ในคืนนั้นอวิ๋นซีได้รับข่าวจากหลิงอี เฉิงป๋อหยางไปเมืองผิง เพื่อไปหาแฝดหญิงคู่หนึ่ง สตรีทั้งสองมีอายุประมาณสิบสามสิบสี่ รูปลักษณ์งดงามราวบุปผา อีกทั้ง เฉิงป๋อหยางยังพาพวกนางกลับมาเมืองหลวงด้วย
มือของอวิ๋นซีสั่นน้อยๆ ขณะที่จดหมายในมือนางฉบับนั้นถูกบีบขยำจนไม่มีชิ้นดี “ฝาแฝดที่รูปลักษณ์งดงามราวบุปผา? น่าตายนัก โอวหยางเทียนหัว จะให้ดีก็อย่าให้เป็ดังที่ข้าคิดเลย มิเช่นนั้นข้าจักต้องฆ่าเ้าแน่”
นางยังคงจดจำรองแม่ทัพของบิดาเฉียว หรือก็คือน้องชายร่วมสาบานของบิดาเฉียวได้เป็อย่างดี เขามีลูกสาวฝาแฝดอยู่คู่หนึ่ง ซึ่งแม่นางน้อยทั้งสองคนนั้นนางเองก็เคยพบเจอมาก่อน ตอนนั้นพวกนางน่าจะมีอายุประมาณเจ็ดถึงเก้าปี คนอายุยังน้อยมีดวงหน้ารูปไข่ ดวงตากลมมีประกาย ยามแย้มยิ้มคนพี่จะมีลักยิ้มอยู่ที่ข้างซ้าย ส่วนคนน้องจะมีลักยิ้มอยู่ที่ข้างขวา ตอนนั้นนางยังเคยหัวเราะหยอกล้อสองพี่น้องคู่นี้อยู่เลยว่า วันหน้าถ้าจะแต่งงานก็ควรหาชายที่มีพี่น้องเช่นกัน โดยพี่หญิงแต่งให้พี่ชาย น้องหญิงแต่งให้น้องชาย เมื่อเป็เช่นนี้ พวกนางสองพี่น้องก็ไม่ต้องแยกจากกันแล้ว อีกทั้ง เมื่อนางสองคนยืนอยู่ข้างกัน ลักยิ้มทั้งสองนั้นก็ดูงดงามยิ่ง
ตอนนั้นหลังจากที่เฉียวอวิ๋นซีแต่งเข้าจวนรัชทายาทไป เด็กทั้งสองคนก็ยังมีแวะเวียนเทียวไปเทียวหานางอยู่หลายครั้ง ทำให้นางชมชอบพี่หญิงน้องหญิงคู่นั้นนัก ทว่า ในตอนหลังเมื่อนางให้หลิงอีช่วยสืบข่าวถึงได้รู้ความจริงว่า สองพี่น้องคู่นั้นถูกทรมานจนตายไปแล้วในคุก
ตอนนี้ดูเหมือนว่า เื่ราวต่างๆ จะไม่ได้เป็ไปดังที่นางรู้ พี่หญิงน้องหญิงน้อยคู่นั้นงดงามราวบุปผา หากเลี้ยงจนเติบใหญ่ วันหน้าจะใช้ดึงดูดใจขุนนางในราชสำนักย่อมต้องได้ผลดีอย่างยิ่ง ตอนนี้เฉิงป๋อหยางพาแฝดบุปผาคู่นี้กลับมา นั่นจะหมายความว่าเขาเจอคนที่เหมาะจะใช้หมากสองตัวนี้ไปดึงดูดแล้วใช่หรือไม่
อวิ๋นซีมองหวนเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลังไปทีหนึ่ง “หากท่านอ๋องกลับมาก็ให้บอกเขาว่า ข้ามีเื่ต้องออกไปจัดการ ส่วนพวกเ้าอยู่ที่บ้านก็คอยดูแลคุณชายน้อยทั้งสองและจวิ้นจู่น้อยให้ดี”
เมื่อพูดจบ นางก็แต่งกายเป็ชายออกไปจากจวนอ๋อง ทันทีที่ไปถึงหอรุ่งอรุณก็ให้หลิงอีนำคนที่มีวรยุทธ์สูงสิบกว่าคนตามนางออกไปนอกเมือง ไม่ว่าอย่างไรนางก็จำต้องออกไปดูให้เห็นด้วยตาตนเองถึงจะเบาใจได้ หากมิใช่สองพี่น้องเสี่ยวเจี๋ยและเสี่ยวหรู นางก็จะทำเป็ไม่รู้ไม่เห็น แต่หากเป็คนทั้งสองจริงๆ เช่นนั้นนางก็จะทำให้เฉิงป๋อหยางและโอวหยางเทียนหัวต้องเสียใจในภายหลัง
อวิ๋นซีนำคนมุ่งหน้าไปบนเส้นทางสู่เมืองผิง ตอนนี้นางไม่มีแม้เวลาจะมาสนใจเสียงลมแรงที่กระทบหู ในใจมีแต่ความกังวลถึงเื่นานาที่ยังคงติดอยู่ในหัวเ่าั้ นางหวังว่าเื่ทั้งหมดจะยังทันการอยู่
บางทีอาจเพราะนางโชคดี เพิ่งออกจากเมืองหลวงมาได้ห้าสิบลี้ก็บังเอิญเจอเฉิงป๋อหยางกำลังนำคนกลับเมืองหลวงพอดี อวิ๋นซีและหลิงอีสบตากันทีหนึ่ง จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้กันและกัน เพียงไม่นานพวกเขาก็นำผ้าสีดำที่เตรียมไว้มาปิดบังใบหน้าที่อยู่ใต้ดวงตาทั้งหมด
ข้างกายหลิงอีมีคนผู้หนึ่งเดินนำขึ้นมา เขาตวัดดาบใหญ่ในมือด้วยกำลังมหาศาลไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “ถนนเส้นนี้ข้าเป็คนถาง ต้นไม้นี้ข้าเป็คนตัด หากคิดจะผ่านถนนเส้นนี้ไปก็ทิ้งผู้หญิงไว้”
อวิ๋นซีมองท่าทางคำพูดคำจาที่ดูเหลวไหลของเขา หากเป็ในยามปกตินางจักต้องหัวเราะออกมาแน่ แต่ตอนนี้นางไม่มีความคิดที่จะหัวเราะแม้แต่น้อย ไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ นางก็เริ่มคาดหวังให้คนในรถม้าคือแฝดบุปผาเสี่ยวเจี๋ยและเสี่ยวหรู เพราะหากเป็พวกนาง อย่างน้อยๆ ก็ยังเหลือสายเืคนรุ่นหลังไว้ให้ท่านอาจั่วได้
“ช่างรนหาที่! ” เฉิงป๋อหยางมองกลุ่มคนตรงหน้า “ถึงขนาดกล้าฉกชิงภายใต้ฝ่าพระบาทโอรส์”
อวิ๋นซีแค่นเสียงเ็า เสียงต่ำขรึมของบุรุษดังลอดออกมาจากริมฝีปากของอวิ๋นซี “บุรุษฆ่าเสีย สตรี นำตัวไป”
หลิงอีได้ยินคำสั่งนั้นก็หันมองอวิ๋นซีไปทีหนึ่ง ชั่วขณะนั้นเขาเพิ่งค้นพบว่าอวิ๋นซีช่างมีทักษะแฝงที่เหมาะจะเป็หัวหน้ากลุ่มโจรจริงๆ หลังจากเสียงสั่งการของนาง เหล่าพี่น้องที่อวิ๋นซีพามา นอกจากหลิงอีที่คอยคุ้มกันอยู่ข้างกาย คนที่เหลือก็ล้วนกระจายออกไปไล่สังหารคน ทุกคนทำตามดังที่อวิ๋นซีพูด...บุรุษสังหารเสีย
การเดินทางครั้งนี้เฉิงป๋อหยางนำคนมาแค่ไม่กี่คน ถึงแม้พวกเขาจะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่เมื่อเทียบกับบรรดายอดฝีมือของหอรุ่งอรุณที่ในที่ลับแอบทำกิจการเป็นักฆ่าอยู่แล้ว คนที่เฉิงป๋อหยางพามาก็นับว่าอ่อนด้อยกว่ามาก
ท้ายที่สุดเมื่อเฉิงป๋อหยางเห็นว่า ฝ่ายตนตกเป็ฝ่ายเพลี่ยงพล้ำแล้วก็ละสายตาลงบนร่างของอวิ๋นซี เขาค้นพบว่ายอดฝีมือพวกนี้ล้วนทำตามคำสั่งของคุณชายที่รูปร่างบอบบางผู้นี้ ดังนั้น หากตนสามารถจัดการคนผู้นี้ได้ก็จักต้องพาสตรีสองคนที่อยู่ด้านหลังกลับเมืองหลวงไปได้อย่างปลอดภัยแน่
พอคิดได้ เขาก็มุ่งหน้าจะไปจัดการอวิ๋นซีทันที แต่เมื่ออวิ๋นซีเห็นเช่นนั้น มุมปากก็ขยับน้อยๆ แค่นเสียงเ็า “ช่างเป็การเลือกบีบลูกพลับที่นิ่ม [1] จริงๆ ” พูดจบ นางก็โผนทะยานขึ้นฟ้าแล้วสาดเข็มเงินไปทางเฉิงป๋อหยาง ทว่า เฉิงป๋อหยางเองก็สังเกตเห็นจึงสามารถหลบเลี่ยงเข็มเงินของนางได้ทัน
ในตอนนี้เองอวิ๋นซีก็ขยับกายไปปรากฏอยู่ตรงหน้าเฉิงป๋อหยางภายในเวลาอันสั้นพร้อมกับมีดสั้นในมือนางที่แทงลงไปบนอกเขา ทำให้พ่อบ้านมากวรยุทธ์ถึงกับเ็ปและคิดจะเตะอวิ๋นซีให้กระเด็นไป ถึงกระนั้นนางก็ยังสามารถบินหลบได้อย่างรวดเร็ว แต่แล้วเมื่ออีกฝ่ายสบโอกาสนี้ก็หลบหนีไป
ฉับพลันนั้นหลิงอีคิดอยากจะไล่ตาม แต่เป็อวิ๋นซีที่รั้งไว้ “ไม่ต้องตามแล้ว ที่พวกเรา้าคือสตรี มิใช่บุรุษ”
เมื่อพูดจบ นางก็ได้ยินเสียงะโมาจากที่ไม่ไกล “พี่ใหญ่ รีบมาดูเร็ว สองคนนี้จะฆ่าตัวตายแล้ว”
หัวใจของอวิ๋นซีถึงกับเต้นโครมคราม นางรีบโจนไปทางรถม้า ะโขึ้นไปและเมียงมองสองพี่น้องที่กำลังอิงแอบกอดกัน มุมปากของคนทั้งสองล้วนมีเืสดๆ ไหลซึม ท่าทีเหล่านี้แค่มองดูก็ราวกับไร้ซึ่งสัญญาณชีวิต ในใจของอวิ๋นซีตกตะลึงยิ่ง เพียงมองปราดเดียว นางก็รู้แล้วว่า นี่คือแฝดบุปผาเสี่ยวเจี๋ยและเสี่ยวหรูจริงๆ
นางรีบััตรวจชีพจรที่ลำคอ เมื่อพบว่าคนยังมีลมหายใจ ก็ไม่รอช้าป้อนยาถอดพิษให้คนละเม็ด จากนั้นจึงเริ่มจับชีพจรที่ข้อมือให้พวกนางพร้อมรักษาด้วยการฝังเข็ม เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ชีวิตของสองพี่น้องก็ถูกยื้อยุดให้กลับมาได้ในที่สุด
เวลาที่พวกนางใช้ยาพิษนี้น่าจะเป็ราวๆ หนึ่งก้านธูปก่อน หรือก็คือก่อนที่พวกอวิ๋นซีจะมาปรากฏตัว นางคิดว่า สองพี่น้องคู่นี้คงรู้แล้ว หากไปถึงเมืองหลวงเมื่อใด พวกนางจักต้องไม่มีทางรอดแน่ถึงได้คิดจะฆ่าตัวตาย เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็สงสารสองพี่น้องคู่นี้จับใจ
แท้จริงแล้วคนเหล่านี้ล้วนถูกเฉียวอวิ๋นซีในตอนนั้นทำให้ต้องมารับเคราะห์ไปด้วย หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดคงยังมีชีวิตอยู่อย่างดีเป็แน่ อวิ๋นซีสั่งให้คนนำร่างที่ยังไม่ได้สติของแม่นางน้อยทั้งสองกลับไปยังหอรุ่งอรุณ แต่หลังจากที่จัดแจงหาที่พักให้พวกนางเสร็จ อวิ๋นซีก็มิได้รีบร้อนกลับจวนอ๋อง และยังคงรั้งรอให้สองพี่น้องคู่นี้ฟื้นขึ้นมา
ทางด้านจวินเหยียน อวิ๋นซีได้เขียนจดหมายเล่าเื่ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้ให้เขาได้รับทราบ ด้วยเชื่อมั่นว่า สามีของนางจักต้องเข้าใจนางอย่างแน่นอน
และแล้วก็เป็ดังที่นางคิด เมื่อจวินเหยียนอ่านจดหมายนั้นจนจบก็เผาทิ้ง จากนั้นจึงหันไปพูดกับคนนำสาร “ไปบอกนาง ต้องกลับมาภายในพรุ่งนี้ เพราะพรุ่งนี้เป็งานนับญาติของจวนอวิ๋นอานโหว”
หลังจากที่อวิ๋นซีรู้เื่งานเลี้ยงนับญาติจากคนส่งข่าว นางก็พยักหน้าเพื่อแสดงว่าตนรับรู้แล้ว นับญาติหรือ? ไม่รู้ว่าชายสูงศักดิ์ท่านนั้นที่อยู่ในวังจะคิดเห็นเป็เช่นไร อย่างไรเสีย หากตระกูลอวิ๋นนับญาติกับนางจริง สถานการณ์ของคนตระกูลอวิ๋นที่ตลอดมามักแสดงออกว่า ภักดีต่อท่านนั้นในวังเพียงผู้เดียวก็จะเปลี่ยนไป
เพียงแต่เื่เหล่านี้นางไม่มีเวลามาคิดมากแล้ว เพราะทุกสิ่งดำเนินมาจนถึงขั้นนี้ นางก็ได้แต่ไหลไปตามน้ำ
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] เลือกบีบลูกพลับที่นิ่ม(软柿子挑软的捏)หมายถึง เลือกรังแกคนที่อ่อนแอ