บทที่ 192 เ้าเป็ใคร?!
“พวกเ้ากำลังพูดอะไรกันน่ะ? คุณหนูฉู่ยังไม่เคยพูดเลยสักคำ”
มู่หรงซินโกรธและะโออกไป นางทนรำคาญมามากพอแล้ว คำพูดของคนพวกนั้นไร้มูลทั้งเพ
แต่หลังจากได้ยินคำพูดของมู่หรงซิน หลายคนก็คิดได้และตบหัวตนเองทันที
ใช่แล้ว ั้แ่ปรากฏตัวฉู่ซินเหยาไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว!
สิ่งนี้แสดงถึงอะไร?
“หรือว่า... คนงามจะถูกบังคับ?” เมื่อนึกถึงครั้งที่ฉู่ซินเหยาร้องไห้ หลายๆ คนในจัตุรัสก็ดูเหมือนจะเข้าใจความจริงได้ในทันที สีหน้าแปลกประหลาด ความรู้สึกผสมปนเปกันไป
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน เสวี่ยหานเฟยก็เลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นเสวี่ยหรูเยียนปกป้องฉู่อวิ๋น เขารู้สึกไม่มีความสุข
เขาะโ “เ้าน้องโง่! อวิ๋นชูคนนี้ที่มาที่ไปลึกลับ แอบเข้ามาในตระกูลเสวี่ยของเราด้วยเจตนาแอบแฝง ตอนนี้เขามาแย่งเ้าสาวและทำลายขาของพี่เ้า เ้ายังจะขอร้องแทนเขาจริงๆ หรือ!”
เสวี่ยจิงหงเองก็ขมวดคิ้ว ตำหนิด้วยความโกรธ “หรูเยียน จนถึงตอนนี้เ้ายังคิดถึงแต่เขาอีกหรือ? คนคนนี้มีเจตนาชั่วร้าย เป็ภัยต่อตระกูลเสวี่ยของเรา มันเป็ตัวหายนะ”
“หรูเยียนลงมาเถอะ! บนเวทีอันตราย!”
“ไอ้หยา ทำไมทายาทอกตัญญูถึงได้เห็นคนนอกดีกว่ากันนะ?”
ผู้าุโของตระกูลเสวี่ยทุกคนต่างพยายามชักชวนเสวี่ยหรูเยียนให้ก้าวลงจากเวที
“พวกท่านอย่าห้ามข้า!”
แต่เสวี่ยหรูเยียนส่ายหัวเป็พัลวัน แววตาคาดหวัง นางแลดูไร้เดียงสา หันกลับมาถามฉู่อวิ๋น “คุณชายอวิ๋น ท่านไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาหรอกใช่ไหม?”
“ท่าน... ท่านมาที่นี่เพื่อสนุกเฉยๆ ใช่หรือไม่? ฮ่าๆ...เอาล่ะ มาๆๆ...พวกเราลงจากเวที หยุดสร้างปัญหากันเถอะ ตกลงหรือไม่?”
ขณะที่พูด เสวี่ยหรูเยียนก็ยื่นมือหยกออกมาจัดเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงให้ฉู่อวิ๋น นางกำลังตกอยู่ในอาการลุ่มหลง
“เ้าไปเถอะ” แต่ฉู่อวิ๋นไม่แยแสและค่อยๆ แกะมือของเสวี่ยหรูเยียนออก
“ไป? จะทำแบบนั้นได้อย่างไร? ข้าเป็คู่หมั้นท่าน เราต้องก้าวหน้าถอยหลังไปด้วยกัน...”
“ข้าไม่ใช่คู่หมั้นเ้า เ้าคิดมากแล้ว”
“เป็... เป็ไปได้อย่างไร?!” ทันใดนั้น ดวงตาของเสวี่ยหรูเยียนก็เ็า นางคว้าชายเสื้อของฉู่อวิ๋นสุดกำลัง สีหน้าโหดร้ายปรากฏบนใบหน้างาม “คุณหนูเช่นข้าบอกว่าใช่ก็คือใช่!”
“ขอเพียงเ้าตอบรับ ข้ารับรอง! วันนี้จะไม่มีใครทำร้ายท่านได้!”
คำพูดนี้ทำให้สมาชิกตระกูลเสวี่ยและฉู่เจิ้นหนานหน้ามืดทันที ทำอะไรไม่ถูกเลย
พวกเขาไม่เคยคิดว่าเสวี่ยหรูเยียนจะติดใจ “อวิ๋นชู” มากขนาดนี้
“ฟุ่บ!”
ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นก็คว้ามือของเสวี่ยหรูเยียนไว้ ทำให้นางประหลาดใจในทันที
แต่คำพูดถัดไปทำให้ลูกสาวตระกูลเสวี่ยรู้สึกราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
“ข้าขอโทษ ข้าไม่ยอมรับ ั้แ่ต้นจนจบ ข้าไม่ใช่คู่หมั้นเ้า เ้าไปเถอะ!” ใบหน้าของฉู่อวิ๋นไร้อารมณ์ เขาพูดอย่างเ็า ทำให้เสวี่ยหรูเยียนโกรธจนหน้านิ่วทันที
ในเวลาเดียวกัน คำพูดนี้ยังทำให้ฉู่ซินเหยาถอนหายใจอย่างเสียใจ
อวิ๋นเอ๋อร์ ทำไมเ้าถึงไม่ยอมรับล่ะ? ทำไมถึงโง่ขนาดนี้... ขอเพียงแค่ยอมรับ นางก็สามารถรักษาชีวิตเ้าได้
“ฮือ...” เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉู่ซินเหยาก็โศกเศร้ามากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาคู่งามของนางแดงและบวมขึ้นเรื่อยๆ นางตรอมตรมยิ่งนัก
“ข้าจะถามท่านอีกครั้ง!” ทันใดนั้นดวงตาของเสวี่ยหรูเยียนก็เปล่งแสงเ็า จ้องมองที่ฉู่อวิ๋นอย่างเดือดดาล และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ข้าจะให้โอกาสท่านอีกครั้ง!”
“คุณหนูเช่นข้าเป็คู่หมั้นท่านหรือไม่? ใช่ไม่ใช่?!”
ขณะที่พูด ดวงตาของเสวี่ยหรูเยียนก็แดงก่ำ นางเขย่าไหล่ของฉู่อวิ๋นอย่างแรงคล้ายคนกำลังเป็บ้า นี่ทำให้ทุกคนใ นางเป็ผู้หญิงที่บ้าดีเดือดจริงๆ น่ากลัวมาก...
“เช่นนั้นข้าจะตอบเ้าอีกครั้ง เ้าจะไม่ใช่คู่หมั้นของข้า และจะไม่มีวันเป็!”
“ไม่ว่าเ้าจะถามอีกกี่ครั้ง คำตอบของข้าก็จะไม่เปลี่ยนแปลง” ดวงตาของฉู่อวิ๋นแข็งกร้าว ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม เขาแกะมือของเสวี่ยหรูเยียนที่กำแน่นอยู่บนคอเสื้อของเขาออก ทำให้นางโกรธควันแทบออกหู
“ดี! ดี! ดีมาก!”
“เช่นนั้นท่าน...ก็ไปลงนรกซะ!” เสวี่ยหรูเยียนหัวเราะด้วยความโกรธ สีหน้าชั่วร้าย และหันหลังจากไป
จากนั้นนางก็พูดถ้อยคำรุนแรง “ท่านฉู่ อย่าลืมเก็บกวาดให้สะอาด ทางที่ดีควรใช้สายฟ้าฟาดเขาให้ตาย ให้เขาได้ตายอย่างอนาถและเ็ป จะได้ไม่ต้องขวางตาอยู่ที่นี่”
“สิ่งที่คุณหนูเช่นข้าไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้เช่นกัน!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนก็ตกตะลึง ลำคอแข็งเกร็งขึ้นมาทันที ผู้หญิงคนนี้เข้าใจอะไรยากเกินไปหรือไม่? คิดจะเปลี่ยนหน้าก็เปลี่ยน อยู่ข้าง “อวิ๋นชู” อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนข้างในชั่วพริบตา
ดังคำที่ว่า หัวใจของหญิงที่มีพิษร้ายแรงที่สุด เป็เื่จริง
เมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนี้เย่อหยิ่งและเลวทรามเพียงใด ฉู่ซินเหยาก็กัดฟันและต่อสู้อย่างต่อเนื่อง ดวงตาของนางแดงก่ำ พยายามสะบัดตัวออกจากเส้นด้ายพลังปราณเ่าั้
เสวี่ยหรูเยียนคนนี้กล้าทำกับอวิ๋นเอ๋อร์ของนางเช่นนั้น ใจเหี้ยมยิ่งนัก!
อันที่จริง ฉู่ซินเหยารู้มานานแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ชัดเจนกับฉู่อวิ๋น ในใจแฝงเจตนาอื่น แต่นางไม่คิดว่านั่นจะเป็เพียงรูปลักษณ์ภายนอก นางไม่ได้ชอบฉู่อวิ๋นจากใจจริง
“ฮ่าๆ นี่สิถึงจะเป็น้องหญิงของข้า!” เสวี่ยหานเฟยะโ แม้ว่าน่องของเขาจะมีเืออก หน้าผากชุ่มเหงื่อ แต่เขาก็ยังดูภูมิใจ
ทันใดนั้น เขาก็พูดเสียงดัง “คนป่าตัวน้อย เ้าชอบซินเหยาหรือ? น่าเสียดายที่วันนี้เ้าคงต้องตายที่นี่ ส่วนข้าจะแต่งงานกับนาง!”
“เ้าจะใช้อะไรมาสู้กับข้า? จะสู้อย่างไรเล่า? ฮ่าๆๆ!”
เสวี่ยหานเฟยหัวเราะเสียงดัง เย่อหยิ่งอย่างที่สุด ทำให้ฉู่อวิ๋นดูเ็าและเคร่งขรึม เขากำหมัดแน่นและก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว
ด้วยเสียง “ปั๊ก” เขาก้าวเท้า ทำเวทีแตก กรวดหินปลิวว่อน
โดยไม่สะทกสะท้าน เขาปลดปล่อยรณทระนงออกมาอีกครั้ง เปลวไฟลุกโชน ลืมความเ็ปแสนสาหัสทั่วร่างกายไปชั่วคราว
“สู้กับมนุษย์ สู้กับั สู้กับ์...”
ฉู่อวิ๋นพูดกับตัวเองเสียงแ่ แต่แรงกดดันของเขายังคงไม่ลดน้อยลง ค่อยๆ ก้าวทีละก้าวๆ ภายใต้การจับจ้องของทุกคน เขาต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย
“ข้าฉู่อวิ๋น… เคยกลัวสิ่งใด?”
“ตูม!”
เปลวไฟเบ่งบาน ลุกไหม้ท้องฟ้า ฉู่อวิ๋นเผาพลังปราณของตัวเอง นี่เป็สภาวะแสนสิ้นหวังของรณทระนง ทั่วร่างกายของแข็งเกร็งและเปล่งประกายมากขึ้น ร่างกายเหมือนกับดวงอาทิตย์สีแดงฉานที่สะท้อนมายังโลก!
“ชายหนุ่มคนนี้ดื้อรั้นจริงๆ…”
“ด้วยความเพียรเช่นนี้ ความสำเร็จในอนาคตของเขาย่อมไม่ธรรมดา!”
“น่าเสียดายที่เขาดื้อรั้นเกินไป... สถานการณ์เลวร้ายขนาดนี้ เขาก็ยังไม่ยอมแพ้”
“เขามีศรัทธาแบบไหนกันถึงทำให้รอดมาได้จนถึงตอนนี้? ถ้าข้าาเ็ขนาดนี้ คงลุกขึ้นยืนไม่ได้ไปนานแล้ว”
ในขณะนี้ ทุกคนถอนหายใจและรู้สึกะเืใจอย่างมากเมื่อเห็นฉู่อวิ๋นเผาพลังปราณแห่งชีวิตเพื่อต่อสู้
บางคนถึงกับรู้สึกเสียใจ บ้างหลับตาลงข้างเวที ไว้ทุกข์ให้กับเขา
“ผู้มีพระคุณ! ไม่!” บนท้องฟ้า หลิงจื้อต่อสู้อย่างดุเดือดกับกลุ่มผู้แข็งแกร่ง ร่างกายเต็มไปด้วยคราบเื แต่เขาถูกล้อมอย่างแ่า ไม่สามารถปลีกตัวไปช่วยฉู่อวิ๋นได้ จึงได้แต่คำรามอย่างเศร้าใจ
“เขาโง่เหลือเกิน… เฮ้อ…” มู่หรงซินพูดดุ แต่ก็ถอนหายใจเช่นกัน
ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัว รู้สึกเศร้าอย่างยิ่ง
แผ่นหลังนี้ดูคุ้นเคยมาก
จิติญญาอันยิ่งใหญ่นี้ก็ทำให้ะเืใจมากเช่นกัน
เคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ?
อวิ๋นชูดูคล้ายกับใครบางคนมาก
“อวิ๋นเอ๋อร์—!”
ยามนี้ คนงามที่มีสมญานามงามล่มเมือง ร่างกายบอบบางของนางกำลังสั่นไหว ดวงตาแดงก่ำและบวมช้ำ นางยังคร่ำครวญอยู่ในใจ น้ำตานองหน้า
เมื่อเห็นว่าฉู่อวิ๋นไม่มีความกลัว ้าฝ่าเข้าไป ฉู่ซินเหยาก็รู้สึกเศร้าอย่างยิ่ง แทบอยากวิ่งไปที่เวที ร่วมตายไปพร้อมเขา
แม้ว่าเวลาที่ทั้งสองจะได้พบกัน มีเพียงหนึ่งนาทีหรือหนึ่งวินาที นางก็ยินดี
“ปล่อยข้า! ปล่อยข้า!” ฉู่ซินเหยาะโในใจ กัดริมฝีปากแน่นและดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง
นางไม่อยากเห็นฉู่อวิ๋นถูกฆ่า
นางอยากกอดเขา แม้ว่าพวกเขาจะตาย ก็จะตายด้วยกัน!
ในขณะนี้ ลานทั้งหมดเงียบสงัด
ทุกคนจ้องมองที่แผ่นหลังของฉู่อวิ๋นและนิ่งเงียบ
แน่นอนว่า แม้ทุกคนจะมีความรู้สึกผสมปนเป แต่ก็ไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วย
ไม่มีใครสามารถช่วยฉู่อวิ๋นได้
นี่คือความโดดเดี่ยวที่แท้จริง
“มอบความสงบสุขให้เขาเถอะ ท่านพ่อตา ฮ่าๆๆ!” เสวี่ยหานเฟยหัวเราะ และเพราะมีเสวี่ยจิงหงประคอง เขาจึงรีบเดินไปที่ศาลเ้าเพื่อแต่งงานกับฉู่ซินเหยาให้เร็วที่สุด
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่เจิ้นหนานก็พยักหน้าแล้วพูดกับฉู่อวิ๋นที่กำลังเดินมา “เ้าหนู เ้ามีเจตนาชั่วร้าย กล้าทำลายเื่ดีๆ ของข้า โทษเ้าหนักหนา ควรปะา!”
“ต่อหน้าคุณหนูชุยเสวี่ย เ้าลงปรโลกไปเถอะ!”
“ผู้แซ่ฉู่รับรองว่าจะฟาดเขาด้วยสายฟ้าจนจำเขาไม่ได้ และทำให้เขาตายอย่างไร้ศพ!”
“ควับ!”
ทันทีที่พูดจบ ฉู่เจิ้นหนานก็สร้างแรงกดดันขึ้นมา สายฟ้าปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ ก่อตัวเป็ก้อนสายฟ้าสีม่วงสองลูก งูสีเงินเปล่งประกาย
ด้วยเสียง “ปัง” เขาเหยียบพื้น ะโขึ้นไปบนท้องฟ้า ก้มลงมองฉู่อวิ๋นด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม ปรบมืออย่างต่อเนื่อง ท้องฟ้าแปรปรวน และฟาดรอยฝ่ามือไปทางเวทีทีละครั้ง!
“ตูม ตูม ตูม!”
งูสายฟ้าล้อมรอบเขา กรวดหินปลิวว่อนไปทุกทิศ เสียงดังอย่างต่อเนื่องและหนวกหู
นี่คือทักษะยุทธ์อันน่าภาคภูมิใจของฉู่เจิ้นหนาน นั่นคือลายประทับสายฟ้า ทรงพลังอย่างยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงนักรบขั้นมหาสมุทร แม้แต่นักรบขั้นพื้นพิภพที่อ่อนแอสักหน่อยก็ไม่อาจหลบหนีได้
“ปัง ปัง ปัง——!”
ทุกคนมองดูเวทีที่เต็มไปด้วยสายฟ้าแลบ ส่ายหัวและถอนหายใจด้วยความะเืใจอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกัน หญิงงามคนหนึ่งก็ตรอมตรม
โดนฝ่ามือหนักๆ เหล่านี้เข้าไป ฉู่อวิ๋นก็คงจะกลายเป็ผงเข้าจริงๆ
“แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก-”
ก้อนหินกลิ้งตกลงมาแตก และครู่ต่อมา เวทีก็แตกออกเป็เสี่ยงๆ ฝุ่นควันปลิวฟุ้งไปทุกทิศทาง ดินทรายปลิวว่อน บดบังสายตาของทุกคน
ยามนี้ เมื่อเห็นเวทีแตกกระจาย ฉู่ซินเหยาก็หลั่งน้ำตา เจ็บหัวใจ กัดริมฝีปากจนห้อเื ภาพตรงหน้ามืดลง นางแทบจะหมดสติลงไปตรงนั้น
“แกร๊ก—”
ในขณะเดียวกัน คนแถวหน้าก็พบว่ามีชิ้นส่วนแปลกๆ อยู่บนพื้น รูปทรงแปลกๆ และแตกออกเป็ชิ้นๆ ทีละชุ่น
มันคือหน้ากากผีร้าย แต่มีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงและมองหน้ากัน
ใบหน้าของฉู่เจิ้นหนานมืดมน เขาขมวดคิ้วมุ่น
“เ้าเป็ใคร?!!!”
จิ้งจอกเฒ่าะโด้วยความโกรธ ค่อยๆ ร่อนลงบนพื้น และจ้องมองไปที่กลางเวที
แม้ว่าทัศนียภาพจะถูกบดบังด้วยฝุ่นควัน แต่น้ำเสียงของเขาก็เด็ดขาด ราวกับคิดว่าจะมีใครสักคนอยู่ที่นั่น
ทุกคนตกตะลึง เกิดอะไรขึ้น? ด้วยรอยฝ่ามือสายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวนั่น ชายหนุ่มคงกลายเป็ขี้เถ้าไปแล้ว แต่ทำไมผู้นำตระกูลฉู่ถึงยังะโอยู่?
“เ้า... เ้า... เ้า!”
“เ้าเป็ใคร!?”
ฉู่เจิ้นหนานะโถามอีกครั้งด้วยสีหน้าตกตะลึง ทำให้ทุกคนใตามไปด้วย แม้แต่คนที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดบนท้องฟ้าก็ยังจ้องมองที่ตำแหน่งของเวที
“ฟิ้ว—”
สายลมแ่พัดผ่านไป ควันค่อยๆ จางหาย และการมองเห็นก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
“พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ——”
ไฟกำลังลุกโชน รณทระนงกำลังโชติ่
ที่กลางเวที ร่างหนึ่งค่อยๆ ปรากฏสู่สายตาของทุกคน เขาทรงพลัง เด็ดเดี่ยวยิ่งนัก
ที่ตรงนั้น มีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนถือกระบี่อยู่
สิ่งที่เขาถืออยู่ในมือ คือกระบี่โบราณที่มีสีแดงราวกับหุบเหวแห่งนรก
กระบี่โบราณ ชื่อยวน