สองวันให้หลัง ในหุบเขาคนโฉด
ตูม!
ท้องฟ้าสว่างวาบด้วยแสงอสนี ก่อนตามมาด้วยเสียงฟ้าคำราม พายุฝนพัดกระหน่ำ ในหุบเขาเต็มไปด้วยดินโคลน
กู่ไห่รวบรวมเหล่าอาชญากรเข้ามาไว้ในกองกำลัง และเปลี่ยนที่พักส่วนตัว ไปเป็สถานที่ที่สะอาดกว่าเดิม นั่นคือถ้ำเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งสามารถกำบังพายุฝนได้
บัดนี้ภายในหุบเขา การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป
ชายหนุ่มระบุตัวผู้บัญชาการทั้งสี่แล้ว และคนที่จะมาทำหน้าที่ผู้นำในตำแหน่งสำคัญๆ ก็แต่งตั้งแล้วเช่นกัน ตอนนี้ที่เหลืออยู่ ก็คือหัวหน้ากลุ่มย่อย ซึ่งคนบางกลุ่มก็เลือกหัวหน้าได้ทันที ในขณะที่บางกลุ่มต้องต่อสู้ประลองกำลัง
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป
เพียะ!
ทันใดนั้น เสียงหวดแส้ก็ดังขึ้น
“สารเลว! พวกเ้าต่อสู้กันหรือ? หา?” เสียงเดือดดาลดังมาจากทางเข้าหุบเขา
การต่อสู้หยุดลงทันที ทุกคนต่างหันไปมองหน้ากัน
เกาเซียนจือถูกชายชุดดำหลายคนคุมตัวเข้ามา แต่ละคนต่างถือร่มเอาไว้ในมือ
เสื้อผ้าของเกาเซียนจือขาดรุ่งริ่ง สภาพยับเยินมาก แต่ถึงอย่างไรก็ยังรอดมาได้
จบไปอีกรอบแล้ว!
เหล่านักโทษมีสีหน้าย่ำแย่ทันที การประลองรอบใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น?
“รวมตัว!” หัวหน้าชุดดำะโสั่ง
กู่ไห่หรี่ตาลง ก่อนจะค่อยๆ ก้าวไปยังปากทางเข้าหุบเขา
อาชญากรทั้งหมดเข้าแถวอย่างเป็ระเบียบ ขณะเดียวกัน ตรวนของเกาเซียนจือก็ถูกปลดออก
“เอกชวดจากรอบก่อนออกมา!” ชายชุดดำผู้กำลังถือแส้ สั่งเสียงเหี้ยม
กู่ไห่เลิกคิ้ว ก้าวออกไปด้านหน้า พร้อมฮวางบู
เพียะ!
จู่ๆ แส้ก็ฟาดร่างชายหน้าบาก “กลับไปเสีย! เื่นี้ไม่เกี่ยวกับเ้า!”
ฮวางบูจึงค่อยๆ ถอยหลังกลับไป
ชายชุดดำผู้เป็หัวหน้ามองดูกู่ไห่ แล้วหันไปยังเกาเซียนจืออีกครั้ง “วิชาที่พวกเ้าสองคนใช้ เพื่อปล่อยใบมีดพลังชี่ออกจากฝ่ามือ คือเคล็ดวิชาใด?”
ได้ยินเสียง กู่ไห่ก็รู้ทันทีว่าหัวหน้าชายชุดดำผู้นี้ คือคนเดียวกับที่เฆี่ยนตีตนไม่หยุดเมื่อคราก่อน
เห็นได้ชัดว่าท้ายที่สุด เกาเซียนจือก็ใช้ท่าไม้ตายแบบเดียวกับกู่ไห่ และพลิกเอาชนะคู่ต่อสู้มาได้
แม้แต่ชายชุดดำก็ยัง้ามัน วิชาลับนี่สามารถรักษาชีวิตคนได้!
สีหน้าของเกาเซียนจือเปลี่ยนเป็ไม่น่าดูทันที แต่กู่ไห่กลับกล่าวอย่างจริงจังว่า “นั่นเป็วิชาลับของสำนักข้า ไม่อาจเปิดเผยได้!”
“สำนักของเ้าหรือ? เ้าอยู่ที่นี่แล้ว ยังจะสนใจสำนักอยู่อีก? หากบอกเคล็ดวิชามา ข้าจะไม่เลือกเ้าครึ่งปี” ชายชุดดำผู้ถือแส้กล่าว พลางแสยะยิ้ม
กู่ไห่เหลือบมองทุกคน ก่อนพูดพร้อมขมวดคิ้ว “วิชานี้ไม่ยาก การเรียนรู้และจับเคล็ดลับนั้นง่ายมาก หากพูดออกไป มันก็คงใช้ไม่ได้ผลอีก ท่านแน่ใจหรือ ว่า้าให้ข้าพูดต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้?”
“โอ้! เรียนรู้และจับเคล็ดลับได้ง่ายหรือ?” ชายชุดดำผู้ถือแส้ถาม ก่อนขมวดคิ้ว
“ดังนั้นหากเปิดเผยมันออกมา และเคล็ดวิชาแพร่กระจายออกไป มันก็ไม่อาจใช้ประโยชน์อันใดได้อีก” กู่ไห่พยักหน้า
ชายชุดดำผู้ถือแส้จ้องมองกู่ไห่เงียบๆ ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าว “ฮ่าๆๆๆ! ไม่อาจเปิดเผยได้หรือ? วิชาลับ? ดูเหมือนว่าจะเป็เพียงเื่ไร้สาระ… หึ! พวกเราไป”
“ขอรับ!” กลุ่มชายชุดดำขานรับ
คนเ่าั้จากไปอย่างรวดเร็ว โดยทิ้งเกาเซียนจือไว้เื้ั
“นายท่าน! คนที่ถือแส้ผู้นั้น ต้องกลับมาแน่ขอรับ” เกาเซียนจือเอ่ยอย่างกังวล
“แน่นอน! มิเช่นนั้นข้าคงไม่เปลืองแรงไปหลอกมัน” กู่ไห่เอ่ยเสียงเย็น
“โอ้! แต่จะทำอย่างไรเมื่อเขากลับมาขอรับ?” เกาเซียนจือถามด้วยความกังขา
ฝนห่าใหญ่ยังคงสาดซัด กู่ไห่ค่อยๆ เดินกลับไปที่ถ้ำ
เกาเซียนจือยังไม่ได้รับคำตอบ แต่เมื่อเห็นเหล่านักโทษกำลังหลีกทางให้กู่ไห่ด้วยท่าทางนอบน้อม ก็รู้สึกมึนงงไปหมด
เหล่าอาชญากรพากันตามมา และเดินไปยังบริเวณถ้ำ ด้วยท่าทางเคารพนบนอบ ราวกับว่ากู่ไห่คือผู้นำของตน
“เกิดอะไรขึ้น ใน่สองสามวันที่ข้าไม่อยู่?” เกาเซียนจือถามเฉินเทียนซานด้วยความงุนงง
“ผู้บัญชาการทัพฟ้า เ้าพลาดการต่อสู้ครั้งใหญ่ไป” เฉินเทียนซานกล่าวยิ้มๆ
“คารวะผู้บัญชาการทัพฟ้า!” จู่ๆ นักโทษจำนวนมากก็กล่าวทักทายเขา
สีหน้าเกาเซียนจือเปลี่ยนไปทันที พอจะเดาบางอย่างได้ แล้วมองกู่ไห่ด้วยสายตาตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อมาถึงทางเข้าถ้ำ กู่ไห่ก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
“ครึ่งเดือนก่อน ฝนตกหนัก ทำให้ลานประลองหยุดทำการชั่วคราว! เวลานี้ก็เช่นกัน นี่เป็โอกาสที่์ประทานลงมาอย่างแท้จริง!” กู่ไห่กล่าว พลางหรี่ตา
“นายท่าน ตอนนี้เราจะทำอย่างไรกันต่อขอรับ?” ฮวางบูถาม
“รอดู ว่าคืนนี้ว่าเราจะสามารถถอดหน้ากากออกได้หรือไม่” กู่ไห่กล่าวเสียงเคร่ง
“ขอรับ!”
...
ชายชุดดำผู้ถือแส้สั่งการลูกน้องเล็กน้อย ก่อนแยกย้าย จากนั้นก็ย้อนกลับไปที่หุบเขาคนโฉดเพียงลำพัง
มีผู้คุ้มกันอยู่ด้านนอกหุบเขา ชายชุดดำจึงไม่ได้พูดอะไร เพียงหาที่หลบฝนใกล้ๆ และรอเวลา
“วิชานั่นสำเร็จได้โดยง่าย ขอแค่บอกออกไป ไม่ว่าผู้ใดก็เข้าใจได้? ไม่เป็ไร ขอแค่เคล็ดลับไม่รั่วไหล ผู้ใดเล่าจะแก้มันได้?
หลังจากที่ข้าเข้าใจเคล็ดวิชาแล้ว ก็จะสังหารเ้าสองคนนั้นทิ้ง เช่นนั้นแล้ว มันก็จะเป็วิชาลับซึ่งมีเพียงข้าคนเดียวที่รู้ มิใช่หรือ?” ชายชุดดำกล่าว พร้อมแสยะยิ้ม
...
่ดึก ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง
เพราะพายุฝนพัดกระหน่ำ ทำให้เหล่าผู้คุ้มกันหุบเขา มิใคร่สนใจจะลาดตระเวนตรวจตรานัก แต่กลับไปสำเริงสำราญกันที่ห้องพักแทน
ชายชุดดำผู้ถือแส้ แอบย่องเข้าไปในหุบเขาอย่างเงียบเชียบ
กำแพงแสงสีฟ้ามิได้มีเพียงที่ยอดเขาเท่านั้น แต่ยังมีอีกหนึ่งจุดตรงทางเข้าหุบเขาด้วย ดังนั้น แม้ว่าพวกนักโทษจะรู้ว่ามันเป็ทางเข้าออก แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าก้าวออกมา ด้วยเกรงว่าศีรษะของตนจะโดนะเิ
เมื่อเข้าไปในหุบเขาแล้ว ชายชุดดำผู้นั้นก็กวาดตามองหาพวกกู่ไห่ทันที
เหล่าอาชญากรกระจัดกระจายเป็กลุ่มๆ กลุ่มละสองถึงสามคน ซ่อนตัวหลบฝนอยู่โดยรอบ
“หืม? อยู่นั่นหรือ?” ทันใดนั้น ชายชุดดำก็เจอกู่ไห่และเกาเซียนจือ
ทั้งสองกำลังหลบฝนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
เพียะ!
ชายชุดดำสะบัดแส้ในมือเบาๆ ขณะเดินเข้าไปหาคนทั้งสอง ด้วยท่าทางผยองยิ่ง
“เ้าหนู... ข้ามาแล้ว!” ชายชุดดำที่ถือแส้ มองกู่ไห่พลางยิ้มเย็น
ชายหนุ่มที่นั่งขัดสมาธิอยู่ ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่าย
“เหตุใดถึงได้กลับมาอีก?” กู่ไห่ถามเสียงเคร่ง
“บอกเคล็ดวิชาลับนั่นมา! มิฉะนั้น ข้าจะทำให้พวกเ้าทั้งสองอยู่มิสู้ตาย!” ชายผู้ถือแส้ค่อยๆ สืบเท้าเข้าไปใกล้ พร้อมยิ้มเ็า
ชายผู้นั้นเหยียบลงบนกองใบไม้หนา และค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้คนทั้งสองทีละก้าวๆ
กู่ไห่เพียงหรี่ตามอง
“เ้าหนู มิได้ยินที่ข้าพูดหรือ? ยังไม่...” ชายชุดดำข่มขู่
แต่ยังไม่ทันพูดจบ ใบไม้ที่อยู่ใต้เท้าของเขา ก็กระจัดกระจายในบัดดล
วูบ! วูบ!
จู่ๆ เชือกสองเส้นที่มีห่วงกลมๆ อยู่ตรงปลาย ก็โผล่ออกมาจากใต้เท้า บ่วงเชือกรัดข้อเท้าชายชุดดำแน่น ราวกับว่าใครบางคนกระตุกมัน
ข้อเท้าทั้งสองของเขาถูกมัดเอาไว้
“เกิดอะไรขึ้น?” ชายชุดดำร้องโพล่งด้วยความใ
วูบ!
ทันใดนั้น ก็มีแรงมหาศาลดึงเชือกทั้งสองเส้นอย่างแรง จนทำให้ขาทั้งสองของชายชุดดำแยกออกจากกัน
“อยากตายหรือ?” ชายชุดดำะโขู่ พลังชี่จำนวนมากพุ่งออกจากร่างทันที
เชือกทั้งสองเส้น ถูกดึงกลับไปทางชายชุดดำเล็กน้อย
วูบ!
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ถือปลายเชือกอีกด้านนั้นแข็งแกร่งมาก พริบตา ก็สามารถดึงเชือกกลับคืนไปได้
“เป็ไปได้อย่างไร?” ชายชุดดำร้องอย่างตระหนก
เขาใกล้จะบรรลุระดับแก่นทองคำแล้ว ที่สำคัญยังใช้พลังชี่ด้วย เหตุใดถึงได้ถูกมนุษย์ธรรมดาผู้หนึ่งจับได้?
มนุษย์ธรรมดาผู้หนึ่ง?
ย่อมมิใช่!... มีนักโทษหลายร้อยคนดึงปลายเชือกแต่ละเส้นอยู่ นี่ก็เหมือนการเล่นชักเย่อ โดยมีชายชุดดำอยู่ตรงกลาง
พลังระดับก่อ์ขั้นปลาย? ถึงจะแข็งแกร่ง แต่ก็มีแค่คนเดียว
ในขณะที่อีกด้าน มีเหล่าอาชญากรนับพัน กำลังดึงขาเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี... แล้วจะต้านทานได้หรือ?
“เ้า... พวกเ้าคิดจะฏหรือ?” ครั้นเห็นว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง จู่ๆ ชายชุดดำก็ร้องะโด้วยความใ
ตึก!
ชายผู้หนึ่งะโลงจากต้นไม้ ขณะเดียวกัน ก็มีบ่วงเชือกอีกเส้น คล้องรอบคอชายชุดดำเอาไว้
พลัน กลุ่มนักโทษอีกหลายร้อยคนก็ออกวิ่ง พร้อมดึงเชือกเส้นที่สามนั้น ชายชุดดำจึงรีบใช้พลังชี่ ปกป้องลำคอของตนเอง แต่กำลังของคนนับร้อยซึ่งอยู่ที่ปลายเชือกอีกด้าน ก็แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ เขาจะสามารถต่อกรกับกำลังของผู้ชายหลายร้อยคนได้หรือ?
“ไอ้สารเลว พวกเ้าอยากตาย... แค่กๆๆ!” เมื่อลำคอถูกรัดด้วยพลังอันมหาศาล ชายชุดดำก็ไม่อาจพูดสิ่งใดได้อีก
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
จู่ๆ ก็มีเชือกอีกสองเส้น เข้าไปมัดข้อมือทั้งสองของเขาเอาไว้
วูบ!
และแล้ว แขนขาของชายชุดดำ ก็ถูกดึงแยกออกจากกัน จนร่างของเขากลายเป็ตัวอักษร ‘ต้า’ (大) ที่แปลว่าใหญ่
แม้จะมีพลังชี่ปกคลุมอยู่รอบตัว แต่เมื่อหมวกของชายผู้นั้นร่วงลงมา ก็เห็นสีหน้าบิดเบี้ยวไม่น่าดู ใบหน้ากลายเป็สีม่วงไปเสียแล้ว
ผู้ฝึกตนระดับก่อ์ขั้นปลายนั้น ทรงพลังมาก หาใช่คนที่เหล่าอาชญากรจะต่อกรได้ แต่เพราะมือและเท้าถูกตรึงไว้ และกำลังของผู้ชายสามพันกว่าคน ก็ทำให้เขามิใช่คู่ต่อสู้ของพวกกู่ไห่
“พอแล้ว! ถ้าดึงแรงกว่านี้ แขนขาของเขาจะแยกจากกัน เหมือนถูกห้าม้าแยกร่าง[1]เสียก่อน!” กู่ไห่สั่งการ
“ขอรับ!” นักโทษทั้งหมดขานรับทันที
เหล่าอาชญากรขานรับพร้อมกัน?
สีหน้าของชายชุดดำเปลี่ยนไปทันที นี่มันขบถ คนพวกนี้กำลังก่อจลาจล นักโทษทั้งหมดเป็ฏ!
ชายชุดดำอยากจะร้องะโ แต่เพราะคอถูกรัดไว้ มีหรือที่จะเปล่งเสียงออกมาได้
กู่ไห่ค่อยๆ ลุกขึ้น และเดินไปทางชายชุดดำ ก่อนก้าวไปอยู่ตรงหน้าเขา
“ยังจำสิ่งที่ข้าเคยพูดกับเ้า ในสนามประลองได้หรือไม่?” ชายหนุ่มกล่าว พลางยิ้มเยือกเย็น
เวลานั้นชายผู้นี้ใช้แส้เฆี่ยนเขา พร้อมกล่าวท้าทายกู่ไห่ ให้ฆ่าตน และชายหนุ่มก็ตอบกลับว่า “ข้าทำแน่!”
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ใบหน้าของชายชุดดำก็เปลี่ยนไปทันที ตนจะรู้ได้อย่างไร ว่าคนผู้นี้จะสามารถจัดการอาชญากรทั้งหมดได้? ตอนนี้การฆ่าตนเอง มิใช่เื่ที่ทำได้ง่าย ดั่งพลิกฝ่ามือหรอกหรือ?
เมื่อรู้ว่าความตายกำลังจะมาเยือน ชายชุดดำก็สูญเสียการควบคุมตนทันที อยากร้องขอความเมตตา แต่ไม่อาจพูดสิ่งใดได้ เขาจึงพยายามดิ้นรนสุดฤทธิ์ ด้วยเนื้อตัวสั่นระริก
“หึ!” กู่ไห่แค่นหัวเราะอย่างเหยียดหยัน ประหนึ่งว่าการเสวนากับชายผู้นี้ เป็การเสียศักดิ์ศรียิ่ง
ชายชุดดำถูกตรึงร่างไว้เช่นนั้นหนึ่งชั่วยาม
“นายท่าน เขาหมดสติไปแล้วขอรับ” เกาเซียนจือรายงาน
กู่ไห่หรี่ตาลง
“พาตัวเข้าไปในถ้ำ และเค้นคอเอาความมา อย่าปล่อยให้มันร้องะโได้ล่ะ” กู่ไห่สั่ง น้ำเสียงจริงจัง
“ขอรับ!” เหล่านักโทษขานรับทันที
“บนตัวเขายังมีอาวุธ จัดการมันก่อน!” ฮวางบูพูด
เหล่าอาชญากรไม่มีผู้ใดไม่โเี้ โดยเฉพาะกับชายชุดดำตรงหน้า ยิ่งเกลียดเข้ากระดูก หากไม่จำเป็ต้องเค้นถามวิธีถอดหน้ากาก ชายผู้นี้คงถูกสับเป็พันๆ ชิ้นนานแล้ว มีหรือที่พวกเขาจะใช้วิธีอันมีมนุษยธรรม ในการง้างปากอีกฝ่าย?
การเปิดปากชายผู้นั้น กู่ไห่ไม่จำเป็ต้องจัดการด้วยตัวเอง
ในหมู่อาชญากรสามกว่าพันคน มีคนอยู่ทุกประเภท ผู้ที่มีทักษะในการรีดความลับมีอยู่นับไม่ถ้วน แต่ละคนต่างอดรนทนไม่ไหว ที่จะลองใช้วิธีของตนเอง แม้แต่จุดเล็กๆ พวกเขาก็มิได้ปล่อยผ่าน
เมื่อชายชุดดำฟื้นขึ้น ทุกคนก็แทบจะกรูกันเข้าไปหา
การง้างปากเขา ช่างง่ายดายยิ่ง เขายอมสารภาพทุกอย่างออกมาจนหมดสิ้น
“นายท่าน เราได้ข้อมูลมาแล้วขอรับ แต่เป็ข่าวร้าย!” เกาเซียนจือรายงาน สีหน้าไม่สู้ดีนัก
“หืม?” กู่ไห่ส่งเสียง ด้วยท่าทางสงสัย
“ตามที่ชายผู้นั้นบอก หน้ากากเหล่านี้เป็ของวิเศษ คนในพรรคต้าเฟิงสามารถสวมมันได้ แต่ไม่อาจถอดออกได้ มีเพียงหัวหน้าพรรคหลี่เหว่ยเท่านั้น ที่รู้วิธีถอดมันขอรับ!” เกาเซียนจือรายงาน ด้วยสีหน้าหม่นหมอง
ใบหน้ากู่ไห่ เคร่งเครียดอย่างฉับพลัน
กลุ่มนักโทษมองกู่ไห่เป็ตาเดียว เมื่อได้ยินข้อมูลนี้ ทุกคนพลันเหน็บหนาวไปทั้งใจ
“ถามต่อไป เค้นเอาทุกอย่างที่มันรู้ออกมา รวมถึงทุกสิ่งที่เกี่ยวกับพรรคต้าเฟิงด้วย ให้ผู้ใดก็ได้ คอยบันทึกข้อมูลเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็เื่ความสัมพันธ์ของคนในพรรคต้าเฟิงคนใด เค้นออกมาให้หมด!” กู่ไห่สั่ง
“ขอรับ!” เหล่าอาชญากรตอบรับทันที
เวลานี้ กู่ไห่เป็ดั่งกระดูกสันหลังของเหล่านักโทษ เขาต้องหาทางออกจากที่นี่ให้ได้
“นายท่าน มีบางเื่ที่ผู้น้อยไม่ทราบว่า ควรจะรายงานดีหรือไม่”
“หืม?” กู่ไห่มองเกาเซียนจือ ด้วยท่าทางสงสัย
“มันไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ของเราในตอนนี้ แต่วันแรกที่ข้าไปที่ลานประลอง ข้าเห็นหัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยขอรับ!” เกาเซียนจือกล่าว พร้อมสูดหายใจลึก
“หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยอยู่ที่ลานประลองทุกวัน เช่นนั้น หัวหน้าพรรคต้าเฟิง ก็คงจะอยู่ที่นั่นกับเขาด้วยกระมัง?” กู่ไห่พยักหน้า
“ขอรับ หัวหน้าพรรคต้าเฟิงมาหาเขาเป็พักๆ แต่ในวันสุดท้ายก่อนที่ข้าจะกลับมา มีคนชุดดำอีกกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นขอรับ” เกาเซียนจือเล่า น้ำเสียงเคร่งขรึม
“คนชุดดำกลุ่มหนึ่ง?”
“ขอรับ! แม้ว่าผู้นำของพวกเขาจะปิดบังตัวตนอย่างมิดชิด ด้วยชุดคลุมสีดำ แต่ข้ามองออก ว่าเป็หญิงชราที่ถือไม้เท้าเอาไว้นางหนึ่ง
หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยลุกขึ้นคารวะ ด้วยท่าทางนอบน้อมยิ่ง ส่วนหัวหน้าพรรคต้าเฟิง ก็รีบร้อนเข้าไปทำความเคารพ ด้วยท่าทางนบนอบเช่นกันขอรับ” เกาเชียนจืออธิบายเพิ่ม
กู่ไห่พยักหน้า ก่อนจะตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง
-------------------------------------------
[1] ห้าม้าแยกร่าง เป็การปะาชีวิตในสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ โดยจะมัดแขนขาแต่ละข้าง และศีรษะของนักโทษ ไว้กับม้าแต่ละตัวแล้วให้ม้าวิ่งไปคนละทาง เพื่อแยกร่างของนักโทษออกจากกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้