แม้เขาจะไม่หันมองตรงๆ แต่จากหางตา ก็เห็นเธอยืนพิงกำแพงอย่างสบายใจ มือหนึ่งถือแฟ้มเอกสาร อีกมือกอดอก สีหน้าดูนิ่งเรียบอย่างที่เธอเป็ประจำในที่ทำงาน แต่เขารู้ดีว่า...ภายใต้แววตาสวยคมคู่นั้น มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่เสมอ
ลิฟต์ค่อยๆ ไหลขึ้นอย่างราบเรียบ
“พี่ว่าเอกสารนี่ผู้อำนวยการใหญ่ คงอยากได้ก่อนเที่ยง” มารตีเอ่ยขึ้นเสียงนุ่ม
นัทพงษ์พยักหน้า “ครับ...ดีที่ไม่ต้องวิ่งขึ้นลงบ่อย” เขาไม่ใช่คนพูดเก่ง โดยเฉพาะเวลาต้องอยู่กับมารตีซึ่งเป็เหมือนโลกอีกใบที่เขาไม่เคยเข้าไปัั ใกล้ก็แล้ว คุยก็แล้ว แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนยืนอยู่นอกประตูที่เปิดไว้เพียงแง้มๆ
ทันใดนั้น…แสงไฟในลิฟต์ก็กะพริบสองสามครั้ง ก่อนจะดับวูบลงอย่างไม่มีสัญญาณเตือน
“อุ๊ย...” มารตีสะดุ้งเบาๆ ขณะที่ลิฟต์หยุดนิ่งกลางทาง
ความมืดมิดเข้าครอบคลุมทุกพื้นที่ มีเพียงแสงสีแดงเรื่อๆ จากไฟฉุกเฉินเล็กๆ ที่ทำให้เห็นรูปร่างกันลางๆ นัทพงษ์สูดลมหายใจเข้าลึก กลั้นใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยายามเอ่ยเสียงเรียบ “น่าจะไฟดับครับ เดี๋ยวคงมา…”
“อืม...” เธอขานรับเบาๆ พร้อมกับเสียงขยับตัวตาม แล้วทันใดนั้น ปลายไหล่ของทั้งสองก็ัักันอย่างไม่ตั้งใจ นัทพงษ์เหมือนหยุดหายใจทันที ความอุ่นจากไหล่เธอซึมผ่านเสื้อบางๆ ของเขาเข้ามาถึงชั้นในสุดของร่างกาย
“อย่ากลัวนะ พี่อยู่นี่” เสียงกระซิบของมารตีดังข้างหู มันเบาแค่กระซิบ…แต่มันดังก้องในอกของนัทพงษ์
ชายหนุ่มพยายามยืนนิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใจเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมาให้ได้ มือที่ถือแฟ้มอยู่นั้นเริ่มมีเหงื่อซึมชื้น จังหวะนี้เขารู้ตัวว่าทั้งตัวร้อนผ่าว ราวกับกำลังยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์ยามบ่าย
ในความมืด ร่างสวยอยู่ข้างๆ เขา และกลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเธอก็ทำให้เขาสับสน จะหายใจก็ไม่กล้า กลัวจะเป็เสียงดังเกินไป จะขยับก็ไม่กล้า กลัวจะเผลอไปโดนเธออีก
“นัทพงษ์” เสียงเรียกเบาๆ ดังขึ้นอีกครั้ง
“คะ...ครับ?” เขาแทบสะดุ้ง
“เธอกลัวเหรอ?”
เขาอึกอัก “ไม่ครับ...แค่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้”
“อะไรล่ะ ไฟดับในลิฟต์ หรืออยู่กับพี่ในความมืด?”
ประโยคนั้นเรียบง่าย แต่เหมือนโลกทั้งใบะเื นัทพงษ์แทบจะลืมหายใจอีกครั้ง “ก็...สองอย่างเลยครับ”
เสียงหัวเราะของมารตีดังในลำคออย่างนุ่มนวล “เด็กน้อยเอ๊ย…”
นัทพงษ์ไม่รู้จะตอบยังไง เขาไม่กล้าหันไปมอง แม้ใจอยากจะเห็นว่าเธอแอบยิ้มอยู่หรือเปล่า แล้วจู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาเบาๆ เหมือนเสียงจากหัวใจ “...พี่มารตีสวยมากเลยครับ”
เงียบ...เขาคิดว่าเธออาจจะไม่ได้ยิน จนกระทั่ง...
“รู้ตัวไหมว่าเธอพูดแบบนี้ได้ตอนที่มืดเท่านั้น?” เสียงมารตีอ่อนโยน
“รู้ครับ...” นัทพงษ์ยอมรับตรงๆ “ถ้าเปิดไฟอยู่...ผมคงไม่กล้าพูดอะไรเลย”
มารตีไม่ตอบ แต่อยู่ๆ เธอก็เอียงศีรษะพิงกับกำแพงด้านหลังและถอนหายใจเบาๆ
“แล้วอยากให้ไฟติดไหมล่ะ?” คำถามนั้นคลุมเครือ มีทั้งความซน ความท้าทาย และความอบอุ่นรวมอยู่ในน้ำเสียงเดียว
นัทพงษ์ไม่ตอบทันที เขาเพียงแต่ยืนนิ่ง รู้สึกถึงความร้อนที่ลามไปทั่วร่าง เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ไม่เคยเลย...แค่การยืนอยู่ใกล้ๆ ผู้หญิงคนนี้ ในความมืด กับกลิ่นหอมอ่อนๆ และเสียงหายใจของเธอที่ได้ยินชัดมากกว่าปกติ ก็ทำให้โลกทั้งใบเหมือนถูกหยุดไว้แค่ตรงนี้
แล้วแสงไฟก็กลับมา ลิฟต์สั่นเบาๆ และเริ่มเคลื่อนตัวขึ้นอีกครั้ง มารตีหันมามองเขา นัทพงษ์หลบตาแทบไม่ทัน
“หืม...ตอนมีไฟกลับเขินกว่าเดิมอีกแฮะ” เธอยิ้มเล็กน้อย แล้วมองตรงไปข้างหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจของนัทพงษ์...เื่นี้จะไม่จางหายไปง่ายๆ แน่
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้ง ความสว่างเข้ามาแทนที่ความมืด...แต่ในอกของเขากลับสว่างมากว่าแสงนั้นเสียอีก
วันนั้นหลังจากกลับมาจากสำนักงานใหญ่เขาก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยปกตินัก ่พักกลางวัน นัทพงษ์นั่งที่โต๊ะทำงานตัวเอง กำลังจิบกาแฟไปตามเื่ราวของงานในวันนี้ ขณะที่มารตีนั่งข้างๆ ไม่ไกลนัก เธอสังเกตเห็นว่าเขาเงียบไปกว่าทุกวัน จึงหยุดทำงานแล้วหันไปถามเขาเบาๆ
“ทำไมเงียบจังคะ? งานเยอะหรือเปล่า?”
นัทพงษ์เงยหน้ามองมารตี และก่อนที่เขาจะตอบอะไร เธอก็ยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกใจเต้นขึ้นมาอีกครั้ง
“ครับ...ก็งานเยอะครับ แต่ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ครับ”
มารตีหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “น่ารักดีนะ แบบนี้ พี่ว่า…มันน่าค้นหากว่าพวกที่เอาแต่พูดอีก”
นัทพงษ์ยิ้มเขินๆ พร้อมกับก้มหน้าลงเล็กน้อย เขาค่อยๆ พยายามตั้งสติและพูดต่อ “ก็...ไม่รู้ครับ ผมแค่รู้สึกว่าเื่บางเื่...มันก็ยากที่จะบอกใครได้”
มารตีมองไปที่เขาด้วยความเข้าใจ “จะบอกพี่ได้ไหม? ถ้าพี่ช่วยได้ก็ยินดีนะ”
นัทพงษ์กลั้นใจพูดออกมา “คือ...ผมไม่เคยมีแฟนเลยครับ ไม่เคยแม้แต่จะจูบใคร...”
มารตีมองเขาด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนจะยิ้มให้เขาด้วยความเอ็นดู
“น่ารักดีนะ แบบนี้ พี่ว่า...มันน่าค้นหากว่าพวกที่เก่งแต่พูดอีก” มารตีพูดไปพร้อมกับยิ้มให้เขา
นัทพงษ์ไม่รู้จะทำหน้ายังไง เขายิ้มเขินๆ แก้มแดงเล็กน้อย เพราะไม่เคยคิดว่าเื่ของเขาจะถูกพูดออกมาแบบนี้ “จริงเหรอครับ?” นัทพงษ์ถามเสียงเบา
มารตีพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะยื่นมือไปจับมือเขาเบาๆ เพื่อปลอบใจ “ไม่ต้องเขินหรอกนะ เื่แบบนี้ไม่ได้เป็อะไรที่น่าอายหรอก” มารตีพูดแล้วก็ยิ้มให้เขา
เด็กหนุ่มเงียบไปสักครู่ แต่เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นจากการััมือของมารตี เขาก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น“ขอบคุณครับพี่...” เขาพูดเสียงเบา แต่เต็มไปด้วยความขอบคุณ
สาวสวยยิ้มน้อยๆ แล้วพูดต่ออย่างอ่อนโยน “พี่รู้สึกว่า...การที่เธอไม่เคยมีประสบการณ์มันก็เป็เื่ดีนะ เธอจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ไม่ต้องรีบก็ได้ ใช้เวลา ค่อยๆ ทำความเข้าใจไปเรื่อย ๆ”
นัทพงษ์พยักหน้าอย่างเข้าใจ เขารู้สึกว่ามารตีไม่เพียงแต่เข้าใจ แต่ยังให้คำแนะนำที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัย และเริ่มเปิดใจมากขึ้น
ในตอนนั้นเอง เขารู้สึกถึงการััที่อบอุ่นจากมือของมารตีที่จับมือเขาอยู่ นัทพงษ์จึงไม่กล้าผละมือออกจากมือของมารตี แม้ว่าเขาจะรู้สึกเขินบ้าง แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและสบายใจขึ้น
“ขอบคุณที่เข้าใจครับ...” เขาพูดเบาๆ ก่อนที่มารตีจะยิ้มให้เขาอีกครั้ง
ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่มารตีจะเป็ฝ่ายพูดขึ้นอีกครั้ง “ไม่เป็ไรหรอก...พี่เข้าใจดี เธอเป็คนดี และพี่เห็นว่า...เธอกำลังเติบโตและเรียนรู้ทีละขั้น ตอนนี้...เธอแค่ต้องหาความมั่นใจในตัวเอง”
นัทพงษ์มองไปที่มารตี รู้สึกถึงความอบอุ่นจากคำพูดและการกระทำของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับความรัก แต่การที่เขาได้รู้จักมารตี ทำให้เขารู้สึกว่ามันไม่เป็เื่ยากที่จะเปิดใจสักครั้ง
เขากระซิบเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม “ผมจะพยายามครับพี่”
มารตียิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนแล้วพูดเบาๆ “อย่ากังวลนะ เื่แบบนี้มันค่อยๆ เป็ไปเอง”
ทั้งสองค่อยๆ หันกลับไปทำงานตามปกติ แต่นั่นไม่ใช่จุดจบของความรู้สึกในใจของนัทพงษ์...มันเริ่มจะเปลี่ยนไปทีละน้อย เสียงพิมพ์คีย์บอร์ดแ่เบาคลอเคลียกับเสียงแอร์เย็นๆ ในห้องออฟฟิศ่บ่ายแก่ๆ นัทพงษ์นั่งก้มหน้าอยู่กับจอคอมพิวเตอร์ ดวงตาคล้ายจะปรือทุกที
เขาเพิ่งจัดการเอกสารกองหนึ่งไปเมื่อครู่ และตอนนี้สมองก็หนักอึ้งจนเริ่มเบลอๆ ราวกับฝุ่นละอองของความง่วงกำลังปกคลุมอยู่ทั่วพื้นที่ทำงานของเขา “อีกนิดเดียว...แค่พักตาหน่อยก็พอ...” เขาพึมพำกับตัวเองก่อนจะเอนหน้าซบลงกับแขนที่พาดโต๊ะ ไม่ทันรู้ตัวก็ได้หลุดเข้าไปในห้วงความฝันที่อบอุ่นแปลกตา
เขาฝันเห็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ท้องฟ้าเป็สีฟ้าอ่อน มีแสงแดดอ่อนๆ เหมือนปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาว และท่ามกลางภาพอันละมุนสายตานั้น เขาเห็นมารตี...
เธอสวมชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาวบางเบา ชายกระโปรงปลิวไหวเบาๆ ตามลม ทุกก้าวย่างของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ใบหน้าของเธอยิ้มละไม ดวงตาทอประกายอ่อนโยนราวกับจะกลืนเขาเข้าไปทั้งคน ยิ่งใกล้ ยิ่งเห็นชัด เนื้อผ้าของชุดนั้นบางมากเหมือนกับไม่ใช่ผ้าเสียด้วยซ้ำ มันเผยให้เห็นร่างกายอวบอิ่มของเธออย่างชัดเจนราวกับชุดที่เธอสวมนั้นเป็เพียงพลาสติกใส
