ในฐานะพนักงานส่งอาหารเช้าอันทรงเกียรติหยางเฉินรู้สึกว่ามันไม่สุภาพอย่างมากที่ สาวๆเ่าั้ไม่ได้เข้ามาพูดคุยหรือกล่าวต้อนรับเขาเขายิ่งอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่สาวๆ กำลังพูดคุยกันอยู่ดังนั้นหลังจากที่วางอาหารเช้าไว้บนโต๊ะแล้ว เขาก็เดินตรงไปยังโต๊ะทำงานของหลิวิอวี้ในทันที
เมื่อสายตาอันแหลมคมของจ้าวหงเยี่ยนสังเกตเห็นหยางเฉินเดินมาเธอจึงกวักมือเรียกเขา
"หยางเฉินมานี่มาแสดงความยินดีกับพี่ิอวี้ด้วยกัน"
"แสดงความยินดีงั้นหรือ?"หยางเฉินพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม
"พี่ิอวี้ได้เลื่อนตำแหน่งให้เป็หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเราด้วยแหละมันเป็เื่ที่น่ายินดีใช่มั้ยล่ะ?" สาวสวยกล่าวด้วยความยินดี
หยางเฉินรู้สึกค่อนข้างประหลาดใจเขามองไปที่หลิวิอวี้ที่ถูกรายล้อมไปด้วยสาวๆท่าทางเธอดูเหมือนจะทำอะไรไม่ถูกและเขินอาย แต่ดวงตาคู่สวยของเธอก็ยังคงสะท้อนความสุขภายในหัวใจของเธอออกมา
"นี่เป็ของขวัญแสดงความยินดีครับ"หยางเฉินกล่าวว่าในขณะที่เขาชี้ไปที่ถุงของอาหารเช้าที่เขาซื้อมา "โชคดีที่ผมมองการณ์ไกลเลยซื้อไข่ต้มสมุนไพรมา 2 ใบถือเป็ของขวัญแสดงความยินดีที่เตรียมไว้สำหรับหัวหน้าแผนกหลิวโดยเฉพาะ"
ผู้หญิงทุกคนต่างประท้วงความไร้ยางอายของหยางเฉินของที่ระลึกแสดงความยินดีอะไรกัน? ผู้หญิงสาวคนหนึ่งจะกินไข่ไป2 ใบเพื่อ?
หลิวิอวี้ไม่เคยถูกรายล้อมและปรนนิบัติเช่นนี้มาก่อน หลังจากลุกขึ้นกล่าวขอบคุณเพื่อนร่วมงานและรุ่นน้องเธอก็ขอให้ทุกคนกลับไปนั่งที่ เพื่อไม่ให้กระทบกับเวลาการทำงาน
หยางเฉินถามซอกแซกว่า
"พี่ิอวี้เนื่องจากคุณได้กลายเป็หัวหน้าแผนกนี้แล้ว เกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้าโม่งั้นหรือ?หรือเธอจะโดนไล่ออก?"
หลิวิอวี้หรี่ตาของเธอพลางกล่าวว่า "นี่นายกำลังพูดอะไรออกมาเนี่ยหัวหน้าแผนกโม่ได้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้นกว่านี้ไงล่ะ"
"ตำแหน่งอะไร"
"ดูเหมือนว่าเป็เพราะหัวหน้าแผนกการเงินหม่าได้ลาออกไปเพราะอายุมากหัวหน้าโม่จึงถูกแต่งตั้งให้ขึ้นตำแหน่งที่ว่านั้นแทนนอกจากนี้เนื่องจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของเธอใน่ที่ดำรงตำแหน่งรักษาการแทนซีอีโอคณะกรรมการบริษัทจึงมีมติเป็เอกฉันท์อนุมัติให้หัวหน้าโม่ดำรงตำแหน่งรองประธานไปพร้อมกัน ตำแหน่งรองประธานตอนนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นแม้แต่สาขาอื่นๆ ยังไม่มีตำแหน่งนี้เลย!" จางไช่ที่มาจากไหนไม่รู้พูดขึ้น ในปากของเธอยังเคี้ยวขนมปังถั่วแดงตุ้ยๆ
หัวหน้าหม่าคิดจะลาออกโดยเอาอายุมาเป็เหตุผล!?เ้านั่นเนี่ยนะจะลาออกด้วยเหตุผลนี้?หยางเฉินมอบของกินให้หลิวิอวี้ ซึ่งอยู่ข้างหลังเขาเธอมองเขาด้วยแววตาลึกซึ้งและมั่นใจ พอใบหน้าสวยนั้นเริ่มเขินเล็กน้อยเธอก็หันหน้าหนีไป
แต่เป็แบบนี้ก็ดีเขาจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจถ้าพวกเขาจะกระทบกระทั่งกันในบริษัท
โดยไม่คาดคิดภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนที่หยางเฉินทำงานที่นี่ ทั้งหลิวิอวี้และโม่เชี่ยนนี ต่างก้าวหน้าขึ้นอย่างมากนั่นทำให้หยางเฉินรู้สึกเหมือนว่าตัวเขาเองเป็ตัวดึงดูดโชคเข้ามา
ในขณะนั้นเองโม่เชี่ยนนีในชุดสีเทาเงินก็เดินเข้ามาวันนี้เธอแต่งตัวสวยเป็พิเศษผมของเธอถูกหวีอย่างเรียบร้อยสวยงามโดยไม่มีแม้แต่ไรผมหลุดออกมาเธอถอดคอนแทคเลนส์ออก และใส่แว่นตากรอบทองดูสง่างามคอขาวเนียนละเอียดของเธอสวมสร้อยคอทองคำขาว ถุงน่องสีดำคู่กับรองเท้าส้นสูงสีเงินทำให้ขาของเธอดูงดงามเป็พิเศษ ด้วยความมั่นใจและมีเสน่ห์ของเธอทำให้ความประทับใจของผู้หญิงในแผนกต่างเพิ่มมากขึ้นเป็ทวีคูณ
หญิงสาวทั้งหมดในฝ่ายประชาสัมพันธ์เงียบเสียงลงพวกเธอเฝ้ามองโม่เชี่ยนนี เดินเข้าสำนักงานด้วยท่าทางที่น่าเคารพ เป็ที่ชัดเจนว่าเธอสามารถก้าวขึ้นไปยังจุดสูงสุดเป็อันดับสองของบริษัทเอกชนแห่งนี้ด้วยวัยที่ยังไม่ถึงสามสิบในหัวใจของผู้สาวเหล่านี้ โม่เชี่ยนนีมีรัศมีส่องประกายน่าอิจฉาอย่างไม่น่าเชื่อ
โม่เชี่ยนนีกวาดสายตามองทุกคนสายตาของเธอหยุดลงที่หยางเฉินและหลิวิอวี้ และทันใดนั้น เธอก็เผยรอยยิ้มอบอุ่นและอ่อนโยนออกมาอย่างยากที่จะได้เห็น
"ิอวี้เธอเห็นประกาศแล้วใช่มั้ย?"
หลิวิอวี้พยักหน้ากล่าวว่า "ขอบคุณค่ะหัวหน้าแผนก"
"คุณไม่จำเป็ต้องขอบคุณฉันหรอกทุกคนรู้ว่าเธอทำงานหนักขนาดไหน ทั้งหมดที่ฉันเพียงให้คำแนะนำกับทางคณะกรรมการนอกจากนี้ั้แ่วันนี้ เธอก็เป็หนึ่งในระดับหัวหน้าแผนก และยังได้ตำแหน่งที่สูงขึ้นในบริษัทเธอไม่จำเป็ต้องถ่อมตัวขนาดนี้ก็ได้" โม่เชี่ยนนีอมยิ้มและหญิงสาวคนอื่นๆ ยังส่งยิ้มที่น่ารักออกมา
หลิวิอวี้พยักหน้าน้ำตาคลอกล่าวว่า
"ใน่เวลาสองถึงสามปีที่ฉันได้ทำงานในบริษัทนี้มีหลายคนต่างสงสัยในตัวฉัน และแม้กระทั่งหักหลังฉันแต่หัวหน้าโม่กลับมีความเชื่อมั่นในตัวฉันเสมอมาอีกทั้งยังไม่เคยนำเื่พวกนี้ขึ้นมาพูด ฉันรู้สึกขอบพระคุณมากจริงๆฉันรู้ว่าหัวหน้าทำอะไรมากมายเพื่อพวกเรา แต่หัวหน้าแค่ไม่ได้พูดมันออกมาเท่านั้น"
ผู้หญิงมากมายต่างพยักหน้าตอบรับคำพูดเหล่านี้ในโลกของธุรกิจนี้ที่เต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำมากมายหญิงสาวเหล่านี้ต่างได้รับความกดดันหลายๆ อย่างหัวหน้าที่เต็มใจปกป้องสิทธิของพวกเธอสมควรแล้วที่โม่เชี่ยนนีจะได้รับความเคารพจากพวกเธอเป็อย่างมาก
โม่เชี่ยนนีเพียงยิ้มเบาๆพร้อมกล่าวว่า
"นั่นไม่ใช่เื่ใหญ่อะไรบริษัทอวี้เหล่ยของเรา เป็บริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยผู้หญิง ถ้าเราไม่ช่วยกันเราก็จะไม่ได้มาอยู่ถึงจุดนี้ นี่เป็คำสอนของซีอีโอคนก่อนฉันหวังว่าทุกคนจะจดจำมันไว้เช่นกัน"
สาวๆต่างพยักหน้าด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ
โม่เชี่ยนนีมองทุกคนด้วยสีหน้าพอใจแล้วหันมาพูดกับหลิวิอวี้ว่า
"ิอวี้ฉันกำลังจะไปเก็บของที่ห้อง อีกชั่วโมงมาหาฉันที่ห้องด้วยนะฉันจะส่งมอบหน้าที่ทั้งหมดให้กับเธอ แล้วก็เก็บของบนโต๊ะของเธอด้วยใน่บ่ายซีอีโอจะมาคุยกับเธอเป็การส่วนตัว ไม่ต้องกังวลมากท่านเพียงแค่้าทำความรู้จักกับเธอ"
หลังจากมอบหมายเื่ต่างๆแล้วโม่เชี่ยนนีก็กลับเข้าไปที่ห้องทำงานของเธอทันใดนั้นเองหญิงสาวคนหนึ่งก็กระซิบขึ้นว่า
"หัวหน้าโม่จะกลับมาเยี่ยมพวกเราบ้างหรือเปล่านะ"
โม่เชี่ยนนีได้ยินดังนั้นก็หยุดเดินทันทีสายตาของเธอจ้องมองไปที่ความว่างเปล่า เธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว
"ยัยโง่หัวหน้าโม่ไม่ได้ออกจากบริษัทสักหน่อย เราจะเห็นเธออยู่รอบๆ บริษัทเนี่ยแหละ"หญิงสาวอีกคนพูดขึ้นมา
"แต่ฉันรู้สึกเศร้ายังไงไม่รู้..."หญิงสาวอีกคนพึมพำและอีกหลายคนต่างพูดขึ้นอย่างโศกเศร้าเช่นเดียวกัน
โม่เชี่ยนนีหลับตาลงเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลลงมาเธอฝืนยิ้มกล่าวว่า
"ทุกคนอย่างที่เสี่ยวเมิ่งพูด ฉันไม่ได้ออกจากบริษัท ถ้าพวกเธออยากมาเจอฉันก็สามารถมาที่แผนกการเงินได้ ถ้าไม่ใช้เวลานาน ฉันก็ยินดีต้อนรับเสมอวันนี้เป็วันรับตำแหน่ง ฉันอุตส่าห์แต่งตัวสวยมาเชี่ยวนะพวกเธออย่าทำให้ฉันร้องไห้จนเหมือนผีบ้าสิ..."
เหล่าหญิงสาวต่างหัวเราะเป็การใหญ่แต่น้ำตาของพวกเธอก็ยังคงไหลออกมาไม่หยุด
หยางเฉินเห็นภาพตรงหน้าเขารู้สึกอบอุ่นอยู่ภายในเพราะหญิงสาวเหล่านี้นั้นทำให้บรรยากาศในออฟฟิศนี้อบอุ่นขึ้นอย่างมาก
เมื่อโม่เชี่ยนนีเดินผ่านมาหยางเฉินก็พูดขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ "ยินดีด้วยนะครับ"
มุมปากของโม่เชี่ยนนีเผยรอยยิ้มน้อยๆออกมา
"นายดีใจมากล่ะสิที่ไม่ต้องถูกฉันเคี่ยวเข็ญอีกนายจะได้เล่นเกมได้อย่างสงบสุขทุกวัน?"
"นิดหน่อยแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ผมคงคิดถึงคุณมากแน่ๆ" หยางเฉินตอบตรงไปตรงมา
โม่เชี่ยนนีแก้มแดงเป็ลูกตำลึง "พูดอะไรออกมาน่ะ!ขอบคุณพระเ้าที่ทำให้ฉันไม่ได้เป็หัวหน้าของนายอีก!"กล่าวจบโม่เชี่ยนนีก็เดินกลับห้องโดยไม่หันมามองอีก
การเปลี่ยนแปลงของหัวหน้าแผนกไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก คล้ายกับการเปลี่ยนรูปบนผนังเท่านั้น
เมื่อใกล้เวลาเลิกงานหยางเฉินก็ปิดคอมพิวเตอร์ และเตรียมตัวกลับบ้านแต่ทันใดนั้นเองโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น หยางเฉินพบว่ามันเป็เบอร์ของหลินรั่วซี!
ภรรยาของเขาหลินรั่วซีอารมณ์ไม่ดีมาั้แ่่บ่ายของเมื่อวานแล้วและเขาก็ไม่ได้กลับบ้านเลยตลอดทั้งคืน เขาคิดว่าเธอคงจะยังโกรธเขาดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับโทรศัพท์ในทันที
"ที่รักในที่สุดคุณก็คิดถึงผมจนได้นะ "
หลินรั่วซีไม่ได้ตอบกลับเธอเงียบไปนานก่อนจะพูดขึ้นว่า"นายยังอยู่ที่บริษัทหรือเปล่า "
"อยู่มีอะไรหรือเปล่า?"
"รถเสียสตาร์ทไม่ติด"
รถเบนท์ลีย์รถยนต์ชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบที่คลาสสิคและสง่างามประณีตมันเป็ที่น่าเสียดายที่คุณภาพของเครื่องยนต์นั้น ค่อนข้างด้อยกว่ารถเยอรมนีรถญี่ปุ่นและอีกหลายประเทศ
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือควีนเอลิซาเบธที่ 2 ที่รถเบนท์ลีย์ราคา10 ล้านปอนด์ได้เสียลงกลางถนนจนทำให้พระองค์ต้องนั่งรถจี๊ปคอตกกลับบ้าน
รถของหลินรั่วซีเสีย?นั่นก็หมายความว่าเธอ้าให้ใครสักคนพากลับบ้าน!
เพื่อหลีกเลี่ยงคนในบริษัททั้งสองเลยตกลงมาพบกันหลังจากครึ่งชั่วโมงต่อมาที่ลานจอดรถของซีอีโอซึ่งในตอนนั้นลานจอดรถในบริษัทจะต้องว่างเปล่าอย่างแน่นอนเพราะบริษัทอวี้เหล่ยไม่อนุญาตให้ทำงานล่วงเวลาหาก้าที่จะทำงานล่วงเวลาไปทำที่บ้านแทน
ครึ่งชั่วโมงต่อมาหยางเฉินก็เดินอย่างสบายๆไปที่ลานจอดรถ เขาเห็นหลินรั่วซีสวมชุดสีขาวสบายๆ ถือกระเป๋าแอร์เมสด้วยสองมือยืนอยู่ข้างๆ รถเบนท์ลีย์สีแดง
เมื่อเห็นหยางเฉินเดินมาอย่างยิ้มแย้มหลินรั่วซีก็รู้สึกค่อนข้างอึดอัดความสัมพันธ์ของพวกเขาได้เลวร้ายจากเหตุการณ์เมื่อวานนี้และหยางเฉินยังไม่ได้กลับบ้านในคืนนั้นอีกด้วย เธอจึงค่อนข้างไม่พอใจและตั้งใจว่าจะไม่สนใจเขาสักหนึ่งหรือสองสัปดาห์แต่เธอไม่คิดว่ารถจะเสียลงจนทำลายแผนของเธอจนหมด
หยางเฉินไม่ได้รู้ความคิดอันซับซ้อนของหญิงสาวเมื่อเห็นหลินรั่วซีไม่คุยกับเขา เขาก็เดินไปตรงหน้าพร้อมยื่นมือออกมา
"นายกำลังจะทำอะไร?"หลินรั่วซีถามอย่างงุนงง
"กุญแจรถครับ"หยางเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"รถเสียสตาร์ทไม่ติด" หลินรั่วซีพูดพลางขมวดคิ้ว
หยางเฉินกวักมือเรียกพร้อมกล่าวว่า "เอามาให้ผมคุณอาจจะสตาร์ทรถไม่ติด แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะสตาร์ทรถไม่ติดด้วย"