เซวียเสี่ยวหรั่นปูที่นอนให้เหลียนเซวียนอยู่จึงไม่ได้ยินคำกล่าวของซีติ้ง
แต่บรรยากาศชอบกลในกระท่อมทำให้เธอนึกระแวงขึ้นมา
ซีติ้งลูบศีรษะส่วนที่โล้นไปแถบหนึ่ง สองขาพลันอ่อนปวกเปียกนั่งกองลงไปตรงนั้น
มารดาเถอะ หากมีดบินเล่มนั้นขยับลงมาอีกหนึ่งชุ่น ชีวิตน้อยๆ ของเขาก็จบสิ้นแล้ว
ตัวเขาสั่นระริกเอี้ยวศีรษะกลับมา แววตาเจือไปด้วยความหวาดผวาจดจ้องไปยังบุรุษซึ่งนั่งอยู่ด้านในสุด
ดวงตาของคนผู้นั้นไม่เหมือนคนสามัญทั่วไป มีกลิ่นอายเย็นเยียบน่าสยดสยองแผ่ซ่านออกมา
ทั้งที่รู้เต็มอกว่าดวงตาชายผู้นั้นมองไม่เห็น แต่ซีติ้งกลับรู้สึกได้ว่าตนเองตกเป็เป้าหมาย แค่ขยับเพียงเล็กน้อย มีดบินเล่มถัดไปอาจพุ่งเข้ามาปลิดชีวิตของตนเอง
ซีติ้งตัวสั่นอย่างรุนแรง
"เ้าบัดซบ วันๆ เอาแต่สุมหัวกับพวกอันธพาล ยังไม่รีบขอขมาผู้อื่นอีกรึ" ซีต้าเฉียงเดินเข้ามาหาซีติ้ง พลางตำหนิด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ในฐานะที่เป็ผู้นำตระกูล ในเวลาแบบนี้ก็ต้องปลุกความกล้าเข้ามาไกล่เกลี่ยสถานการณ์
เขาเองก็ไม่นึกว่าบุรุษที่ชื่อเหลียนเซวียนจะเป็วรยุทธ์
แต่พอมาคิดๆ ดูก็ไม่น่าแปลก หากไร้ความสามารถพิเศษเฉพาะตัว จะจัดการกับหมีตาบอดดุร้ายตัวนั้นได้อย่างไร
เ้าตัวโง่งมซีติ้ง ตาถั่วไปเตะถูกแผ่นเหล็กเข้าแล้วไหมล่ะ
ซีต้าเฉียงลากคนมาถึงหน้าเหลียนเซวียน
แววตาของเหลียนเซวียนแข็งกระด้าง พลังอำนาจแผ่กำจายออกมาทั่วร่างกดดันให้ซีติ้งที่ยืนอยู่เบื้องหน้าต้องก้มหลังลงไป
"ทะ... ทะ... ท่าน" ฟันของเขากระทบกัน ชายผู้มีใบหน้าเต็มไปด้วยาแยามนี้แลดูน่ากลัวราวกับพญามัจจุราช "ท่านจอมยุทธ์เหลียนโปรดเมตตาด้วย ผู้น้อยปากพล่อย ชอบพูดจาส่งเดช ขอท่านได้โปรดให้อภัยด้วยเถิด"
ปากพล่อย? เมื่อครู่นี้เขาพูดอะไรหรือ? เซวียเสี่ยวหรั่นนึกเสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้ฟังให้ดี เธอนั่งลงด้วยท่าทางเคร่งขรึม แต่สายตากลับกวาดมองโดยรอบสังเกตสีหน้าของแต่ละคน
พวกเขาดูเหมือนจะกลัวเหลียนเซวียน
สีหน้าของเหลียนเซวียนราบเรียบ แต่ความเ็าคุกรุ่นกำจายอยู่รอบกาย
"แฮ่ม เอ่อ หละ.... หลางจวินสกุลเหลียน ซีติ้งพูดจาไม่เข้าที ผู้สกุลซีในฐานะาุโของเขารู้สึกละอายใจอย่างยิ่ง ต้องขอขมาท่านด้วย"
ซีต้าเฉียงเองก็ตื่นตระหนกจากอำนาจกดดันที่พุ่งออกมาจากตัวเขา แม้แต่คำเรียกก็เปลี่ยนไปหมด
เซวียเสี่ยวหรั่นหันไปมองเหลียนเซวียน ก็คอหดเล็กน้อย
สีหน้าของเขาเ็า มีพลังชนิดที่ใครก็ไม่อาจดูแคลนได้จริงๆ
เหลียนเซวียนค่อยๆ ยกมือชี้ออกไปข้างนอก
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นแล้วก็เข้าใจความหมาย นี่จะให้พวกเขาออกไปทั้งหมดเลยหรือ
เธอนึกวิตกอยู่บ้าง อย่างไรเสียนี่ก็เป็ที่พักของผู้อื่น
ซีต้าเฉียงเป็ถึงผู้นำตระกูลซี ทั้งเป็คนฉลาดมากด้วยประสบการณ์ แค่เห็นท่าทางของเหลียนเซวียน ไหนเลยจะไม่เข้าใจความหมาย
ดวงตาของซีต้าเฉียงไหววูบ แต่ก็ต้องจำนนต่อสถานการณ์ "เฮ่อ... ขอบคุณหลางจวินสกุลเหลียนที่ให้อภัย เช่นนั้นข้าขอมอบเรือนไม้หลังนี้ให้ท่านกับภรรยาพักผ่อน พวกเรามันคนหยาบกระด้างนอนข้างนอกก็ได้"
กล่าวจบก็ถลึงตาใส่ซีติ้งที่ยังสั่นไม่หาย
"ยังไม่รีบออกไปอีกรึ"
เ้าตัวหน้าไม่อาย ขี้ขลาดขนาดนี้ยังปากกล้าแต่เื่โสมม
พวกซีมู่คุนต่างมองหน้ากัน พลางเก็บของอย่างไร้สุ้มเสียง ก่อนออกไปจากกระท่อม
ซีต้าเฉียงออกไปคนสุดท้ายยังหันมาปิดประตูด้วยความใส่ใจ
"เหลียนเซวียน ท่านไม่เป็ไรนะ?" พอคนออกไปหมดแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็เข้ามาประคองแขนของเหลียนเซวียน
วันนี้เขาใช้อาวุธลับถึงสามครั้ง คงจะเกินขอบเขตที่ร่างกายรับไหวเป็แน่ ประกอบกับได้รับาเ็ไม่เบา เซวียเสี่ยวหรั่นกังวลเป็อย่างมาก
เหลียนเซวียนฝืนกลั้นได้ลมเดียว ร่างกายก็อ่อนยวบ ทิ้งตัวลงไปพิงเตียงไม้ด้านหลัง สีหน้าเดิมทีก็ย่ำแย่อยู่แล้วยิ่งขาวซีดกว่าเดิม
"วันนี้ท่านใช้พลังมากเกินไป นอนพักก่อนเถอะ" เซวียเสี่ยวหรั่นประคองหมายให้เขานอนลง
เหลียนเซวียนส่ายหน้า เขาพักมาตลอด่บ่าย กำลังภายในฟื้นกลับมาไม่น้อย เขาแค่ไม่้าให้เธอต้องมาร่วมชายคากับผู้ชายหยาบกระด้างทั้งโขยง จึงฉวยโอกาสนี้เชิญคนออกไปพอดี
พอเป้าหมายลุล่วง สีหน้าของเหลียนเซวียนก็พลันอ่อนลง
ช่างเป็วัวดื้อจริงๆ เซวียเสี่ยวหรั่นย่นจมูกใส่เขาอย่างอดไม่ได้
อันที่จริง เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับการนอนรอบกองไฟกับคนหมู่มาก เวลาออกค่ายก็เป็แบบนี้ไม่ใช่หรือ
สำคัญที่สุดคือมีเหลียนเซวียนอยู่ข้างกาย เธอรู้สึกอุ่นใจมาก คิดว่าตนเองไม่ต้องกังวลสิ่งใดมากมาย
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยตามติดอยู่ข้างตัวเธอตลอดเวลา คนเยอะเกินไป ทำให้มันหวาดกลัว
"อาเหลยเด็กดี ไม่ต้องกลัว นอนหลับซะ พรุ่งนี้พวกเรายังต้องเดินทางอีกนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นหันไปลูบหัวอาเหลย "นอนเถอะๆ ไม่กลัวๆ"
หลังกล่อมอาเหลยหลับแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็หาวหวอด
"ข้าง่วงแล้ว เหลียนเซวียน ข้าจะนอนแล้ว ท่านก็พักผ่อนเร็วหน่อยล่ะ"
อากาศเริ่มอบอุ่น แต่อุณหภูมิในป่า่กลางคืนยังคงต่ำอยู่ เซวียเสี่ยวหรั่นเอาเสื้อกั๊กหนังงูห่มให้เหลียนเซวียน ส่วนตนเองก็เอาหนังเลียงผามาคลุมแล้วล้มตัวนอน
เพียงไม่กี่นาทีก็หลับสนิท
เหลียนเซวียนเอนกายพิงผนัง ทั่วร่างกำจายกลิ่นอายเอ้อระเหย
ตอนนี้เขาเริ่มเชื่อเื่ที่นางเคยอ้วนมาก่อน คนใจกว้างมักมีร่างอ้วนท้วน หญิงสาวจิตใจโอบอ้อมอารีเช่นนี้ แม้ไม่อยากอ้วนคงยาก
ได้ยินเสียงลมหายใจเบาๆ ของเธอ มุมปากของเหลียนเซวียนก็โค้งขึ้นโดยไม่รู้ตัว
"เหลียนเซวียนผู้นั้นเป็จอมยุทธ์หรือ?"
"อาต้า เ้าโง่รึเปล่า ไม่เห็นมีดบินที่ปักบนท่อนไม้นั่นรึ"
"ก็จริง มีดเล่มเล็กนิดเดียวแต่ฝังเข้าลึกขนาดนั้น หากไม่ใช่จอมยุทธ์ ใครจะไปทำได้"
"นึกไม่ถึงจริงๆ เห็นผอมแห้งอย่างนั้นแต่ร้ายกาจน่าดู"
"นั่นสิ พวกเราไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่ามีดบินเล่มนั้นซัดออกมาั้แ่เมื่อไร"
"คิดว่าเ้าหมีดำตัวนั้นคงถูกยิงจนตาบอดทั้งสองข้าง"
"เฮ่อ อย่ามัวแต่คุยเลย รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องเดินทางแต่เช้า"
พอเสียงของคนสกุลซีจากด้านนอกแว่วผ่านหู เหลียนเซวียนก็หุบรอยยิ้มลง
ออกจากป่า ก็เข้าเขตแคว้นหลี หมู่บ้านที่ชื่อขู่หลิ่งถุนแห่งนี้ตั้งอยู่ส่วนไหนก็สุดรู้
หลายปีมานี้แคว้นหลีค่อยๆ ตกต่ำลง มักเกิดความไม่สงบภายในอยู่บ่อยครั้ง พอพบกับความวุ่นวายครั้งใหญ่ ก็จะมาขอความช่วยเหลือจากแคว้นฉี จนแทบจะกลายเป็แคว้นใต้อาณัติของแคว้นฉีไปแล้ว
ประชาชนมีหลายชนเผ่า นิยมชมชอบการใช้กำลังและความแข็งกร้าว อาณาเขตแคว้นหลีจึงไม่ค่อยปลอดภัยนัก
ตอนนี้ขาของตนเองไม่สะดวก คงต้องอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
คนสกุลซีกลุ่มนี้ยังนับว่ามีคุณธรรมอย่างเด่นชัด ส่วนที่เป็สวะชั้นเลวก็ไม่ได้น่ากลัว
มีดบินที่ซัดออกไปวันนี้คงสร้างความพรั่นพรึงได้ไม่น้อย ใครที่จิตใจไม่บริสุทธิ์คงต้องเกิดความยำเกรงอยู่บ้าง
วันรุ่งขึ้น ฟ้ายังไม่สว่าง ข้างนอกก็เริ่มคึกคักกันแล้ว
เซวียเสี่ยวหรั่นขยี้ตาลุกขึ้นมา ยังง่วงจนแยกแยะทิศทางไม่ถูก
ตาปรือหวีผมเสร็จก็หาวหวอดแล้วเริ่มเก็บสิ่งของ
เมื่อวานเดินทางเร่งรีบมาตลอดทาง ต้นขาและแขนทั้งสองเมื่อยล้าไปหมด นึกถึงว่าวันนี้ต้องเร่งเดินทางอีกทั้งวัน เซวียเสี่ยวหรั่นก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว
อาเหลยตื่นนานแล้ว ข้างนอกมีคน มันไม่กล้าวิ่งออกไป รอจนกระทั่งเซวียเสี่ยวหรั่นลุกขึ้นมา
"เหลียนเซวียน ข้าจะพาอาเหลยออกไปก่อน อีกครู่หนึ่งจะเชิญพี่ใหญ่ซีมาพยุงท่าน"
เก็บของเสร็จเรียบร้อย เซวียเสี่ยวหรั่นก็ดึงเปิดประตูไม้
ด้านนอกห่างจากกระท่อมราวสิบเมตร ทุกคนกำลังวุ่นวายเตรียมอาหารเช้า
พอประตูเปิดออก สายตาของทุกคนก็ไปอยู่ที่ตัวเธอ สีหน้าของแต่ละคนล้วนแปลกไป
ดูท่ามีดบินของเหลียนเซวียนเมื่อคืนจะทำให้พวกเขาตกตะลึงจริงๆ
"ต้าเหนียงจื่อ อรุณสวัสดิ์ขอรับ" ซีหย่วนยิ้มให้พลางกล่าวทักทาย
"อรุณสวัสดิ์ ซีหย่วน" เซวียเสี่ยวหรั่นตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
พอเห็นท่าทางสุภาพอ่อนโยนของเธอ ทุกคนต่างโล่งใจ แล้วกล่าวทักทายตามๆ กันมา
ซีติ้งซึ่งผมหายไปหย่อมหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังสุด จดจ้องใบหน้าอาบรอยยิ้มของเซวียเสี่ยวหรั่นอย่างมาดร้าย
