สำหรับการลงมืออันโเี้เปี่ยมเล่ห์กลของคนตระกูลโม่ จ้านอู๋มิ่งเองก็รู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนัก จู้ชิงขวงสามารถเป็เ้าเมืองวันสิ้นโลกได้ก็เป็การวางแผนของโม่ฉางชุน จะเห็นได้ว่าโม่ฉางชุนคบหากับจู้ชิงขวงมิใช่เื่บังเอิญแต่ว่ามีจุดประสงค์ จากการกลืนกินโชคชะตาเมืองวันสิ้นโลกอยู่ตลอดเวลาของค่ายกลกลืนิญญาก็สามารถบอกได้แล้วว่า คนผู้นั้นหมายตาลงมือกับโชคชะตาของเมืองวันสิ้นโลกเนิ่นนานแล้ว ดังนั้นจ้านอู๋มิ่งตัดสินใจเล่าความจริงทั้งหมดให้จู้ชิงขวงทราบ เขาเชื่อมั่นว่าในฐานะของบิดา จู้ชิงขวงต้องไม่ทอดทิ้งบุตรสาวง่ายๆ อย่างแน่นอน
“ท่านอาจู้ มิทราบว่าผู้ใดเป็คนออกแบบทะเลดอกไม้รอบนอกบนยอดเขาเยว่ซิ่วเฟิง?” พลันจ้านอู๋มิ่งถามขึ้น
“เหอเทียนเฉิง!” จู้ชิงขวงตอบคำหนึ่ง สายตามองจ้านอู๋มิ่งเขม็ง ฟังจากน้ำเสียงของจ้านอู๋มิ่ง เขาคล้ายดั่งตระหนักถึงสิ่งใดขึ้นมาบ้างแล้ว
“เหอเทียนเฉิง? ยอดปรมาจารย์ค่ายกล เหอเทียนเฉิงผู้นั้น?” จ้านอู๋มิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเคยได้ยินนามของเหอเทียนเฉิงผู้นี้มาก่อน คนผู้นี้เชี่ยวชาญศาสตร์ของค่ายกลลึกซึ้งยิ่งนัก ตามคำเล่าขาน แม้แต่ค่ายกลขนส่งที่สาบสูญจากการถ่ายทอด เหอเทียนเฉิงก็ยังสามารถซ่อมแซมกลับคืนมาได้ เขากล่าวว่า ขอเพียงมีพลังแก่นแท้จิติญญาสนับสนุนมากเพียงพอ เขาสามารถซ่อมแซมค่ายกลขนส่งโบราณในเมืองวันสิ้นโลกให้กลับมาเหมือนเดิมได้ เพื่อส่งคนจากแผ่นดินนี้ไปยังอีกแผ่นดินหนึ่ง
ดังนั้น จ้านอู๋มิ่งจึงมีความประทับใจเกี่ยวกับเหอเทียนเฉิงอยู่บ้าง
ส่วนเื่ที่เหอเทียนเฉิงจะสามารถซ่อมแซมค่ายกลขนส่งให้กลับมาเหมือนเดิมได้จริงหรือไม่นั้น มิมีผู้ใดทราบ มีเพียงผีสางเท่านั้นที่รู้ ค่ายกลขนส่งในแผ่นดินนี้เป็เพียงตำนานเล่าขาน ค่ายกลขนส่งจะต้องมีพลังแก่นแท้จิติญญาจึงสามารถใช้งานได้ ในผืนแผ่นดินนี้ นอกจากพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้แล้ว พลังแก่นแท้จิติญญาต้องอาศัยอาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียน และเสริมเพิ่มเติมด้วยลูกแก้วพลังแก่นแท้จิติญญาอีกจำนวนหนึ่งที่แย่งชิงกลับมาจากศึกาในต่างแดน
บรรดาตัวประหลาดเฒ่าเทพเ้าาเ่าั้สะสมมาหลายพันปีก็ยังไม่เพียงพอจะผ่านทัณฑ์สายฟ้าด้วยซ้ำ ไหนเลยจะสามารถนำมาขับเคลื่อนค่ายกลขนส่งอันใดนั่น
จะว่าไปแล้ว ค่ายกลขนส่งล้วนแล้วแต่ตกทอดมาจากยุคสมัยา ระยะเวลาผ่านไปหลายแสนปีแล้ว มีสักกี่แห่งที่ยังไม่พังทลายจนเสียหาย ต่อให้เหอเทียนเฉิงพูดว่าสามารถซ่อมแซมกลับคืนมาได้ ก็ไม่ทราบว่าจะสามารถใช้งานได้จริงหรือไม่ ดังนั้นทุกคนจึงถือว่าเหอเทียนเฉิงคุยโตโอ้อวดไปอย่างนั้นเอง
“มิผิด คนผู้นี้เอง คนผู้นี้ไม่เพียงเชี่ยวชาญศาสตร์ค่ายกลยิ่งนัก เขายังพอจะทราบเื่จำนวนตัวเลขแห่งชีวิตอยู่บ้าง ปีนั้นตอนที่เขาจัดตั้งค่ายกลนี้ให้ยอดเขาเยว่ซิ่วเฟิงได้กล่าวว่า ค่ายกลทะเลแสนบุปผานี้สามารถรวบรวมโชคชะตาฟ้าดินของเมืองวันสิ้นโลก นำมารวมไว้ที่คฤหาสน์เ้าเมืองและยอดเขาเยว่ซิ่วเฟิง บอกว่าค่ายกลดังกล่าวมีผลดีต่อร่างกายของเชียนเชียน ดังนั้นข้าจึงได้มอบสถานที่แห่งนี้ให้เขาไปดำเนินการ” จู้ชิงขวงผงกศีรษะกล่าว
“ค่ายกลนี้มีประสิทธิภาพสามารถรวบรวมโชคชะตาจริงๆ และดีต่อเชียนเชียนยิ่งนัก เมื่อครู่หลานเพิ่งพูดว่าเชียนเชียนยังมีโชคชะตาอีกหนึ่ง นี่ก็คือโชคชะตาของเมืองวันสิ้นโลกนั่นเอง และเป็โชคชะตาที่ค่ายกลนี้รวบรวมขึ้น วิถีโชคชะตาของเชียนเชียนได้ถูกผู้อื่นแอบกลืนกินจนหมดสิ้นแล้ว ดีที่เชียนเชียนมิได้ลงจากยอดเขาเยว่ซิ่วเฟิงตลอดมา ขอเพียงนางออกจากสถานที่นี้ ก็จะสูญเสียโชคชะตาจนหมดสิ้น อายุขัยชีวิตจะเหลือไม่มาก แต่ว่าถึงแม้ค่ายกลนี้จะรักษาชีวิตของเชียนเชียนเอาไว้ได้ มันกลับลอบช่วยเหลือคนที่แอบวางแผนร้ายต่อเชียนเชียนั้แ่แรก เมื่อครู่สิ่งที่หลานพูดกับเชียนเชียนยังไม่สมบูรณ์ครบถ้วน สภาพร่างกายเชียนเชียนหาใช่การลงทัณฑ์ของวิถี์ แต่เป็เพราะจิติญญาชีวิตถูกผู้อื่นจัดตั้งค่ายกลกลืนกินิญญาเอาไว้ คอยกลืนกินธาตุแห่งชีวิตและโชคชะตาของเชียนเชียน หลานสงสัยว่า หลังจากค่ายกลดังกล่าวกลืนกินธาตุแห่งชีวิตและโชคชะตาของเชียนเชียนแล้วคงถูกผู้อื่นรวบรวมนำไปใช้ประโยชน์ต่อ ดังนั้น ขอเพียงเชียนเชียนมีชีวิตอยู่หนึ่งวัน พวกมันก็สามารถใช้เชียนเชียนเพื่อลักลอบกลืนกินโชคชะตาของเมืองวันสิ้นโลก นี่ก็คือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เมืองวันสิ้นโลกวุ่นวายมากขึ้นใน่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา”
สีหน้าจู้ชิงขวงและจู้เชียนเชียนแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง อุทานขึ้นว่า “ที่เ้ากล่าวมานั้นเป็ความจริงหรือ?”
“สิ่งที่หลานกล่าวมาล้วนจริงแท้แน่นอน ตอนที่ขึ้นเขามา เดิมทีหลานเดินเท้าขึ้นมา วัดระยะตลอดทาง เส้นทางบนูเาน่าจะจำนวนตัวเลขเก้าสิบเก้า เป็จำนวนตัวเลขของฟ้า ไร้ข้อบกพร่องโดยกำเนิด แต่ภายใต้การสังเกตอย่างละเอียดของหลาน กลับพบว่าเส้นทางบนูเาสอดคล้องกับจำนวนตัวเลขชีวิตของเชียนเชียน กลับเป็ตัวเลขสิบเอ็ด จากเก้าสิบเก้ากลายเป็หนึ่งร้อยหนึ่ง ความแตกต่างนั้นไม่มาก ถ้าไม่ตั้งใจสังเกตและทราบเื่จำนวนตัวเลขชีวิตและเป็ผู้ที่ดูจำนวนตัวเลขชีวิตของเชียนเชียนออก ก็จะไม่สามารถค้นพบเห็นความผิดปกติใดๆ ดังนั้นหลานคาดเดาว่า ผู้ที่จัดตั้งค่ายกลทะเลแสนบุปผาจะต้องทราบจำนวนตัวเลขชีวิตของเชียนเชียนอย่างแน่นอน มิฉะนั้นจะต้องไม่บังเอิญเช่นนี้ นี่คือการแอบลอบลงมืออย่างลับๆ ถ้าคนผู้นี้ทราบจำนวนตัวเลขชีวิตของเชียนเชียน แล้วก็ยังจัดวางค่ายกลเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่าคนผู้นี้จะต้องมีการวางแผนมาอย่างแน่นอน และมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดยิ่งกับคนที่วางกลอุบายชั่วร้ายบนร่างของเชียนเชียน” จ้านอู๋มิ่งพูดอย่างมั่นใจ
จ้านอู๋มิ่งลอบตื่นตระหนกต่ออำนาจและพลังที่แอบแฝงอย่างลึกซึ้งของตระกูลโม่ ถึงแม้จวบจนกระทั่งตอนนี้ จ้านอู๋มิ่งยังไม่ได้มีการติดต่อใดๆ โดยตรงกับคนของตระกูลโม่ แต่คนของตระกูลโม่มีวิธีการต่างๆ นานาที่เกินจะคาดคิด ไม่ว่าจะเป็ตระกูลหลิ่วหรือว่าเมืองวันสิ้นโลกในตอนนี้ หรือโม่เทียนจีของชาติภพที่แล้ว พวกนั้นแฝงตัวอยู่แทบทุกแห่งหน ทุุกคนหรือทุกตระกูลที่เคยััใกล้ชิดกับคนของตระกูลโม่ล้วนจะได้รับ "ความช่วยเหลือ" จากพวกเขาและเื้ั "ความช่วยเหลือที่เสียสละ" นั้น ล้วนมีจุดประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งสิ้น
ภายในดวงตาของจู้ชิงขวงเกิดเจตนาสังหารอย่างเ็าขึ้นวูบหนึ่ง ถ้าหากสิ่งที่จ้านอู๋มิ่งพูดมาทั้งหมดเป็ความจริง นั่นก็หมายความว่าโม่ฉางชุนเฝ้าสังเกตตระกูลจู้มาโดยตลอด เฝ้าติดตามทุกการเคลื่อนไหวของเชียนเชียน ยังลอบวางหมากอย่างเหอเทียนเฉิงไว้อีกด้วย
โชคชะตาของเมืองหนึ่งและสถานที่แห่งหนึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด หากโชคชะตาของแคว้นหนึ่งรุ่งเรือง ย่อมส่งผลให้เจริญก้าวหน้า ประชากรอยู่เย็นเป็สุข ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ทุกอย่างล้วนราบรื่น หากโชคชะตาของแคว้นอ่อนแอเสื่อมถอย จะส่งผลให้เกิดความวุ่นวาย ด้วยไฟาลุกลามอยู่เนืองนิจ สิ่งมีชีวิตมักดับสูญเป็อาจิณ เขาคิดไม่ถึงว่าโม่ฉางชุนจะโเี้อำมหิตเช่นนี้ พอเริ่มต้นก็ลงมือกับโชคชะตาของเมืองวันสิ้นโลก หากดำเนินต่อไปเช่นนี้ในระยะยาว โชคชะตาของเมืองวันสิ้นโลกจะต้องยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ อย่างแน่นอน เมื่อเร็วๆ นี้ เขาััรับรู้ได้ว่าเริ่มมีคลื่นใต้น้ำเกิดขึ้นบ้างแล้ว คาดว่าน่าจะเป็เช่นที่จ้านอู๋มิ่งพูดจริงๆ โชคชะตากำลังถูกผู้อื่นกลืนกินอยู่ตลอดเวลา สิ่งนี้ทำให้เขาไม่เพียงแต่มีความคิดสังหารโม่ฉางชุนเท่านั้น เขายัง้าสังหารเหอเทียนเฉิงด้วยเช่นกัน
“เหอเทียนเฉิงกำลังรนหาที่ตาย!” จู้ชิงขวงพูดออกมาคำหนึ่ง
“ท่านอาจู้โปรดระงับโทสะ ในเมื่อพวกเราทราบแล้วว่าเหอเทียนเฉิงและโม่ฉางชุนอาจมีความเกี่ยวข้องกัน ไฉนมิตามเถาคลำหาผลแตง[1] สืบหาตัวโม่ฉางชุน สำหรับคนที่สามารถมองเห็นความลับ์ชนิดนี้ ยามลงมือก็ต้องปลิดชีพมันทันที มิเช่นนั้นจะเกิดภัยพิบัติร้ายแรงยิ่งขึ้น” จ้านอู๋มิ่งมองออกว่าจู้ชิงขวงเกิดสำนึกฆ่าฟันขึ้นแล้ว อดพูดเตือนสติมิได้
“ท่านพ่อ ที่อู๋มิ่งพูดมาถูกต้องแล้ว ในเมื่อพวกมันเ้าเล่ห์เพทุบายเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราก็น่าจะลองใช้เบาะแสให้เป็ประโยชน์ ดูว่าพวกมันประสงค์สิ่งใดกันแน่ ชีวิตของลูกนั้นเื่เล็ก แต่รากฐานเมืองวันสิ้นโลกนับหมื่นปีของพวกเราไม่อาจถูกทำลายลงเช่นนี้อย่างเด็ดขาด” จู้เชียนเชียนพูดขึ้นอย่างเห็นด้วย
“ไม่ ต่อให้สูบโชคชะตาของเมืองวันสิ้นโลกจนหมดสิ้น บิดาก็จะปกป้องรักษาชีวิตของเ้าไว้ให้ได้” จู้ชิงขวงมองจู้เชียนเชียนด้วยความรักใคร่
“ขอเพียงสามารถตามหาโม่ฉางชุนให้พบโดยเร็วที่สุด หลานมีความมั่นใจว่าจะสามารถทำลายค่ายกลของโม่ฉางชุนสำเร็จ มอบเชียนเชียนที่สุขภาพแข็งแรงผู้หนึ่งคืนให้ท่านอาจู้”
จ้านอู๋มิ่งรำพึงในใจ เหอเทียนเฉิงและโม่ฉางชุนล้วนมิใช่คนที่เข้าถึงได้ง่ายๆ มีความเป็ไปได้สูงมากที่จะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนดวงชะตาเก้าเป็ผู้นั้น ข้ากับเมืองวันสิ้นโลกมีจุดประสงค์เดียวกัน ประจวบเหมาะยิ่งนัก สามารถยืมมือของเมืองวันสิ้นโลกเพื่อบรรลุเป้าหมายของตน
“ถ้าหลานจ้านสามารถรักษาเชียนเชียนให้หายดีได้ เมืองวันสิ้นโลกต้องขอบคุณยิ่งนัก!” จู้ชิงขวงได้ยินคำพูดของจ้านอู๋มิ่งแล้ว ในใจบังเกิดสายใยแห่งความหวังขึ้นมา
จู้ชิงขวงทราบว่าโม่ฉางชุนร้ายกาจเพียงใด การลงมือของคนผู้นี้ ลึกล้ำจนสุดจะคาดการณ์ เริ่มแรกในยามนั้นเป็เพราะคนผู้นั้น ตนจึงสามารถกำจัดฝ่ายตรงข้ามลงทีละก้าวๆ ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเ้าเมืองวันสิ้นโลก แม้ว่าคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งเพียงไร สุดท้ายก็ดับสูญภายใต้แผนการของโม่ฉางชุน ตอนนี้ตนเองกลายเป็เป้าหมายเล่นงานของโม่ฉางชุน เื่ราวต้องไม่ง่ายดายเช่นนั้น ตามที่จ้านอู๋มิ่งพูดมา ตนเองถูกโม่ฉางชุนเล่นงานมาเป็เวลานานถึงยี่สิบปีแล้วยังไม่รู้ตัว จะเห็นได้ว่าคนผู้นี้มิใช่จะรับมือได้โดยง่าย
การปรากฏตัวของจ้านอู๋มิ่งเป็เื่บังเอิญอย่างหนึ่ง บุตรสาวของเขารั้งจ้านอู๋มิ่งไว้เพื่อสนทนากันยาวนาน เขาได้ตรวจสอบเื่ราวของคนผู้นี้ดูแล้ว คนภายนอกทราบแต่ว่าเด็กคนนี้มีกายเนื้อที่แข็งแรง และความแข็งแกร่งเทียบเท่าราชันาระดับหนึ่งดาว ขวัญกล้าบ้าบิ่นและยังมุทะลุ กอปรด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ทำให้สำนักกระบี่ิญญาและตระกูลหนานกงล้วนพลาดท่าเสียทีไปแล้วหลายครั้ง ในที่สุดก็เข้าสำนักบริบาลเดรัจฉานในฐานะราชันแห่งอัจฉริยะของแคว้นมหาจักรพรรดิชางเหยียน
คิดไม่ถึงว่าจ้านอู๋มิ่งยังเป็ปรมาจารย์นักพยากรณ์ชีวิตผู้หนึ่ง บอกจำนวนตัวเลขชีวิตของบุตรสาวและความจริงที่นางถูกผู้อื่นลอบวางแผนทำร้ายออกมา จะเห็นได้ว่าทักษะการพยากรณ์ชีวิตของคนผู้นี้ร้ายกาจยิ่งกว่าฐานการบ่มเพาะพลังกายเนื้อของเขาเสียอีก สิ่งนี้ทำให้ใจของเขารู้สึกชื่นชมอัจฉริยะผู้เปี่ยมพร์ผู้นี้ขึ้นมาแล้ว บางทีเขาอาจสามารถช่วยเหลือเชียนเชียนแก้ปัญหาจำนวนตัวเลขชีวิตได้สำเร็จ ฟื้นสุขภาพจนแข็งแรงขึ้นมาจริงๆ ก็เป็ได้
“ท่านอาจู้ไฉนพูดเช่นนี้ เชียนเชียนเห็นข้าเป็สหาย ที่อู๋มิ่งทำก็คือช่วยเหลือสหาย ทุกสิ่งล้วนเป็เื่ที่สมควรกระทำอยู่แล้ว” จ้านอู๋มิ่งรีบกล่าว
“วันนี้พี่จ้านช่วยเชียนเชียนค้นพบต้นตอของโรค เชียนเชียนรู้สึกขอบคุณยิ่งนัก ช่วยพวกเราค้นพบภยันตรายที่น่ากลัวของค่ายกลแสนบุปผาบนยอดเขาเยว่ซิ่วเฟิง เป็ผู้มีพระคุณยิ่งของเมืองวันสิ้นโลกแล้ว!” จู้เชียนเชียนพูดด้วยความจริงใจ
“ไม่ทราบว่าแผนการขั้นต่อไปของท่านอาจู้เป็เช่นไร สำหรับสถานการณ์ของเชียนเชียน แก้ปัญหาได้ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี!” จ้านอู๋มิ่งถามขึ้น
“เื่นี้ให้ข้าคิดอย่างละเอียดดูก่อนค่อยตัดสินใจอีกครั้ง ในเมื่อโม่ฉางชุนสามารถเล่นงานข้าได้นานกว่ายี่สิบปี ต้องมีการเตรียมพร้อมอย่างแน่นอน ข้าเข้าใจคนผู้นี้ยิ่งนัก หากไม่มีแผนการที่สมบูรณ์พร้อมพอที่จะใช้วิธีรุนแรงดุจสายฟ้าจู่โจมครั้งเดียวก็ปลิดชีวิต วันใดเขาหนีรอดไปได้ เกรงว่าจะติดตามหาเขาให้พบอีกครั้งคงยากยิ่งนัก หาก่เวลาใกล้ๆ นี้หลานชายยังคงอยู่ในเมืองวันสิ้นโลก วันใดข้าคิดออกว่าจะทำเช่นไรแล้ว จะให้คนไปแจ้งให้หลานทราบดีหรือไม่?” จู้ชิงขวงคิดๆ แล้วพูดขึ้น
“หากข้ายังอยู่ในเมืองวันสิ้นโลก ย่อมไม่มีปัญหา แต่ว่าครั้งนี้ข้ามาพร้อมกับอาจารย์ ้าเข้าสู่น่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลกเพื่อสำรวจสถานที่พำนักของคุนเผิง เกรงว่าอีกไม่นานก็ต้องเดินทางล่วงลึกเข้าไปในมหาสมุทรวันสิ้นโลก ไม่ทราบว่าจะกลับมาเมื่อใด” จ้านอู๋มิ่งตอบ
“พี่จ้านจะไปสถานที่พำนักของคุนเผิงในน่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลกจริงๆ หรือ?” จู้เชียนเชียนถามอย่างใ
“มีที่ใดไม่เหมาะสมหรือ?” จ้านอู๋มิ่งถามขึ้น
“ตามที่ข้าทราบ ฐานบ่มเพาะของพี่จ้านเพียงระดับปรมาจารย์นักยุทธ์สูงสุด ยังไม่บรรลุขอบเขตราชันาใช่หรือไม่?” จู้เชียนเชียนสอบถามขึ้น
“สามารถกล่าวเช่นนั้นได้ แต่สถานที่พำนักของคุนเผิงสะกดข่มเฉพาะผู้มีฐานบ่มเพาะขอบเขตระดับสูงเท่านั้น ไม่มีข้อจำกัดสำหรับฐานบ่มเพาะขอบเขตระดับต่ำอย่างข้า” จ้านอู๋มิ่งหัวเราะ
“มหาสมุทรวันสิ้นโลกเปี่ยมอันตรายยิ่งนัก สัตว์อสูรในน้ำอาละวาดเต็มไปหมด ภายในสถานที่พำนักของคุนเผิง การสะกดข่มจากเขตแดนของคุนเผิงที่มีต่อนักยุทธ์ผู้บ่มเพาะร้ายกาจยิ่งนัก สามารถใช้พลังได้เพียงแค่ราชันาระดับต้นเท่านั้น หากยิ่งล่วงล้ำเข้าสู่ส่วนลึกมากเท่าไร การสะกดข่มก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น รอบนอกสถานที่พำนักบางทียังอาจสามารถใช้พลังราชันาระดับสองดาวได้ หลังจากล่วงลึกเข้าไป สามารถใช้ได้เพียงพลังราชันาระดับหนึ่งดาวเท่านั้น ส่วนลึกที่สุดนั้นยังมิมีผู้ใดทราบ ภายในน่านน้ำมหาสมุทร การสะกดข่มกลับเป็ผลดีต่อสัตว์อสูรอย่างยิ่ง มีสัตว์อสูรบางส่วนสามารถใช้พลังระดับราชันาสามดาว สัตว์อสูรที่ร่างกายแข็งแกร่งสามารถใช้พลังระดับต้นของขอบเขตสี่ สำหรับปรมาจารย์นักยุทธ์แล้วก็คือภัยพิบัติดีๆ นี่เอง” สีหน้าจู้ชิงขวงเคร่งขรึมพูดขึ้นอย่างจริงจัง
เขาไม่้าให้จ้านอู๋มิ่งที่เพิ่งจะมอบความหวังสามารถรักษาลูกสาวให้หายได้ ต้องมาถูกฝังร่างในน่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลก
“ท่านอาจู้โปรดวางใจ ข้าย่อมรู้จักประมาณตนเอง นอกจากนี้ยังเข้าไปพร้อมกับเหล่าบรรดาศิษย์พี่ มิใช่เพียงคนเดียว พวกเขาจะคอยดูแลข้า” จ้านอู๋มิ่งพูดยิ้มๆ
“พี่จ้านเคยได้ยินชื่อสิบราชันพั่วเหยียนมาก่อนหรือไม่?” พลันจู้เชียนเชียนถามขึ้น
“สิบราชันพั่วเหยียน? เื่นี้เคยได้ยินมาก่อน ล้วนเป็ราชันแห่งอัจฉริยะของเหล่าบรรดาราชันาระดับสูงสุด มีคนของแต่ละสำนักนิกายใหญ่และตระกูลใหญ่ ศิษย์พี่เฉวียนหรูเซินแห่งสำนักบริบาลเดรัจฉานของพวกเราก็เป็ราชันสัตว์ร้ายในบรรดาราชันทั้งสิบ”
“ราชันอื่นๆ อีกเก้าคนได้แก่ ตู๋กูเช่อ ราชันเร้นลับแห่งสำนักิญญาเร้นลับ อูสิงอวิ๋น ราชันิญญาแห่งสำนักิญญา์ กงซุนจื้อ ราชันอสูรแห่งนิกายอสูรโชคชะตา เหยียนชิงชิง ราชันพิษแห่งสำนักเบญจพิษ เฝิงอู๋เซวี่ย ราชันกระบี่แห่งสำนักกระบี่ิญญา หนานกงเฉิง ราชันวายุแห่งตระกูลหนานกง หวานเหยียนจ้ง ราชันหมาป่าแห่งตระกูลหวานเหยียน สื่อรั่วหนาน ราชันโอสถแห่งสำนักหลอมโอสถ ลี่ซิงหุน ราชันปีศาจแห่งสำนักบริบาลปีศาจ เล่าขานกันว่าสิบคนนี้เป็ผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในบรรดาราชันาแห่งแผ่นดินพั่วเหยียน”
“สิบคนนี้เคยไปดินแดนอาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียนด้วยกัน นำหญ้าจิติญญา โอสถจิติญญาและลูกแก้วพลังแก่นแท้จิติญญาออกมาจำนวนมาก ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากสำนักนิกายหลักและแต่ละตระกูล ไฉนจู่ๆ เชียนเชียนพลันพูดถึงพวกเขาขึ้นมา?” จ้านอู๋มิ่งก็เคยได้ยินเกี่ยวกับสิบคนนี้
หลังจากเข้าสำนักบริบาลเดรัจฉาน มีข่าวสารประเภทนี้มากมายยิ่งและสำนักบริบาลเดรัจฉานก็มีราชันสัตว์ร้ายผู้หนึ่งด้วย นับได้ว่าเป็ความรุ่งโรจน์อย่างหนึ่งของสำนักบริบาลเดรัจฉานเช่นกัน ย่อมถูกผู้คนพากันพูดถึงอย่างปีติยินดี
[1] สำนวนถึงการสืบหาตัวการ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้