“คุณชาย ทุกอย่างอยู่ที่นี่แล้วขอรับ”
ณ อำเภอ ภายในคฤหาสน์หลังงามแห่งหนึ่ง หยวนเป่าที่ถือคบเพลิงผายมือไปทางของที่กองบนพื้นให้ตู้ซิวจู๋ดู
เขาเอาของพวกนี้มาจากที่ซ่อนตัวของพวกเฉียนซาน และที่ว่าการอำเภอกำลังตรวจค้นอยู่ หากของพวกนี้โดนเจอ เ้าของร้านอันอี้จวีจะต้องเดือดร้อนเป็แน่
ตู้ซิวจู๋ย่อตัวลง หยิบหนังสือภาพมาเปิด สิ่งที่สะท้อนในดวงตาเขาคือภาพวาด แต่สิ่งที่ปรากฏในหัวกลับเป็ใบหน้ายิ้มแย้มดุจดอกไม้บานของหลินหวั่นชิว
ดุจสายลมในฤดูใบไม้ผลิยามค่ำคืน ต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์เบ่งบาน
นี่คือรอยยิ้มของนาง
ตู้ซิวจู๋ตอนนี้มีสีหน้าเ็า ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน ดุจกระบี่คมที่ออกจากฝัก เหลือท่าทีแบบวันนั้นที่ใดกัน?
หากหลินหวั่นชิวอยู่ที่นี่ นางไม่มีทางมองตู้ซิวจู๋ตอนนี้ทับซ้อนกับคนที่เอ้อระเหยลอยชายและแต่งตัวเป็สตรีได้
จะแปลกพิลึกเกินไปแล้ว
ต่างกันคนละโลก
“เจียงหงหย่วนฆ่าไปสี่คน?” นิ้วเรียวยาวของตู้ซิวจู๋ไล่ผ่านหน้ากระดาษ น้ำเสียงนิ่งเรียบ แววตาไม่ชัดเจน
“ขอรับ สองคนโดนหักคอ สองคนโดนมีดปาดคอ ลงมือหมดจด อีกฝ่ายไม่มีโอกาสตอบโต้”
“ทั้งที่ฝีมือพวกเฉียนซานไม่เลวเลย” ตู้ซิวจู๋พูด
หยวนเป่าไม่ตอบ
ตู้ซิวจู๋ลุกขึ้นยืน “มีเจียงหงหย่วนอยู่ก็ไม่ต้องส่งคนไปเฝ้านาง แต่ถ้าเจียงหงหย่วนไม่อยู่แล้วนางเป็กระไรไป เชิญเ้าถือหัวมาพบ”
“ขอรับ คุณชาย!” หยวนเป่าตอบด้วยสีหน้าจริงจัง ทว่าในใจกลับกังวล คุณชาย นั่นมันภรรยาผู้อื่นนะ
“ของพวกนี้…เผาทิ้งให้หมด”
“ขอรับ!”
ตู้ซิวจู๋หันตัวจากไป เขาตัวสูงโปร่งเหมือนต้นไผ่ เหมาะสมกับชื่อของเขายิ่งนัก (ซิวจู๋修竹 หมายถึง ไผ่สูง)
ไผ่สูงสง่า ไม่ใช่พืชไม่ใช่เถาวัลย์ ไม่ใช่หญ้าไม่ใช่ไม้ ตั้งตัวสูงเหนือโลกหล้า สง่างามไร้ขีดจำกัด
เจียงหงหย่วน…
เป็นายพรานธรรมดาจริงหรือ?
เขาดูแล้ว…เหมือนจะคุ้นหน้า
แผลเป็บนใบหน้า…เหมือนจะปิดบังสิ่งใดไว้
“ถงเฉียน”
“คุณชาย” ตู้ซิวจู๋แค่เอ่ยปากก็มีคนปรากฏออกมาจากความมืด
“ตรวจสอบเจียงหงหย่วนให้ละเอียด ระวังอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น”
“ขอรับ คุณชาย”
“ตรวจสอบเสิ่นจือเหวินถึงไหนแล้ว?”
เสิ่นจือเหวินคือนายอำเภอของอำเภอเฉา
“ข้าน้อยได้หลักฐานที่เขารับสินบนมาแล้วขอรับ ข้าหลวงเตียวกั๋วต้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาไม่มากนัก แต่เขาไปมาหาสู่ใกล้ชิดกับโจวโหย่วซานจากฝ่ายเชียนฮู่ มีทรัพย์สินแลกเปลี่ยนไปมา”
ตู้ซิวจู๋กล่าวเสียงเย็น “จับตาดูไว้! ทหารที่มากวาดล้างโจรูเาหลงเหว่ยพ่ายแพ้ยับเยินติดต่อกันหลายครั้ง เื้ัต้องมีกระไรเป็แน่”
“คุณชายสงสัยว่า…มีคนลักลอบช่วยโจร?” ถงเฉียนใ
ตู้ซิวจู๋พยักหน้า
“คุณชายสงสัยว่า…ภัยพิบัติโจรูเาหลงเหว่ย…ไม่ใช่แค่โจรูเา!”
ได้ยินตู้ซิวจู๋พูดเช่นนี้ ถงเฉียนก็รู้แล้วว่าคุณชายของพวกเขาคงไม่คิดจะกลับเมืองหลวงแล้ว
“คุณชาย แต่ว่าฮ่องเต้…สั่งให้ท่านกลับเมืองหลวงก่อนปีใหม่”
“ข้าจะเขียนฎีกากราบทูลเอง เอาล่ะ เ้าไสหัวไปได้แล้ว!”
ถงเฉียนคิดในใจ คุณชายไม่อยากกลับเมืองหลวงเพราะเป็ห่วงภรรยาผู้อื่นล่ะสิ
แค่กแค่ก…
ในฐานะคนสนิท เขาได้แต่บ่นในใจ ไม่กล้าพูดออกไป
“ขอรับ ข้าน้อยจะไสหัวไปแล้ว”
ถงเฉียนปรากฏตัวแบบไร้ซุ่มเสียงก็หายไปแบบไร้ซุ่มเสียงเช่นกัน
ในที่สุดแสงแดดก็หลุดพ้นจากโซ่ตรวนของความมืด ทอดตัวบนเส้นขอบฟ้าอันไกลโพ้น จากนั้น…เคลื่อนตัวอย่างไม่อาจหยุดยั้ง แสงอาทิตย์สะท้อนให้ก้อนเมฆทั่วฟ้ากลายเป็สีแดง
เหมือนหน้าหลินหวั่นชิวตอนนี้
“ตื่นแล้วหรือ?” เสียงทุ้มต่ำมีแรงดึงดูดของเจียงหงหย่วนแทรกเข้ามาในหูหลินหวั่นชิว เสียงของเขาที่กระจายไปถึงที่ใดในตัวนางก็จั๊กจี้ไปถึงที่นั่น
“อื้ม…” หลินหวั่นชิวตื่นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนร่างเจียงหงหย่วน รีบลุกด้วยความเขินอายแต่ถูกชายฉกรรจ์รวบตัวไว้แน่น
“สายแล้ว…” นางบอก
ขาของนางเลื่อนผ่านบางสิ่งบนร่างบุรุษหนุ่ม นางััได้ถึงอุณหภูมิอุ่นร้อนของเ้าสิ่งนั้นได้ผ่านกางเกง
และพลังชีวิตอันคึกคัก
“ให้ข้ากอดอีกหน่อย เชื่อฟัง เดี๋ยวเดียวเท่านั้น” เสียงชายฉกรรจ์ทุ้มลงกว่าเดิม
หลินหวั่นชิวได้แต่ฝังหน้าเข้ากับข้อพับแขนของเขา หลับตาแกล้งตาย
กอดเลย กอดเลย
อย่างไรก็เป็แค่เนื้อสองก้อนเท่านั้น
โครกคราก
เสียงท้องร้องดังขึ้น
เจียงหงหย่วนปล่อยนาง “หิวแล้วหรือ? ถ้าเช่นนั้นก็ลุกไปกินข้าว”
คืนวันก่อนเจอเื่เสียขวัญ เมื่อวานก็หวาดกลัวไปทั้งวัน นางไม่ค่อยได้กินกระไรนัก
เจียงหงหย่วนลุกขึ้นอย่างว่องไว ไม่รู้สึกเขินอายกับเ้าสิ่งนั้นที่กำลังตั้งชี้โด่อยู่บนร่างแม้แต่น้อย เดินไปมาตรงหน้าหลินหวั่นชิว นางยังเห็นความภาคภูมิสองส่วนจากใบหน้าเขา
บุรุษผู้นี้…
ไอ้นั่นตื่นแล้วยังจะกล้าอวดอีก
“เมื่อคืนข้าบอกให้ยายสวีไปซื้อน้ำเต้าหู้ปาและท่องโก๋กลับมาตอนเช้า ข้าคิดว่าเ้าน่าจะชอบกิน” เขาสวมชุดผ้าฝ้ายตัวบางแบบจีนพร้อมกับพูดกับหลินหวั่นชิวไปด้วย จากนั้นหยิบห่อผ้าใบหนึ่งออกมาจากตู้ “นี่คือเงินที่ได้จากการขึ้นเขารอบนี้ จับลูกเสือเป็ๆ ได้หนึ่งคู่ ขายได้พันตำลึง ส่วนพวกหนังสัตว์ยังไม่ได้ขาย ไว้เดี๋ยวเอาไปขายที่ตลาดหนังสัตว์ ขาย่หน้าหนาวได้ราคาดี”
“ลูกเสือเป็ๆ?” หลินหวั่นชิวเบิกตาโพลง สุดยอดไปเลย!
“แม่เสือถูกข้าฆ่าตาย ขากลับจึงลองตามหาดู…คิดไม่ถึงว่าจะเจอเข้าจริงๆ” เจียงหงหย่วนพูดอย่างสบายๆ แต่หลินหวั่นชิวรู้ว่าการตามหาลูกเสือกลางหิมะลำบากยากเย็นเพียงใด
“ลูกเสือเป็จุดเด่นเกินไป ตอนกลับมาจึงอ้อมไปที่หน่วยเชียนฮู่ในหัวเมืองก่อน ไปหาหลิวไป่ฮู่ เขาเป็ลูกชายตระกูลใหญ่จากเมืองหลวง มีช่องทาง ถือว่าโชคดีเช่นกัน เขาบอกว่าจิ้นอ๋องชอบเลี้ยงสัตว์ร้าย กำลังตามหาลูกเสืออยู่พอดี บอกว่าข้าช่วยไว้ครั้งใหญ่ จะเลี้ยงเหล้าข้า แต่ข้าคิดถึงเ้าเลยปฏิเสธไป บอกเขาว่าไว้ขึ้นบ้านใหม่จะเชิญมาดื่ม”
ในห่อผ้าไม่ได้มีแค่ตั๋วเงินพันตำลึง แต่ยังมีเศษเงินอีกแปดสิบกว่าตำลึง
“แปดสิบตำลึงนี้มาจากที่บ่อน เดิมทีข้าเข้าเมืองั้แ่ก่อนพลบค่ำแล้ว แต่บังเอิญเจอเหลียงต้าเกอพอดี เขาจะไปทวงหนี้ มีคนไม่พอจึงพาข้าไปด้วย ข้าหยุดงานไปครึ่งเดือนจึงไม่กล้าปฏิเสธ ทวงหนี้กลับมาแล้วได้รับส่วนแบ่งตามกฎของบ่อน ได้มาแปดสิบสามตำลึง”
เจียงหงหย่วนพูดอย่างสบายๆ
ความจริงแล้วขั้นตอนทวงหนี้เป็กระไรที่โชกเืมาก ครอบครัวคนที่ติดหนี้เห็นโลงศพแต่ก็ไม่หลั่งน้ำตา ลำพังแค่รุมอัดอย่างเดียวยังไม่พอ ท้ายที่สุดต้องตัดมือลูกชายผีพนันต่อหน้า สองสามีภรรยาจึงจะยอมให้เงิน
ตอนแรกผีพนันกับพ่อแม่เขาจะให้ทางบ่อนเอาภรรยาตัวเองกับลูกสาวสองคนและน้องสาวสองคนไปหักหนี้ส่วนหนึ่งก่อน เหลียงหู่เตรียมจะรับตัวคนแล้วแต่เจียงหงหย่วนไม่อยากทำ รับแค่เงินสดกับโฉนดที่ดิน
อีกฝ่ายไม่ตกลงจึงยกดาบขึ้นตัดมือ
พอดีเลย ไม่มีมือจะได้เลิกพนัน
เหลียงหู่และพี่น้องที่พามาด้วยคนอื่นๆ ต่างใกับเจียงหงหย่วน เวลาพวกเขาขู่คนจะเริ่มจากตัดนิ้ว แค่ตัดนิ้วให้เืออก อีกฝ่ายก็กลัวแล้ว
แต่นี่เจียงหงหย่วนตัดทิ้งทั้งมือเลย เหี้ยมโหดน่ากลัว
แน่นอนว่าการกระทำนี้ทำให้เหล่าลูกสมุนในบ่อนหวาดกลัวและนับถือเขาเช่นกัน
ก่อนกลับ เจียงหงหย่วนถีบผีพนันคนนั้นหนึ่งที จากนั้นพูดกับสองสามีภรรยาที่จะขายลูกสาวลูกสะใภ้และหลานสาวว่า “พวกเ้าอย่าหวังว่าเขาจะเลี้ยงดูตอนแก่เฒ่าเลย ตั้งสติหน่อย คนที่จะเลี้ยงดูพวกเ้าตอนแก่เฒ่ามีแต่ลูกสาวกับหลานสาวเท่านั้นแหละ!”
หวังให้ผีพนันเลี้ยงดูตัวเอง ถูกล่อถีบจนสมองกลับหรือไร
