ซ่งอวี้นึกถึงจุดฝังเข็มที่ตนเคยเรียนในวิชาแพทย์แผนจีน จึงกัดฟันกระทืบเท้า ใช้จุดฝังเข็มและการชักนำของตนเอง หวังว่าทารกในครรภ์จะกลับหัวให้มาอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง พร้อมกับพูดปลอบโยนจังเฉี่ยวหวาเป็ครั้งคราว "ใจเย็น ใจเย็น ถูกต้อง พวกเราหายใจช้าๆ เช่นนั้นแหละ ดีมาก ดีมาก..."
ซ่งอวี้จ้องมองไปยังท้องของจังเฉี่ยวหวา ทั้งยังคอยดูอาการของนางเป็ครั้งคราว จับชีพจรให้นางทุกสิบนาที เพื่อดูว่าตำแหน่งของทารกเป็เช่นไร
ซ่งอวี้พยายามทำเช่นนี้อยู่นานกว่าครึ่งชั่วยาม ในที่สุดทารกในครรภ์ก็กลับหัวมาอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องแล้ว ซ่งอวี้โล่งอก "ทารกในครรภ์กลับหัวแล้ว เวลานี้เ้าออกแรงเบ่ง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเบ่ง ถูกต้อง เช่นนี้แหละ"
จังเฉี่ยวหวากัดไม้ที่คาบเอาไว้แน่น ออกแรงเบ่งสุดกำลัง ความเ็ปรวดร้าวทำให้นางแทบจะทนไม่ไหว แต่ทุกครั้งที่นางหมดแรง เสียงให้กำลังใจของซ่งอวี้ก็ดังขึ้นที่ข้างหูเสมอ
"พยายามเข้า ทารกน้อยใกล้จะออกมาแล้ว ข้าเห็นหัวเด็กแล้ว เบ่งอีกหน่อย!” ซ่งอวี้พูดด้วยความตื่นเต้น
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จังเฉี่ยวหวาจึงพยายามเบ่งสุดแรง นางรู้สึกคล้ายกับว่ามีบางอย่างร่วงหลุดออกมาจากร่าง ความเ็ปรวดร้าวพลันหายไปพร้อมกัน จังเฉี่ยวหวานอนหายใจกระหืดกระหอบบนเตียง มองไปทางซ่งอวี้ด้วยแววตาเหน็ดเหนื่อย ถามเสียงอิดโรย "ลูก ลูกของข้าเป็อย่างไรบ้าง?"
ซ่งอวี้ตัดสายสะดือ อุ้มทารกน้อยที่อ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูก ยื่นไปให้ป้าหวังซึ่งยืนอยู่ข้างๆ "ได้ลูกชาย เป็เด็กที่แข็งแรงนัก"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จังเฉี่ยวหวาจึงหลับตาลงด้วยความโล่งใจ
หลิวชุนเซิงที่เดินวนไปวนมา อยู่นอกห้องมาโดยตลอด เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของทารกน้อย ในที่สุดหัวใจที่บีบรัดอยู่กลางอากาศก็ค่อยโล่งอก
ความเคร่งเครียดได้รับการผ่อนคลาย ตัวของเขาสั่นเทาเล็กน้อย เกือบจะล้มลงบนพื้น โชคดีที่คว้าเสาข้างๆ เอาไว้ได้ทันจึงทำให้ทรงตัวเอาไว้ได้
ป้าหวังอุ้มทารกน้อยออกมา ใบหน้ายิ้มแย้ม "ชุนเซิง ภรรยาของเ้าคลอดลูกแล้ว เป็เด็กผู้ชาย แข็งแรงยิ่งนัก เฉี่ยวหวาเองก็ไม่เป็ไรเช่นกัน"
หลิวชุนเซิงทำตัวไม่ถูกเมื่อมองเห็นทารกน้อยตัวแดงก่ำ มือทั้งสิบนิ้วของเขาประสานเข้าด้วยกันแล้วพูดไม่หยุด "ขอบคุณ์ที่คุ้มครอง ขอบคุณ์ที่คุ้มครอง"
ป้าหวังมองทารกน้อย พร้อมกับพูด "ชุนเซิง คนที่เ้าควรจะขอบคุณคือซ่งอวี้ หากไม่ได้ซ่งอวี้ เกรงว่าเ้าคงต้องเสียภรรยาและลูกชายไปแล้ว"
ป้าหวังเล่าเื่ที่เกิดขึ้นภายในห้องให้หลิวชุนเซิงฟังคร่าวๆ ทั้งสองตั้งใจมองไปทางหมอตำแยหลี่ที่แอบฟังอยู่ข้างๆ มาโดยตลอด พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันว่า "ซ่งอวี้ช่างเก่งกาจเสียจริง เพียงจับชีพจรก็รู้ทันทีว่าทารกในครรภ์ยังไม่กลับหัว ฝีมือในการนวดก็ดียิ่งนัก ใช้เวลาเพียงไม่นานทารกในครรภ์ก็กลับหัวแล้ว ไม่เหมือนใครบางคน คุยโวว่าตนเก่งกาจ ทว่าแค่ทารกในครรภ์ยังไม่กลับหัวก็ยังไม่รู้"
เมื่อหมอตำแยหลี่ได้ยินป้าหวังด่าทอตนทางอ้อม แก้มของนางก็แดงก่ำขึ้นมาทันที นางไม่มีหน้าอยู่ต่อ หมุนตัวหันหลังแล้วจากไปด้วยความขุ่นเคือง
ป้าหวังมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไป พลางด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย "น่ารังเกียจยิ่งนัก"
จังเฉี่ยวหวาเป็บุตรสาวแท้ๆ ของป้าหวัง ทั้งยังเป็บุตรสาวคนแรกของนางด้วย นางตามหมอตำแยหลี่มาทำคลอดลูกด้วยตนเอง ทว่าคิดไม่ถึงว่าตนเกือบทำให้บุตรสาวของตนเองต้องตาย โชคดีที่วิชาการแพทย์ของซ่งอวี้เยี่ยมยอดจึงช่วยเฉี่ยวหวาเอาไว้ได้ มิเช่นนั้น...
ป้าหวังเพียงแค่คิด นางก็หนาวสั่นไปทั้งตัวแล้ว ก้มหน้าลงมองหลานชายที่อยู่ในอ้อมแขน จึงค่อยรู้สึกดีขึ้น ขณะเดียวกันนางก็ครุ่นคิดว่าจะขอบคุณซ่งอวี้ให้ดีอย่างไร
ภายในห้อง ซ่งอวี้ดูแลทำความสะอาดจังเฉี่ยวหวาเสร็จ จับชีพจรให้นางอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นกำชับหลิวชุนเซิงที่เข้ามาดูอาการของภรรยาว่า "นางคลอดลูกครั้งนี้สูญเสียกำลังไปมาก ทางที่ดีที่สุดตอนอยู่ไฟให้นางได้บำรุงมากๆ อยู่ไฟนานขึ้นอีกครึ่งเดือนก็ได้"
หลิวชุนเซิงพยักหน้าติดๆ กัน "หมอซ่ง ขอบคุณท่านมาก ขอบคุณท่านมาก"
ซ่งอวี้โบกมือ "ไม่ต้องเกรงใจ ข้ายังไม่ได้แสดงความยินดีกับเ้าเลย"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิวชุนเซิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ชายหนุ่มเกาศีรษะด้วยความตื่นเต้น เวลานี้เขาเพิ่งนึกถึงคำพูดของแม่ยาย เขาหยิบกระดาษสีแดงที่พับเป็สี่เหลี่ยมแล้วยื่นให้นาง "หมอซ่ง โปรดรับไว้ด้วย"
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซ่งอวี้ชะงักเล็กน้อย เดิมทีนางอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อครุ่นคิดว่าอย่างน้อยเื่ในวันนี้เป็เื่มงคล นางจึงรับเอาไว้ "เช่นนั้นข้าขอรับเอาไว้อย่างไม่เกรงใจ พรุ่งนี้เ้ามาที่เรือนข้า ข้าจะจ่ายยาให้เ้าสองอย่าง เอามาบำรุงร่างกายภรรยา"
หลิวชุนเซิงดีใจจนไม่รู้จะพูดสิ่งใด ผู้ใดจะไม่รู้บ้างว่าเวลานี้สมุนไพรราคาสูงลิ่วเพียงใด เขาทำได้เพียงกล่าวขอบคุณ ทว่ากลับกลายเป็ทำให้ซ่งอวี้รู้สึกประหม่า ในเวลาเดียวกันนางก็อดไม่ได้ที่จะโอดครวญในใจ ชาวนาช่างเรียบง่ายเหลือเกิน แค่น้ำใจเล็กน้อยก็ทำให้พวกเขาซาบซึ้งได้ถึงเพียงนี้แล้ว
หลังจากออกมาจากเรือนของหลิวชุนเซิง ฟ้าก็มืดสนิทแล้ว ระหว่างทางกลับเรือน ซ่งอวี้ทำได้เพียงอาศัยแสงสว่างจากดวงจันทร์ในการนำทาง
เดินมาครู่หนึ่ง จู่ๆ นางก็เห็นโคมไฟส่องสว่างอยู่ด้านหน้า หลังจากมองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็พบว่าเป็หลี่เฉิงที่เดินถือโคมไฟมารับนาง ซ่งอวี้ชะงักเล็กน้อย หลังจากนั้นความสุขที่ยากจะบรรยายก็ก่อตัวขึ้นในใจ ดวงแก้มของนางร้อนผ่าวเล็กน้อย "ท่าน ท่านมาได้อย่างไร?"
"ข้าเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว แต่เ้ายังไม่กลับมา จึงเป็ห่วง" หลี่เฉิงพูดอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อซ่งอวี้ได้ยินคำพูดของเขา นางรู้สึกสุขล้นราวกับกินน้ำผึ้งอย่างไรอย่างนั้น ดวงแก้มของนางแดงระเรื่ออย่างไม่อาจหักห้าม เม้มปากด้วยความเขินอาย ขณะที่นางกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง หลี่เฉิงก็ถามขึ้นก่อน
"ไม่ราบรื่นเท่าใดใช่หรือไม่?" หลี่เฉิงถามอ้อมๆ เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็บุรุษ
ซ่งอวี้พยักหน้าเล็กน้อย ถอนหายใจเบาๆ ภายในใจของนางยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง "ทารกน้อยไม่กลับหัว เกือบจะคลอดไม่ออก"
โชคดีที่วิชาโทของนางสมัยเรียนมหาวิทยาลัยคือแพทย์แผนจีน มิเช่นนั้นอาศัยความสามารถในการรักษาของศัลยแพทย์ เกรงว่านางคงไม่อาจทำคลอดเด็กคนนี้ออกมาได้
หลี่เฉิงมองไม่เห็นสีหน้าของนาง แต่เขารู้ถึงความอันตรายของเื่นี้ดี จึงพูดด้วยความกังวล "คราหน้าหากมีเื่เช่นนี้อีก เ้าพยายามรับรักษาให้น้อยลงจะเป็การดีที่สุด เพราะถึงอย่างไรเ้าก็เป็เพียงสตรีคนหนึ่ง หาก...หากเกิดเื่อะไรขึ้น ก็คงยากจะพูดอธิบายให้ชัดเจน"
"อืม" ซ่งอวี้ตอบโดยไม่แม้แต่จะคิด นางไม่อยากรับทำคลอดเช่นนี้แล้ว ระดับความกังวลและอันตรายในการทำคลอด ไม่น้อยไปกว่าการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ในยุคสมัยนี้สำหรับหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน การทำคลอดให้ผู้อื่นจะถูกมองไม่ดีได้
ในเมื่อทะลุมิติมายังโลกใบนี้ เช่นนั้นนางก็ควรทำตามธรรมเนียมของที่นี่ เช่นนี้จึงจะลดปัญหาที่ไม่จำเป็ลงไปได้
ทั้งสองเดินและพูดคุยกัน ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ถึงเรือน
ซ่งอวี้หิวจนท้องกิ่วแล้ว ขณะที่นางกำลังจะเข้าครัวไปทำอาหาร ก็ได้ยินหลี่เฉิงพูดขึ้น "ข้าทำอาหารเสร็จแล้ว วางไว้ในกระทะ ทั้งยังต้มน้ำเอาไว้แล้ว หลังจากเ้าทานข้าวเสร็จก็สามารถไปอาบน้ำและพักผ่อนได้เลย"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซ่งอวี้หันขวับไปมองหลี่เฉิง แววตาของนางฉายความแปลกใจที่พูดไม่ออก เขา… ทำอาหารเป็ด้วยหรือ?
โบราณกล่าวเอาไว้ว่า บุรุษห่างครัวไม่ใช่หรือ?
คล้ายหลี่เฉิงจะอ่านความคิดของนางออก เขากระแอมไอเบาๆ พูดเร่ง "เ้ารีบไปทานข้าวเถอะ ข้ากลับไปพักที่ห้องก่อน"
ซ่งอวี้มองดูฝีเท้าของเขาที่ก้าวเดินด้วยความกระวนกระวาย นางอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย