สีหน้าของถงตงและเจิ้งเชามีแต่ความสิ้นหวัง ไม่ว่าอย่างไรการบ่มเพาะหรือแขนของพวกเขาก็ไม่มีวันกลับคืนมา นับจากนี้ไปพวกเขาทำได้เพียงยอมรับมัน
“ใครกันมาเอะอะโวยวายที่นี่?” ตอนนั้นเองมีเสียงที่น่าเกรงขามดังขึ้น ทุกคนจึงหันไปมองตามเสียงนั้น ก่อนจะเห็นชายวัยกลางคนกำลังเดินมาทางนี้ คนผู้นี้เป็ผู้าุโ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนธรรมดา
“ผู้าุโเหลียง เขามาแล้ว!” มีคนจำชายวัยกลางคนผู้นี้ได้จึงอุทานออกมา ส่วนคนอื่น ๆ ต่างหลีกทางให้ผู้าุโเหลียง แต่เจิ้งเชากลับตาทอประกายและผุดความคิดที่จะจัดการเย่เฟิงขึ้นมาทันที จากนั้นเห็นเขาประคองร่างลุกขึ้นจากพื้นแล้วเดินไปหาผู้าุโเหลียง และกล่าวขึ้น “ในที่สุดท่านก็มาแล้ว”
ผู้าุโเหลียงขมวดคิ้ว ก่อนจะมองออกทันทีว่าเจิ้งเชาถูกทำลายการบ่มเพาะ และถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“คนผู้นี้ฝ่าฝืนบทลงโทษของท่านที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ เขามาที่นี่อีกครั้งข้าจึงห้ามไว้ แต่เขาใช้วิธีเลวทรามทำลายการบ่มเพาะของข้า เขาไม่สนใจบทลงโทษของท่านเลยแม้แต่นิดเดียว ต่อมาถงตงอยากช่วยข้าทวงคืนความยุติธรรม แต่ไม่ระวังตัวจึงถูกหมอนี่ตัดแขนทั้งสองข้าง ท่านต้องลงโทษเขาให้ได้!” เจิ้งเชากล่าว
“มีเื่เช่นนี้จริงหรือ?” ผู้าุโเหลียงประหลาดใจ สามารถทำลายการบ่มเพาะของเจิ้งเชาและตัดแขนของถงตงได้ ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีเลวทรามหรือไม่ พลังก็ย่อมแข็งแกร่ง จากนั้นเขาหันไปมองตามนิ้วที่เจิ้งเชาชี้ไป ก่อนจะอดขมวดคิ้วไม่ได้
“เ้าเองหรือ?” แน่นอนว่าผู้าุโเหลียงจำเย่เฟิงได้ เขาจำเื่ในตอนนั้นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะคำพูดทิ้งท้ายของเย่เฟิง ยิ่งทำให้เขาประทับใจอย่างมาก
“สักวันหนึ่งข้าเย่เฟิงจะกลับมาที่จัตุรัสแห่งนี้อีกครั้ง และเวลานั้นท่านจะต้องโค้งคำนับต้อนรับ” ผู้าุโเหลียงจำประโยคนี้ได้ดี ชายผู้นี้ช่างใจกล้ามาก แต่ว่าประโยคนี้จะกลายเป็ความจริงได้อย่างนั้นหรือ?
นอกเสียจากว่าชื่อของเย่เฟิงจะไปอยู่บนรายนามแห่งแท่นศิลาเทียนเสวียน เขาผู้าุโเหลียงถึงจะไม่มีสิทธิ์ห้ามเย่เฟิงเข้ามาในที่แห่งนี้ แต่จะเป็ไปได้หรือ? ศิษย์คนหนึ่งที่เพิ่งเข้าสำนักและมีพร์โดดเด่น แต่จะเป็ไปได้หรือที่ชื่อจะไปอยู่บนรายนามแห่งแท่นศิลาเทียนเสวียนในระยะเวลาอันสั้นได้ เย่เฟิงไม่มีทางทำได้แน่นอน
“ข้าเอง ไม่เจอกันเสียนาน” เย่เฟิงตอบกลับ แม้จะเผชิญหน้ากับผู้าุโของสำนัก แต่น้ำเสียงก็ยังคงเรียบนิ่ง
“ข้าลงโทษเ้าโดยการห้ามมาเหยียบที่นี่ตลอดชีวิตไม่ใช่หรือ แต่ตอนนี้เ้ากลับมาปรากฏตัวที่นี่เนี่ยนะ?” ผู้าุโเหลียงกล่าวเสียงเย็น เขาเห็นระดับการบ่มเพาะของเย่เฟิงก็ต้องประหลาดใจ ต้องทราบก่อนว่าเมื่อไม่นานมานี้ตอนเขาพบเย่เฟิงครั้งแรก ระดับการบ่มเพาะยังอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 เท่านั้น แต่ทำไมตอนนี้ถึงทะลวงจุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 ได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน การเติบโตที่รวดเร็วเช่นนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวมาก แม้เย่เฟิงจะอยู่จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 แต่ทำไมเจิ้งเชาถึงถูกเขาทำลายการบ่มเพาะและถงตงถูกเขาตัดแขนได้? นี่ทำให้ผู้าุโเหลียงไม่เข้าใจ
“ข้าบอกแล้วไง สักวันหนึ่งข้าเย่เฟิงจะมาที่นี่อีกครั้ง และวันนั้นก็มาถึงแล้ว!” เย่เฟิงกล่าวด้วยสีหน้าไร้ความผันผวนใด ๆ เขาไม่อยากเสียเวลาที่นี่ จึงไม่สนใจคนเหล่านี้และก้าวเดินไปต่อ
“เย่เฟิง ชื่อนี้คุ้นหูจัง” ผู้าุโเหลียงพึมพำเมื่อได้ยินชื่อเย่เฟิงจากคำพูดนั่น ดูเหมือนเขาเคยได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหนสักแห่งหรือเห็นผ่าน ๆ แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ผู้คนต่างก็ตะลึงงันเช่นกัน มีหลายคนคิดคล้ายคลึงกับผู้าุโเหลียง นามว่าเย่เฟิงนี้ทำให้พวกเขารู้สึกคุ้นหู
“เย่เฟิง ชายผู้นี้ก็คือเย่เฟิง ชายผู้นั้นที่ไต่ขึ้นอันดับที่ 4 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายาเมื่อไม่กี่วันก่อน มิน่าเขาถึงจัดการเจิ้งเชากับถงตงได้อย่างง่ายดาย แม้แต่เจินเหลียงที่อยู่ขั้นรวมชี่ก็ต้องเกรงกลัวเขา” พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้ทุกคนแหงนหน้ามองแท่นศิลาเทียนเสวียนนั่น อันดับที่ 4 คือเย่เฟิงจริง ๆ ด้วย
ผู้คนต่างต้องตื่นใและใจเต้นระรัว ชายหนุ่มขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 ตรงหน้านี้ก็คือเย่เฟิงที่สร้างเื่วุ่นวายในระยะนี้ เขาไม่ธรรมดาอย่างที่คาดไว้ ช่างน่าขันนักที่พวกเขาคิดว่าเจิ้งเชากับถงตงจะเอาชนะเย่เฟิงได้ เจิ้งเชากับถงตงจะเทียบชั้นกับชายหนุ่มตรงหน้านี้ได้อย่างไรกัน อยู่กันคนละชั้นด้วยซ้ำ
่นี้เย่เฟิงมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ไม่มีใครที่ไม่รู้จักนามเย่เฟิง ตอนนี้เหล่าผู้คนจึงมองเขาด้วยสายตาหวาดกลัว
“เป็ไปได้ยังไง เขาน่ะหรือเย่เฟิงผู้เลื่องชื่อคนนั้น?” เจิ้งเชากับถงตงพึมพำกับตัวเองด้วยความใ แววตาเปลี่ยนไปว่างเปล่า หากรู้เร็วกว่านี้ว่าคนที่เขาล่วงเกินเก่งมากถึงเพียงนี้ เขาเจิ้งเชาคงไม่มีทางยั่วยุเด็ดขาด
สีหน้าของผู้าุโเหลียงพลันเปลี่ยนไป จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ตัวตนของชายผู้นี้อย่างชัดเจน
ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 4 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายา อัจฉริยะมากพร์ เขาสำเร็จภารกิจของแท่นหินหยั่งรู้ลำดับห้าที่น้ำตกเทียนเชี้ยน กลายเป็ผู้ประสบความสำเร็จอีกคนนอกจากตู๋กูหลง ทั้งยังคว้าอันดับหนึ่งของแดนทดสอบหุบเขาเทียนเสวียน ใช้พลังตนกำราบเฉินอ้าวเทียน ซ่างกวนหง และอัจฉริยะคนอื่น ๆ เมื่อออกจากหุบเขาเทียนเสวียน เขาก็ยังใช้พลังตนสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาระดับสูงหลายสิบคน
หลังจากนั้นเขาเฉิดฉายในงานประลองยุทธ์ เอาชนะเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ เฟิงเฉียน โจวมู๋ไป๋ และอีกหลายคน หนำซ้ำเฟิงเฉียนและโจวมู่ไป๋ยังถูกเย่เฟิงฆ่าตายอีกด้วย ข่าวลืออีกอย่างคือโจวมู่ไป๋ได้ทะลวงขั้นรวมชี่ก่อนถึงงานประลองยุทธ์ แต่ก็ยังคงถูกเย่เฟิงฆ่าตาย ดังนั้นการที่เย่เฟิงทำลายการบ่มเพาะของเจิ้งเชาและตัดแขนของถงตงได้ง่ายดายก็ไม่ใช่เื่น่าแปลกใจอะไร
“เ้าบอกว่าเ้าคือเย่เฟิงงั้นหรือ?” ผู้าุโเหลียงเอ่ยถามโดยที่ยังคงไม่เชื่อ
“ผู้าุโมีปัญหาหรือ?” เย่เฟิงพยักหน้าด้วยสีหน้าเฉยเมย
“เพิ่งเข้าสำนักได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน ตอนนี้อยู่อันดับที่ 4 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายาได้ ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่คิด ดูท่าข้าจะมองเ้าผิดไป ข้าต้องขอโทษเ้าด้วย” ผู้าุโเหลียงเผยสีหน้าไม่เต็มใจ ก่อนจะกล่าวเช่นนั้นด้วยรอยยิ้ม เขาขอโทษเย่เฟิงต่อหน้าสาธารณชน เห็นชัดว่าให้เกียรติเย่เฟิง จำต้องบอกว่าผู้าุโเหลียงผู้นี้เป็คนฉลาด เย่เฟิงเผยพร์ที่ยอดเยี่ยม ทางสำนักต้องให้ความสำคัญอย่างแน่นอน เขาจึงเปลี่ยนไปเป็คนละคน ทั้งยังชมเย่เฟิง ราวกับว่าทั้งสองไม่เคยมีความบาดหมางต่อกัน
ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างใจเต้นโครมคราม ผู้าุโเหลียงเป็ถึงผู้าุโสำนักยุทธ์ มีฐานะไม่ธรรมดา ในเมื่อขอโทษเย่เฟิงต่อหน้าสาธารณชน เห็นชัดว่าฐานะของเย่เฟิงในเวลานี้สำคัญมากเพียงใด แม้แต่ผู้าุโก็ยอมก้มหัวให้เขา
“ผู้าุโจริงจังมากไปแล้ว ข้าเป็เพียงศิษย์คนหนึ่ง จะให้ท่านมาขอโทษได้เยี่ยงไร” ในเมื่อผู้าุโเหลียงผู้นี้ให้เกียรติเขา ดังนั้นเย่เฟิงก็ไม่มีความจำเป็ที่จะต้องสู้กับอีกฝ่าย อย่างไรเสียทั้งสองคนก็ไม่มีความบาดหมางที่ลึกซึ้ง
“ผู้าุโเหลียงท่าน...” เจิ้งเชาเผยสีหน้าบูดเบี้ยว เดิมทีเขาคิดจะให้ผู้าุโเหลียงจัดการเย่เฟิงแทนเขา แต่ไม่นึกว่าสถานการณ์จะพลิกผันเช่นนี้
“ไอ้สวะ เ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูด เ้าฝ่าฝืนกฎของที่นี่ ยั่วยุเย่เฟิงก่อน เขาทำลายการบ่มเพาะของเ้าก็สมควรแล้ว ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ จัตุรัสแห่งนี้ไม่ใช่ที่ของเศษสวะ!” ผู้าุโเหลียงได้ยินเช่นนั้นก็เปลี่ยนท่าทีอย่างฉับพลัน ก่อนจะตวาดใส่เจิ้งเชาอย่างไม่เกรงใจเช่นนั้น
เจิ้งเชาต้องหน้าซีดเผือดพลางก่นด่าผู้าุโเหลียงในใจ บัดนี้เขาเจิ้งเชาคือเศษสวะ ส่วนเย่เฟิงคืออัจฉริยะ บทบาทของทั้งสองสลับกัน แต่ทุกอย่างก็เป็ความจริง โลกแห่งการบ่มเพาะคือผลประโยชน์ที่มาเป็อันดับหนึ่ง
เมื่อคนคนหนึ่งหมดประโยชน์กับอีกคนหนึ่ง ก็จะถูกอีกฝ่ายเตะออกไปอย่างไม่ไยดี ทุกคนต่างถอนหายใจให้กับความเป็จริงของโลกใบนี้
เย่เฟิงกะพริบตาปริบ ๆ แม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับวิธีของผู้าุโเหลียง แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขา เจิ้งเชาต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตนได้ก่อไว้ หากเย่เฟิงไม่แข็งแกร่งพอ เกรงว่าป่านนี้คนที่ถูกทำลายการบ่มเพาะจะเป็เขา
โลกแห่งการบ่มเพาะก็โหดร้ายเช่นนี้แล ผู้อ่อนแอมักตกเป็เหยื่อของผู้แข็งแกร่ง เมื่อเ้าแข็งแกร่ง ผู้อื่นก็จะเคารพนับถือเ้า แต่เมื่อเ้าอ่อนแอก็ตกเป็เหยื่อของผู้อื่น
เย่เฟิงเคยประกาศกร้าว ณ ที่แห่งนี้ว่า “สักวันหนึ่งข้าเย่เฟิงจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นผู้าุโเหลียงจะต้องโค้งคำนับต้อนรับ”
ถูกต้อง วันนี้เขาทำตามที่เคยลั่นวาจาได้สำเร็จแล้ว!
เย่เฟิงไม่เพียงแต่แสดงความแข็งแกร่งต่อหน้าผู้คน แต่ยังทำให้ผู้าุโเหลียงที่สูงส่งขอโทษเขาต่อหน้าสาธารณชน
หลังจากนั้นเย่เฟิงทักทายผู้าุโเหลียงด้วยท่าทีแสร้งแสดงความนอบน้อม ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังหอวิชา
ผู้คนต่างมองเงาร่างนั้นที่ห่างออกไปเรื่อย ๆ บางทีชายผู้นี้อาจจะเป็ตู๋กูหลงอีกคน การปรากฏตัวของเย่เฟิงได้เปลี่ยนแปลงรายนามแห่งแท่นศิลาเทียนเสวียน ทุกคนจึงรอคอยที่จะได้เห็นความเฉิดฉายของเย่เฟิงที่จะปลดปล่อยในงานประลองสำนักยุทธ์อีกเดือนกว่าที่จะถึงนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้