“โอวหยางจิ้งเป็ใครกัน ถึงกับกดดันตระกูลฉู่ได้?” เซียวเฉินกลับถึงบ้านก็พูดความสงสัยในใจออกมา สีหน้าเคร่งเครียดนิดๆ ตระกูลฉู่เป็ตระกูลอันดับหนึ่งของแคว้นเยี่ย เหตุใดตระกูลโอวหยางจึงกดดันตระกูลฉู่ได้?
“สำนักก้งเฟิ่ง...”
ฉู่หยวนเอ่ยอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ดวงตามีแววดุร้าย “หากไม่มีสำนักก้งเฟิ่งหนุนหลัง ตระกูลโอวหยางนับเป็ตัวอะไร!”
แววตาของเซียวเฉินไหววูบ
เขารู้ว่าผู้าุโของสำนักก้งเฟิ่งเป็อาจารย์ของโอวหยางจิ้ง แต่หากมีความสัมพันธ์เป็เพียงศิษย์กับอาจารย์ เกรงว่ายังคุกคามตระกูลฉู่ไม่ได้ ถึงอย่างไร ตระกูลฉู่ก็ได้ชื่อว่าเป็ตระกูลอันดับหนึ่งของแคว้นเยี่ย มิใช่ชื่อเสียงจอมปลอม ในนั้นต้องมีผู้เข้มแข็งขั้นยุทธ์์นั่งประจำการ
‘ต้องมีเื่ใหญ่อยู่เื้ัแน่นอน’
ในใจของเซียวเฉินคิดได้ดังนี้ก็มีสีหน้าสับสนทันที
ฉู่หยวนผงกศีรษะกล่าว “ไม่เรียบง่ายขนาดนั้นแน่นอน ตระกูลฉู่เราได้ชื่อว่าเป็ตระกูลอันดับหนึ่งเพราะตอนรุ่นท่านปู่ข้า ตระกูลฉู่เราปรากฏผู้เข้มแข็งขั้นยุทธ์์สามท่าน สองท่านนั่งประจำการอยู่ที่ตระกูลฉู่ อีกท่านหนึ่งเป็ผู้าุโของสำนักก้งเฟิ่ง ตอนนั้นฐานะของตระกูลฉู่เราใกล้เคียงกับราชวงศ์ของแคว้นเยี่ย”
เอ่ยถึงตรงนี้ ฉู่หยวนและฉู่เยียนหรานก็มีสีหน้าภาคภูมิ นั่นคือ่เวลาที่เจิดจรัสที่สุดของตระกูลฉู่ ทรงเกียรติอย่างยิ่ง นามของตระกูลอันดับหนึ่งก็มาจากสาเหตุนี้เอง
“แม้ความสามารถของตระกูลฉู่เราสามารถคุกคามราชวงศ์ได้ แต่ราชวงศ์กลับไว้เนื้อเชื่อใจตระกูลฉู่อย่างยิ่ง เพราะตระกูลฉู่เราซื่อสัตย์ภักดีมาถึงหกรุ่น ส่วนท่านปู่สามของข้าก็เป็พระอาจารย์ของเชื้อพระวงศ์แคว้นเยี่ยในปัจจุบัน ดังนั้น เวลานั้นตระกูลฉู่เราจึงโดดเด่นเป็หนึ่งไม่มีสอง” ฉู่หยวนเอ่ยถึงตรงนี้ก็มีสีหน้าโศกเศร้าและเดือดดาล
“แต่ในขณะนั้นเอง ครั้งหนึ่งราชวงศ์ไปเยือนต่างแคว้น ท่านปู่ข้ากับผู้าุโอีกคนของสำนักก้งเฟิ่งเดินทางติดตามไปในฐานะผู้าุโและเผชิญกับการลอบโจมตีของแคว้นอื่น ชินอ๋อง [1] ที่เสด็จไปเยือนถูกสังหาร แม้ท่านปู่สามของข้ากับผู้าุโอีกคนได้ฆ่ามือสังหารแล้ว แต่ได้รับาเ็สาหัส กลับมาไม่นานก็สิ้นลม”
“ส่วนท่านปู่รองของข้า แม้เป็ผู้เข็มแข็งขั้นยุทธ์์เช่นกัน แต่กลับไม่ชอบการผูกมัด ดังนั้น ท่านจึงอยู่ภายนอกตลอด ในปีที่ข้าอายุห้าขวบ ศพของท่านปู่รองถูกหามกลับตระกูลฉู่ ท่านปู่รองาเ็ทั้งตัวและตายตาไม่หลับ”
ฉู่หยวนสองตาแดงก่ำ ฉู่เยียนหรานก็เช่นกัน
“พริบตา ตระกูลฉู่ก็ร่วงลงสู่ก้นเหวอย่างไม่เคยมีมาก่อน ท่านปู่ข้าเ็ปโศกเศร้า เส้นผมหงอกขาวทั้งศีรษะภายในวันเดียว ท่านปู่ออกจากตำแหน่งประมุขตระกูล ให้ท่านพ่อข้าควบคุมดูแลตระกูลฉู่แทน จากนั้น ท่านปู่ก็เร้นกายอยู่ในตระกูลฉู่” น้ำตาของพวกเขาไหลลงมาช้าๆ ตระกูลฉู่ในเวลานี้ดูเหมือนรุ่งเรือง แต่กลับมิได้ทรงเกียรติเช่นเมื่อปีนั้นอีก
“ตระกูลฉู่เราจงรักภักดีมาทุกรุ่น แต่กลับได้รับการหมางเมินเ็าจากราชวงศ์เป็การตอบแทน แม้ไม่ได้ปลดออกจากตระกูลอันดับหนึ่ง แต่กลับสนับสนุนคนของตระกูลโอวหยางขึ้นเป็ผู้าุโสามของสำนักก้งเฟิ่งแทนตำแหน่งของท่านปู่สาม...” ฉู่หยวนเอ่ยถึงตรงนี้ น้ำเสียงก็แหบห้าวรุนแรง ราวกับมีอะไรกดทับในใจอยู่ตลอดเวลา
“ท่านพ่อข้าข่มโทสะไม่ได้ จึงออกจากราชการนับแต่นั้น พาตระกูลฉู่เรารักษาพื้นที่มุมหนึ่งอย่างเงียบๆ ตระกูลฉู่ในปัจจุบันล้วนพึ่งพาท่านพ่อกับท่านปู่ข้าค้ำจุนไว้ หากสักวัน...”
ฉู่หยวนเอ่ยถึงตรงนี้ก็ไม่ได้พูดต่อ แต่เซียวเฉินเข้าใจดี มิน่าเล่า ฉู่หยวนจึงยอมอ่อนข้อให้โอวหยางจิ้งสามส่วน
“เดิมทีตระกูลโอวหยางก็มีความสามารถที่จะขึ้นเป็ตระกูลระดับสุดยอด บวกกับตอนนี้มีผู้าุโสามของสำนักก้งเฟิ่งหนุนหลัง ตระกูลโอวหยางจึงอยู่ในฐานะที่สามารถสั่นคลอนตระกูลฉู่ได้” ฉู่หยวนเอ่ยช้าๆ
“โอกาสสุดท้ายของตระกูลฉู่อยู่ที่ดินแดนลึกลับแห่งแคว้นกู่แล้ว!”
เซียวเฉินตะลึง
ดินแดนลึกลับแห่งแคว้นกู่? ดูท่า งานชุมนุมใหญ่ที่จะมีขึ้นของแคว้นเยี่ยน่าจะจัดที่ดินแดนลึกลับแห่งแคว้นกู่?
“นั่นคืออะไรหรือ?”
เซียวเฉินถาม
ฉู่หยวนกล่าว “บรรพชนแคว้นเยี่ยเป็ผู้ก่อตั้งแคว้นขึ้นบนพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่งของแคว้นกู่ สืบทอดเจตนารมณ์ของแคว้นกู่ แคว้นเยี่ยแข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรืองเช่นนี้กลับไม่อาจควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น ทุกสิบปีจะเปิดสถานที่รกร้างของแคว้นกู่ให้บุตรหลานตระกูลใหญ่แต่ละตระกูลไปหาประสบการณ์”
ฉู่หยวนเอ่ยถึงตรงนี้ก็มีสายตาแน่วแน่
“หากได้พบโชควาสนาใหญ่ในนั้น ตระกูลฉู่เราก็สามารถคลี่คลายวิกฤติในครั้งนี้และถึงขั้นโค่นล้มตระกูลโอวหยางได้”
เซียวเฉินถาม “อีกกี่วันดินแดนลึกลับแห่งแคว้นกู่จะเปิดออก?”
“สิบห้าวัน!”
เซียวเฉินแววตาเป็ประกาย สิบห้าวันหรือ...
หลังจากเซียวเฉินกลับมาถึงเรือนพักก็เข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวงทันที เวลาสิบห้าวันไม่มากนัก แต่ก็เหลือเฟือสำหรับเซียวเฉิน เมื่อเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวง เวลาจะเร็วขึ้นสามเท่า เวลาโลกภายนอกสิบห้าวันเท่ากับเวลาในแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวงสี่สิบห้าวัน
บวกกับปราณเสวียนอันกล้าแข็ง น่าจะทำให้เขาทะลวงระดับขั้นที่นี่ได้อีกครั้ง
เขาคิดจะทดลองว่าคัมภีร์หงสาานิรวาณจะสามารถย่างสู่นิรวาณขั้นสี่ที่นี่ได้หรือไม่ หากเป็เช่นนี้ เขาจะได้เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตอนนี้เขาได้เคล็ดวิชาระดับดินมากพอแล้ว หากย่างสู่นิรวาณขั้นสี่จะได้เคล็ดวิชาขั้นฟ้าหรือไม่?
เซียวเฉินเฝ้ารออยู่บ้าง!
ใต้ต้นไม้โบราณในแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวง ไข่เ้าเนื้อกำลังดูดซับปราณเสวียนแห่งฟ้าดินของที่นี่มาหล่อเลี้ยงตนเองอย่างเริงร่า เซียวเฉินไม่ได้เห็นหลายวันก็พบว่าไข่เหมือนจะใหญ่ขึ้นมาก แสงและกลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาก็แข็งแกร่งขึ้น มันยังไม่ถือกำเนิด แต่กลิ่นอายก็น่าสะพรึงถึงระดับแปดแล้ว!
เื่นี้ทำให้เซียวเฉินสูดลมหายใจหนาวเหน็บ
ตอนเขาเพิ่งซื้อกลับมา เขายังไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของมันเลยสักนิด ดูเหมือนลูกชิ้นลูกหนึ่งเท่านั้น แต่เวลาสั้นๆ เพียงสามวัน กลิ่นอายของมันเทียบได้กับสัตว์ปิศาจระดับแปด เป็ปิศาจร้ายเกินไปแล้ว!
ยังไม่ถือกำเนิดก็ย่างสู่ระดับแปดที่เทียบได้กับขั้นเสวียนเต๋า
หากถือกำเนิดมาจะน่าสยองระดับใด?
จะข้ามระดับเก้าเข้าสู่ระดับสัตว์์ทันทีเลยหรือไม่?
เซียวเฉินคิดๆ แล้วก็รู้สึกใสุดขีดและหวังให้เป็เช่นนั้น
จากนั้น เซียวเฉินก็เริ่มฝึกวิชาอยู่ไม่ไกลนัก
วิ้ง!
แสงเพลิงจากร่างของเซียวเฉินทะยานสู่ฟ้า เส้นเล็กละเอียดหล่อหลอมดิน ร้อนระอุอย่างยิ่ง เวลานี้ เขาย่างสู่ขั้นเสวียนเต๋า ความสามารถย่อมแตกต่างจากในอดีต เขาเร่งเร้าคัมภีร์หงสาานิรวาณภายในร่างอย่างบ้าคลั่ง ภาพเสมือนขนาดั์ปรากฏขึ้นกลางอากาศและเวียนวนอยู่เื้ัอย่างต่อเนื่อง อุณหภูมิสูงจัดจนน่ากลัวกำลังเผาไหม้เซียวเฉิน
เซียวเฉินมีสีหน้าอัปลักษณ์ เ็ปไปทั่วร่าง
คิดไม่ถึงว่านิรวาณขั้นสี่จะยากเย็นปานนี้ ต่อให้อยู่ขั้นเสวียนเต๋าก็แทบทนรับไม่ไหว
ตูม!
เกิดเสียงะเิดังขึ้นในร่างของเซียวเฉิน
เซียวเฉินรู้สึกเวียนศีรษะ จากนั้น พลังเสวียนและพละกำลังก็ะเิออกทั่วร่าง ดวงตามีเปลวอัคคีไหวระริก แววตาเปลี่ยนเป็ลึกล้ำ แต่ให้ความรู้สึกกดดันมหาศาล ทำให้คนไม่กล้าสบตาด้วยตรงๆ
เซียวเฉินรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของตนเองในขณะนี้ มุมปากจึงโค้งขึ้นเป็รอยยิ้มจางๆ ดวงตาก็มีรอยยิ้ม
“ในที่สุดก็บรรลุนิรวาณขั้นสี่...”
แต่เื่ที่เขาไม่รู้คือ หลังจากไข่เ้าเนื้อใบนั้นรู้สึกถึงอุณหภูมิสูงจัดของอัคคีเทพหงสา มันถึงกับกลิ้งกลุกๆ ไปอยู่ด้านหลังต้นไม้โบราณ และยังดูดซับปราณเสวียนบริสุทธิ์ระหว่างฟ้าดินอย่างเริงร่าดังเดิม...
หลังจากเซียวเฉินบรรลุนิรวาณขั้นสี่ ภายในร่างของเขาก็มีเคล็ดวิชาขั้นฟ้าจริงๆ เซียวเฉินไม่ได้ออกไปแต่ฝึกวิชาต่อในนี้
เป้าหมายของเขาคือ ต้องย่างสู่ขั้นเสวียนเต๋าสามชั้นฟ้าและฝึกเคล็ดวิชาขั้นฟ้าให้สำเร็จหนึ่งชุดภายในสิบห้าวัน จากนั้นก็เข้าดินแดนลึกลับแห่งแคว้นกู่!
---
[1] ชินอ๋อง หมายถึง เชื้อพระวงศ์ที่มีตำแหน่งท่านอ๋อง