บทที่ 13 จัดการให้จบๆ
เมื่อศิษย์รับใช้พกกระบี่ทั้งสองคนมาถึงยอดเขาชิงหยุน สายตาดูถูกเหยียดหยามมากมายพลันจับจ้องมาที่พวกเขาทันที แต่ฉินชูกับไป๋อวี้หาได้สนใจไม่
เดินมาถึงประตูทางเข้าหอคุณูปการแห่งยอดเขาชิงหยุน ฉินชูกับไป๋อวี้ก็ถูกห้ามเอาไว้
“ที่นี่คือหอคุณูปการ ไม่ใช่หอศิษย์รับใช้ พวกเ้ามาผิดที่แล้ว” ลูกศิษย์บนยอดเขาชิงหยุนเข้ามาขวางทางฉินชูกับไป๋อวี้เอาไว้
“หอคุณูปการมีกฎห้ามคนนั้นคนนี้เข้าหรือ” ฉินชูยังไม่ทันเอ่ยปาก ไป๋อวี้ก็พูดขึ้นแทน
“หอคุณูปการเป็สถานที่ที่ลูกศิษย์บนยอดเขานี้รับทำภารกิจ ไม่ใช่ที่ที่ศิษย์รับใช้จะเดินดุ่มๆ เข้ามา จงจำเอาไว้ว่าพวกเ้าเป็แค่ศิษย์รับใช้เท่านั้น” เมื่อเห็นไป๋อวี้เถียงกลับ ลูกศิษย์บนยอดเขาชิงหยุนก็เริ่มไม่สบอารมณ์
ฉินชูยื่นบัตรสะสมแต้มคุณูปการให้ลูกศิษย์สายนอกบนยอดเขาชิงหยุนคนนี้ดู “ถ้าว่างนักก็หลีกทางไป อย่าได้มาหาเื่กันดีกว่า”
“อยากตายนักหรือ” เมื่อได้ยินฉินชูบอกให้หลีกทางไป ลูกศิษย์สายนอกคนนี้ก็ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ จึงลงมือปล่อยหมัดเข้าไปที่หน้าฉินชู
เป็ที่รู้กันว่าในสำนักชิงหยุน ศิษย์รับใช้ไม่มีสถานะตัวตน หากลูกศิษย์ที่เป็ทางการลงไม้ลงมือ ก็ถือว่าเป็เื่ปกติของที่นี่
มือขวาเอื้อมออกไป ข้อมือพลิกขวับ ฉินชูคว้าจับข้อมือของลูกศิษย์สายนอกคนนี้ได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กระชากเข้ามาก่อนก้มตัวงัดอีกฝ่ายเสยขึ้นไปกลางอากาศและทุ่มลงพื้นอย่างจัง เท้าของฉินชูพลันยกขึ้นทาบหน้า “ข้าเกลียดพวกที่เอะอะก็ลงไม้ลงมือกับข้า ยิ่งพวกที่กล้าต่อยหน้าข้า ข้ายิ่งเกลียดเข้าไปใหญ่”
ภาพที่เกิดขึ้นตอนนี้ ทำเอาลูกศิษย์ที่อยู่ด้านนอกหอคุณูปการตกตะลึงไปตามๆ กัน ศิษย์รับใช้มีเื่กับลูกศิษย์สายนอก แบบนี้มันแหกหน้ากันชัดๆ
“ธุระของใครของมัน ว่างนักก็อย่ามาลงไม้ลงมือกับคนอื่น แต่ถ้าใครลงมือกับข้า ข้าก็จะหักแขนมัน” พูดจบ ฉินชูก็เดินเข้าไปด้านในหอคุณูปการทันที
“ฉินชู เ้าอยากตายจนทนไม่ไหวขนาดนั้นเชียวหรือ” ภายในหอคุณูปการ เมื่อหลินชางที่กำลังจะรับภารกิจเห็นฉินชูเดินเข้ามา ใบหน้าของเขาก็ผุดแววสังหารขึ้นมาทันที เพราะก่อนหน้านี้ที่ยอดเขาชิงจู๋ ฉินชูทำเขาเสียหน้าไปมากพอแล้ว
“ไม่รู้ว่าเ้าไปเอาความกล้ามาจากไหน ตอนอยู่ที่ยอดเขาชิงจู๋ เ้ามันก็แค่ลูกกะจ๊อก ตอนอยู่ต่อหน้าท่านาุโเหยียนอี้ทำไมถึงไม่กล้าลงมือเล่า แล้วตอนนี้ยังมาทำเป็ปากดีกับศิษย์รับใช้อีก” ฉินชูมองหลินชางด้วยสีหน้าดูถูก เขารู้สึกเวทนาคนอย่างหลินชางยิ่งนัก เก่งแต่กับคนที่อ่อนแอกว่า แต่กลัวคนที่แข็งแกร่งกว่า ไร้คุณสมบัติจอมยุทธ์สิ้นดี
“พวกเ้าทำอะไรกันอยู่” เมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ผู้ดูแลหอคุณูปการบนยอดเขาชิงหยุนก็พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“คารวะท่านผู้ดูแลหอคุณูปการ พวกเราแค่เดินทางมารับภารกิจ แต่ถูกขัดขวางและถูกด่าทออย่างไร้เหตุผล” ฉินชูเอ่ยปากพูด
ผู้ดูแลหอคุณูปการแห่งยอดเขาชิงหยุนลุกขึ้นมองพินิจฉินชู แต่กลับเมินเฉยใส่ไป๋อวี้ เพราะฉินชูเป็ผู้นำ เขาจึงเพ่งเล็งฉินชูก่อน
“เ้าเป็ศิษย์รับใช้ เ้ารู้ตัวหรือเปล่า” ผู้ดูแลเอ่ยปากพูด
“ท่านผู้ดูแลพูดถูก แต่ยังพูดไม่ครบ ศิษย์รับใช้ก็คือลูกศิษย์ และสามารถทำภารกิจได้เช่นกัน” ฉินชูหยิบบัตรสะสมแต้มคุณูปการของตัวเองขึ้นมาแสดงอีกครั้ง
ผู้ดูแลหอคุณูปการนิ่งเงียบลงไปสักพัก จากนั้นก็ชายตามองไปที่ประตู “ในเมื่อมาแล้ว ก็เข้าไปเถอะ”
“ศิษย์พี่อวี่ พวกเขาเป็ลูกศิษย์บนยอดเขาชิงจู๋ พวกเขาทำภารกิจที่นั่นจนเกือบหมดแล้ว ศิษย์น้องจึงแนะนำพวกเขาให้มาที่นี่เองขอรับ ขอศิษย์พี่อวี่อย่าถือว่าเป็การกระทำที่ผิดกฎ พวกเขาทำภารกิจจนแลกตำรายุทธ์ฝึกตนได้คนละเล่มแล้ว อีกทั้งยังได้รับการยอมรับจากผู้ดูแลหอคัมภีร์ ศิษย์รับใช้ก็ถือว่าเป็ลูกศิษย์ของทางสำนักเช่นกัน ดังนั้นการที่พวกเขามาที่นี่ย่อมไม่ใช่เื่ผิด” ผู้ดูแลหานพูดสมทบขึ้น
ผู้ดูแลอวี่คลี่ยิ้ม “ก็จริง พวกเราสำนักชิงหยุนอบรมเลี้ยงดูลูกศิษย์เพื่อหวังให้พวกเขาบ่มเพาะพลัง ไม่ใช่ดูถูกเหยียดหยามในสถานะตัวตน พวกเ้าทั้งสองอยากทำภารกิจก็รับไป แต่ต้องทำให้สำเร็จ ไม่เช่นนั้นจะถูกปรับโดยการหักแต้มสองเท่า”
ฉินชูกับไป๋อวี้ประสานมือคารวะผู้ดูแลอวี่และผู้ดูแลหาน ในเมื่อพวกเขาใจกว้างและพูดคุยด้วยเหตุผล เช่นนั้นก็คู่ควรที่จะได้รับความเคารพยกย่อง
ตอนนี้ฉินชูเข้าใจขึ้นมาทันที การที่จะเป็ผู้ดูแลได้ จำเป็ต้องมีปัญญาอันเฉียบแหลมและการวางตัวที่น่าเคารพ
เมื่อได้รับอนุญาต ฉินชูกับไป๋อวี้ก็คว้าใบภารกิจกันอย่างบ้าคลั่ง ภารกิจระดับสามบนกระดานทั้งหมดถูกพวกเขากวาดไปครึ่งหนึ่ง ที่เหลืออยู่ล้วนเป็ภารกิจเฉพาะทางอย่างพวกศาสตร์โหราพยากรณ์ฉีเหมิน หรือไม่ก็การรักษาโรคภัย หากไม่มีความรู้เฉพาะทางก็แทบไม่มีโอกาสทำสำเร็จ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดจะแตะต้องภารกิจจำพวกนี้
เมื่อเห็นพวกเขากวาดเอาภารกิจไปครึ่งหนึ่ง ผู้ดูแลอวี่ก็ถึงกับสงสัย “พวกเ้าอย่าเลือกซี้ซั้ว ห้ามถือครองภารกิจเอาไว้แล้วไม่ยอมทำ”
“ขอบพระคุณท่านผู้ดูแลอวี่ที่ชี้เตือน หากทำภารกิจไม่สำเร็จ พวกเรายินดีรับผลลัพธ์กรรมที่ตามมา” ฉินชูพูดขึ้น
ก่อนจะกลับไป ผู้ดูแลหานก็ประสานมือคารวะผู้ดูแลอวี่ “เด็กน้อยย่อมซนเป็ธรรมดาขอรับ”
“อย่าทำเหมือนข้าไม่รู้นักสิ ข้าถึงได้ไม่ถือสาพวกเขาในหอคุณูปการของข้า แต่หลังจากนี้ข้าจะจับตาดู” ผู้ดูแลอวี่ตอบกลับ เขาเข้าใจความหมายที่ผู้ดูแลหาน้าจะสื่อดี
ผู้ดูแลหานพาฉินชูกับไป๋อวี้ออกจากยอดเขาชิงหยุน “พวกเ้าทั้งสองนี่ชอบสร้างเื่จริงๆ เลย ผู้ดูแลอวี่ไม่เอาเื่พวกเ้าก็ถือว่าบุญแล้ว พวกเราอยู่ในสำนักก็ต้องเคารพกฎระเบียบของสำนัก แล้วค่อยทำตัวตามอำเภอใจตอนออกไปข้างนอก เข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจแล้วขอรับ พวกเราไม่อยากมีเื่ แต่หากมีเื่ พวกเราก็ถอยไม่เป็เช่นกัน” ฉินชูชายตามองยอดเขาชิงหยุน ในดวงตาผุดแววท้าทายขึ้นมารำไร พวกเขาถอยไม่เป็ หากผู้ใดริอ่านมาหาเื่เขา ผู้นั้นต้องจบไม่สวยแน่นอน
เมื่อสังเกตเห็นแววตาของฉินชู ผู้ดูแลหานก็ถึงกับส่ายหน้าอย่างเอือมระอา เขารู้ดีว่าคนอย่างฉินชูไม่มีทางถอยหนี แต่พูดเตือนไปก็เท่านั้น
ก่อนจะออกไปทำภารกิจ ฉินชูก็ขอยืมเข็มขัดเก็บของจากผู้ดูแลหานเพิ่มอีก ภารกิจเยอะ ของส่งมอบก็เยอะตาม
ครั้นออกจากยอดเขาชิงจู๋ ฉินชูกับไป๋อวี้ก็มุ่งหน้าไปที่บริเวณรอบนอกของเขามี่หยุน ด้านในเขามี่หยุนเต็มไปด้วยสัตว์อสูรระดับสูง ไม่ค่อยมีลูกศิษย์ของสำนักชิงหยุนกล้าย่างกายเข้าไป ดังนั้นจึงมีสมุนไพรเหลืออยู่และมีของดีๆ รอให้พวกเขาเก็บเต็มไปหมด
หลังจากเดินทางมาได้สักพัก ไป๋อวี้ก็มองหน้าฉินชู แต่ฉินชูกลับตบไหล่เขากลับและพาเดินหน้าต่อไป
ไป๋อวี้ััได้ว่ามีคนสะกดรอยตามอยู่ ซึ่งฉินชูรู้ตัวตั้งนานแล้ว แต่คนที่รู้ตัวคนแรกก็คือผู้ดูแลหาน ทันทีที่ออกจากยอดเขาชิงหยุนเขาถึงได้พูดเช่นนั้นออกมา ทว่าฉินชูเริ่มรู้สึกตัวั้แ่ตอนที่เข้ามาในป่าดงดิบรกร้าง เขาโตมาท่ามกลางหุบเขาลึกในป่าใหญ่ ดังนั้นประสาทััของเขาจึงเฉียบคมเป็พิเศษ
“รักษาระยะห่างเอาไว้ ด้านหน้ามีต้นไม้ใหญ่ อีกเดี๋ยวพวกเราค่อยขึ้นไปซ่อนตัวบนต้นไม้ คอยสังเกตมือข้าให้ดี ในเมื่อพวกเขาคิดจะเล่นงานพวกเรา เราก็จะจัดการพวกเขาให้มันจบๆ” ฉินชูพูดกับไป๋อวี้เสียงแ่
รุดหน้าไปอีกราวหนึ่งร้อยจั้ง ฉินชูก็จับตัวไป๋อวี้ ก่อนจะพากันะโขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่อย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็พรางตัวอยู่บนกิ่งไม้ที่มีใบไม้เขียวทึบปกคลุม
หลังจากฉินชูกับไป๋อวี้ซ่อนตัวได้ไม่นาน ก็มีคนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา ซึ่งก็คือหลินชางและศิษย์สายในอีกคน
เมื่อเห็นว่าเป็สองคนนี้ สีหน้าไป๋อวี้ก็ฉายแววเคร่งเครียดขึ้นมาทันที ถ้าเป็คนเดียว เขากับไป๋อวี้สามารถจัดการได้สบายๆ แต่นี่กลับเป็สองคน ซ้ำยังเป็ศิษย์สายในที่มีตบะอยู่ขั้นที่สาม
เมื่อถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ หลินชางจึงขมวดคิ้วพูดขึ้น “มู่เหย่ พวกเขาเดินมาทางนี้กันไม่ใช่หรือ ทำไมหายตัวไปแล้วล่ะ”
“เ้าสวะพวกนี้คงอยู่ไม่ไกลจากนี้หรอก” ชายที่ชื่อมู่เหย่พูดขึ้น
ขณะที่หลินชางกับมู่เหย่พูดคุยกันอยู่นั้น ฉินชูก็สื่อสารกับไป๋อวี้เช่นกัน ฉินชูชี้นิ้วไปที่ไป๋อวี้และชี้ไปตรงกลางระหว่างหลินชางกับมู่เหย่ ต่อมาก็ชี้ที่หน้าอกตัวเอง ก่อนชี้กลับไปที่มู่เหย่อีกครั้ง จากนั้นก็ะโทิ้งตัวลงจากต้นไม้พุ่งเข้าไปหามู่เหย่ทันที
มู่เหย่จับัักระแสลมที่เปลี่ยนไปจากด้านหลังได้ เขารีบหันขวับ แต่การจู่โจมของฉินชูกลับรวดเร็วยิ่งนัก ฉินชูพุ่งเข้ามาด้านหลังมู่เหย่ มือสองข้างพลันยื่นออกไปบีบคอทันที
ส่วนไป๋อวี้ก็ะโลงมาตรงระหว่างกลางหลินชางกับมู่เหย่ หน้าที่ของเขาคือป้องกันไม่ให้หลินชางช่วยเหลือมู่เหย่