เจิ้งป๋อหยวนทานอาหารไปเพียงไม่กี่คำก็วางตะเกียบลงแล้วถอนหายใจ “พี่สวี่ขอรับ ต่อไปข้ากับน้องสาวของข้าจะต้องพึ่งพากันและกันแล้ว ความจริงแล้วในใจของข้ายังกลัวอยู่นิดหน่อยขอรับ”
สวี่ตี้พูดโน้มน้าว “กลัวมันก็ถูกแล้ว เ้าเพิ่งจะอายุกี่ปี หากไม่กลัวจริงๆ ข้าก็คงจะต้องกลัวเ้าแล้วล่ะ”
เจิ้งป๋อหยวนฟังแล้วก็หัวเราะก่อนจะเอ่ย “เช่นนั้นต่อไปจะต้องรบกวนพี่สวี่มากๆ แล้ว หากข้ามีเื่อันใด้าให้พี่สวี่ช่วย ก็หวังว่าพี่จะไม่รังเกียจข้านะขอรับ”
สวี่ตี้ฟังแล้วก็เอ่ย “เ้าพูดออกมาเช่นนี้แล้ว ข้าจะพูดอย่างไรได้ เ้าต้องเชื่อในตนเอง อนาคตจะเป็อย่างไรก็เป็สิ่งที่ตนทำออกมา เ้าว่าถูกหรือไม่?”
เจิ้งป๋อหยวนพยักหน้า “ข้าเตรียมตัวเอาไว้แล้ว สามารถพาน้องสาวของข้าไปเหอซีกับท่านได้ตลอดเวลา ข้าอยากจะให้น้องสาวของข้าออกไปดูโลกด้านนอก ไม่ต้องอยู่แต่ในเรือนหลังเล็กๆ นั่น ไปที่เหอซีข้าก็จะไปซื้อเรือนเล็กๆ กับใต้เท้าสวี่ จัดให้น้องสาวเข้าไปอยู่ จากนั้นข้าจะไปติดตามเว่ยซื่อจื่อขอรับ”
สวี่ตี้กล่าว “เช่นนั้นเ้าเคยคิดหรือไม่ว่า ตัวเ้าเป็บุรุษต่อไปยังพูดง่าย แต่น้องสาวของเ้าเล่า? นางจะต้องแต่งงานออกไป นางจะอยู่กับเ้าที่เหอซีไปตลอดไม่ได้ ต่อไปนางจะทำอย่างไร? ตอนนี้นางเองก็อายุสิบปีแล้วใช่หรือไม่ ใกล้จะถึงวัยที่จะต้องแต่งงานแล้ว”
เจิ้งป๋อหยวนถอนหายใจ “เื่พวกนี้ข้าเองก็คิดมาก่อน เพื่อแผนในตอนนี้ ทำได้แค่ค่อยๆ เดินไปทีละก้าว ถึงแม้ว่าที่นั่นจะมีแค่พวกข้าพี่น้อง แต่ว่าข้ายังมีท่านยายกับท่านลุงใหญ่ พวกเขาจะต้องสามารถหาครอบครัวดีๆ ให้กับน้องสาวได้ สินเดิมของมารดาข้าก็ให้เฉินซื่อไปแล้ว ท่านลุงใหญ่บอกว่าพวกนั้นเป็ของนอกกาย สามารถแลกกับชีวิตของข้ากับน้องสาวได้ก็ถือว่าใช้มันได้ถูกที่ ร้านค้าที่ผิงซีโหวเย่ให้มา ข้าดูแล้วสัญญาบ้างแล้ว ล้วนเป็ที่ที่ค่อนข้างดี แล้วก็สวนในเขตเมืองหลวง ตำแหน่งที่ตั้งก็ไม่เลว ข้าส่งให้ท่านลุงใหญ่ของข้าดูแลแล้ว ต่อไปของพวกนี้ข้าจะเก็บเอาไว้เป็สินเดิมให้น้องสาว ส่วนตัวข้าทำงานกับเว่ยซื่อจื่อดีๆ ยังต้องกังวลว่าจะไม่มีชื่อเสียง ไม่มีเงินทองอีกหรือ?”
สวี่ตี้พยักหน้า “เ้าสามารถคิดได้ เช่นนั้นข้าก็วางใจ”
สวี่ตี้พักอยู่ในเมืองหลวงต่ออีกไม่กี่วัน จนกระทั่งเจิ้งป๋อหยวนจัดการเื่ราวทั้งหมดเสร็จแล้วถึงได้ตามเขาไป รถม้าสิบกว่าคันรถ รวมถึงสาวใช้ที่จะไปดูแลเจิ้งป๋อหยวนกับน้องสาวของเขาที่ทางสกุลเฉินส่งมาให้ แล้วเดินทางไปที่เหอซี
เจิ้งหยวนหยวนนั่งอยู่ในรถม้าคันหนึ่ง ใจของนางสั่นไหวไปมาเหมือนกับรถม้า ไม่สบายใจ กังวล นางไม่รู้ว่าตัวเองต้องเตรียมตัวเจอกับอะไร แล้วก็อนาคตของพี่ชายจะเป็อย่างไร พูดความจริง ถูกบิดาแท้ๆ แยกตนออกจากเรือนเช่นนี้ ในใจจะไม่รู้สึกโกรธเลยนั้นเป็ไปไม่ได้
เจิ้งหยวนหยวนั้แ่เด็กก็มีพี่ชายกับท่านย่าเป็คนดูแลมาจนโต ข้างกายยังมีคนที่จวนเฉินส่งมา โดยเฉพาะแม่นมข้างกายตน ยิ่งเป็คนที่จวนเฉินไปหามาจากด้านนอก แม่นมผู้นั้นเดิมเคยดูแลอยู่ในวัง เพราะว่าเดิมทีรู้จักกับฮูหยินผู้เฒ่าจวนผิงซีโหว หลังจากมาถึงก็ได้รับการให้เกียรติจากผิงซีโหวเย่ถึงได้ไม่ค่อยถูกเสี่ยวเฉินซื่อรังแกเท่าไหร่
สกุลเฉินพยายามหาแม่นมเช่นนี้มาให้กับเจิ้งหยวนหยวน เพื่อสามารถให้เจิ้งหยวนหยวนที่อยู่ในจวนผิงซีโหวเติบโตได้อย่างดี สภาพแวดล้อมเช่นนั้นอย่าได้เติบโตมาบิดเบี้ยวเลย ั้แ่เด็กแม่นมสั่งสอนนางให้แยกแยะถูกผิด เื่ลับๆ ภายในจวนผิงซีโหว แม่นมก็ค่อยๆ เล่าให้เจิ้งหยวนหยวนฟัง เพื่อให้เจิ้งหยวนหยวนเข้าใจว่าตนเองอยู่ในเป็สภาพแวดล้อมแบบไหน
หลายปีนี้ความลำบากของสกุลเฉินไม่ได้เสียเปล่า เด็กทั้งสองคนถือว่าไม่ได้ยอมรับคนเลวเป็บิดา รู้ว่าเหตุใดมารดาของตนเองถึงตายไปก็ยิ่งเข้าใจ ตนเองในตอนนี้ยังอ่อนแอ สิ่งเดียวที่สามารถทำได้คือปกป้องตัวเองให้ปลอดภัย มีความหวังที่จะแก้แค้น เช่นนี้ถึงจะมีชีวิตต่อไปได้
เจิ้งหยวนหยวนนั่งคิดเื่ราวต่างๆ อยู่ในรถม้า ทางด้านเจิ้งป๋อหยวนกับสวี่ตี้ขี่ม้าเคียงกันเดินไปด้านหน้า
เจิ้งป๋อหยวนกล่าว “ตอนที่พวกเราจะไป ผิงซีโหวเย่มาส่งพวกเราออกเดินทาง ไม่รู้ว่าเขามาเพราะเหตุใด ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันมาตั้งนานแล้ว จะมาเกรงใจกันเช่นนี้เพื่ออันใด”
สวี่ตี้กล่าว “เ้าจะไม่ให้เขาได้คิดถึงความผิดของตัวเองสักรอบหน่อยหรือ ให้เขาได้ลดความรู้สึกผิดในใจลงบ้างน่ะ?”
เจิ้งป๋อหยวนกลั้วหัวเราะ “ไม่ใช่ข้าดูถูกเขาจริงๆ นะขอรับ ข้าพูดกับเขา ขอบคุณท่านลุงที่มาส่ง น้ำใจนี้ข้ารับไว้แล้ว ส่วนของขวัญก็ช่างเถิด อย่างไรก็เป็คนละครอบครัวกันแล้ว จะมาเกรงใจเช่นนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะดีมากนัก”
สวี่ตี้หัวเราะแล้วเอ่ย “อะไรที่ควรจะมีมารยาทก็ควรจะมี ของที่ควรจะรับก็ต้องรับไว้ ถึงอย่างไรพวกเราไปกับคนไม่ได้ ก็ยังนำของติดตัวไปได้นะ”
เจิ้งป๋อหยวนหัวเราะฮ่าๆ พร้อมเอ่ย “พี่ใหญ่สวี่ ท่านพูดถูก ดังนั้นข้าจึงรับของเอาไว้ ข้ายังพูดกับผิงซีโหวเย่ว่า ต่อไปหากเขามีเื่ไม่สบายใจ ก็ให้ส่งของมาให้ข้ากับน้องสาว จะของดีของไม่ดีพวกข้าไม่ใส่ใจ”
สวี่ตี้กล่าว “เ้าน่ะ อย่าเอาแต่เอามีดไปแทงใจคนอื่นเขาเช่นนี้อยู่เรื่อยสิ ต่อไปเ้าคอยติดตามเรียนรู้ไปกับข้าถึงจะดี”
เจิ้งป๋อหยวนกล่าว “เื่นี้จำเป็ต้องเรียนรู้กับท่านจริงๆ ข้ารู้สึกว่าสิ่งที่จะต้องเรียนกับท่านมีเยอะมากจริงๆ ขอรับ”
ตลอดการเดินทางมีบ้างที่กินอาหารกลางป่าและนอนพักกลางป่า เดินทางไม่ถึงยี่สิบวันก็ถึงเหอซี
สกุลสวี่ได้ย้ายไปอยู่ในเรือนด้านหลังสำนักงานที่สร้างใหม่แล้ว อยู่ใกล้กับจวนแม่ทัพ เรือนใหม่เป็เรือนหลังใหญ่ห้าทางเข้า สร้างแบบเหมือนเป็์ของทางตะวันออกเฉียงเหนือ ช่างใหญ่โตมโหฬาร
จางจ้าวฉือมองเจิ้งหยวนหยวนที่ดูอ่อนโยนนุ่มนิ่มก็ถอนหายใจในใจ เด็กสองคนนี้ชะตาช่างอาภัพนัก ั้แ่เด็กก็เสียแม่ไป โชคดีที่ยังสู้หาทางมีชีวิตรอดออกมาได้
เรือนข้างๆ สำนักงาน นอกจากเอาไว้ให้คนโสดที่ทำงานในสำนักงานนอนค้างอยู่หลายครั้ง ก็ยังมีเรือนเล็กๆ สองสามทางเข้า เพราะราคาค่อนข้างแพง จึงยังขายไม่ออกเป็จำนวนมาก เมื่อเจิ้งป๋อหยวนมาแล้ว จึงเลือกเรือนสามทางเข้าด้านหลังสำนักงาน
ความจริงแล้วในที่ที่ห่างจากสำนักงานไม่ไกลยังสร้างเรือนห้าทางเข้าเอาไว้ เจิ้งป๋อหยวนไปซื้อเรือนหลังนั้นโดยไม่ต้องคิด หนึ่งมีตนกับน้องสาวสองคน อีกทั้งทั้งสองคนมาที่เหอซีก็ไม่ได้พาคนดูแลมากมายเท่าไหร่ อีกอย่างต่อไปตนก็จะเป็ทหารในกรมของเว่ยซื่อจื่อ น้องสาวอยู่เรือนคนเดียว อยู่ใกล้กับเรือนสกุลสวี่ ขอแค่ไม่ใช่คนด้านนอกเข้ามาโจมตี ทางนี้ก็เป็สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด
รอจนกระทั่งเข้าพักเรียบร้อยแล้ว เจิ้งป๋อหยวนกำลังตามแม่นมที่มาจากเมืองหลวงเพื่อมาสั่งงาน ให้แม่ครัวของโรงครัวจัดโต๊ะอาหาร แล้วเชิญสวี่จือกับหลี่เยว่ซีมาทานอาหารร่วมกัน
พี่สาวของหลี่เยว่ซีแต่งงานออกไปแล้ว นางแต่งงานไปที่ก่านโจว ได้ยินหลี่เยว่ซีบอกว่า พี่สาวของนางได้ตั้งท้องแล้วด้วย ตอนนี้ฮูหยินหลี่ไม่มีเื่ให้ต้องกังวลใจอีกต่อไป หลานก็มีแล้ว หลังจากลูกสาวคนโตแต่งงานไปก็ตั้งท้องแล้ว ตอนนี้ก็กำลังจัดเตรียมสินเดิมให้หลี่เยว่ซี
หลังจากสวี่ตี้กลับมาก็เจอหน้ากับหลี่เยว่ซีอยู่หลายครั้ง เพราะว่าอายุของทั้งสองคนก็ต่างโตแล้ว หลายคนตอนอายุเท่าพวกเขาสองคนก็แต่งงานกันแล้ว ดังนั้นไม่สามารถเจอหน้ากันได้บ่อยๆ เหมือนกับเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้หลี่เยว่ซีวันๆ ก็เย็บชุดแต่งงานอยู่ในเรือน ถึงแม้ประชาชนที่เหอซีจะเปิดกว้าง เด็กหญิงหลายคนมักจะออกมาเดินที่ถนน แต่หลี่เยว่ซีรู้สึกว่าตัวเองเป็คนที่รอแต่งงานแล้ว จะออกไปเดินบนถนนให้คนพบเจอบ่อยๆ มิได้ ดังนั้นจึงไปที่สกุลสวี่บ่อยที่สุด
เจิ้งหยวนหยวนเป็เด็กหญิงที่ความรู้สึกไวอยู่เล็กน้อย ถึงแม้ตลอดทางมานี้จะนอนกลางดินกินกลางทราย ทำให้นางลำบากอยู่มาก แต่ั้แ่ออกมาจากเรือนหลังเล็กๆ นั้น ได้เห็นท้องฟ้ากว้างใหญ่ ตอนที่ผ่านมณฑลเมืองเขตชุมชน เจิ้งป๋อหยวนก็จะพานางออกไปเดินดู ดูความเป็อยู่ วัฒนธรรมที่ไม่เหมือนกัน ทำให้นิสัยของเจิ้งหยวนหยวนร่าเริงขึ้นมาก
ได้ต้อนรับพี่สาวที่รู้จักใหม่อย่างเป็กันเอง เจิ้งหยวนหยวนก็ดีใจอยู่หลายวัน
ตอนนี้เจิ้งป๋อหยวนได้เข้ากองทัพของเว่ยซื่อจื่อแล้ว เริ่มั้แ่เป็นายทหารชั้นผู้น้อย และก็เพราะว่าเขาเคยเรียนหนังสือ ตอนนี้จึงเป็อาจารย์สอนหนังสือในกองทัพอีกด้วย
สวี่ตี้ย้ำให้เว่ยหลางบ่มเพาะความรู้ของทหารรวมถึงยกระดับขึ้น ระหว่างที่ฝึกซ้อม ไม่เพียงจะต้องสอนให้เหล่าทหารรู้จักตัวอักษร ยังต้องสอนให้พวกเขาอ่านกลยุทธ์าเป็อีกด้วย
ในยุคนี้เดิมทีคนที่เรียนหนังสือก็น้อยอยู่แล้ว คนที่มาเป็ทหารปกติแล้วก็ล้วนเป็เด็กที่ครอบครัวยากจน ผู้ใดจะมีโอกาสได้ไปเรียนหนังสือ? หลังจากเว่ยหลางปรึกษากับผู้ช่วยของตนแล้ว ก็ตัดสินใจที่จะเปิดให้ด้านในกองทัพมีการเรียนหนังสือ มีผู้ช่วยคนหนึ่งพูดได้มีเหตุผลมาก ในเมื่อเรียนหนังสือได้ดี รู้จักตัวหนังสือหลายตัวก็ถือว่าต่อไปหลังจากกลับบ้านเกิดไป ก็ยังไปเป็ผู้ดูแลในร้านค้า เป็ผู้ดูแลบัญชีของคนอื่นได้ไม่ใช่หรือ? ก็ถือว่าเป็การได้รับประกันเส้นทางการใช้ชีวิตหลังเกษียณของทหารหลายคน
เพราะเหตุนี้ ในกองทัพจึงเปิดการเรียนหนังสืออย่างเป็ทางการ ที่เป็ที่้าที่สุดก็คือเหล่าคนที่เคยเรียนหนังสือมาก่อน ดังนั้น เมื่อเจิ้งป๋อหยวนเข้าไป ปกติแล้วก็จะฝึกซ้อมอย่างยากลำบากกับเหล่าทหาร ตอนที่ว่างก็เป็อาจารย์ให้กับสหาย
เจิ้งป๋อหยวนมีผิงซีโหวเย่คนก่อนสอนหนังสือ ั้แ่เด็กที่เรียนมากที่สุดก็คือหนังสือทางการทหาร เมื่อเทียบกับหนังสือทั้งสี่และคัมภีร์ทั้งห้าแล้ว เจิ้งป๋อหยวนจดจำหนังสือทางการทหารได้อย่างแม่นยำ อย่างไรนอกจากครอบครัวสอนตัวหนังสือที่ใช้บ่อยๆ แล้ว ยังเอาหนังสือทางการทหารมาเป็หนังสือเรียนอีกด้วย
เจิ้งป๋อหยวนอยู่ในกองทัพเหมือนปลาที่เจอน้ำ แต่ว่าครึ่งเดือนเขาถึงจะกลับเรือนได้หนึ่งครั้ง สามารถพักได้สองคืน เช่นนี้ก็ถือว่าพอใจแล้ว
สวี่จือรู้สึกดีใจมากที่เจิ้งป๋อหยวนเข้ากองทัพทหารได้ ชาติที่แล้วนางไม่รู้ว่าเจิ้งป๋อหยวนจะเคยมาเป็ทหารที่เหอซีหรือไม่ จวนผิงซีโหวของพวกเขาเหมือนกับจวนติ้งกั๋วกง เป็เพราะว่าองค์ชายที่พวกเขาสนับสนุนไม่สามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้สำเร็จ ต่อมาฮ่องเต้องค์ใหม่ก็จัดการพวกที่ยืนอยู่ผิดฝั่งไปจนเกลี้ยง ถึงได้ถูกส่งไปที่หลิงหนานด้วยกัน
พูดตามความจริงแล้ว พวกเขาถูกไว้ชีวิต หลายคนก็บอกว่าฮ่องเต้พระองค์ใหม่เป็คนที่มีเมตตา หลังจากฮ่องเต้หลายพระองค์ขึ้นครองราชย์ ก็จะถอนรากถอนโคนพวกที่เคยเกะกะขวางทาง อย่างไรไฟป่าหากดับไม่หมด ลมพัดมาก็จะลุกลามขึ้นมาอีก ขอแค่กำจัดให้หมดทั้งรากทั้งโคนถึงจะสามารถอยู่ได้อย่างไร้กังวลไม่ใช่หรือ?
สวี่จือใส่ใจเจิ้งหยวนหยวนที่พักอยู่ข้างเรือนตนเองเป็อย่างมาก สามวันก็ไปที่เรือนของพวกเขาที หรือส่งขนมที่ตัวเองทำไปให้ หรือดูว่าของที่เจิ้งหยวนหยวนกักตุนเอาไว้ในหน้าหนาวพอหรือไม่
ทุกครั้งที่ถึงเวลานี้ สวี่ไป่เป็ลูกมือของพี่สาวผู้ใจดีคนนี้ เดิมตามหลังสวี่จือไปที่เรือนสกุลเจิ้งเพื่อดูพี่สาวของตัวเองช่วยจัดการปัญหาต่างๆ สวี่ไป่รู้สึกเหนื่อยใจ เขารู้สึกว่าพี่สาวของตัวเองมีความรู้สึกต่อเจิ้งป๋อหยวนคนนี้จริงๆ แต่เพราะว่าพี่สาวอายุยังน้อย สำหรับเื่ความรู้สึกด้านนี้จึงยังไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจหัวใจของตัวเอง แต่สวี่ไป่เป็คนนอกย่อมมองเห็นได้ชัดเจน ตอนนี้เขาหงุดหงิดใจเป็อย่างมาก ไม่รู้ว่าจะคุยกับพี่สาวของตัวเองดีหรือไม่
หากพิจารณาถึงเงื่อนไข เจิ้งป๋อหยวนผู้นี้จริงๆ แล้วก็ไม่เลวเลย หน้าตาดี นิสัยก็ดี ภาวะทางอารมณ์ก็ไม่ใช่คนที่โมโหร้าย ประเด็นสำคัญตอนนี้เขาเป็หัวหน้าครอบครัว นี่คือข้อดีหลังจากแต่งงานไปแล้วไม่มีแม่สามี ไม่ต้องถูกคนรังแก ข้อเสียคือไม่มีผู้าุโ เื่อะไรก็ต้องทำด้วยตัวเอง สวี่ไป่รู้สึกว่าในครอบครัวเลี้ยงลูกสาวคนหนึ่งจำเป็ต้องกังวลใจกับหลายเื่จริงๆ
สวี่ไป่วันๆ กังวลเื่ของสวี่จือจนใบหน้าอ้วนๆ ซูบผอมลงมา สวี่จือกลับไม่ได้รู้สึกถึงข้อนี้เลย ทุกวันมีงานที่ต้องทำมากมายจนหัวหมุน ทั้งยุ่งเื่เรียน ยุ่งเื่งาน ชีวิตผ่านไปอย่างมีสีสัน
สวี่เหรากับจางจ้าวฉือแล้วก็สวี่ตี้กลับได้รับจดหมายที่ส่งมาจากเมืองหลวง ก็รู้สึกไม่สงบใจแล้ว
เทศกาลเชงเม้งในเดือนสิบ ทางสำนักงานที่ว่าการของเมืองเหอซีก็ได้จัดพื้นที่เรียบขนาดใหญ่เอาไว้หนึ่งที่ ให้ทุกคนสามารถเลือกที่เคารพศพเผากระดาษเงินกระดาษทองในเทศกาลนี้ บนูเาทุกที่ต่างเป็หญ้าแห้ง ทุกปีจะเกิดเื่เผากระดาษจนไฟลามไปยังป่า หลังจากสวี่เหรามาที่นี่ เพื่อป้องกันป่าเขา จึงเริ่มผลักดันนโยบายไม่ต้องไปเผากระดาษในูเา เริ่มแรกมีการห้ามปรามกันอย่างเต็มที่ หลายปีมานี้ทุกคนก็ค่อยๆ ลดการเผากระดาษทีู่เากันแล้ว แต่ไปเผากันที่ตรงจุดที่ห่างจากป่าด้านนอกเมืองโดยเฉพาะ
ในาครั้งที่แล้วเมื่อเดือนสิบสองปีก่อน เพราะคนในเมืองเหอซีตายไปจำนวนมาก ทุกคนต่างไปเผากระดาษกันด้านนอกเมือง สวี่ตี้พาคนในสำนักงานว่าการไปรอเตรียมการอยู่ตลอดเวลา กลัวว่าจะเกิดเื่ไม่คาดฝันขึ้น โชคดีที่วันนี้ผ่านไปอย่างสงบ
วันที่ห้าเดือนสิบในปฏิทินจันทรคติ พี่ใหญ่สกุลจางได้ส่งของมาหนึ่งคันรถ ที่ตามรถม้ามาด้วยก็มีคนที่มาส่งจดหมายโดยเฉพาะ หลังจากจัดที่พักให้คนพักเรียบร้อย ก็อาศัยใน่ที่คนด้านในต่างนอนหลับกันไปแล้ว สวี่เหรากับจางจ้าวฉือแล้วก็สวี่ตี้นั่งกันอยู่บนเตียงอุ่นในห้องหลัก ทั้งสามคนมองจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะและฉีกออกมาอ่านแล้ว
สวี่ตี้หยิบขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากดูเสร็จก็เอ่ยปากถาม “พวกท่านมีความคิดเห็นอย่างไรขอรับ?”
สวี่เหรากล่าว “ยึดตามเื่ราวปกติ ข้ารู้สึกว่าเื่ราวของอนุจู้คงจะต้องเข้มข้นมากเป็แน่ อีกทั้งอนุจู้คนนี้น่ะ อย่ามองว่านางวันๆ ทำท่าทางนิ่งสงบไม่ทำอะไรนะ หากจะเอาเื่ขึ้นมา จะต้องทำเื่ใหญ่แน่นอน”
สวี่ตี้พยักหน้า “ข้าเองก็คิดเช่นนั้นขอรับ ข้าเคยเจอนางครั้งหนึ่ง ให้ความรู้สึกแปลกมากๆ พูดกันตามหลักเหตุผลแล้ว ข้าควรจะเป็หลานชายของนาง แต่สายตาที่นางมองข้ากลับยังมีความรังเกียจ ข้าไม่รู้ว่าทำไมนางจะต้องมองข้าอย่างรังเกียจเช่นนั้นด้วย”
สวี่เหราถอนหายใจ “จิตใจของคนผู้นี้ยุ่งเหยิง ได้ยินมาว่าตอนนั้นเป็สตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวง ไม่เพียงจะหน้าตาดี ดีดฉินวาดภาพก็ล้วนดีเยี่ยม เป็คนมีพร์ด้านการขับกลอน แล้วก็ใช้คำออกมาได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังหมั้นหมายกับไท่จื่อองค์ก่อนอีกด้วย แต่ว่าหลังจากไท่จื่อทำผิดแล้วถูกปะา ครอบครัวพวกเขาก็ถูกฆ่าล้างตระกูล”
สวี่ตี้กล่าว “อนุจู้เป็คนที่โหวเย่ซื้อตัวกลับมาจากสถานเริงรมย์นี่ขอรับ จากนั้นก็เลี้ยงดูอยู่ด้านนอกจวนมาตลอด ต่อมาตั้งครรภ์ถึงได้รับกลับมาคลอดลูกในจวน ใช่แล้ว ท่านพ่อ ท่านเกิดวันเดียวกันกับสวี่สาวใช่หรือไม่ จะเป็การสลับตัวหรือไม่ขอรับ?”
สวี่เหรากล่าว “ไม่มีทางเป็ไปได้ ฮูหยินภรรยาเอกของจวนโหวคลอดลูก จะให้คนเข้าออกห้องคลอดได้ตามใจชอบได้อย่างไร ข้าคิดว่าความเป็ไปได้มีไม่มาก”
สวี่ตี้กล่าว “เช่นนั้นถ้าหากมีคนร่วมมือด้วยล่ะขอรับ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้