เมื่อคิดอะไรบางอย่างได้สีหน้าของหนานกงฉี่ก็มืดมนลงไปทันที เขาวางพู่กันลง และลุกออกไปจากห้องประหนึ่งลมพายุ
"เอ้อเปี่ยวเกอ..."เหนียนอีหลานสั่นไหวไปทั้งตัว เร่งรีบไล่ตามออกจากห้อง ทว่าไม่เห็นแม้แต่เงาของหนานกงฉี่ในลานแล้ว
มันเกิดอะไรขึ้น?
หนานกงฉี่ทำตัวเช่นนี้ แม้แต่เหนียนอีหลานเองก็ไม่เข้าใจทว่าไม่รู้เหตุใด ในใจนางถึงได้รู้สึกกังวลอยู่ลึกๆ
"คุณหนูเ้าคะ งานเลี้ยงในสวนวันนี้ พวกเรากลับไปจวนก่อน..." ฟางเหอเห็นสีหน้าของเหนียนอีหลานจึงเอ่ยถาม
“งานเลี้ยงในสวน…” เหนียนอีหลานพึมพำทว่าดวงตาทั้งสองข้างกลับไร้ชีวิตชีวา ทันใดนั้นนางเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ฉีกยิ้มมุมปาก ดวงตาทั้งคู่ค่อยๆกลับมามีชีวิตชีวา "ใช่ งานเลี้ยงในสวน...กลับจวน กลับจวนเดี๋ยวนี้"
นางกังวลเื่ของเหนียนยวี่มากทว่างานเลี้ยงในสวนวันนี้ นางเองก็สนใจมากเช่นกัน
เหนียนอีหลานบอกกับตนเองในใจว่า ความผิดปกติเมื่อครู่ของเอ้อเปี่ยวเกอไม่ได้นับเป็อะไรในเมื่อเอ้อเปี่ยวเกอเตรียมการอย่างสมบูรณ์แบบแล้วเมื่อคืนนี้ เช่นนั้นยามนี้ไม่แน่ว่าเหนียนยวี่อาจจะยังคงปรนนิบัติผลัดเปลี่ยนอยู่ใต้ร่างบุรุษสักคนเป็แน่
และนาง...นางทำได้เพียงแค่รอต่อไปรอดูเหนียนยวี่ว่านางจะปวดร้าวเพียงไหน
เมืองชุ่นเทียน ลานรองในจวนตระกูลฉิน
มือปราบล้อมปิดผนึกทั้งลานในลานบ้านมีคนร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด ยามที่หนานกงฉี่เร่งรีบมาถึง แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง
"ไปสอบถามดูว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน" ในรถม้า หนานกงฉี่เอ่ยสั่งเสียงราบเรียบคนขับรถม้ารับคำสั่งทันที
หนานกงฉี่ยังคงขมวดคิ้ว เขาคาดเดาเื่ที่น่าจะเกิดขึ้นมาตลอดทางเงาร่างของสตรีในวันนั้นผุดขึ้นในหัวของเขา อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
เขาไม่ใช่คนใจดีมีเมตตา ทว่าเขาก็ต้องยอมรับว่าหากเขารู้ว่านางคือเหนียนยวี่ เขาจะไม่มีทางช่วยเหนียนอีหลานลงมือแน่ทว่ายามนี้...
ข้าวสารกลายเป็ข้าวสุกแล้ว สตรีผู้นั้น...
น่าเสียดาย...
หนานกงฉี่ถอนหายใจ รู้สึกขุ่นเคืองอย่างบอกไม่ถูกคนขับรถม้าด้านนอกรีบกลับมารายงานเขาทันทีว่า "คุณชายรองขอรับ บ่าวไปถามมาชัดเจนแล้วขอรับได้ความว่าเกิดเื่ขึ้นในจวน คุณชายของเ้าเมืองชุ่นเทียน...เสียชีวิตในเรือนขอรับ"
เสียชีวิตในเรือนงั้นหรือ?
"แน่ใจนะว่านั่นคือคุณชายจวนเ้าเมืองชุ่นเทียน"
ข่าวนี้ แม้แต่หนานกงฉี่เองก็ใไม่น้อย
“บ่าวสืบถามมาว่าเื่ที่พวกเขาพูดกัน ตอนนี้เ้าเมืองชุ่นเทียนอยู่ในลานเรือนกล่าวว่า้าจะสืบหาคนร้าย ได้ยินว่า…” คนขับรถม้ากล่าวพลางสังเกตสีหน้าของเ้านายเมื่อเห็นว่าเขาดูเหมือนจะสนใจเื่นี้เป็พิเศษ ก็เล่าต่อไปว่า"ได้ยินว่าคุณชายของเ้าเมืองชุ่นเทียนตายอย่างโหดร้ายน่าเวทนาถูกมีดแหลมคมในหลุมทิ่มแทงไปทั้งตัว ทั้งยังตายตาไม่หลับอีกด้วยขอรับ"
หนานกงฉี่ฟังคำรายงานของคนขับรถม้าเพียง่เวลานี้ที่มีความคิดมากมายเกิดขึ้นในหัว
"มีสตรีอยู่ในห้องหรือไม่?"หนานกงฉี่ถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
คนขับรถม้าขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง"ดูเหมือนจะมีเพียงคุณชายจวนเ้าเมืองที่เสียชีวิตนะขอรับ"
มีแค่คุณชายจวนเ้าเมืองที่เสียชีวิต?
ดวงตาเฉียบแหลมคู่นั้นของหนานกงฉี่หรี่ลงเล็กน้อยเมื่อคืนฉินอันและเหนียนยวี่อยู่ด้วยกัน ทว่าฉินอันกลับเสียชีวิตไปในห้องไม่จำเป็ต้องคิด เขาก็รู้แล้วว่า ผู้ใดคือฆาตกร ทว่าเหนียนยวี่...
หึ นางทำให้เขาประหลาดใจได้จริงๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงทักษะการขี่ม้าของสตรีผู้นั้น มุมปากก็ค่อยๆ มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาช้าๆ
สถานการณ์ในยามนี้ ดูเหมือนจะสมเหตุสมผลขึ้นแล้ว
ในใจของหนานกงฉี่รู้สึกผ่อนคลายอย่างอธิบายไม่ถูกแม้แต่เสียงของเขาก็ฟังดูสบายใจขึ้น "กลับจวน"
ณ จวนเหนียน ลานเซียนหลาน
ยามที่เหนียนอีหลานเร่งรีบกลับจากจวนหนานกง หนานกงเยวี่ยก็รออยู่ที่ลานเซียนหลานแล้ว สีหน้าดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจ
“ท่านแม่ ท่านมาที่นี่ทำไมหรือ?” เหนียนอีหลานประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหนานกงเยวี่ยหลังจากเื่ที่เกิดขึ้นกับพี่ใหญ่ ยิ่งเมื่อจ้าวอิ้งเสวี่ยแต่งเข้ามาในจวนเหนียนความคิดของท่านแม่ก็มีแค่เื่พี่ใหญ่ และมาหานางที่นี่น้อยมาก เหตุใดวันนี้...
“หากข้าไม่มาวันนี้เ้าก็จะลืมแม้กระทั่งงานเลี้ยงในสวนและงานเลี้ยงฉีเฉี่ยวไปแล้วใช่หรือไม่?"หนานกงเยวี่ยชายตามองเหนียนอีหลาน น้ำเสียงขุ่นเคือง"เ้ารู้หรือไม่ว่างานเลี้ยงในสวนสำคัญกับเ้ามากแค่ไหน?"
"ข้ารู้ อีหลานย่อมรู้แน่นอนท่านแม่"เหนียนอีหลานก้าวไปข้างหน้า กล่าวอย่างออดอ้อนออเซาะ เพราะรู้เื่นั้นดี ดังนั้นนางจึงได้ไปจวนหนานกงรอผลลัพธ์เื่เหนียนยวี่อย่างใจจดใจจ่อเช่นนั้น
นางเหลือบมองเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่สาวใช้ในห้องตระเตรียมรออยู่รอยยิ้มของเหนียนอีหลานก็ฟังดูสดใสขึ้นทันที “ท่านแม่ ท่านเตรียมมาเพื่อข้างั้นหรือ?”
“หากไม่ใช่เตรียมให้เ้า ข้าจะเตรียมให้คนต่ำต้อยนั่นหรืออย่างไร?"หนานกงเยวี่ยมองใบหน้างดงามของเหนียนอีหลาน ระยะนี้เป็เพราะความเศร้าโศกในใจของเหนียนเฉิง่นี้นางจึงไม่ค่อยได้หายใจอย่างปลอดโปร่งโล่งคอ นานมากแล้วที่ไม่ได้ยิ้มออกมา"อีหลาน วันนี้ท่านยายของเ้าก็เข้าวังเช่นกัน พวกเราสามารถหาโอกาสให้เ้าได้ให้ฮองเฮาได้เห็นเ้า ด้วยอำนาจของตระกูลหนานกง หากพวกเขาคิดจะหามู่อ๋องเฟย จะต้องใคร่ครวญเื่เ้าแน่"
ในใจเหนียนอีหลานมีความสุขมากมิอาจซ่อนความตื่นเต้นได้ "จริงหรือ?เช่นนั้นก็ดีเหลือเกิน"
หากฮองเฮาชื่นชอบนาง เช่นนั้นโอกาสของนางก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
นึกถึงมู่อ๋องจ้าวอี้ ในใจของเหนียนอีหลานเหมือนมีกระแสน้ำอุ่นหมุนวนยามนี้ไม่มีอุปสรรคเช่นเหนียนยวี่แล้ว...
“อีหลาน เ้าต้องประพฤติตัวให้ดียามนี้พี่ใหญ่ของเ้าได้รับความทุกข์ทรมานจากสตรีดุร้ายจ้าวอิ้งเสวี่ยนั่นทุกวี่วันข้าเองก็ไร้หนทางจะปะทะกับนาง ทว่าหากเ้าได้เป็มู่อ๋องเฟย ตระกูลหนานกงของพวกเราและตระกูลเหนียนก็ไม่เป็เช่นเดิมแล้วข้าอยากให้จ้าวอิ้งเสวี่ยหวาดกลัว ไม่กล้าทำตัวกำเริบเสิบสานเช่นนี้อีก"หนานกงเยวี่ยจับมือเหนียนอีหลานแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความปรารถนา "อีหลานความหวังของแม่อยู่ที่เ้าแล้ว"
“อีหลานเข้าใจแล้ว อีหลานเป็บุตรสาวของท่านแม่จะไม่ทำให้ท่านแม่ผิดหวังและจะไม่ทำให้ตระกูลหนานกงต้องผิดหวัง ท่านแม่มิใช่กล่าวไว้หรือว่ายามนั้นที่หมอดูทำนายว่า ทั้งชีวิตนี้บุตรีจะสูงส่งจนมิอาจล่วงล้ำ!"เหนียนอีหลานสบตาหนานกงเยวี่ยอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลาย
มู่อ๋องเฟย...นางต้องได้ดำรงตำแหน่งนั้นแน่!
หนานกงเยวี่ยสั่งให้สาวแต่งตัวให้เหนียนอีหลานใหม่ต้องพิถีพิถันทุกสัดส่วน รอยยิ้มที่อ่อนโยนและน่ารื่นรมย์บนใบหน้า ทุกการเคลื่อนไหว ทำให้หนานกงเยวี่ยพึงพอใจเป็อย่างมาก
รถม้าที่จะเข้าวังรออยู่ข้างนอกจวนแล้วสองแม่ลูกที่กำลังออกจากลานเซียนหลานพอดี ได้ยินเสียงจากทางด้านหลังดังขึ้นมาทำให้รอยยิ้มบนใบหน้างดงาม มีชีวิตชีวาราวดอกไม้หอมของเหนียนอีหลานนั้นชะงักค้าง
"ท่านพี่รอยวี่เอ๋อร์..."
เสียงนี้...
เหนียนอีหลานหยุดชะงักมือที่ถือผ้าเช็ดหน้ากำแน่นขึ้นมาทันที เหนียนยวี่หรือ? เหนียนยวี่อยู่ที่ลานเซียนหลานได้อย่างไร
นึกถึงแผนการเมื่อคืนไม่ควร...เห็นได้ชัดว่านางควรจะไปอยู่บนเตียงของบุรุษผู้นั้น มิใช่หรือ?
แต่...นางอยู่ในลานเซียนหลาน นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
ลางสังหรณ์ไม่ดีเมื่อครู่ที่ค่อยๆเลือนหายไปจากใจของเหนียนอีหลาน ผุดขึ้นมาในทันที
เหนียนอีหลานไม่กล้าหันกลับไปมองทว่าเหนียนยวี่กลับเดินมาด้านหน้านางเมื่อเห็นใบหน้าแข็งทื่อเล็กน้อยของเหนียนอีหลานเหนียนยวี่ยกยิ้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น "ท่านพี่ ท่านเป็อะไรหรือ เหตุใดสีหน้าถึงดูไม่ดีเช่นนี้"
เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของเหนียนยวี่ในใจเหนียนอีหลานประหนึ่งมีหินก้อนใหญ่ตั้งขวางไว้แม้นางจะพยายามปกปิดอย่างสุดความสามารถ ทว่าก็มิอาจลบล้างความไม่เป็ธรรมชาติของนางได้