จดหมายฉบับที่สองที่อวิ๋นอี้ส่งให้ เป็ของซูเมี่ยวเออร์จริง
มันเป็กวีบทรัก
การแสดงความรักนั้นชัดเจน คำที่ใช้ช่างไร้รสนิยม เป็คำชื่นชมที่เร่าร้อน ทว่าดูไร้ค่านัก
เมื่อเช้านี้อวิ๋นอี้รอให้ซูเมี่ยวเออร์ออกไปจากห้อง แล้วแอบย่องเข้าไป ไปเจอจดหมายนี้ที่ชั้นหนังสือของนาง
ไม่เพียงเท่านั้น ยังพิสูจน์การคาดเดาก่อนหน้านี้ได้อีกว่า ซูเมี่ยวเออร์เป็คนขโมยบิกีนี่ที่นางทำเอง
อวิ๋นอี้ไม่รู้สึกผิดสักนิด เกี่ยวกับเื่ที่นางขโมยของมา
เพราะซูเมี่ยวเออร์ก็เป็ผู้เริ่มก่อน หากนางไม่ขโมยของ อวิ๋นอี้ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะต้องเข้าไปหาจุดจับนางในห้องอย่างไร
อันที่จริง นางไม่ได้คาดหวังจะหาจุดจับกระไรได้หรอก แต่ผลกลับเป็ว่าค้นไปค้นมา ก็พบบทกวีบทนี้
บทกวีนี้ต้องเขียนเื่นางกับหรงซิวอยู่แล้ว คำที่ใช้นั้น บางคำนางอ่านไม่ออก อ่านยากเสียจริง อย่างไรมันก็เขียนโดยหญิงมากความสามารถล่ะนะ นักเรียนไม่เอาไหนอย่างนางจะอ่านออกได้อย่างไรกัน แต่สัญชาตญาณผู้หญิงผลักดันให้นางเอากวีบทนี้กลับไปให้กู่ซือฝานอ่าน
แม้ว่ากู่ซือฝานไม่อินังขังขอบ แต่การที่จะเข้ามาเป็สะใภ้ราชวงศ์ได้ ในด้านกวีนิพนธ์นางจำเป็ต้องมีความสามารถ
กู่ซือฝานอ่านจบก็ด่าอย่างโกรธเคืองไม่หยุด "หน้าไม่อาย! ไร้ยางอาย! ไร้ยางอายจริงๆ! "
"......"
อวิ๋นอี้มุ่ยปากอย่างพูดไม่ออก มันจะไร้ยางอายอย่างไร นางยังไม่เข้าใจเลย ช่วยพูดสักทีสิ
จากการซักถามของนาง กู่ซือฝานสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามสงบสติอารมณ์ลง จึงพูดความหมายคร่าวๆ ให้นางฟัง
“ความหมายประมาณว่า ข้ารักท่าน ข้าอยากจะนอนกับท่าน กระไรทำนองนี้แหละเพคะ”
“ห๊ะ?” อวิ๋นอี้ใ “อัดอั้นขนาดนั้นเชียวหรือ?”
“ถึงได้บอกว่านางหน้าไม่อายไงเพคะ! นางยังบอกอีกว่าตนเองเป็สตรีสูงศักดิ์! ถุ้ย! ข้าคิดว่านางเป็สตรีมากตัณหาเสียมากกว่า!” กู่ซือฝานขมวดคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความขยะแขยงอย่างแท้จริง
"......" อวิ๋นอี้กระแอมเบาๆ "เ้าอย่าโกรธไปเลย หากนางจะใส่หมวกเขียว มันก็เขียวบนหัวข้า เ้าจะโกรธด้วยเหตุใดเล่า!"
“ท่านพี่สะใภ้ ท่านไม่เข้าใจ เราสนิทกันเช่นนี้ ข้าจะยอมให้นางใส่หมวกเขียวให้ท่านหรือเพคะ?” กู่ซือฝานไม่เห็นด้วย “อีกอย่าง ข้าโกรธเพราะนางแขวนป้ายสตรีสูงศักดิ์มากความสามารถแต่กลับทำแต่เื่ชั่วร้ายไม่รู้หรือว่าผู้ที่ได้ชื่อนี้คนก่อนเขามีความสามารถมากจริงๆ!”
อวิ๋นอี้ไม่อยากให้กู่ซือฝานพูดถึงเื่นี้อีก จึงถามถึงสตรีสูงศักดิ์มากความสามารถคนก่อน เดิมคิดว่าจะเป็แค่การเปลี่ยนหัวข้อสนทนา แต่กู่ซือฝานกลับพูดไม่หยุด "สตรีผู้นั้นชื่อหว่านฉือ เป็หญิงสาวที่สวยจริงๆ แต่น่าเสียดาย...นางสุขภาพไม่ค่อยดี นางจึงต้องไปหาหมอเก่งๆ ในต่างแดน หากนางอยู่ล่ะก็ นางแพศยาอย่างซูเมี่ยวเออร์จะได้ชื่อนี้มาได้อย่างไร?"
"ใช่ ใช่ ใช่" อวิ๋นอี้พูดอย่างเห็นด้วย
การสนทนาระหว่างทั้งสองดูเหมือนจะยังดังอยู่ในหู เสียงกระแอมเสียงหนึ่งทำให้อวิ๋นอี้กลับมาสู่ความเป็จริง
นางหันไปมองตามเสียงนั้น พบว่าเป็การเตือนสติจากตู้ซือโหรว มุมปากนางโค้งเล็กน้อย นางมองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ไทเฮาสามารถเข้าใจบทกวีนั้นอยู่แล้ว นางอารมณ์ไม่ดี ให้คนเอาจดหมายยื่นให้ซูเมี่ยวเออร์ดู
ซูเมี่ยวเออร์ได้เห็น สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน หน้าใหญ่บานๆ ของนางแดงก่ำ ไม่ได้โกรธ แต่อับอายเสียมากกว่า
ไทเฮาสายตาแหลมคม เมื่อเห็นเช่นนั้น ในใจก็แจ่มแจ้ง
นางพูดกับซูเมี่ยวเออร์ที่อยู่บนพื้น "เมี่ยวเออร์ ข้าเอ็นดูเ้ามาโดยตลอด เคยคาดหวังกับเ้า แต่เ้ากลับทำให้ข้าผิดหวังเสียจริง!"
"ท่านย่า!” ซูเมี่ยวเออร์กลับมาได้สติ เสียงสั่นเครือ
"ปฏิบัติตามรับสั่งข้า หาคุณหนูคนใหม่มาสอนเหล่าพระชายา ส่วนเมี่ยวเออร์ เ้าจะถูกขังอยู่ในจวนหนึ่งเดือน!" ไทเฮานิ่งไปครู่หนึ่ง เหมือนจะรู้สึกว่าบทลงโทษเบาไป “อีกอย่าง จงคัดพระคัมภีร์จิงห้าร้อยรอบ ต้องรักษานิสัยเ้าให้ดีเสียแล้ว!”
ไทเฮาพูดอย่างโกรธเคือง จบแล้วก็เหลือบมองอวิ๋นอี้ "พระชายาเจ็ด ข้าให้เ้ามาที่นี่ เพื่อให้เ้าตั้งใจศึกษา มิใช่ให้เ้ามาคิดกลอุบาย! อย่าคิดว่าเ้าเฉลียวฉลาดเพียงแค่นั้น กลับดำเป็ขาว กลับผิดเป็ถูก โบราณเขาว่า เดินอยู่ริมแม่น้ำ รองเท้าจะไม่เปียกได้อย่างไร เื่ร้ายๆ ทำไว้เยอะ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเผยออกมา เ้าสงบเสงี่ยมบ้างเถิด! ”
“เพคะ!” อวิ๋นอี้ไม่เปลี่ยนสีหน้า “ถึงแม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดไทเฮาจึงพูดเช่นนี้ แต่ข้าจะปฏิบัติตามคำของท่านเพคะ ข้าจะสำนึกตนเองอยู่เสมอ”
“ฮึ่ม!” ไทเฮาถอนหายใจแรง “ทำตัวให้ดีก็แล้วกัน!”
ตอนมามาราวกับลม ตอนไปก็เช่นกัน
แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือ ซูเมี่ยวเออร์ที่นางไม่ชอบถูกพาออกไปแล้ว
แม่นมไม่กี่คนทำเช่นเดียวกับตอนที่แบกอวิ๋นอี้ พวกเขายกตัวซูเมี่ยวเออร์ที่หมอบอยู่กับพื้นขึ้นมา นางไม่มีท่าทีใดๆ นางคงรู้ว่าเื่จบลงแล้วไม่จำเป็ต้องดิ้นรนอีกต่อไป จึงยอมถูกพาออกนอกห้องเรียนในสำนักซืออี๋
เมื่อไทเฮาและกลุ่มคนออกไปหมดแล้ว หลังเหยียดตึงของกู่ซือฝานถึงได้ผ่อนคลายลง
หลังจากส่งซูเมี่ยวเออร์ออกไป นางก็อารมณ์ดี ะโเข้าไปหาอวิ๋นอี้ "ท่านพี่ ท่านพี่ ท่านพี่ช่าง..."
"กลับไปนั่งเถิด" อวิ๋นอี้พยักหน้าลงแล้วพูดเบาๆ "ที่นี่มีคนเยอะ เรากลับไปแล้วค่อยพูดเถิด"
"โอ้ ดีเพคะ" กู่ซือฝานเอามือปิดปาก “ข้าเชื่อฟังท่านพี่เพคะ”
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองอยู่ในสายตาของตู้ซือโหรว มุมริมฝีปากของนางยกยิ้ม หลังเลิกเรียน นางจึงเดินตามอวิ๋นอี้กับกู่ซือฝาน ตลอดทางจนถึงหอพัก
“พระชายาเอก เข้ามาด้วยกันเถิด” อวิ๋นอี้ยืนอยู่ที่ประตู ไม่ได้หันกลับมามองนาง แต่กลับพูดเชิญนางได้อย่างใจกว้าง
ในเมื่อถูกพบแล้วตู้ซือโหรวก็ไม่ขัดขืน นางก้าวไปข้างหน้าแล้วยิ้ม “ในเมื่อพระชายาเจ็ดเชิญเช่นนี้ ข้าก็ยินดีเพคะ”
ผู้หญิงทั้งสามเข้ามาในห้องด้วยกันแล้วนั่งลงรอบโต๊ะกลม
ตู้ซือโหรวแสดงเจตจำนงรวบรัดว่า “ข้ามาเพื่อทวงหนี้ พระชายาเจ็ดใช้ข้าเป็เบี้ยหมากถึงสองครั้ง เห็นว่าข้ารังแกง่ายอย่างนั้นหรือ?”
“เหตุใดท่านจึงพูดเช่นนี้เพคะ?” อวิ๋นอี้แสร้งทำเป็แปลกใจ เอามือป้องปากเกินจริง แล้วมองดูนางด้วยดวงตากลมโต “พระชายาเอกฉลาดเป็กรด ข้าจะกล้าดีอย่างไรที่ให้ท่านเป็เบี้ยหมาก หากแต่ว่าเราสมพงศ์ต่อกัน ข้าคิดว่าท่านจะช่วยข้าได้ มิคิดเลยว่าข้าจะพนันถูก”
อวิ๋นอี้พูดถึงตรงนี้ก็ยืนขึ้นอย่างสุภาพ แล้วย่อตัวลงให้พระชายาเอก “องค์พระชายาเอกช่างมีจิตใจช่วยเหลือคน อวิ๋นอี้ซึ้งในพระทัยอย่างหาที่สุดมิได้เพคะ”
เื่ที่จะจัดการซูเมี่ยวเออร์นั้น นางรู้ว่านางไม่สามารถหลบซ่อนจากตู้ซือโหรวได้ จึงไม่ตั้งใจที่จะซ่อนมัน
เมื่อถูกนางถาม จึงยอมรับอย่างเปิดเผย
ตู้ซือโหรวจ้องที่นางอยู่สองสามวินาที จากนั้นเอื้อมมือไปรินชาให้ตนเอง พูดอย่างใจเย็นว่า "มิจำเป็ต้องขอบคุณข้าหรอกเพคะ ท่านฉลาดเพียงนี้ คงจะรู้ท่าทีของข้าอยู่แล้ว ในภายภาคหน้า หากข้า้าความช่วยเหลือจากท่าน ข้าหวังว่าพระชายาเจ็ดจะจดจำมิตรภาพของเราในวันนี้ได้ก็เท่านั้น”
“แน่นอนอยู่แล้วเพคะ พระชายาเอกช่างสูงส่ง หาก้าอวิ๋นอี้ในภายภาคหน้าได้โปรดบอกเพคะ" อวิ๋นอี้ตกปากรับคำอย่างหนักแน่น
หลังจากนั้น ทั้งสองก็คุยกันอีกไม่นาน ตู้ซือโหรวจึงลุกแล้วกล่าวลาจากไป
ทันทีที่นางเดินจากไป กู่ซือฝานก็เกาหัวถามอย่างงงๆ “ท่านพี่สะใภ้ พวกท่านพูดวกไปวนมาเช่นนั้น หมายความว่าอย่างไรกันแน่เพคะ?”
อวิ๋นอี้ยิ้ม ดูเหมือนเป็การพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ แต่อันที่จริงพวกเขากำลังทดสอบซึ่งกันและกัน ทั้งสองฝ่ายพอใจกับผลการทดสอบ นางเกือบจะแน่ใจได้ว่ามิตรภาพกับพระชายาเอกองค์รัชทายาทนี้ได้ก่อเกิดขึ้นแล้ว
มีพันธมิตรที่แข็งแกร่งเป็สิ่งที่ดีสำหรับนางในการตั้งหลักในเมืองหลวง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้