เวลานี้ซ่งอวี้หิวจนหน้ามืดตาลาย แค่ยืนก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่แล้ว นางได้แต่มองเฉินต้าฮวาที่กำลังโมโหเป็ฟืนเป็ไฟอยู่ตรงหน้า ท่าทีนั้นคล้ายกับว่าหากไม่บรรลุเป้าหมายก็จะไม่มีวันรามือ ซ่งอวี้ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อกรกับนางจริงๆ
ซ่งอวี้ข่มความโมโหในใจ ฝืนพยักหน้า “ได้ หนึ่งกระสอบก็หนึ่งกระสอบ แต่ตอนนี้ข้าไม่มี ขอเวลาให้ข้าคิดหาวิธีสักหน่อย แล้วพรุ่งนี้ข้าจะเอาข้าวสารมาคืนให้เ้า”
เมื่อได้ยินซ่งอวี้รับปากว่าจะคืนข้าวสารให้ เฉินต้าฮวาก็พอใจขึ้นมาเล็กน้อย “ได้ ข้าให้เวลาเ้าหนึ่งวัน เ้าเร่งมือเข้าล่ะ!”
หลังจากพูดจบนางก็หันหลังเดินออกไป และไม่ลืมที่จะดึงหูสามีของตนออกไปด้วย
ด้านนอกมีเสียง ‘เคล้งคล้าง’ ดังขึ้น ซ่งอวี้ฝืนทนอาการเวียนหัวเอาไว้แล้วเดินออกจากห้องไปดู นางเห็นฟืนที่อยู่มุมกำแพงลดลงไปหนึ่งกอง
นี่คือฟืนที่ก่อนหน้านี้นางออกไปเก็บมา แต่ยังไม่ทันได้ขาย เดิมทีตั้งใจว่ารอให้อาการป่วยดีขึ้นก่อนค่อยนำไปขาย อย่างน้อยก็แลกเงินมาได้ ทว่าผู้ใดจะคาดคิดว่าจะถูกเฉินต้าฮวาถือโอกาสจูงแพะติดมือไป [1]
ซ่งอวี้โมโหจนกำหมัดแน่น ทว่านางก็ไม่อาจทำการใดได้ สุดท้ายทำได้เพียงทรุดตัวลงนั่งที่ธรณีประตู แล้วคิดหาวิธี
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่การโมโห แต่ต้องอิ่มท้องก่อน หลังจากนั้นค่อยคืนข้าวสารให้เฉินต้าฮวาหนึ่งกระสอบ
ซ่งอวี้พยายามเค้นความทรงจำที่ร่างเดิมทิ้งเอาไว้ แม่ของร่างเดิมสิ้นใจั้แ่ตอนที่นางเกิด ส่วนพ่อของนางล้มป่วยและตายตอนที่นางอายุเพียงสิบขวบ และดูเหมือนว่านางจะไม่มีญาติคนใดในหมู่บ้านเลย
อีกทั้งผู้ชายในหมู่บ้านเห็นว่านางตัวคนเดียว ทั้งยังมีรูปโฉมงดงาม พวกเขาต่างคิดอยากจะลวนลามนางโดยเอาความช่วยเหลือเข้ามาอ้าง ทำให้หญิงสาวในหมู่บ้านไม่ชอบนาง ด่าทอนางว่าเป็นางจิ้งจอกยั่วยวนบุรุษ ดังนั้นนางจึงยิ่งไม่มีมิตรสหายเข้าไปใหญ่
ดูเหมือนว่าไม่อาจขอยืมข้าวสารจากผู้อื่นได้ นางต้องคิดหาวิธีเอง
ซ่งอวี้เกาหัวด้วยความเคร่งเครียด นางมองไปรอบๆ ก่อนจะเหลือบไปเห็นอุปกรณ์เก็บสมุนไพรที่วางอยู่มุมลานบ้านเข้าโดยบังเอิญ นางนิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง
ก่อนหน้านี้ซ่งอวี้ เ้าของร่างเดิมเลี้ยงชีพโดยการเก็บสมุนไพรและขายฟืน แต่เพราะนางมีความรู้น้อย ดังนั้นสมุนไพรที่นางเก็บมาจึงเป็สมุนไพรที่พบเห็นได้โดยทั่วไป ขายได้ราคาไม่ดีเท่าใดนัก ทว่าแตกต่างกับตน ตนเป็แพทย์ในยุคปัจจุบัน มีความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งแพทย์แผนตะวันตกและแพทย์แผนจีน หากขึ้นไปเก็บสมุนไพรบนหุบเขา ต้องได้สมุนไพรราคาแพงมาอย่างแน่นอน เมื่อเป็เช่นนี้ก็จะขายได้ราคาสูงมากขึ้น!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซ่งอวี้จึงลุกขึ้นเดินไปยังถังน้ำตรงหัวมุมแล้วตักน้ำขึ้นมาดื่มประทังความหิว จากนั้นก็คว้าอุปกรณ์เก็บสมุนไพรขึ้นมา แล้วมุ่งหน้าไปยังหุบเขาด้านหลังหมู่บ้าน
พอเดินไปถึงเชิงเขา นางก็เจอกับผู้ใหญ่บ้าน
ผู้ใหญ่บ้านชื่อหนิวต้าไฉ เป็ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่า อยู่ที่หมู่บ้านเสี่ยวหนิว เป็เพียงคนเดียวที่ถือว่าใจดีกับซ่งอวี้
ซ่งอวี้หยุดเดินแล้วร้องเรียกเขา ผู้ใหญ่บ้านมองนางอย่างพิจารณาแล้วเอ่ยถาม “ซ่งอวี้ เ้าจะขึ้นไปเก็บสมุนไพรบนหุบเขาหรือ?”
“เ้าค่ะ” ซ่งอวี้ตอบ
ผู้ใหญ่บ้านมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที “ข้าว่าเ้าอย่าเพิ่งขึ้นเขาเลย ข้าได้ยินชาวบ้านบอกว่า ่นี้บนหุบเขามีผีออกอาละวาด มีคนเห็นหลายคนแล้ว”
ซ่งอวี้ไม่สนใจ หากบอกว่าเป็สัตว์ป่านางคงเชื่อ แต่หากบอกว่าเป็ภูตผี นางที่เป็แพทย์ จะเชื่อเื่ผีได้อย่างไร? อีกทั้ง หากนางไม่ขึ้นไปบนหุบเขาแล้วจะหาเงินได้อย่างไร? เมื่อหาเงินไม่ได้แล้วจะอิ่มท้องได้อย่างไร? ทั้งยังจะคืนข้าวสารหนึ่งกระสอบให้เฉินต้าฮวาได้อย่างไรด้วย?
นางไม่อยากเพิ่งทะลุมิติมายังโลกใบนี้ไม่ทันไร ก็มีเื่ไปถึงที่ว่าการอำเภอ ด้วยเหตุนี้นางจึงคลี่ยิ้มบางๆ ให้ผู้ใหญ่บ้าน “ผู้ใหญ่บ้าน ข้าไม่ไปไม่ได้ หากไม่เก็บฟืน ก็คงต้องหิวตายแล้ว”
ผู้ใหญ่บ้านทำเสียงไม่พอใจนิดหน่อย “เช่นนั้นเ้าอย่าเข้าไปลึก รีบเก็บฟืน แล้วรีบกลับไปเถิด”
ซ่งอวี้พยักหน้า แล้วสาวเท้าเดินเข้าไปด้านในหุบเขา
แม้ผู้ใหญ่บ้านจะบอกกับนางว่าอย่าเข้าไปลึก ทว่านางยังคงเดินลึกเข้าไปด้านใน เพราะรู้ดีว่าสมุนไพรชั้นยอดล้วนอยู่ในป่าลึกหรือไม่ก็บนหน้าผา
ระหว่างทางนางเด็ดผลไม้ป่าสองสามลูกมากินรองท้อง จากนั้นก็มุ่งมั่นกับการหาสมุนไพร ในที่สุด หลังจากค้นหาอย่างละเอียด นางก็เก็บสมุนไพรราคาแพงได้หลายชนิด ทั้งยังโชคดีเจอโสมอีกหนึ่งต้นด้วย
ซ่งอวี้สะพายตะกร้าสมุนไพรแล้วเดินกลับอย่างมีความสุข สมุนไพรเหล่านี้น่าจะขายได้เงินไม่น้อย เพียงพอให้นางคืนข้าวสารให้เฉินต้าฮวา ทั้งยังอยู่ได้อีกระยะหนึ่ง
ไม่รู้ว่าท้องฟ้ามืดครึ้มั้แ่เมื่อใด นางเดินไปได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ตามด้วยลมพัดรุนแรง ฝนตกโหมกระหน่ำ
ซ่งอวี้กอดตะกร้าสมุนไพรเอาไว้ นางวิ่งวุ่นในป่า เพื่อหาที่หลบฝน และขณะที่กำลังวิ่งอยู่นั้น นางเหลือบไปเห็นกระท่อมหลังหนึ่งเข้า จึงรีบวิ่งไปที่กระท่อมหลังนั้นทันที
เมื่อเข้าไปในกระท่อมแล้ว นางก็รีบตรวจดูสมุนไพรในตะกร้าทันที เมื่อเห็นสมุนไพรไม่เปียกฝนจึงค่อยโล่งใจหน่อย
ทว่าจู่ๆ ซ่งอวี้ก็รู้สึกคล้ายว่ามีคนกำลังมองตนอยู่ นางหันขวับกลับไป และเพิ่งเห็นว่ามุมกระท่อมมีเตียงหนึ่งหลัง บนเตียงมีบุรุษใบหน้าขาวซีดนอนอยู่!
“เ้าเป็ใคร!” ชายหนุ่มมองนางด้วยความระแวดระวัง แววตาของเขาเยือกเย็นและคมกริบ
ซ่งอวี้รีบยิ้มแสดงเจตนาดีให้เขา “รบกวนท่านแล้ว ข้าคือชาวบ้านในหมู่บ้านด้านล่างหุบเขา เดิมทีข้าขึ้นเขามาเก็บสมุนไพร คิดไม่ถึงว่าฝนจะตกหนัก จึงวิ่งมาที่นี่ด้วยความตื่นตระหนก ข้าเพียงอยากจะมาหลบฝน เมื่อฝนหยุดตกแล้วข้าจะจากไปทันที ไม่ทราบว่าจะได้หรือไม่?”
ชายหนุ่มมองนางอย่างพิจารณาหัวจรดเท้า “ไปจากที่นี่เมื่อฝนหยุดตก”
“แน่นอนๆ ” ซ่งอวี้ยิ้มพร้อมกับพยักหน้า
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรอีก ทั้งสองเงียบครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ ชายหนุ่มก็ไอขึ้นมา สีหน้าของเขาฉายชัดถึงความเ็ป ซ่งอวี้มองหน้าของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะป่วยเป็โรคบางอย่าง
เชิงอรรถ
[1] หนึ่งในกลศึกจากเื่สามก๊ก หมายถึง เมื่อศัตรูประมาท แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นโอกาสให้รีบฉกฉวยมา แม้จะเป็เพียงชัยชนะเล็กๆ ก็ตาม