เมื่อฮ่องเต้เหยียนฟื้นขึ้นมา
ไม่ว่าจะเป็ในราชสำนักหรือวังหลังล้วนแล้วแต่มีการเปลี่ยนแปลงไป แม้ตอนนี้เขาจะยังไม่สามารถว่าราชการได้ ทว่า เมื่อมีสิ่งที่แปรเปลี่ยน ใจของผู้คนย่อมรวนเรยากหยั่งถึง
ในยามนี้ สถานการณ์ดูจะไม่เอื้ออำนวยต่อพรรคตู้เป็อย่างยิ่ง ตู้หรูฮุ่ยและพวกพ้องไม่ค่อยเป็จุดสนใจเสียเท่าไร เนื่องจาก่นี้ฮองเฮาตู้สนิทสนมกับองครักษ์และนางกำนัลเป็พิเศษ เพราะต้มยาไปส่งที่วังเฟิ่งเทียนด้วยตัวเองทุกวัน และถึงจะถูกกั้นไว้ข้างนอกทุกครั้ง พระนางก็ไม่เคยหยุด นั่นยิ่งทำให้พระนางถูกกล่าวขานว่ารักฮ่องเต้อย่างลึกซึ้ง
หากถามว่าใครโดดเด่นที่สุดในยามนี้ ก็คงเป็ผู้ที่เคยไร้ตัวตนและไร้ประโยชน์ของราชวงศ์ นั่นก็คือองค์หญิงใหญ่อย่างไรเล่า
ั้แ่การตายของตู้ิเยวี่ย นางดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันตา
ฮองเฮาพุ่งเป้ามาที่นาง กลายเป็ถูกกักบริเวณหนึ่งเดือนเต็ม
ไทเฮาส่งนางไปวัดตงหวา พอกลับมานางก็ให้ลงโทษไทเฮา โดยการขังเป็เวลาร้อยวัน และถือโอกาสจัดการองค์หญิงใหญ่จุนหนิงไปด้วย
มีข่าวลือแพร่สะพัดวังหลวงว่า องค์หญิงใหญ่คงไม่ได้มีแค่ดาวแห่งโชคลาภคุ้มครอง ไม่เช่นนั้น เหตุใดเวลาใครที่ทำให้นางลำบาก คนนั้นก็จะประสบหายนะล่ะ?
ยามนี้ พระอาการประชวรของฮ่องเต้ก็หายเป็ปกติแล้ว จากการที่องค์หญิงใหญ่เสด็จไปวัดตงหวาและทรงพบคนชั่วที่กำลังก่อการร้าย
ตำหนักเชียนชิวเผชิญกับเหล่าผู้คนจำนวนมากที่มาเยือนอีกครั้ง แต่ครานี้ ไม่ต้องรอให้ชิงอีโมโหจนไล่ตะเพิด เพราะบรรดาคนที่มาส่งข้าวของมาเพียงครั้งเดียว ก็ไม่คิดอยากมาเหยียบที่นี่อีก
เหตุผลเดียวคือภายในตำหนักน่ากลัวยิ่งนัก
เห็นอยู่ว่าฟ้าโปร่งใส พระอาทิตย์สาดแสง ทว่า เมื่อย่างกรายเข้าไปในตำหนักเชียนชิวก็มีลมกระโชกแรง แสงอาทิตย์ที่สาดส่งลงมาบนกายกลับเย็นะเื
แถมยังมีคนชั่วที่พยายามปลงพระชนม์ฮ่องเต้อีก บรรยากาศภายในวังจึงเปลี่ยนในชั่วพริบตาก่อเกิดข่าวลือไปอีกทาง
“พวกต่ำช้าบ้าบอพวกนั้น อย่าให้ข้ารู้นะว่าใครอยู่เื้ัข่าวลือนี้ ข้าจะฉีกปากพวกมันเลยคอยดู!” เถาเซียงกล่าวฉุนเฉียว
“หยุดพูดได้แล้ว หากองค์หญิงทรงได้ยินเข้า ท่านจะอารมณ์เสียเอา” ต้านเสวี่ยพูดอย่างไม่สบายใจ
“ไหนบอกมาสิ ว่าอะไรทำให้พวกเ้าสองคนโกรธขนาดนี้?”
เสียงของชิงอีที่ดังขึ้นเหนือศีรษะอย่างกะทันหัน ทั้งสองถึงกับใ แล้วรีบเดินลงบันไดและแหงนหน้ามอง จึงพบว่าองค์หญิงของพวกนางบรรทมอยู่บนหลังคา
หญิงสาวสองคนใจนหน้าเสีย เตรียมจะไปเรียกชิวอวี่ให้มาคุ้มกันชิงอี ทว่า ชิงอีกลับะโลงมาอย่างสง่างาม
เถาเซียงและต้านเสวี่ยตะลึงงันไปครู่หนึ่ง “องค์หญิงทรงมีวิทยายุทธ์ด้วยหรือเพคะ?”
“ไม่มี” ชิงอีเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนตั่ง
ไม่มี? แต่ความสูงจากหลังคาถึงพื้น มันสองสามเมตรเลยนะ
เมื่อตามปรนิบัติอยู่ข้างกายชิงอี ทั้งสองคนได้เจอกับประสบการณ์ใหม่ๆ อยู่ไม่น้อย เมื่อรู้ว่าองค์หญิงของนางทรงมีความสามารถและพลังคาถามากมาย ตอนนี้อย่าเพิ่งไปสนใจเื่เล็กๆ น้อยๆ และพัดลมให้ชิงอี
อันที่จริง วันนี้อากาศก็เย็นพอแล้ว แต่ชิงอีดูไม่กลัวความหนาวเลย และปล่อยให้พวกนางพัดไป
เถาเซียงพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “ไม่ใช่ว่าเป็พวกสตรีปากพล่อยในวังหลวงพวกนั้นหรือไร ที่ไปพูดว่าตำหนักเชียนชิวของเรามีมลทิน ราวกับสถานที่ที่คนตายอาศัยอยู่ แล้วก็มืดมนจนน่ากลัว”
“ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังพูดอีกว่าเื่แปลกๆ นอกวัง่นี้เกี่ยวข้องกับตำหนักเชียนชิวของเรา ว่ากันว่ามีปีศาจในวังหลังที่สร้างปัญหาให้กับผู้คน” เถาเซียงโกรธจนกระทืบเท้า “นี่มันเื่บ้าบออะไรกัน! ไม่ว่าเื่ร้ายๆ อะไรก็โยนมาให้พวกเราหมด!”
ดวงตาของชิงอีสั่นไหว “มีอะไรแปลกๆ นอกวังงั้นหรือ?”
ต้านเสวี่ยจ้องไปยังเถาเซียง และตำหนินางโดยไม่ได้เปิดปาก สถานการณ์ในตอนนี้ นางทำได้แค่พูดความจริง “ใช่แล้วเพคะ เมื่อประมาณสิบวันก่อน จู่ๆ ฮูหยินของตระกูลรองเสนาบดีประจำกรมพิธีการก็มีอาการป่วยแปลกๆ ถึงจะจ้างหมอไปรักษาหลายคน จึงเรียกหมอหลวงไป ทว่า ไร้หนทางรักษา ซึ่งเหล่าหมอต่างอับจนหนทางแล้วเช่นกัน”
“ในเวลาไล่เลี่ยกันก็มีฮูหยินของรองเสนาบดีกรมพระคลัง ฮูหยินของตระกูลนักปราชญ์ของสำนักไท่ และฮูหยินของตระกูลป๋อหยวนโหว พวกนางต่างก็เป็โรคแปลกๆ เช่นกัน”
“โรคแปลกๆ ที่ว่ามันคือโรคอะไร?”
ต้านเสวี่ยกัดฟันพูดว่า “พวกนางต่างหลับไม่ตื่นเป็เวลานาน ไม่เพียงเท่านั้น...บนใบหน้าของพวกนางมีขนขึ้นดก หน้าคล้ายกับเป็แมว!”
“ข่าวที่ส่งมาในวังหลวง บอกว่าตำหนักเชียนชิวของพวกเราหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงซึ่งเดิมมีลมพัดแรงและพื้นดินเย็น พวกที่นินทาลับหลังนั่นบอกว่าที่พวกเราอยู่มีปีศาจพัดกระหน่ำ แถมยัง...” ต้านเสวี่ยหยุดพูด และหันไปมองเ้าแมวอ้วนที่กำลังกินปลาแห้งตัวอ้วนอยู่ “ตอนนี้อาหารในห้องเครื่องมักถูกขโมยอยู่บ่อยๆ ต่อมาพบว่าเ้าแมวอ้วนขโมยไป พ่อครัวเ่าั้พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะหยุดมัน ทว่า ก็ไม่สำเร็จ ทั้งที่อาหารก็อยู่ในถาดบนมือ แถมยังมีฝาครอบ...สุดท้ายก็ถูกขโมยกินอยู่ดี...เ้าแมวตัวนี้ช่างฉลาดเสียจริง...”
เหมียว?
เ้าแมวอ้วนที่กำลังกินปลาแห้งอยู่เงยหน้าขึ้น ส่วนองค์หญิงเดินเข้าไปหา พร้อมกับดวงตาที่สง่างามและดุร้าย
“ข้าก็ว่าอยู่ ว่าเหตุใด่นี้เ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ถึงได้อ้วนท้วนอุดมสมบูรณ์ขึ้น ที่แท้ก็ไปขโมยอาหารมากินนี่เอง”
เ้าแมวอ้วนใจนคายปลาแห้งออกมา ไม่ใช่มัน มันไม่ได้ทำนะ!
“มานี่” ชิงอีกระดิกนิ้วเรียก
เ้าแมวอ้วนที่เตรียมจะรีบวิ่งหนี ก็ถูกดึงหางเอาไว้เสียก่อน จากนั้นก็ถูกจับตรงที่หลังคอและยกขึ้นมา ชิงอีเลิกคิ้ว โอ้โห หนักขนาดนี้
“น้ำหนักแค่นี้ก็พอแล้ว เ้ากลัวตัวเองจะมีไขมันไม่ถึงสิบกิโลหรือไร”
ต้านเสวี่ยที่อยู่ข้างๆ มองด้วยความรู้สึกท่วมท้น คาดว่าภายภาคหน้าคงต้องเพิ่มอีกห้ากิโลเป็แน่ นางไม่เคยเห็นแมวตัวใดตัวกลมจนกลายเป็ลูกบอลเช่นนี้มาก่อน สี่เท้าของมันเต็มไปด้วยเนื้อจนเกือบจะแตะพื้นอยู่แล้ว เวลาเดินไม่ต้องพึ่งเท้า แต่คงต้องพึ่งการกลิ้งแทน
เหมียว เ้าแมวอ้วนที่โกรธเคืองสุดขีด ไม่ง่ายเลยกว่าที่ได้ขึ้นมายังโลกมนุษย์ นอกจากจะไม่ให้มันกินผีเด็กอย่างตะกละตะกลามแล้ว กระทั่งของเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังจะมายุ่งวุ่นวายอีก...
เมื่อโยนเ้าแมวอ้วนลงบนพื้นแล้ว ชิงอีก็นอนลงอีกครั้งอย่างเกียจคร้าน
เถาเซียงและต้านเสวี่ยมองหน้ากัน เดิมทีพวกนางคิดว่าชิงอีจะโกรธ แต่ดูเหมือนจะคิดเยอะเกินไป
ความโกรธขององค์หญิงนั้นยากที่จะเข้าใจ
“ไม่ต้องไปยุ่งเื่ของคนอื่นหรอก” ชิงอีหาว “มนุษย์ต่างมีชะตากรรมของตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นย่อมมีเหตุผลของมัน”
สาวน้อยทั้งสองพยักหน้าราวกับว่าเหมือนจะเข้าใจ เมื่อลมเย็นพัดมา พวกเขาอดไม่ได้ที่ตัวสั่น เมื่อเร็วๆ นี้ ดูเหมือนว่าตำหนักเชียนชิวจะเย็นเกินไปเล็กน้อย เถาเซียงที่กำลังจะไปปิดประตูตำหนัก ทว่า มีกลุ่มราชองครักษ์ที่มีอาวุธครบมือเดินมา
“กระหม่อมโม่วกว่าง ถวายบังคมองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”
ชิงอีที่กำลังจะหลับ เมื่อได้ยินเสียง นางก็ลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด
เมื่อชิวอวี่เห็นโม่วกว่างเดินมา เขาก็พาจิ๋วกุ่ยและคนอื่นๆ มายืนข้างหลังของชิงอีในทันที
โม่วกว่างเป็รองผู้บัญชาการของราชองครักษ์ พ่อของเขาอยู่ในกลุ่มผู้ติดตามขององค์รัชทายาท ฉู่จื่ออวี้เองก็ชื่นชมเขาเป็อย่างมาก ดังนั้น ชิวอวี่จึงรู้จักเขาดี อย่างไรก็ตาม เขาเป็คนที่มีนิสัยค่อนข้างดื้อรั้น สิ่งที่ไม่น่าพอใจคือไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของเขาได้ เขามีความเชื่อมั่นใจในเหตุผลของตัวเองสูง จนต่อให้เอาวัวสิบตัวมาลากก็ลากเขากลับไม่ได้
แล้วเขามาทำอะไรที่ตำหนักเชียนชิวกันนะ?
ชิวอวี่แอบมองสีหน้าของชิงอย่างไม่สบายใจ
เ้าคนหยาบคายนึกจะมาก็มา ไม่เลือกเวลา และดูจะบังเอิญมารบกวนองค์หญิงใหญ่ที่เพิ่งจะผล็อยหลับไป?
ใครในตำหนักเชียนชิวไม่รู้บ้าง ว่าสิ่งที่ชิงอีเกลียดที่สุดคือการถูกปลุกให้ตื่นจากการนอน?
“มีเื่อะไรก็พูดออกมา ถ้าไม่มีก็ไสหัวออกไป”
อย่างไรเสีย โม่วกว่างยังคงอายุน้อยและกระฉับกระเฉง เขาได้รับตำแหน่งนี้ ตอนที่อายุยี่สิบต้นๆ ดังนั้น จึงหยิ่งทะนงตนไปโดยปริยาย ถึงแม้ว่าชิงอีจะไม่ใช่องค์หญิงที่ไร้ประโยชน์และถูกรังแกเหมือนแต่ก่อนแล้ว ทว่า ชื่อเสียงของนางก็ไม่ได้ดีไปกว่าในอดีตสักเท่าไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก ‘ปะาชีวิต’ หวังฮู่และคนอื่นๆ เื่อื้อฉาวนี้ก็ถูกแพร่ออกไป
ประจวบกับเมื่อต้นปีที่โม่วกว่างยังคงอยู่ในยศที่ต่ำต้อย ส่วนหวังฮู่เป็อาจารย์ของเขา ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาก่อน ตอนนี้หวังฮู่และญาติของเขาต่างเผชิญกับ ‘การลงมืออย่างโเี้’ แม้ว่าในใจของเขาจะไม่กล้าแค้นเคือง ทว่า เขาก็ไม่มีความประทับใจชิงอีเช่นกัน
ยิ่งถูกตำหนิต่อหน้า สีหน้าของเขาก็ดูไม่มีความสุขขึ้นไปอีก เขาพูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า “กระหม่อมปฏิบัติตามพระบัญชา กระหม่อมขอให้องค์หญิงทรงให้ความร่วมมือด้วยพ่ะย่ะค่ะ ให้คนเข้ามากำจัดสัตว์ร้ายตัวนั้นเสีย”
มือของเขาชี้ออกไป พร้อมกับสายตาของทุกคนที่มองตามไป
เ้าแมวอ้วนเพิ่งจะคาบปลาแห้งขึ้นมา และเตรียมจะะโขึ้นไปบนต้นไม้ จู่ๆ ก็กลายเป็จุดสนใจทันใด
ฮะ?!!!
เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย! เ้าแมวอ้วนโมโห เ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม มาว่าใครว่าเป็สัตว์ร้ายกันฮะ!
