บทที่ 82 มีผู้หญิงโทรหาลู่จิ่งซาน
ที่ทำการไปรษณีย์ในเวลานั้น คนไม่ได้คับคั่งแต่ก็ไม่ได้น้อย งานบริการไม่ได้แยกส่วน ทุกอย่างรวมกันอยู่ในห้องโถงใหญ่
สวี่จือจือะโออกไปเช่นนั้น คนจำนวนมากต่างหันมามองทางเธอ แม้แต่ผู้ที่กำลังคุยโทรศัพท์ก็ยังชะงัก แล้วหันมามองด้วยความสนใจ
“ใช่แล้ว” ผู้อำนวยการรีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เป็ความบกพร่องในการทำงานของเราเอง เสี่ยวหลิว เธอพูดจากับคนเขาแบบนี้เหรอ?”
พี่หลิวหัวเราะแห้งๆ “ผู้อำนวยการจ้าว เมื่อก่อนหล่อนไม่เคยมาเบิกเงินด้วยตนเอง ฉันสอบถามสักหน่อยไม่ได้เหรอคะ?”
“เธอหุบปากไปซะ” ผู้อำนวยการจ้าวถลึงตาใส่เธอ
“ดังนั้นการสอบถามของคุณก็คือกล่าวหาว่าฉันเป็ขโมยเหรอคะ?” สวี่จือจือหัวเราะ
พี่หลิวถึงกับพูดไม่ออก
“คุณ...คุณลุง” เด็กสาวที่อยู่ตรงข้ามกล่าวเสียงเบา “พี่หลิวแค่ทำไปเพื่อความรอบคอบเองค่ะ”
“สหายน้อย” ผู้อำนวยการจ้าวยิ้มกล่าว “เป็ความผิดพลาดในการทำงานของเรา ฉันขออภัยแทนหล่อนด้วย เธอเห็นว่ายังไง?”
สวี่จือจือพยักหน้า “ผู้นำคือผู้นำจริงๆ แนวความคิดและการตระหนักรู้ของคุณช่างแตกต่างจากคนเบื้องล่างจริงๆ ค่ะ”
คำประจบประแจงช่างคล่องแคล่วเหลือเกิน
“เป็ความบกพร่องในการทำงานของพวกเรา” ผู้อำนวยการจ้าวกล่าว พลางจัดการเื่เอกสารให้แก่เธอด้วยตนเอง
เมื่อทราบว่าสวี่จือจือ้าส่งของอีกด้วยจึงจัดการให้เสร็จสรรพ
“คุณลุง” เด็กสาวรู้สึกขัดเคืองเล็กน้อย แต่กลับถูกคุณลุงของตนเองตวาดใส่เบาๆ “เธอรู้ไหมว่าคนที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ตรงนั้นคือใคร? วันนี้ทำตัวให้ดีๆ”
อย่าได้ทำพลาดในเวลาสำคัญ
หลังจากได้รับเงินสวี่จือจือเก็บให้เรียบร้อย แล้วจึงไปใช้บริการโทรศัพท์
ในเวลานั้นการใช้โทรศัพท์ต้องรอคิว เธอพบชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังสนทนาอยู่ก่อนหน้า
ปลายสายกล่าวอะไรบางอย่าง สวี่จือจือได้ยินชายวัยกลางคนกล่าวว่า “ถ้างั้นฉันจะลองหาคนสอบถามเื่ราวเมื่อปีนั้นดู พวกนายอย่าได้ร้อนใจ หากฉันมีข่าวคราวใดๆ ฉันจะโทรศัพท์แจ้งให้พวกเธอรับทราบทันที ผ่านมาหลายปีแล้วคงยากที่จะตรวจสอบ” เขากล่าวอีก “หรั่นหรั่นรู้เื่นี้ไหม?”
“เฮ้อ เด็กคนนี้น่าสงสาร พวกเธอจงปลอบโยนดูแลหล่อนให้ดี” ชายวัยกลางคนกล่าว “ได้ ฉันรับทราบ”
หลังจากวางสาย หันกลับมาเห็นสวี่จือจือก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มและพยักหน้า
สวี่จือจือเดินเข้าไป คนคนนั้นยังคงหันกลับมามองเธอ
ขณะที่เธอกำลังกดหมายเลขโทรศัพท์ ก็ได้ยินเสียงผู้อำนวยการไปรษณีย์ทักทายและพูดคุยกับคนคนนั้นอยู่ด้านหลัง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคารพ แต่เธอไม่ได้สนใจมากนัก กดหมายเลขโทรศัพท์ที่ลู่จิ่งซานทิ้งไว้ให้
สิ่งที่สวี่จือจือไม่ได้สังเกตคือ ทันทีที่คนคนนั้นเดินออกไป ผู้อำนวยการจ้าวก็รีบเชิญเขาไปยังห้องทำงานของตนเองด้วยความเคารพ
“มาจากเมืองหลวงเหรอ?” พี่หลิวกล่าวเสียงเบา “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้อำนวยการจ้าวถึงได้ร้อนรนแบบนั้น”
เธออดไม่ได้ที่จะเป็กังวล การกระทำเมื่อกี้ของตัวเองจะส่งผลกระทบต่องการงานไหม?
สายตาที่เธอมองไปยังสวี่จือจือซึ่งกำลังรอสายอยู่นั้นไม่ดีนัก
นังเด็กบ้านนอกคนนี้ช่างจู้จี้จุกจิกเสียจริง คิดว่าแต่งงานกับตระกูลลู่แล้วจะยิ่งใหญ่ขึ้นเหรอ?
เหอะ ฝากไว้ก่อนเถอะ
“พี่หลิว พี่ว่าเขาแต่งงานแล้วจริงๆ เหรอคะ?” เด็กสาวที่อยู่ข้างๆ มองตามสายตาของอีกฝ่ายไป พลางถามด้วยดวงตาแดงก่ำ
“น้องสาว ฟังพี่นะ อย่าได้คิดมากเลย” พี่หลิวถอนหายใจกล่าว “หนุ่มดีๆ ในอำเภอเรามีถมไป ด้วยคุณสมบัติของเธอ เลือกใครก็ดีกว่าเขาทั้งนั้น”
เด็กสาวพยักหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำ
สวี่จือจือกลับไม่ได้รู้เื่ราวเหล่านี้เลย
ที่หน่วยงานลับเขต B เป็ที่ทำงานของลู่จิ่งซาน การโทรศัพท์เข้าจะต้องผ่านโอเปอเรเตอร์ก่อน จากนั้นจึงจะโอนสายไปยังแผนกต่างๆ
โทรศัพท์ที่โอเปอเรเตอร์ดังขึ้นไม่ถึงกี่ครั้งก็มีผู้รับสาย “สวัสดีค่ะฉันชื่อสวี่จือจือ ้าติดต่อลู่จิ่งซานจากเขตสองค่ะ”
“กรุณารอสักครู่ค่ะ” โอเปอเรเตอร์สาวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ
สวี่จือจือยังได้ยินเสียงพวกเขาสนทนากันเบาๆ
“มีผู้หญิงโทรหาหัวหน้าลู่”
“เป็แม่เขาเหรอ?”
“ไม่ใช่ เสียงยังสาวอยู่เลย”
“หรือว่าจะเป็น้องสาว?”
จากนั้นโทรศัพท์ก็ถูกโอนสาย
สวี่จือจือ “...”
เสียงกริ่งดังขึ้นสองครั้งก็มีคนรับสาย “สวัสดีครับ สำนักงานเขตสองครับ”
“สวัสดีค่ะ ฉัน้าติดต่อลู่จิ่งซาน” สวี่จือจือกล่าว พลางเตรียมจะแนะนำตนเองก็ได้ยินเสียงะโดังลั่น “ลู่จิ่งซาน มีผู้หญิงโทรหานาย”
สวี่จือจือ “...” ผู้คนในหน่วยงานลับตรงไปตรงมากันแบบนี้เหรอ?
จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา โทรศัพท์ถูกยกขึ้น เสียงของลู่จิ่งซานดังลอดมา “ผมลู่จิ่งซานครับ”
“ฉันเอง” ขณะที่ได้ยินเสียงของเขา สวี่จือจือรู้สึกสงบขึ้นมาอย่างประหลาด พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหวาน “่นี้คุณ...สบายดีไหม?”
“ไม่ดี ตอนกลางคืนนอนไม่หลับเลย...” มีใครบางคนกล่าวเสียงแปร่งอยู่ข้างๆ
สวี่จือจือหัวเราะออกมา จากนั้นก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างตกลงพื้น พร้อมกับเสียงผู้ชาย “ลู่จิ่งซาน นายจะฆ่ากันหรือไง”
แล้วก็ตามมาด้วยเสียงปิดประตู
“จือจือ” เสียงของลู่จิ่งซาน “ทำไมคุณถึงโทรมา ที่บ้านมีเื่อะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มีนะ” สวี่จือจือถาม “แค่วันนี้มาเบิกเงินก็เลยโทรมาหาคุณ”
“ก็เลย?” ลู่จิ่งซานกล่าว
สวี่จือจือหัวเราะ
ผู้ชายคนนี้ช่างชอบจับผิดคำพูดจริงๆ
เธอไม่สนใจเขาแล้วกล่าวต่อไป “คุณย่าฝากถามว่าคุณอยู่ที่นั่นเป็ยังไงบ้าง?”
“แค่คุณย่าถามเหรอ?” ลู่จิ่งซานหดหู่ยิ่งกว่าเดิม
“แน่นอนว่ายังมีฉันด้วย” เธอกล่าวพลางก้มหน้า ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย
มุมปากของลู่จิ่งซานยกขึ้นเล็กน้อย ได้ยินเสียงเธอกล่าวต่อเบาๆ “แล้วคุณล่ะ?”
“อืม” ลู่จิ่งซานกล่าว
“อืมอะไร?” สวี่จือจือแกล้งถามด้วยรอยยิ้ม “คุณคิดถึงฉันด้วยเหรอ?”
ลู่จิ่งซานตอบอืมอีกครั้ง พลันคิดขึ้นได้ว่าโทรศัพท์ที่หน่วยงานมีโอเปอเรเตอร์คอยดักฟังอยู่ด้วย จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ที่บ้านสบายดีกันไหม? คุณย่าสุขภาพแข็งแรงดีหรือเปล่า?”
“สบายดีทุกคน” สวี่จือจือกล่าว “จริงสิ โจวเป่าเฉิงจะแต่งงานแล้ว แต่งกับยุวปัญญาชนอันจากกลุ่มยุวปัญญาชน”
ลู่จิ่งซานให้ความเห็นเพียงสองคำ “ตาถั่ว”
“ก็ไม่แน่” สวี่จือจือหัวเราะ “อาจจะเป็เต่ามองถั่วเขียวแล้วถูกใจกันก็ได้”
ลู่จิ่งซานหัวเราะออกมา
สวี่จือจือมองดูเวลาแล้วรีบกล่าว “พวกเราสบายดี คุณไม่ต้องเป็ห่วง อีกสักสองสามวันฉันจะโทรหาคุณอีก”
“อีกสองสามวันผมอาจจะยุ่งมาก” ลู่จิ่งซานกล่าว
ยุ่งมากสวี่จือจือรู้ได้ทันทีว่าเธอไม่ควรถามอะไรมาก น้ำเสียงเจือความผิดหวัง
ทางด้านนี้ เงาของลู่จิ่งซานที่ทาบทับบนหน้าต่าง เขาอ้าปากหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เอาล่ะ” สุดท้าย เขาก็เน้นเสียงหนักแน่น “คุณดูแลตัวเองให้ดีนะ”
“อืม” สวี่จือจือยิ้ม “คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันเลย”
“อืม” บนกระจก ลู่จิ่งซานกล่าวด้วยความเอ็นดูปนความจนปัญญา “คุณอยากฟังจริงๆ เหรอ?”
“ถ้าคุณไม่อยากพูดก็แล้วไป” สวี่จือจือเบ้ปาก มีท่าทีเขินอายเหมือนเด็กสาว
“ผมยังไม่ได้บอกคุณเหรอว่าโทรศัพท์ที่นี่พวกเขาก็ได้ยินด้วย” ลู่จิ่งซานกล่าวด้วยน้ำเสียงติดจะเย้าแหย่ “หืม? คุณยังอยากฟังอีกหรือเปล่า?”
ใบหน้าของสวี่จือจือแดงก่ำในทันที เธอกระแอมสองครั้งแล้วกล่าวอย่างจริงจัง “เอ่อ...ฉันเป็ภรรยาของเขา ไม่ใช่น้องสาวอะไรทั้งนั้น” แล้วก็มีเสียงดังตู๊ด เธอตัดสายทิ้งอย่างรวดเร็ว
์ เธอไม่เคยอับอายแบบนี้มาก่อนในสองชาติภพ!
เธออยากจะะเิตัวเองให้ตายไปเลย!
.............................