสียงแหบแห้ง
ฉินอวี่นิ่งไปครู่หนึ่ง และพูดด้วยดวงตาเปล่งประกาย “หากผู้าุโไม่เชื่อข้า เช่นนั้นพวกเราลองมาพนันกัน”
“ว่ามา!” ผู้เฒ่าร้องไห้มองไปยังหลุมั์และพูดอย่างช้าๆ
“ข้าพนันได้เลยว่าในสามปีข้าต้องเข้าสู่ขั้นเทพ์ได้แน่นอน สามปีหลังจากนี้ หากข้ายังไม่เข้าถึงขั้นเทพ์ ก็แล้วแต่ผู้าุโจะลงโทษได้เลย ในเวลาสามปี หากข้าสามารถเข้าสู่ขั้นเทพ์ได้ ขอผู้าุโโปรดถ่ายทอดเงาร่างธรรมบาลแก่ข้าด้วย เป็อย่างไร?” ฉินอวี่พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างคุมไม่ได้ หากสามารถรับถ่ายทอดเงาร่างธรรมบาลมาได้ การเข้ามาเหวลึกครั้งนี้ก็นับว่าได้รับมหาโชคที่เหนือกว่าจินตนาการเขาแล้ว
“เ้ารู้จักเงาร่างธรรมบาลด้วยหรือ?” ดวงตาที่จมดิ่งของผู้เฒ่าร้องไห้จ้องไปยังฉินอวี่ทันที
“แม้ว่าสำนักจูเทียนเต้าจะถูกทำลายไปแล้ว แต่ข้าก็ยังเคยเห็นมันในตำราโบราณ” ฉินอวี่กล่าว
ผู้เฒ่าร้องไห้จ้องฉินอวี่ ราวกับว่าจะมองเห็นความคิดในใจของฉินอวี่ ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงพูดขึ้นมา “ในเมื่อเ้าคิดจะเดิมพัน ข้าก็ยินดีตามนั้น ภายในสามปี เ้าจะต้องกลายเป็หนึ่งในสามสิบหกขุนพล์ของบรรดาอสูรอารักขาให้ได้ หลังจากสามปีนี้ หากยังทำไม่ได้ ก็อย่ามาหาว่าข้าฆ่าคนอีก แต่หากทำได้ ข้าจะไม่เพียงแต่ถ่ายทอดเงาร่างธรรมบาลให้กับเ้าอย่างแน่นอน!”
ผู้เฒ่าร้องไห้ไม่ยอมให้ฉินอวี่หักล้างตนโดยง่าย ยกมือขวาขึ้นโบก ฉินอวี่ก็หายไปทันที
ผู้เฒ่าร้องไห้มองไปยังหลุมั์ที่เบื้องหน้า น้ำตาก็ไหลออกมาทันที และเขาก็พึมพำขึ้นเบาๆ “ไม่ขยันหรือ? ฮ่าๆ ขยัน... ช่างเป็คำที่น่าขำจริงๆ!”
“พี่หลี่ ท่านไม่เป็อะไรใช่หรือไม่?”
ฉินอวี่ยังอยู่ในภวังค์เล็กน้อย ความหวาดกลัวและความใทำให้เขายังไม่รู้สึกตัวอยู่เป็เวลานาน
สามปี จะต้องกลายเป็หนึ่งในสามสิบขุนพล์?
นี่เป็สิ่งที่ทำได้ยากยิ่งนัก แม้ว่าจะขยันหรือพยายามเพียงใดก็ไม่อาจทำได้แน่นอน เป็เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่หมั่นเพียรแล้วจะได้มา ยังจำเป็ต้องมีเวลาในการฝึกฝนที่มากพอ ระยะเวลาสั้นๆ เพียงสามปี จากคนธรรมดาให้กลายเป็อสูรอารักขา อสูรธรณีอารักขา เจ็ดสิบสองอสูรธรณี อสูร์อารักขา จนกลายเป็หนึ่งในสามสิบหกขุนพล์ นับว่าเป็เื่ที่ยากยิ่งนัก เกรงว่าแม้แต่เหล่าศิษย์อัจฉริยะในแดนต้าโหมวเทียนก็คงไม่มีใครกล้าคิดจะทำ
สิ่งที่ทำให้ในใจของฉินอวี่ยังรู้สึกดิ้นรนอย่างมากคือ หากเขาสามารถทำได้จริง และได้วิชาลับทั้งเก้าแห่งจูเทียนมาได้... นี่นับเป็สิ่งที่ยิ่งใหญ่มากยิ่งสำหรับฉินอวี่
นั่นคือวิชาลับทั้งเก้าแห่งจูเทียน หากเป็ในตอนแรกต่อให้คิดจนหัวะเิก็ต้องได้วิชาลับระดับยอดวิชามา แต่หากเป็ตอนนี้... ก็เพียงพอนักที่จะก่อการนองเื!
“หากไม่สามารถทำได้สำเร็จ ในอนาคตจะไปมีสิทธิ์อะไรที่จะเผชิญหน้ากับจอมอสูรหลินอวี่แห่งยุคไท่กู่? ยิ่งไปกว่านั้น มีเพียงการได้รับวิชาลับทั้งเก้าแห่งจูเทียนเพียงทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ข้ามีสิทธิ์เผชิญหน้ากับหลินอวี่! หากเทียบกับหลินอวี่แล้ว นี่นับว่าไม่มีความหมายอะไร?” สายตาของฉินอวี่กะพริบเปล่งประกายอันแน่วแน่ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉินอวี่ก็เริ่มมีแผนการในใจ แม้หากเป็ไปไม่ได้ ฉินอวี่ขอเพียงมีความหวังริบหรี่ เขาก็จะทำมันให้ได้!
“พี่หลี่? พี่หลี่?” หลิวเจ๋อที่ฟื้นขึ้นมา เห็นฉินอวี่ไม่ตอบอยู่นาน จึงะโเรียกอย่างต่อเนื่อง
ฉินอวี่เหลือบมองหลิวเจ๋อ และพยักหน้าเล็กน้อย ในใจเริ่มคิดหาวิธีจะเป็หนึ่งในสามสิบหกขุนพล์
“เฮ้ ผู้เฒ่าร้องไห้... พาเ้าเข้าไปทำอะไร?” หลัวชิงเยว่จ้องฉินอวี่ และถามขึ้นเบาๆ
“ไม่มีอะไรหรอก” ฉินอวี่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็ผงะไปทันที และเหลือบมองหลัวชิงเยว่ เปลือกตาของฉินอวี่ลดลงเล็กน้อย เกิดประกายแสงขึ้นเบาๆ ในดวงตาของเขา
เมื่อหลัวชิงเยว่เห็นท่าทางของฉินอวี่ นางก็เริ่มมีความรู้สึกเหลือเชื่อขึ้นในใจ พลันพูดไปอย่างเ็า “อย่าคิดว่าเ้าช่วยชีวิตข้าแล้วจะทำเช่นนี้ได้ จะบอกหรือไม่บอก?”
ใบหน้าฉินอวี่กระตุกทันที และหันมองไปโดยรอบ ก่อนกระซิบกลับไปเบาๆ “เอาล่ะ ข้าบอกเ้าก็ได้ แต่เ้าต้องเก็บเป็ความลับ?”
“ว่ามา!” หลัวชิงเยว่พูด และในใจก็อยากรู้เป็อย่างยิ่ง
“ผู้เฒ่าร้องไห้ทดสอบข้า” ฉินอวี่กระซิบ
หลัวชิงเยว่เลิกคิ้วขึ้น ริมฝีปากแดงอันงดงามของนางเผยอขึ้น พลางจ้องมองฉินอวี่ยังนิ่งทื่อ...
“ผู้เฒ่า... ผู้เฒ่าร้องไห้รับเ้าเป็ศิษย์แล้วหรือ? ไม่... ไม่ใช่ศิษย์ในนามหรือ?” หลิวเจ๋อพูดอย่างตกตะลึง
ฉินอวี่ยิ้มอย่างรู้ทัน หากเป็ไปได้ เขาก็อยากให้หลิวเจ๋อผู้นี้เข้ามาเป็คนติดตามของเขา เด็กคนนี้ทำให้เขางีบหลับได้อย่างสบายใจ
ฉินอวี่หรี่ตามองหลิวเจ๋อ จากนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย เผยท่าทีกึ่งรับกึ่งปฏิเสธ
