หน้าประตูเรือนหลังเล็ก ณ ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านเสี่ยวหนิว สาวน้อยคนหนึ่งกำลังกำแขนเสื้อของตนเองแน่น นางแต่งตัวซอมซ่อ ร่างกายซูบผอมจนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก
ซ่งอวี้เป็ไข้มาหลายวันแล้ว ลำพังแค่ซื้อยาเพียงสองสามห่อ นางก็ต้องใช้เงินที่เก็บได้จากการขายฟืนจนหมดเกลี้ยง ตอนนี้ในเรือนไม่มีแม้กระทั่งข้าวสาร นางหิวโหยยิ่งนัก จึงจำต้องออกไปขอยืมข้าวสาร ทว่านางเป็คนหน้าบาง ทั้งยังพูดไม่เก่ง เดินวนไปมาหน้าประตูอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีความกล้าที่จะออกไป
หวังกุ้ยซึ่งเป็เพื่อนบ้านมองนางมาครู่หนึ่งแล้ว เวลานี้จึงเดินไปหน้าประตูเรือนของนาง ในมือถือข้าวสารเอาไว้หนึ่งถ้วย “ซ่งอวี้ ข้าเห็นเ้าหน้าซีดเซียวและซูบผอม ในเรือนไม่มีข้าวสารให้หุงกินแล้วใช่หรือไม่? มาๆ พี่หวังให้เ้ายืม”
“ขอบคุณพี่หวัง!” ซ่งอวี้ดีใจอย่างยิ่ง นางยื่นมือออกไปรับข้าวสารด้วยความซาบซึ้ง
ทว่าหวังกุ้ยกลับคว้ามือของนางไปจับเอาไว้ “ซ่งอวี้ ขอเพียงวันข้างหน้าเ้าผูกมิตรกับพี่หวัง ไม่ว่าเ้าจะ้าข้าวสารมากเพียงใด พี่หวังคนนี้ก็ยินดีให้เ้าทั้งสิ้น!”
ซ่งอวี้ใจนหน้าถอดสี สะบัดมือเขาทิ้ง ทั้งยังทิ้งข้าวสารที่ได้ หมุนตัวหันหลังรีบวิ่งหนีไปทันที
“เ้าอย่าหนีสิ!” หวังกุ้ยโผเข้ากอดซ่งอวี้จากด้านหลัง ทำให้นางสะดุดล้มลงบนพื้น ศีรษะกระแทกกับก้อนหิน ก่อนจะแน่นิ่งไป
หวังกุ้ยพลิกตัวของนางขึ้นมาดู เห็นเืเปื้อนเต็มหน้าผาก พอยื่นมือออกไปแตะจมูกของนาง สีหน้าของเขาพลันแปรเปลี่ยนทันที ชายหนุ่มรีบวิ่งกลับเข้าไปในเรือนพร้อมกับปิดประตูด้วยสีหน้ากระวนกระวาย
ในเรือนหลังเล็กที่ทรุดโทรม หญิงสาวที่นอนอยู่บนพื้น เืที่ไหลอาบทำให้สะดุดสายตายิ่งนัก
ผ่านไปครู่หนึ่ง หญิงสาวที่อยู่บนพื้นก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาสีดำสนิททอประกายแหลมคม
เจ็บเหลือเกิน!
ซ่งอวี้ลูบขมับของตนเอง หญิงสาวหยัดกายลุกขึ้นนั่ง เมื่อเห็นบรรยากาศรอบตัวนางก็พลันขมวดคิ้วเล็กน้อย
นางจำได้ว่าตนหมดสติขณะะโลงไปช่วยคนจมน้ำ แม้จะฟื้นขึ้นมา ก็ควรอยู่ในโรงพยาบาลไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดพอมองดูรอบๆ แล้วถึงคล้ายกับว่าตนอยู่ในเรือนซอมซ่อกัน?
จู่ๆ ศีรษะของนางก็ปวดแปลบขึ้นมา ภาพความทรงจำมากมายประเดประดังเข้ามาในความคิดดั่งคลื่นทะเล ร่างกายของนางแข็งทื่อ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองรอบกายอีกครั้ง
์! นางเดินทางข้ามเวลา! เดินทางข้ามเวลามาอยู่ในร่างของหญิงสาวยากไร้ในยุคโบราณ ผู้มีชื่อแซ่เดียวกันกับนาง หญิงสาวคนนี้ชื่อซ่งอวี้เหมือนกันกับนาง!
นางยกมือที่เปื้อนไปด้วยเืขึ้นลูบหน้าผาก แล้วมองเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยรอยเย็บปะบนร่างกายตัวเอง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่เป็ธรรมและเศร้าใจ หญิงสาวคนนี้ต้องมีชีวิตที่ยากลำเค็ญมากเพียงใด ไม่มีข้าวให้กินก็น่าสลดมากพออยู่แล้ว ยังถูกชายที่เป็เพื่อนบ้านลวนลามอีก!
“จ๊อกๆ!”
เสียงท้องร้องดังขึ้นอีกครั้ง ซ่งอวี้กุมท้องแล้วฝืนหยัดกายลุกขึ้น เมื่อเห็นข้าวสารในถ้วยยังอยู่ข้างกาย จึงหยิบขึ้นมา แล้วเดินโซเซเข้าไปในเรือน
ในเมื่อทะลุมิติมาแล้ว เช่นนั้นก็ต้องคิดหาหนทางเอาชีวิตรอดให้ได้ เื่อื่นไว้ค่อยว่ากัน
นางเดินเข้าไปในห้องครัวตามความทรงจำของเ้าของร่างเดิม ไม่มีเวลาสนใจคราบเืที่เกาะตัวเป็ก้อนบนหน้าผาก นางยุ่งอยู่กับการก่อไฟและหุงข้าว
ทว่าเพิ่งก่อไฟเสร็จ กำลังเตรียมที่จะเทข้าวสารลงหม้อ ก็ได้ยินเสียงแหลมหวีดร้องขึ้นว่า “ซ่งอวี้! ซ่งอวี้! นางแพศยาไร้ยางอาย ไสหัวออกมาบัดเดี๋ยวนี้!”
เสียงดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พูดยังไม่ทันจบ หญิงร่างท้วมก็บุกเข้ามาถึงในเรือน
เมื่อเห็นหญิงร่างท้วมคนนี้ ชื่อหนึ่งแล่นเข้ามาในความคิดของซ่งอวี้ทันที… เฉินต้าฮวา นางคือภรรยาของหวังกุ้ยซึ่งเป็เพื่อนบ้านของตน
หวังกุ้ยเดินตามหลังเฉินต้าฮวามา เมื่อหวังกุ้ยเห็นว่าซ่งอวี้ยังไม่ตาย สีหน้าก็ปรากฏความดีใจฉายชัดออกมาทันที “เ้าไม่เป็ไรหรอกหรือซ่งอวี้! ไม่เป็ไรก็ดีแล้ว ไม่เป็ไรก็ดีแล้ว!”
เมื่อเฉินต้าฮวาเห็นสีหน้าของหวังกุ้ยพลันบังเกิดความหึงหวงขึ้นมาทันที นางแย่งถ้วยในมือของซ่งอวี้ เรี่ยวแรงของนางมหาศาลนัก ซ่งอวี้ที่ผอมแห้งแรงน้อย ทั้งยังมีไข้สูงและหิวโหย จะเป็คู่ต่อสู้ของเฉินต้าฮวาได้อย่างไร?
แม้จะแย่งถ้วยข้าวสารในมือไปได้แล้ว แต่เฉินต้าฮวาก็ยังไม่คลายความโมโห นางยื่นนิ้วมือสั้นและอวบอ้วนของนางขึ้นมาชี้หน้าด่าซ่งอวี้ว่า “นางแพศยาไร้ยางอาย เพื่อลวงเอาข้าวสารของบ้านข้า คิดไม่ถึงว่าเ้าจะถึงขั้นยั่วยวนสามีข้า!”
เมื่อได้ยินเฉินต้าฮวาด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ความโมโหก่อตัวขึ้นในใจของซ่งอวี้ นางโต้กลับเสียงเยือกเย็น “เ้าอย่าพูดจาเหลวไหล เ้าใช้ตาดวงใดมองว่าข้ายั่วยวนสามีของเ้า!”
“หากเ้าไม่ยั่วยวนเขา เขาจะสงสารเ้าเช่นนี้หรือ?” เฉินต้าฮวายิ่งพูดยิ่งโมโห หยิกหวังกุ้ยแรงๆ สองที
หวังกุ้ยเป็คนกลัวภรรยา เขาจึงได้แต่อดกลั้นเอาไว้ไม่กล้าส่งเสียง
ซ่งอวี้เห็นท่าทีขี้ขลาดของเขา ก็หัวเราะเสียงเย็น “ชายที่ขี้ขลาดเยี่ยงสามีเ้า ยังกล้ามีหญิงอื่นลับหลังแม่เสือเช่นเ้าอีกหรือ? เ้าประเมินเขาสูงเกินไปแล้วกระมัง?”
เมื่อได้ยินซ่งอวี้ด่าทอว่าตนเองเป็แม่เสือ ความขุ่นเคืองของเฉินต้าฮวาก็ปะทุออกมาทันที นางเดินเข้าไปใกล้หมายจะกระชากผมของซ่งอวี้
ซ่งอวี้ระมัดระวังตัว นางถอยหลังสองก้าวหลบเลี่ยง แล้วพูดเสียงเคร่งขรึม “เฉินต้าฮวา ข้าขอบอกเ้า ชื่อเสียงของสตรีสำคัญที่สุด หากเ้าครหาข้าพร่ำเพรื่อโดยไร้หลักฐาน ข้าจะไปหาผู้ใหญ่บ้าน ฟ้องร้องเ้าในความผิดฐานทำลายชื่อเสียง!”
น้ำเสียงของซ่งอวี้ทำให้เฉินต้าฮวาตกตะลึง หญิงสาวมองไปยังดวงตาที่ทอประกายแหลมคมของนางพลันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดซ่งอวี้ที่แสนอ่อนแอรังแกง่ายคนเดิมจึงเปลี่ยนเป็คนละคน?
เมื่อเห็นเฉินต้าฮวาเงียบ ซ่งอวี้ก็พูดเสียงเยือกเย็นขึ้น “คืนข้าวสารให้เ้าแล้ว หากไม่มีเื่ใดแล้วพวกเ้าก็กลับไปเถอะ!”
เฉินต้าฮวาดึงสติกลับมา เอามือเท้าเอว แล้วเริ่มไม่ยินยอม
“ไม่ได้! ครั้งนี้ข้ารู้ แล้วตอนที่ข้าไม่รู้ ไม่รู้ว่าเ้าเอาข้าวสารไปจากหวังกุ้ยของข้ามากเพียงใด! เ้าต้องคืนมากกว่านี้ อย่างน้อยก็ต้องคืนข้าวสารให้ข้าหนึ่งกระสอบจึงจะพอ มิเช่นนั้นข้าจะไปร้องทุกข์ที่ว่าการอำเภอว่าเ้ายั่วยวนสามีของข้า ขโมยข้าวสารของข้า!”