แม้เวลานี้จะดึกดื่นค่อนคืนแล้ว หญิงสาวร่างเล็กยังคงง่วนอยู่หน้าเตา ยืนนวดแป้งอย่างตั้งใจ เธอไม่อยากกลับบ้านไปเจอธาวิน เพียงแค่นึกถึงหน้าเขาเท่านั้นหญิงสาวถึงกับมีน้ำตา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพื่อให้น้ำตาไหลกลับคืนไป
ครู่หนึ่งเสียงประตูชั้นสองถูกเปิดออก พิชญาหันไปพบกับร่างของธาวินยืนหราอยู่ เธอรีบหันกลับมายังแป้งที่นวดค้างไว้ ไม่หันกลับไปมองเขาอีกเป็รอบที่สอง
หัวใจดวงน้อยเต้นเร็วจนผิดจังหวะ ไม่แม้จะอยากเห็นหน้าเขาให้เ็ปหัวใจ เขาทำเลวทรามกับเธออย่างไม่น่าให้อภัย ก่อนที่เสียงฝีเท้าของชายหนุ่มจะเดินใกล้เข้ามาจนหยุดที่ด้านหลัง
“พอแล้ว กลับบ้าน” ชายหนุ่มคว้ามือของหญิงสาวที่กำลังนวดแป้งอยู่ ก่อนจะทำการนวดแป้งต่อโดยไม่หันไปมองหน้าเขาเช่นเดิม
“พิชญ์ ไม่ได้ยินที่พี่พูดหรือไง ว่าให้หยุด”
“...” ความเงียบยังคงดำเนินต่อไป เธอตั้งหน้าตั้งตาจดจ่ออยู่กับแป้วนวด ไม่ยอมหันไปมอง ธาวินยกมือขึ้นมากุมศีรษะ มองดูท่าทีของหญิงสาวที่กำลังเ็ปจากภายใน น้ำตาใสค่อยๆ ไหลออกมาอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มเดินวนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อจากนี้ ให้หญิงสาวหยุดร้องไห้
“ไปกินข้าวกัน” ธาวินเอ่ยชวนตะกุกตะกัก หากแต่หญิงสาวยังคงเงียบเช่นเดิม
“อยากกินข้าวผัดกุ้งไหม จะได้โทรบอกป้าสาย” ข้าวผัดกุ้งคืออาหารโปรดของเธอในวัยเด็ก หากแต่เวลานี้เธอไม่ได้ชอบมันอีกต่อไปแล้ว พิชญาเอื้อมมือไปหยิบแป้ง ด้วยท่าทางนิ่งเฉย ไม่ตอบโต้ใดๆ
ธาวินยืนมองกิริยาของหญิงสาวครู่หนึ่ง เขารู้สึกว่าทนไม่ได้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น เธอทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนในสายตา คิ้วเข้มขมวดติดกัน อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นจนต้องปลดกระดุมเสื้อ้าออก
“จะไม่กลับดีๆใช่ไหม” ชายหนุ่มเอาแต่ใจเริ่มขึ้นเสียง ด้วยเพราะพิชญาทำเหมือนเขาเป็เพียงอากาศธาตุเท่านั้น ไม่แม้แต่จะหันมาสบตา หรือพูดคุยกัน
“ออกไป” พิชญาเอ่ยไล่เสียงเบา หากแต่มือบางยังคงตวงส่วนผสมต่างๆ อยู่ในชามใบใหญ่
“เราจะไม่พูดกันดีๆสักคำเลยใช่ไหม” ธาวินหมดความอดทนกับความเ็าที่หญิงสาวมีให้ เขากระชากตัวเธอกลับเข้ามาในอ้อมกอด มองตรงเข้าไปในั์ตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาที่เอ่อขึ้นมา แววตาระริกมองธาวินอย่างเจ็บแค้นใจ
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ั้แ่เด็กจนโต พิชญ์ไม่เคยได้ยินพี่วินพูดจาดีกับพิชญ์สักครั้ง มาวันนี้ หลังจากที่พี่ทำเลวทรามกับพิชญ์จนพอใจแล้ว เราจะพูดจาดีกันเพื่ออะไรคะ พิชญ์ก็แค่ยัยตัวประหลาด ปล่อยพิชญ์” หญิงสาวแววตาระริกพูดสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจ จนชายหนุ่มชะงักจุกอยู่ในอกจนพูดอะไรไม่ออก หากแต่ฉับพลันมือหนากระชากร่างเล็กให้เดินตามเขาออกจากร้านไป
“ปล่อยพิชญ์ พิชญ์ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ไม่อยากได้สมบัติใดๆ ทั้งสิ้น พิชญ์จะเซ็นคืนให้พี่วินหมดทุกอย่าง ขออย่างเดียว ปล่อยพิชญ์ไปได้ไหมคะ” พิชญาพยายามรั้งตัวเองไว้ พลางกล่าวอ้อนวอน เพราะไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตที่โดนข่มเหงรังแก
“ลืมไปแล้วหรือไง ว่าเราเป็อะไรกัน ผ่านมาแค่คืนเดียวพิชญ์ลืมหมดแล้วหรือ” ธาวินยังคงจับแขนหญิงสาวแน่น พลางยัดเธอเข้าไปในรถคันหรู ดวงตาคมเข้มไม่ยอมให้เธอเดินออกไปจากชีวิตเขาง่ายๆ ดังคำขอร้อง
เท้าเหยียบคันเร่งมุ่งตรงไปยังบ้านหลังใหญ่ หญิงสาวนั่งนิ่งไม่หันมองหน้าชายหนุ่มผู้ซึ่งขึ้นชื่อว่าได้ทำลายชีวิตเธอ แสงไฟข้างทางดึงสายตาของพิชญาให้จดจ่อ เพียงแค่ทิวาจากไปไม่ถึงเดือน ธาวินผู้ซึ่งเปรียบเสมือนซาตานร้ายก็ลงมือทำร้ายร่างกายและจิตใจได้อย่างเืเย็น หญิงสาวหลับตาลงพร้อมกับน้ำตา สองมือน้อยกำแน่น คิดถึงทิวาใจแทบขาด
เมื่อเดินทางมาได้ระยะหนึ่ง เสียงมือถือของธาวินจึงดังขึ้นกลบความเงียบภายในรถ และเป็เช่นเดิมปลายสายคือคู่รักคนหวานของเขานั่นเอง
“ครับที่รัก” เสียงอันอบอุ่นพ่นผ่านปากชายหนุ่มออกไป หญิงสาวใช้มือจิกเข้าไปที่เนื้อตัวเองด้วยความเ็ป น้ำตามากมายมหาศาลไหลทะลักออกมาไม่ขาดสาย ทั้งรู้สึกผิด ทั้งละอายใจอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่รู้เลยว่าเวลานี้เธอยืนอยู่จุดที่ควรเรียกตัวเองว่าอะไรดี ชู้ น้องสาว ภรรยา หรือแค่ผู้หญิงหน้าไม่อายคนหนึ่ง เพราะไม่ว่าจะเรียกอะไรเธอก็เป็ได้ทั้งหมดอยู่ดี
“พิชญ์” ธาวินเบิกตาโพลงพลางเหยียบเบรกกะทันหัน ก่อนจะกดตัดสายแฟนสาวไป
“เธอทำบ้าอะไรพิชญ์” ธาวินจับแขนหญิงสาวขึ้นมาดู พลางหาผ้าที่วางอยู่ด้านหลังมาเช็ดเืที่ไหลจากแขนของหญิงสาวเป็ทางยาว ก่อนจะเงยหน้ามองดูใบหน้าเล็กที่เต็มไปด้วยรอยน้ำตา
ชายหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ ทำได้เพียงกดผ้าไว้แบบนั้นแล้วเปิดไฟฉุกเฉินทิ้งไว้ หญิงสาวเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น จนชายหนุ่มดึงเธอเข้าไปสวมกอด เขารู้สึกผิดมหันต์ที่ล่วงเกินเธอเช่นนั้น
หากแต่ความคิดด้านมืดลอยมาพร้อมกับภาพของทิวา ทำให้ชายหนุ่มปล่อยร่างเล็กออก ต่อให้เขาเข้าใจผิดจริง อย่างไรเสียพิชญาและภีมพลก็คือตัวการที่ทำให้พี่ชายเขาเสียชีวิตอยู่ดี
“หยุดร้องไห้ได้แล้ว คุณเจ็บแค่นี้ แต่พี่ชายผมเจ็บกว่าคุณหลายเท่านัก” เขาทำใจแข็งแล้วขับรถต่อไป
