ทั้งอารมณ์และหัวใจของหลิ่วจิ้งกำลังตกอยู่ในความลุ่มหลงนางร้องครางออกมาบางเบา แต่กลับต้องหยุดไปเมื่อถูกหั่วอี้จุมพิตปิดปากเอาไว้หั่วอี้สะบัดมือใหญ่ของเขาเปิดเสื้อตัวนอกของหลิ่วจิ้งออกด้วย้าลงมือในขั้นต่อไปทว่าทันใดนั้นมือซึ่งกำลังเคล้าคลึงไปมาของเขาก็ชะงักลง
เขายังคงจูบหลิ่วจิ้งต่อไป แต่จิตใต้สำนึกที่แยกออกมากลับััได้ถึงความเคลื่อนไหวบนหลังคา เขาใช้ชีวิตในค่ายทหารมานานจนกลายเป็ความเคยชิน ไม่ว่าสถานที่และเวลาใดก็ไม่มีทางหลงลืมประสาทััที่มีต่อสิ่งรอบตัวด้วยเหตุนี้เองแม้ว่าหั่วอี้จะอยู่ในอาการพลุ่งพล่านเพราะเพลิงราคะลุกโชนแต่เขาก็ยังคงได้ยินเสียงเดินบนหลังคาห้องนอนอย่างชัดเจน
ผู้ที่มาเป็ยอดฝีมือ เคลื่อนไหวบางเบาเชื่องช้า ทว่าแค่เสียงดังเล็กน้อยหนเดียวก็เพียงพอให้หั่วอี้ััได้แล้ว
เขาค่อยๆ เคลื่อนริมฝีปากมาที่ข้างหูของหลิ่วจิ้งด้วยท่าทีคล้ายไม่ตั้งใจคลอใบหน้ากับปอยผมข้างหูนาง ไม่รุกเร้าต่อ อาศัยการกระทำเช่นนี้เพื่อให้ตนเองสงบใจลงคนที่ลอบเข้ามาในจวนแม่ทัพได้จะต้องมีที่มาไม่ใช่เล่นๆ ผู้อื่นไม่รู้แต่เขากลับรู้ดีในจวนแม่ทัพมีองครักษ์ลับจำนวนมากแฝงตัวอยู่ คนทั่วไปล้วนไม่สามารถบุกเข้ามาได้ก่อนจะรู้ชัดว่าผู้ที่มาเป็มิตรหรือศัตรู เขาไม่อาจดำดิ่งอยู่ในความเย้ายวนแสนละมุนต่อไปได้อีก
หลิ่วจิ้งอ่อนระทวยไปทั้งตัวไม่รู้ว่ายามนี้อยู่ในเมฆหรือม่านหมอกนางกำลังลุ่มหลงอยู่ในััรักของหั่วอี้ ไร้เรี่ยวแรงจะถอนตัว
หั่วอี้ฟังเสียงและจับตำแหน่งได้ว่าคนที่มาอยู่บนหลังคาตรงหัวของพวกเขาพอดีจึงตั้งสติเตรียมพร้อมระวังตัว ยั้งตัวไม่รุกเร้าหลิ่วจิ้งต่อ ลมหายใจของหลิ่วจิ้งยังคงหอบกระชั้นพักใหญ่จึงััได้ถึงความผิดปกติของหั่วอี้
เมื่อตัวนางเริ่มเย็นลงเพราะไม่มีมือใหญ่ของหั่วอี้จุดไฟไปทั่วเรือนร่างจึงรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
หลิ่วจิ้งลืมตาที่ยังคงอยู่ในอาการปั่นป่วนคู่นั้นขึ้นมามองไปที่หั่วอี้
หั่วอี้เอานิ้วแตะเบาๆ ที่ริมฝีปาก ส่งสัญญาณบอกนางว่าอย่าพูด
หลิ่วจิ้งตื่นตระหนกยกใหญ่ แม้จะไม่รู้ว่ามีเื่ใดแต่เมื่อดูจากสีหน้าขึงขังของหั่วอี้แล้วนางก็รู้ว่าจะต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้นเป็แน่นางพยักหน้ารับเบาๆ เพื่อบอกกับหั่วอี้ว่านางเข้าใจแล้ว
เมื่อทั้งสองคนในห้องตั้งสติดีแล้วก็มีคนะโจากหลังคาลงมาที่หน้าประตูห้องหลัก ร้องะโโหวกเหวกใส่หน้าห้องว่า“พี่ใหญ่ ท่านออกมา ข้ามีเื่จะถาม”
ได้ยินเสียงะโอันไร้เหตุผลของผู้ที่มา หั่วอี้จึงคลายความระวังตัวลงเขาฟังออกว่าคนที่มาก็คืออาเหมิ่งต๋า
“รนหาที่ตายหรือ” หั่วอี้ร้องด่าไปคำหนึ่งในเวลาเดียวกับที่เขาโล่งอกก็มีเพลิงโทสะเข้ามาแทนที่ความร้อนใจในทันใด เขาเอาหัวแนบกับหน้าผากของหลิ่วจิ้งอย่างไม่สบอารมณ์แนบคลึงเบาๆ ไปสองสามครั้ง ก่อนสะกดอารมณ์ปรารถนาเอาไว้แล้วเอ่ยกับหลิ่วจิ้งว่า“ข้าไปครู่เดียวก็กลับ ท่านรอข้านะ”
เขาลุกขึ้นอย่างอาลัยอาวรณ์ จัดการเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วยืนนิ่งอยู่ในห้องอีกพักหนึ่งจึงค่อยเดินออกไป
หั่วอี้ออกไปจากประตูห้องไม่จำเป็ต้องตั้งใจมองก็รู้ว่าอาเหมิ่งต๋ายืนอยู่ที่ใดเขาไม่พูดพร่ำทำเพลงก็งอขาสลาตันของตน ด้วยเหตุที่เป็พี่น้องกันมานานปีแค่หั่วอี้ขยับอาเหมิ่งต๋าก็รู้แล้วว่าไม่เข้าที แม้อยากหลบแต่จะหลบพ้นการโจมตีที่แฝงไว้ด้วยเพลิงพิโรธและเพลิงจากแรงปรารถนาที่ไม่ได้สมใจของหั่วอี้ไปได้อย่างไร
อาเหมิ่งต๋าถูกหั่วอี้เตะตัดขาจนล้มลงกับพื้นเขาร้องลั่นอย่างงงงัน “พี่ใหญ่ นี่ท่านทำสิ่งใด”
หั่วอี้เอามือไพล่หลังพลางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเ็าไม่เข้าใจเลยจริงๆ เขารอองค์หญิงมาเดือนกว่าแล้ววันนี้อุตส่าห์สอยผลไม้หอมหวานมาได้ทั้งกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแต่อาเหมิ่งต๋าเร็วไม่มาสายไม่มากลับมารังควานเอาตอนที่พวกเขากำลังโลมเล้ากันเข้าที่ไม่ว่าอาเหมิ่งต๋าจะมาเยือนกลางดึกด้วยเื่เร่งด่วนสำคัญเพียงใด ก็คงต้องเจอดีสักหน่อยก่อน
หั่วอี้เพิ่งจะก้าวเท้าหน้าออกไปจากห้องหลิ่วจิ้งก็จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็ว นางแอบมองผ่านช่องประตู เมื่อเห็นว่าเ้าอาเหมิ่งต๋าตัวเขื่องถูกหั่วอี้เตะจนล้มลงกับพื้นก็อดหัวเราะออกมามิได้ยามนี้หลิ่วจิ้งกลับมามีสติชัดเจนแล้ว นางย่อมรู้ว่าเหตุใดหั่วอี้จึงทำเช่นนี้
“ว่ามา มาที่นี่มีเื่ใด?” หั่วอี้ขึงตาใส่อาเหมิ่งต๋าด้วยสายตาคมกริบ
อาเหมิ่งต๋าััได้ถึงความเย็นเฉียบในอากาศจึงกระแอมไอไปสองสามหน เขากำลังจะอธิบาย ทว่าจู่ๆ ก็กลับสำนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ถูกต้องอันที่จริงต้องเป็ตนที่มาซักไซ้เอาความกับหั่วอี้ต่างหาก เหตุใดพอเจอหน้ากันก็สลับบทบาทกันเสียแล้ว
เมื่อคิดได้ดังนี้ ความกล้าของอาเหมิ่งต๋าก็พองโตจนมีกำลังใจฮึดสู้เขาเด้งตัวะโขึ้นมายืน เท้าสะเอวยืดอกจ้องหั่วอี้พลางกล่าวว่า “พี่ใหญ่ต้องเป็ข้ามาถามท่านจึงจะถูก วันนี้มีเื่ใดฉุกเฉินนักจนต้องใช้องครักษ์ลับของเราที่แฝงตัวมานับสิบปียิ่งไปกว่านั้น พอเรียกใช้ก็ยังใช้คนที่อยู่เหนือใต้ออกตกทั้งสี่ทิศจนหมดเสียด้วยน้องชายมาเยือนยามดึกก็เพราะ้าคำอธิบายที่สมเหตุสมผลจากท่าน”
วันนี้อาเหมิ่งต๋าต้องโมโหแทบตาย เขาเพิ่งกลับจากการฝึกทหารใหม่ที่ค่ายทหารเมื่อตอนค่ำก็ได้รู้เื่ที่หั่วอี้ใช้องครักษ์ลับที่แฝงตัวอยู่ทั้งสี่ทิศ
ต้องรู้เสียก่อนว่าองครักษ์ลับเหล่านี้ล้วนเป็สายลับเป็องครักษ์ยอดฝีมือที่แฝงตัวอยู่ในย่านตลาด หากไม่เคลื่อนย้ายคนเหล่านี้ก็แล้วไปแต่พอได้เคลื่อนย้ายแล้วก็จะต้องเปิดเผยตัว ทำให้หมดคุณค่าที่จะแฝงตัวต่อไปได้หากมิใช่เื่ใหญ่โตย่อมไม่เรียกใช้พวกเขาโดยง่าย
สายลับเหล่านี้คอยเก็บรวบรวมข่าวสารข้อมูลเคยช่วยพวกเขาจากอันตรายนานามาไม่รู้กี่ครา ทำให้พวกเขารอดพ้นจากการลอบสังหารหนแล้วหนเล่าแต่เพียงเพื่อค้นหาหวงฝู่จิ้งที่เป็แค่สตรีคนหนึ่ง หั่วอี้กลับเรียกใช้คนเหล่านี้อย่างง่ายดายแล้วจะไม่ทำให้อาเหมิ่งต๋าโมโหได้อย่างไร
องค์หญิงต้าเว่ยผู้นั้นก็คือวังน้ำวน วันนี้อาเหมิ่งต๋าได้ข้อสรุปมาดังนี้
“เื่นี้น่ะหรือ พวกเขาก็ควรจะได้มีชีวิตเช่นคนปกติสามัญแล้วจึงให้พวกเขาเผยตัวออกมาเสีย” หั่วอี้อธิบายไปส่งเดชผิวเผิน
“ชีวิตเช่นคนปกติสามัญ? เดิมทีพวกเขาก็ใช้ชีวิตเช่นคนปกติสามัญเป็ที่สุดอยู่แล้วหากท่านไม่ไปเรียกใช้ ก็จะไม่มีผู้ใดรู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา จวบจนพี่ใหญ่ให้พวกเขาเผยตัวผู้อื่นจึงได้รู้ว่าพวกเขาไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาต่างหาก”
อาเหมิ่งต๋าไม่อาจยอมรับคำอธิบายของหั่วอี้ได้ เขาขึงตาจ้องไปทางห้องนอนสายตาสังหารคนเช่นนั้นเพียงพอให้คนขี้ขลาดใแทบตายได้ทีเดียว
เสียงโต้เถียงข้างนอกห้องดังเข้าสู่หูของหลิ่วจิ้งนางมองหั่วอี้ผ่านช่องประตูด้วยความแปลกใจ ไม่อยากเชื่อหูตนเองเลยจริงๆ
ยามนี้หลิ่วจิ้งรู้สึกสับสนนักนางไม่ใช่คุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูให้อยู่แต่ในเหย้าในเรือนหยวนเซิ่งชิงเคยเล่าเื่ราวเช่นนี้ให้นางฟังมาก่อน ว่าหน่วยงานระดับสูงทุกหน่วยจะต้องมีคนประเภทนี้อยู่จำนวนหนึ่ง
นางรู้ดีว่าการบ่มเพาะคนที่จะมาแฝงตัวหาข่าวนั้นเป็เื่ยากเย็นนักนอกจากจะต้องมีความซื่อสัตย์เป็พื้นแล้วก็ยังต้องอดทนมีชีวิตอยู่ในชนชั้นที่ต่ำที่สุด บางคราก็อาจไม่ได้มีชีวิตดีๆ ไปทั้งชีวิต
หากไม่ได้อาเหมิ่งต๋าอาละวาดจนทำให้รู้เื่นี้นางก็จะไม่มีวันรู้เลยว่าวันนี้หั่วอี้ต้องใช้สิ่งใดแลกมาบ้างเพื่อค้นหาตัวนางตอนนางเล้าโลมอยู่กับหั่วอี้เมื่อครู่นางยังคงวางแผนใส่จริตมายาแต่มาตอนนี้นางกลับพบว่าใจนางยอมรับหั่วอี้แล้ว
หากจะบอกว่าไม่ซาบซึ้งใจก็โกหกแล้ว ตลอดมานางยังคงสับสนเพราะคิดว่าหั่วอี้เป็คนมากรักแล้วจะมีใจจริงให้นางหรือไม่จึงไม่ยอมมอบใจให้เขาเรื่อยมา แม้รู้ดีว่าวันหนึ่งนางจะมิอาจไม่มอบกายให้หั่วอี้หรืออาจเป็ชายอื่นแต่ทั้งหมดนั้นก็เพื่อให้สักวันหนึ่งนางสามารถอาศัยกำลังจากคนผู้นั้นและได้บรรลุเป้าหมายล้างแค้นของนาง
ไม่ว่าหั่วอี้จะมีใจจริงให้นางอย่างแท้จริงหรือเป็เพียงความรู้สึกสดใหม่ชั่วครั้งชั่วคราวลำพังเื่ที่นางหายตัวไปกลับสามารถทำให้หั่วอี้เรียกใช้งานองครักษ์ลับที่มีค่าสูงส่งเช่นนี้ก็เพียงพอจะทำให้นางใจอ่อนแล้ว
หลิ่วจิ้งหันหลังพิงกำแพง หยาดน้ำตาหยดลงมาจากหางตานางเอาแต่คิดวางแผนหลอกใช้หั่วอี้เรื่อยมา หารู้ไม่ว่าหั่วอี้กลับเห็นนางเป็ดั่งสมบัติล้ำค่า
_____________________________
