เวลาผ่านไปประมาณสองชั่วยามทุกคนก็มาถึงยอดเขา มองด้วยตาเหมือนจะใกล้ แต่เอาจริงๆ ก็ไกลอยู่เหมือนกัน ยิ่งเป็ยอดเขาถ้าเดินขึ้นมากันเองนี่คงลำบากน่าดู นางและน้องๆ คารวะขอบคุณผู้าุโ และทราบชื่อภายหลังว่า ท่านหลินปิง เป็สหายกับเ้าของสำนักนกกะเรียน
มีผู้เฒ่าออกมาต้อนรับโดยหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส แม้จะอายุเยอะแล้วแต่ดวงตาก็ยังใสกระจ่าง ท่าทาง กระฉับกระเฉง ทั้งคู่พบปะพูดคุยกันซีซีจึงเอาหยกจากอาจารย์ที่ให้มาเอาไปให้เ้าสำนัก นกกะเรียนดู
"ข้าได้ข้อความจากตาเฒ่าแล้ว ข้าจะรับตัวพวกเ้าเอาไว้
ที่นี่หลบซ่อนจากยุทธภพมีน้อยคนที่จะรู้จักและเข้าถึง ข้าจะสอนให้เฉพาะคนที่เป็เครือญาติและรู้จักเท่านั้น ทำให้ที่นี่เป็อย่างที่พวกเ้าเห็นเงียบสงบคนไม่เยอะ ขอแค่พวกเ้าตั้งใจร่ำเรียนจะได้ประโยชน์ไปไม่น้อยถึงแม้ที่นี่จะไม่เก่งและยิ่งใหญ่เหมือนสำนักทั่วไปแต่ก็มีพลังและความรู้ให้พวกเ้า"
ซีซีคิด “น่าจะเป็เหมือนโรงเรียนประถมในโลกอนาคตที่จากมา พอจบประถมก็ต้องต่อมัธยมจนถึงวิทยาลัยเป็แน่ ”
เด็กทั้งสามคนถูกศิษย์พี่พาไปพักผ่อน และเตรียมน้ำชามาคารวะท่านอาจารย์ ห้องพักลักษณะคล้ายถ้ำเล็กแต่มีอุปกรณ์ภายในครบถ้วน มีห้องปรุงยาแยกเป็สัดส่วน ซีซีและน้องเล็กพักอยู่ด้วยกัน ส่วนน้องรองแยกออกไปแต่ก็อยู่ใกล้กัน หลังจากจัดสัมภาระเสร็จสามพี่น้องให้มาเตรียมน้ำชา เพื่อคารวะอาจารย์
หลังจากพิธีคารวะอาจารย์เรียบร้อยแล้ว ศิษย์พี่พาทั้งสามคนสำรวจ ยอดของนกกะเรียน โดยเดินบ้างนั่งบนพรม บางสลับกันไป ด้านหลังที่พักห่างออกไปประมาณหนึ่งลี้ เป็ที่โล่งกว้างเขียวขจีไปด้วยสมุนไพร มีกลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ กระจายแทรกเข้ามาในอากาศ ที่นี้มีศิษย์พี่อยู่สี่คนผู้หญิงสองผู้ชายสอง และลูกศิษย์ที่เป็เด็กรุ่นเดียวกันกับซีซี และน้องรองคืนอายุระหว่าง 5-12หนาว รวมน้องเล็กด้วยก็มีแปดคน
ที่นี่สอนแบบมีวิชาให้เลือก ใครถนัดด้านไหนก็เน้นสอนด้านนั้น ไม่ได้บังคับให้เรียนทุกวิชา ส่วนมากจะเป็วิชากระบี่ ฝึกพลังปราณ อักขระขั้นพื้นฐานและปรุงยาขั้นพื้นฐาน
ตัวซีซีเองเลือกเรียนปรุงยาและอักขระ น้องชายเรียนกระบี่และลมปราณ น้องเล็กฝึกเขียนอักษรไปก่อนเพราะยังเล็ก
ความจริงนางมีพื้นฐานมาแล้วจากอาจารย์ผู้เฒ่า อาจารย์จึงสอนพิเศษแก่นางเพิ่มขึ้นอีกโดยเฉพาะวิชาปรุงยาเพราะที่นี่มีวัตถุดิบเยอะมาก
นางฝึกฝนอยู่นาน ก็ได้แค่ยาระดับต้นเท่านั้น ระดับ 1-3 แต่อาจารย์บอกว่าเก่งแล้ว เพราะว่าถ้าจะให้ระดับสูงกว่านี้ต้องใช้สมุนไพรที่หายากและบางตัวก็หายสาบสูญไปแล้ว ผู้ปรุงโอสถอยู่ระดับห้าก็ถือว่าเป็สุดยอดมีไม่กี่คนที่อยู่ในเมืองหมอกแห่งนี้
ซึ่งหาก้าจะเก่งกว่านี้ก็ต้องเดินทางไปเรียนที่สำนักใหญ่ๆ ซึ่งจะรับลูกศิษย์อายุั้แ่ สิบห้าขึ้นไป
ชีวิตสามพี่น้องวนเวียนอยู่แบบนี้เรียนฝึกฝนบำเพ็ญเพียรปลูกสมุนไพรวันแล้ววันเล่าจน เวลาผ่านไป
ซีซีบำเพ็ญเพียรอยู่ในระดับสามปรุงยาระดับสามอักขระระดับสาม ยิ่งบำเพ็ญเพียรนางยิ่งสวยขึ้นผิวขาวอมชมพูตาโตฟันขาวปากแดง จมูกโด่งเป็สัน เพราะปีนี้นางอายุได้สิบสี่แล้ว น้องรองแปดหนาวน้องเล็กหกหนาว น้องเล็กเริ่มฝึกวิชาั้แ่ปีก่อน คือกระบี่ดอกท้อ ที่อาจารย์สอนด้วยตัวเองเพราะความน่ารักและขี้อ้อนของน้องเล็กทำให้อาจารย์รักนางมาก
นางได้ปรึกษากับน้องๆ แล้วว่า ที่ร่ำเรียนมาพอเอาตัวรอด ได้ถ้าจะเดินทางไปตามหาพ่อและแม่ก่อน ต่อจากนั้นจะไปศึกษาหาวิชาความรู้ที่สำนักใหญ่อาจารย์ก็เห็นด้วย
และบอกว่าอีกไม่นานอาจารย์จะไปรับน้องเล็กน้องรองไปที่ยอดเขาสายรุ้งซึ่งอยู่ห่างไกลจากที่นี่มาก ท่านรู้เื่ จากอาจารย์ผู้เฒ่าเป็ผู้ส่งข้อความมาหาว่า ทั้งสามคนพี่น้องจะอยู่รวมกันไม่ได้ จะทำให้เป็จุดสนใจเกินไป ผู้ที่้าทำลายครอบครัวพวกนาง ตามหาตัวได้ง่ายขึ้นให้กระจายกันอยู่เพื่อทางรอด เพราะ่นี้ผู้ที่้าทำลายครอบครัวของพวกนาง น่าจะหันเหความสนใจไปทางพ่อแม่มากกว่าที่จะมาตามทางลูก ซึ่งพวกนางสามารถอยู่รวมกันได้อีกสักระยะหนึ่งเท่านั้น แต่ทุกอย่างก็เป็แค่การคาดเดาเท่านั้น
“ท่านพี่พวกเราจะได้ออกเดินทางไปตามหาท่านพ่อท่านแม่แล้วใช่ไหมเ้าคะ ข้ามีวิชากระบี่แล้วข้าจะจัดการกับเ้า คนชั่วพวกนั้นด้วยกระบี่นี้” น้องเล็กพูดขึ้นมาพร้อม ชูกระบี่ไม้ท้อสีแดงในมือ อย่าเห็นเป็แค่ไม้ท้อเท่านั้น มันสามารถฟาดคน ให้เ็ปได้ แถมพวกผีปีศาจกลัวไม้ท้อแดงนี้เป็อย่างมาก
“น้องเล็กน้องรองเตรียมตัวไว้ได้เลยอีก สามวันหน้าเราจะออกเดินทางกัน”
พวกนางอยู่ที่นี่มา มีเด็กที่อยู่ด้วยกันต่างคนต่างอยู่ ไม่ได้มีความผูกพันอะไรกันเยอะบางคน หยุดเรียนกลับไปอยู่กับครอบครัวบางคนก็เข้ามาเป็ศิษย์ใหม่ หมุนเวียนเปลี่ยนไป
ภายในสองปีที่พวกนางอาศัยอยู่ที่แห่งนี้ มีเวลาน้อยมากทุกคนแทบไม่ได้คุยกันเลย ต่างคนต่างมีหน้าที่ว่างก็ให้ฝึกฝนบำเพ็ญเพียร ไม่ให้ชวนกันพูดคุยนินทาผู้ใด เพื่อตัดปัญหาภายนอกเข้ามารบกวนจิตใจ
พวกนางเหมือนกับถูกปิดหูปิดตาไปด้วย ไม่ได้รับรู้อะไรจากด้านนอกของสำนัก เขานกกรเรียนเลย
ทั้งสามคนช่วยกันเก็บของใส่ก้อนมิติสีดำ ที่ซีซีได้ปรับเปลี่ยนแก้ไขเล็กน้อยให้มีพื้นที่จัดเก็บอยู่ที่ (2 × 2 เมตร)แล้วตอนนี้ และพรมเหาะหนึ่งผืนนางก็ทำได้แล้ว ถึงไม่แข็งแกร่งเหมือนของอาจารย์แต่ก็รับรองว่าบินได้ เพราะว่าพลังปราณยังอ่อนอยู่ ไม่แข็งแกร่งพอที่จะบังคับให้บินในระยะไกลได้ ต้องเดินสลับนั่งเป็บางจุด ก็ยังดีกว่าเดินอย่างเดียวแล้วล่ะ
นางคิดเล่นๆ “ ถ้าเอาไปบินในโลกอนาคต ถ้าไม่ชนตึกก็ชนเสาไฟฟ้าแน่ๆ”
วันออกเดินทางก็มาถึง ทุกคนร่ำลาอาจารย์และศิษย์พี่ทั้งสี่คน เพื่อเดินทางออกจากป่าหมอกไปตามหาท่านพ่อท่านแม่
“พวกข้าขอลาท่านอาจารย์และศิษย์พี่ทั้งสี่เ้าค่ะ”
“ข้าไปก่อนนะเ้าค่ะท่านอาจารย์อย่าลืมว่า ท่านต้องไปรับข้าน่ะเ้าค่ะ”
“ข้าขอลาท่านอาจารย์ศิษย์พี่ทั้งสี่ขอรับ ไว้วันหน้าเราคงได้เจอกันอีก”
“ข้าจะลืมพวกเ้าได้ยังไงข้าไปรับแน่นอน โดยเฉพาะนังหนูเล็กผู้น่ารัก”
ทั้งสามพี่น้องเข้าไปนั่งบนพรมและบินออกไป ซีซีบังคับด้วยพลังปราณอาจารย์บอกว่าสามารถใช้มุกิญญาระดับกลางใส่เข้าไปตรงแกนกลาง จะทำให้บินได้ไกลขึ้นและไม่ต้องใช้พลังปราณเยอะ แต่ที่อาจารย์มีอยู่แค่สองก้อนท่านจะให้มาหนึ่งก้อน
แต่ซีซีไม่รับนางบอกว่าจะไปหาดู ในเมืองตามโรงประมูลน่าจะมี อาจารย์ก็เห็นด้วยเพราะที่อาจารย์มี จะเอาไว้ยามฉุกเฉินเท่านั้น มุกิญญาราคาแพงมากระดับต้นอยู่ที่ หนึ่งหมื่นตำลึงทองระดับกลางอยู่ที่ ห้าหมื่นตำลึงและระดับสูงซึ่งหายากมากอยู่ที่แสนตำลึงทอง หากขายสมบัติที่เก็บจากถ้ำมาไม่แน่อาจจะได้มาซักหนึ่งก้อนหรือสองก้อนระดับกลางก็ได้
พวกนางนั่งพรมมาได้สักระยะหนึ่งยังไม่ทันพ้นเขตป่าหมอก ซีซีรู้สึกหมดแรงพลังปราณเริ่มลดถอยเหงื่อเต็มหน้าผากสวยกลมของนาง จึงบังคับลงจอดตรงกลางป่า
“พวกเราเดินทางอีกหน่อยก็จะพ้นแนวป่าหมอกแล้ว ข้าขอพักนั่งพักโคจรพลังปราณสักครู่แล้วค่อยบินต่อ พวกเ้าอย่าไปไหนไกล”
พูดแล้วนางก็หยิบโอสถเสริมพลังระดับสามขึ้นมากินแล้วนั่งลงโคจรพลังปราณ น้องทั้งสองคนไม่ได้ไปไหน เฝ้าระวังกลัวว่าจะมีอันตราย หรือสัตว์อสูรเดินผ่านเข้ามาตอนนี้
ความจริงบางอย่างซีซีและน้องก็ไม่ได้บอกทั้งหมด แก่อาจารย์ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่ที่สำนักมีคนนอกอยู่ด้วย พวกนางจึงปิดบังเช่นอักขระมิติก้อนดำ ที่มีสมบัติอยู่ในนั้นเต็มของทั้งสามพี่น้อง
และนางที่มีหลายพลังธาตุ กลัวว่าข่าวจะรั่วไหลออกไปด้านนอก เพราะทั้งจักรวรรดินี้ หายากยิ่งนักที่คนจะมีหลายพลังธาตุในตัว นับนิ้วได้ไม่ถึงสอง
นางเรียนทุกอย่างที่อาจารย์สอนก็จริง แต่ก็เป็อักขระธรรมดาทั่วไปเช่นพรมบิน อย่างที่พวกนางนั่ง กระโจมถุงอักขระที่มีพื้นที่เก็บน้อยนิด แต่นี่ก็ดีสำหรับคนทั่วไปแล้ว นางรู้ตัวดีว่าพลังปราณที่เพิ่มขึ้นความสามารถนางก็เพิ่มขึ้นด้วย คนภายนอกรู้ไม่ทั้งหมด บางอย่างที่นางไม่้าเปิดเผยนางก็เก็บไว้เป็ความลับกับตัวเอง เพื่อความปลอดภัยของนางและน้อง จะเปิดเผยก็ต่อเมื่อสามารถต่อกรกับผู้มีวรยุทธสูงได้ ยิ่งพลังปราณพฤกษา
ซีซียังสร้างเวทปกปิดที่แอบสร้างเอง ตอนที่สร้างมิติก้อนดำและเก็บเอาไว้ ป้องกันผู้อื่นตรวจสอบได้ ถ้าผู้นั้นไม่ได้แข็งแกร่งอยู่ระดับเซียนก็ไม่สามารถมองออกว่านางมีธาตุพฤกษาด้วย หินวัดพลังไม่สามารถมองเห็น เห็นเพียงพลัง ิญญาสีขาวเท่านั้น ซึ่งคนที่มีพลังไม่เข้มข้นพอ เวลาวัดพลังส่วนมากก็จะออกมาเป็สีขาวเหมือนกัน
นางลืมตาขึ้นหลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยามพลังปราณ นางกลับมาเหมือนเดิมแล้ว และเหมือนเพิ่มขึ้นมาด้วย เพราะก่อนหน้านี้พลังปราณของนางใช้ไปเกือบหมด ทำให้เข้าใจมากขึ้นว่าถ้าใช้ของเก่าให้หมดจะได้รับของใหม่มาและทำให้เข้มข้นขึ้น “อ้า! เป็แบบนี้นี่เองข้าค้นพบอีกแล้ว”
“น้องรองน้องเล็กพวกเ้าพร้อมหรือยัง ถ้าพร้อมแล้วก็เข้ามานั่งบนพรมได้ จะได้เดินทางกันต่อชักช้าเดี๋ยวจะมืดเสียก่อนที่จะออกจากเขตป่าหมอกกัน”
ทั้งสามนั่งบนพรมบินตามเส้นทาง ที่อาจารย์ได้บอกไว้ ให้ไปตามทาง ทิศตะวันออก
“พวกเ้าหิวหรือไม่ ถ้าหิวก็กินผลไม้กันก่อนได้เลย ไม่ต้องรอข้า”
ในถุงมีลูกท้อจากเขานกกระเรียนอยู่จำนวนไม่น้อย ที่อาจารย์ให้มาเพราะรู้ว่าพวกนางไม่ทานเนื้อสัตว์ วันข้างหน้าถ้ามีพื้นที่เป็ของตัวเอง นางจะต้องปลูกผลไม้ปราณให้หลากหลายชนิด ไว้ทานเองและขายเงินทั้งนั้น
ในที่สุดก็พ้นชายขอบป่าหมอกออกมา
ทั้งสามคนเดินทางด้วยทางเท้า เพราะอยากเป็แค่เด็กธรรมดาเหมือนมนุษย์ทั่วไป ปกปิดตัวตนเพื่อจะเดินทาง เข้าเมืองหลวงไปสืบข่าว จากต้นตระกูลว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงขับไล่พวกนางออกมาทั้งครอบครัว และตามข่าวของท่านพ่อกับท่านแม่
พี่น้องทั้งสามคนเดินทางเข้าเมืองหลวงมาได้ระยะหนึ่งแล้ว นางเช่าโรงเตี๊ยมระดับห้าดาวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตระกูล หลิว ซึ่งผู้นำตระกูลตอนนี้คือหลิวเหลียง เป็ตระกูลพ่อค้าวาณิชไม่มีอำนาจหรือมีผู้ใดเป็ขุนนางอยู่ในตระกูลเลย มีแต่บุตรหลานที่แต่งงานกับตระกูลขุนนางพอ ที่จะช่วยเหลือและทำให้ครอบครัวไม่มีใครกล้ามารังแกได้
ซีซีและน้องไปที่หอข่าว ว่าจ้างนักสืบด้วยราคาแพง เพราะนางและน้องไม่สะดวกที่จะไปสืบข่าวในตระกูลกลัวจะถูกจับได้เสียก่อนที่จะได้รู้ข้อมูล
“ถ้าเ้ายอมจ่ายหนักขนาดนี้ก็นอนรอข่าวที่โรงเตี๊ยมได้เลย ไม่เกินสามวันข้อมูลทั้งหมดจัดส่งถึงเ้าโดยตรง ตกลงตามนี้เ้าแค่รอ”
“ได้ถ้างานนี้สำเร็จข้ามีงานที่้า จ้างพวกท่านสืบหาข่าวอีกหลายข่าวเลยล่ะ”
พวกเขาอดแปลกใจไม่ได้ ที่ผู้ว่าจ้างอายุน้อยแค่นี้ นางยังน่าจะไม่ถึงวัยปักปิ่นด้วยซ้ำ และที่สำคัญนางปิดหน้าด้วยผ้าสีดำ เห็นแต่ดวงตาคมสวยมีประกายเท่านั้น
ถึงซีซีจะจ้างนักสืบเพื่อหาข่าวแล้วก็ตาม กลางดึกหลังจากที่น้องเล็กหลับสนิทแล้วนางก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งเป็ชายชุดสีดำสนิท พรางหน้าด้วยผ้าดาดหน้าสีดำ แล้วแอบย่องออกไปหลบซ่อนตัวจาก ผู้ดูแลรักษาความปลอดภัยของ โรงเตี๊ยมไปอย่างง่ายดายโดยฝีเท้าที่เบาสนิทและรวดเร็วจากการฝึกเท้าก้าวดารา
ในไม่ช้าก็มาถึงตระกูลหลิว จวนตระกูลหลิวมีอยู่สี่หลังใหญ่ปลูกในแนวแบบสี่ประสาน ซีซีเดินอยู่บนหลังคา ต้องคอยซ่อนตัวจากนักฆ่าที่ทางตระกูลจ้างมาคุ้มครอง รวมถึงคนรับใช้ที่มีวรยุทธที่เดินตรวจเวรยามกัน
นางเดินไปที่จวนหลังใหญ่ที่สุด คาดเดาว่าผู้นำตระกูลน่าจะอยู่หลังนี้ เป็อย่างที่คิดหลังได้ยินเสียงคุยกันเบาๆ ของหญิงและชาย นางดึงแผ่นกระเบื้องขึ้นมาหนึ่งแผ่นเพื่อจะดูคนข้างล่างว่าคือผู้ใดกัน
ผู้ที่อยู่ข้างล่างคือผู้นำตระกูลและฮูหยินกำลังนั่งปรึกษากันอยู่
“ท่านพี่ท่านว่าป่านนี้น้องสามและน้องสะใภ้ เดินทางกันไปถึงไหนกันแล้วไปถึงจุดหมายปลายทางหรือยัง ท่านพอมีข่าวหรือไม่”
“ข้าให้คนตามสืบแล้วแต่ไม่ได้ข่าวอะไรเลย นี่ก็ผ่านมาสองปีกว่าแล้ว ข้าหวังว่าทุกคนน่าจะปลอดภัยกันดีสงสารแต่หลานๆยังเล็กกันอยู่เลย”
ซีซีคิ้วขมวดเข้าหากัน นี่มันไม่เหมือนกับคนที่ตัดพี่น้องออกจากตระกูล แล้วก็สั่งฆ่ามันเื่อะไรกันแน่ ถ้าพวกเขา้าฆ่าน้องชาย แล้วจะมานั่งห่วงกันทำไม
