ใบหน้าบิดเบี้ยวของเหลียนจิ้นยับย่นไม่น่ามอง ดวงตาเผยให้เห็นความหวาดกลัวและความสิ้นหวังอย่างไม่อาจอธิบายได้
มือขวาของเขาพิการ ความมั่นใจในตนเองพังทลายสิ้น ความคิดของเขาในยามนี้ไม่ใช่การต่อสู้อีกต่อไป ทว่าเป็การหลบหนี
ความไม่สนใจใยดีของหนิงเทียนทำให้เหลียนจิ้นตื่นตระหนก ราวกับถูกสายตาเยือกเย็นของพญามัจจุราชจับจ้อง
เหลียนจิ้นกรีดร้อง ใจจริงเขาอยากฆ่าหนิงเทียนยิ่งนัก แต่ความกระวนกระวายทำให้เขาเลือกที่จะหลบหนี
หลังจากพุ่งออกมา เงาต้นไม้ข้างกายเหลียนจิ้นก็แกว่งไกว พร้อมหยั่งรากลงในห้วงอากาศพาเขาหนีไปไกล
“โอ้์! เหลียนจิ้นหนีไปแล้ว”
เมื่อคำพูดนี้ลอยเข้าหูเหลียนจิ้นก็ทำให้เขาอึดอัดใจอย่างมาก ความรุ่งโรจน์ทั้งหมดของเขาถูกทำลายเนื่องจากการหลบหนีครานี้
“ไม่! ศิษย์พี่เหลียนไม่มีทางหลบหนี พวกเ้าอย่าพูดเลอะเทอะ!”
ลูกศิษย์จากสำนักั์พฤกษาต่างกรีดร้อง และหูเถี่ยซินก็บ้าคลั่ง
ฉินเสี่ยวเยวี่ยตัวสั่นสะท้าน เหตุใดจึงเป็เช่นนี้? นางไม่อาจยอมรับได้จริงๆ
ปราณกระบี่กรากห้วงอากาศ มันตัดเงาต้นไม้ที่ลอยอยู่จนเป็ชิ้นๆ หมัดสีทองร่วงลงมาจากฟากฟ้า ปกคลุมร่างเหลียนจิ้นราวกับมหาสมุทรเดือด
“เ้าหนีหรือ?”
เหลียนจิ้นร้องลั่นเมื่อได้ยินเสียงหลอกหลอน ดวงตามีเพียงความวิตกและตื่นตระหนก เขาตบมือซ้ายกระแทกขาที่ซวนเซ พยายามเลี่ยงหนิงเทียนและหลบหนีต่อไป
“เ้าไม่อยากได้พู่กันแล้วหรือ?” เสียงของหนิงเทียนเย็นเฉียบราวใบมีด ทว่าหมัดของเขากลับร้อนรุ่มและสว่างไสว การโจมตีหนึ่งครั้งหนักนับหมื่นจิน และกระดูกในร่างกายของเหลียนจิ้นก็แตกเป็เสี่ยงๆ พร้อมเืหลั่งรินออกจากปาก
ศิษย์ของสำนักั์พฤกษาต่างร้องอย่างเศร้าใจ ขณะที่หูเถี่ยซินแผดเสียงโศกเศร้าเหลือจะเอ่ย
ฉินเสี่ยวเยวี่ยกัดริมฝีปากแน่น นางทั้งหวาดกลัวและเสียใจ มีเพียงเสิ่นซินจู๋และเฉินจี๋เท่านั้นที่โห่ร้องอย่างยินดี
ยิ่งเหลียนจิ้นสู้มากเท่าใด เขาก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น พลังของเขาหมดลง ความกลัวเข้ามาเติมเต็มในจิตใจ หมัดทองคำกระแทกแขนขาเขาจนแหลกละเอียด ช่างสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด
กระทั่งหนิงเทียนต่อยหน้าอกของเขา จนเืไหลทะลักตามาแ ก็ถือเป็การสิ้นสุดการต่อสู้ระหว่างทั้งสองคน
เหลียนจิ้นคุกเข่าแทบเท้าของหนิงเทียน เกราะต้นไม้บนร่างและแหวนมิติถูกพรากไปแล้ว ใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเขาเต็มไปด้วยความอัปยศอดสู
ยิ่งไปกว่านั้น รากจิติญญาในร่างของเหลียนจิ้นยังถูกกระแสธารากลืนหายไปและขัดเกลาด้วยยุทธศาสตร์ครอง์ การบ่มเพาะของเขาถูกทำลายจนสิ้น
เหลียนจิ้นไม่อาจยอมรับการโจมตีเช่นนี้ได้ ใบหน้าที่ดุร้ายเต็มไปด้วยความคับข้องใจและพูดด้วยน้ำเสียงเกลียดชัง “เมื่อออกจากแดนลับแห่งนี้ไปแล้วเ้าต้องตายโดยไร้ดินกลบหน้า! สำนักั์พฤกษาไม่มีวันยอมปล่อยเ้าไป! ตระกูลเหลียนของข้าก็ไม่ปล่อยเ้าไปเช่นกัน!”
“เ้าเสียใจแล้วหรือ?” หนิงเทียนมองและถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนเกือบจะทำให้เหลียนจิ้นสิ้นสติ
เสียใจหรือ?
เหลียนจิ้นร้องครวญอย่างเศร้าใจ มันสายเกินไปแล้ว
หนิงเทียนมองไปรอบๆ แล้วกล่าวกับเหล่าศิษย์สำนักั์พฤกษา อย่างเ็า “ไสหัวไป!”
เมื่อได้ยินดังนั้นพวกเขาต่างก็หวาดกลัวจนหนีไป แม้กระทั่งศิษย์สำนักเชียนเฉ่าและสำนักทะยานเวหาก็รีบจากไปอย่างเงียบงันเช่นกัน
บนเกาะแห่งนี้เหลือเพียงศิษย์ของสำนักร้อยบุปผา และผู้ที่อับอายมากที่สุดก็คือฉินเสี่ยวเยวี่ย
ั้แ่ต้นจนจบหนิงเทียนไม่มองนางเลยสักนิด หลังจากจัดท่าทางให้เสิ่นซินจู๋และเฉินจี๋แล้ว เขาก็ไล่สังหารเหลียนจิ้นและหูเถี่ยซินอย่างใจจดใจจ่อ
หลังจากนั้นหนิงเทียนก็เดินมาที่ต้นไม้ั์ แล้วขับเคลื่อนวิชากายาสุวรรณะนิรันดร์ พร้อมข้ามหลุมต้นไม้สามหลุมไปยังหลุมที่สี่อย่างง่ายดาย
ภาพนี้ยิ่งทำให้ฉินเสี่ยวเยวี่ยหวาดหวั่น ผู้คนนับไม่ถ้วนพยายามอยู่นาน แม้แต่เหลียนจิ้นผู้ยิ่งใหญ่ก็ไปถึงหลุมที่สองเท่านั้น และไม่สามารถไปต่อได้ ทว่าหนิงเทียนกลับทำลายสถิติและไปถึงหลุมที่สี่ได้ในทันที
ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ทั้งยังมีความเสียใจแฝงอยู่ภายใน แต่นางก็รู้อยู่เต็มอกว่าตนพลาดไปแล้ว
ร่างของหนิงเทียนสั่นะเือยู่ในหลุมต้นไม้ กล้ามเนื้อและกระดูกสั่นไหว เมื่อสอดประสานกับรอยประทับใจกลางพฤกษาต้นที่สี่ รากฐานของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง
สี่ชั่วยามต่อมา หนิงเทียนทะยานสู่หลุมที่ห้า กายาสุวรรณะนิรันดร์เกิดการเหนี่ยวนำตนเอง ซึ่งต้องอาศัยฐานรากที่แข็งแรงโดยการฝึกฝนให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ จึงจะสามารถเข้าสู่หลุมต่อไปได้
หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป หนิงเทียนก็เข้าสู่หลุมที่หก ยิ่งเขาขึ้นไปสูงเท่าใด ความกดดันก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งยังใช้เวลานานขึ้นเรื่อยๆ เพื่อทำให้รากฐานของกายาสุวรรณะนิรันดร์สมบูรณ์แบบ
ศิษย์จากสำนักร้อยบุปผาแวะเวียนมาที่โคนต้นไม้ทีละคน ก่อนจะเงยหน้ามองด้วยความคาดหวังต่อหนิงเทียน
เวลาค่อยๆ ผ่านไปจากครึ่งก้านธูปเป็ครึ่งชั่วยาม หนึ่งชั่วยาม และสองชั่วยามซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณทุกครั้ง
เมื่อเขาเข้าสู่หลุมที่เก้าฟากฟ้านอกแดนลับก็มืดสนิทแล้ว หนิงเทียนใช้เวลาตลอดทั้งคืนเพื่อไปถึงหลุมสุดท้าย ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น ต้นไม้ั์ก็สั่นะเือย่างรุนแรง และเสียงโบราณบางอย่างก็ดังก้องอยู่ในใจ
แผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณที่สองปั่นป่วน พลังิญญาจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังพัฒนาอย่างลึกลับ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกายาสุวรรณะนิรันดร์
ปราณกระบี่บางเฉียบราวเส้นผมปรากฏขึ้นเหนือแผนที่จิติญญา มันคือกระบี่ไร้จำนงของไท่เสวียน ซึ่งหนิงเทียนไม่สามารถเข้าใจมันได้เลย
หลังจากฝึกฝนและเสริมกำลังในหลุมต้นไม้ทั้งเก้าแล้ว กายาสุวรรณะนิรันดร์ของหนิงเทียนก็สมบูรณ์แบบ ทั้งยังเข้าสู่่ปลายของระดับสาม ทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ก็พัฒนาจน่ปลายของขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสองด้วยเช่นกัน
หนิงเทียนเงยหน้ามอง้าซึ่งมีกระบี่ผูกอยู่ที่กิ่งไม้ และมีหีบไม้ผูกติดกับพู่กระบี่
เขาะโขึ้นไปและปีนป่ายอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าก็ไปถึงหีบไม้
กระบี่เปล่งประกายด้วยแสงเย็นวาบ ปลดปล่อยพลังอันแปลกประหลาดซึ่งทำให้หนิงเทียนรู้สึกไม่สบายใจ ทั้งยังรู้สึกถึงวิกฤตที่อธิบายไม่ได้อย่างเลือนราง
เดิมทีเขาอยากดึงกระบี่ออกมาแล้วนำมันไปด้วย ทว่ายามนี้กลับล้มเลิกความคิดนั้นไปแล้ว
หลังจากสังเกตอยู่สักพัก หนิงเทียนก็ค่อยๆ ดึงหีบไม้ออกจากปลายกระบี่ เขารู้สึกว่ามันเบาราบขนนก ไม่รู้ว่าข้างในมีสิ่งใดซ่อนอยู่?
เขารีบเปิดออกด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความคาดหวัง ทั้งยังมีความกังวลแฝงอยู่เล็กน้อย
ก่อนที่จะต้องใกับการค้นพบว่า หีบไม้นี้ว่างเปล่า!
ว่างเปล่าหรือ? เป็ไปได้อย่างไร?
หีบนี้แขวนอยู่ที่นี่อย่างเห็นได้ชัด แล้วจะว่างเปล่าได้อย่างไรกัน? นี่คงไม่ใช่การล้อกันเล่นใช่หรือไม่?
หนิงเทียนกัดฟันครุ่นคิด เป็ไปได้หรือไม่ว่าอาจมีหนึ่งในผู้าุโจากสี่สำนักนำสิ่งที่อยู่ในหีบไม้ออกไปก่อนที่จะเปิดสำรวจแดนลับ?
เสิ่นซินจู๋ที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ถามอย่างสงสัย “ศิษย์น้องหนิง สิ่งที่อยู่ในหีบไม้คืออะไรหรือ?”
“มันว่างเปล่า ไม่มีอะไรอยู่เลย พวกท่านลองดูสิ” หนิงเทียนตอบพลางพลิกหีบไม้ซึ่งข้างในว่างเปล่า เหล่าผู้เห็นเหตุการณ์บนพื้นต่างก็ตกตะลึง
นับั้แ่วินาทีที่หนิงเทียนหยิบหีบไม้ขึ้นมาเปิด ทุกย่างก้าวของเขาก็ดึงดูดความสนใจของทุกคน
พวกเขาต่างสงสัยว่ามีสมบัติอะไรซ่อนอยู่ข้างใน แต่มันกลับกลายเป็ห้วงอากาศ
ไม่มีอะไรเลยจริงหรือ?
ขณะที่หนิงเทียนพลิกหีบไม้อยู่นั้น เส้นผมที่ไม่โดดเด่นเส้นหนึ่งก็ร่วงหล่นลงมา
เขาตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนจะเอื้อมมือไปจับผมเส้นนี้เอาไว้ มันยาวประมาณสามชุ่น ทั้งนุ่ม เรียบลื่น และมีสีดำแต้มเหลือง
ทันทีที่เห็นมัน ในใจของเขาก็รู้สึกเศร้าจนเกินพรรณนาและนึกถึงไท่เสวียนขึ้นมา ซึ่งทำให้กระบี่ไร้จำนงในเส้นลมปราณที่สองสั่นเบาๆ
เส้นผมเปล่งประกายด้วยแสงริบหรี่ ก่อนจะลอยออกจากมือของหนิงเทียนแล้วเจาะเข้าไปในหนังศีรษะของเขา พร้อมงอกขึ้นมาบนหัว
หนิงเทียนใมาก นี่มันบ้าอะไรกัน? มันจะทำให้เขาฝันร้ายในยามค่ำคืนหรือไม่?
หนิงเทียนอยากดึงมันออก แต่หลังจากค้นหาอย่างละเอียดแล้ว เขากลับไม่พบมันเลย
“ในเมื่อไม่มีอะไรก็ลงมาเถิด” เสียงเรียกของเสิ่นซินจู๋ทำให้หนิงเทียนได้สติ เขามองกระบี่ด้วยความเสียดาย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้แตะต้องมันอีก
เขากลับลงสู่พื้นดินพร้อมหีบไม้ในมือ ศิษย์สำนักร้อยบุปผาต่างกรูเข้ามาตรวจสอบด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หนิงเทียนยื่นหีบไม้ให้เสิ่นซินจู๋ นางได้มองมันเพียงแวบเดียวเท่านั้น และทันทีที่นางคลายนิ้ว หีบไม้ก็ลอยขึ้นไปในอากาศพร้อมเสียงหวีดหวิว ก่อนจะกลับไปอยู่บนต้นไม้
“ศิษย์น้องหนิง ขะ...ข้า...” เสิ่นซินจู๋รู้สึกอับอายอย่างมาก และสถานการณ์นี้ก็ค่อนข้างประหลาด
หนิงเทียนเงยหน้ามองด้วยความแปลกใจ สีหน้าของเขาแสดงท่าทีครุ่นคิด และคนอื่นๆ ต่างก็พูดคุยกันว่าหีบนี้อาจเป็อาวุธิญญา
“ศิษย์น้องหนิง เ้าต้องกลับขึ้นไปอีกหรือไม่?” เสิ่นซินจู๋มองเขาอย่างรู้สึกผิด
“ช่างเถิด มันเป็เพียงหีบเปล่า ในเมื่อมันไม่อยากไป เช่นนั้นคงต้องปล่อยวาง” หนิงเทียนไม่ได้สนใจมากนัก เขารู้สึกว่าหากเทียบกันแล้ว เส้นผมต่างหากที่เป็กุญแจสำคัญ
น่าเสียดายที่เขายังไม่สามารถเข้าใจมันได้ในยามนี้ จึงทำได้เพียงเพิกเฉยไปชั่วคราว
หลังออกจากเกาะกลางทะเลสาบ กลุ่มคนเหล่านี้ก็รีบเร่งไปยังทางเข้าแดนลับ
เสิ่นซินจู๋ลอบมองหนิงเทียนด้วยความหนักใจเป็ครั้งคราว ราวกับนางอยากพูดบางอย่างแต่ยังคงลังเลใจ
“ศิษย์พี่ หากมีสิ่งใดก็จงบอกมาเถิด”
เสิ่นซินจู๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางรอให้ศิษย์ในสำนักคนอื่นๆ ล่วงหน้าไปก่อน แล้วจึงเอ่ยกับหนิงเทียนเป็การส่วนตัว “เ้าสังหารหลานซานหู่ หูเถี่ยซิน และเหลียนจิ้น สำนักั์พฤกษาไม่มีวันปล่อยเื่นี้ไปแน่ หลานซานหู่เป็บุตรของแม่ทัพ หูเถี่ยซินเป็โหราจารย์ที่หาได้ยาก ส่วนเหลียนจิ้นก็เป็ศิษย์หลักในขอบเขตผนึกดารา ข้าเกรงว่า...”
หนิงเทียนกล่าวขัดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็ไร สำนักั์พฤกษาไม่สามารถข่มเหงสำนักร้อยบุปผาได้”
“แต่กระบี่ใบพฤกษาขจีเป็อาวุธิญญาของสำนักเชียนเฉ่า เช่นเดียวกับธนูจันทรามรกต เกรงว่าเ้าจะผิดที่ครองหยก[1]”
“ข้าคิดเื่นี้เอาไว้แล้ว ข้าจะนำพวกมันไปแลกเป็ทรัพยากรของสำนัก”
“เ้าคิดได้เช่นนี้ข้าก็สบายใจ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงขลุ่ยดังขึ้น เป็เสียงจากผู้าุโที่แจ้งเหล่าศิษย์ในแดนลับว่าการสำรวจประสบการณ์สิ้นสุดลงแล้ว
หนิงเทียนและเสิ่นซินจู๋เร่งความเร็ว ทันทีที่พวกเขาออกมาจากแดนลับก็มีเสียงประณามและสาปแช่ง
“ท่านผู้าุโ เ้าเด็กนั่นสังหารศิษย์พี่หูเถี่ยซินและศิษย์พี่เหลียนจิ้น” ศิษย์สำนักั์พฤกษาคนหนึ่งกำลังฟ้องร้อง ดูเหมือนพวกเขาจะกล่าวหาหนิงเทียนอย่างรุนแรง
“เ้ากล้าสังหารโหราจารย์และศิษย์หลักของสำนักข้า เ้าเบื่อชีวิตแล้วหรือ!” เสียงคำรามสั่นะเืไปทุกทิศทาง ผู้าุโของสำนักั์พฤกษาโกรธเกรี้ยว เขาเอื้อมมือขวาขึ้นกลางอากาศ พลันกระแสพลังที่น่าสะพรึงกลัวก็เข้าโอบล้อมร่างของหนิงเทียน
“ตาเฒ่ามู่! เ้ากล้ารังแกศิษย์สำนักร้อยบุปผาของข้าหรือ?”
เพลิงวาโยโหมกระหน่ำทำลายกระแสพลังรอบร่างหนิงเทียน โดยผู้าุโหลี่แห่งสำนักร้อยบุปผาเป็ผู้ลงมือ
“แต่เขาสังหารศิษย์หลักและโหราจารย์!”
“แล้วสำนักั์พฤกษาของเ้าไม่ได้สังหารศิษย์ของข้าเลยหรือ? เราตกลงกันไว้แล้วว่าจะอยู่หรือตายก็ล้วนขึ้นอยู่กับความสามารถของตน เ้าอย่ามาก่อความวุ่นวายที่นี่”
เมื่อผู้าุโทั้งสองโต้เถียงกันอย่างไม่ลดราวาศอก ผู้าุโจากสำนักเชียนเฉ่าและสำนักทะยานเวหาจึงต้องก้าวเข้ามายุติปัญหา
“การต่อสู้ในแดนลับย่อมมีผู้าเ็ล้มตาย อย่าได้เอ่ยวาจาให้มากความไปหน่อยเลย”
“อย่าทำลายมิตรภาพระหว่างกันเลย เื่นี้ปล่อยให้เป็ปัญหาของเด็กรุ่นเยาว์เถิด”
ผู้าุโของสำนักั์พฤกษายังคงเอ่ยอย่างแค้นเคือง “หากเด็กนี่ไม่ตาย เื่นี้คงจบได้ยาก!”
ผู้าุโหลี่คำรามกลับ “สำนักั์พฤกษาจะทำากับสำนักร้อยบุปผาหรือ? ได้! มาเลย หากกลัวเ้า ข้าก็ไม่ขอเป็มนุษย์แล้ว”
ทันใดนั้นบรรยากาศโดยรอบก็เริ่มตึงเครียด ไม่มีฝ่ายใดคิดอ่อนข้อ
ผู้าุโจากสำนักทะยานเวหาจึงเอ่ยขึ้น “เื่ความแค้นไว้ค่อยสนทนากันหลังจากนี้เถิด ยามนี้ควรปิดแดนลับก่อน”
ภายใต้การโน้มน้าวของสำนักเชียนเฉ่าและสำนักทะยานเวหา ความคับข้องใจระหว่างหนิงเทียนกับสำนักั์พฤกษาจึงถูกระงับไว้ชั่วคราว
เมื่อเห็นท่าทีของสำนักั์พฤกษา เสิ่นซินจู๋ก็ยิ่งเป็กังวล เกรงว่าหนิงเทียนจะมีภัยแล้ว
ศิษย์จากสี่สำนักสู้กันเพื่อแย่งชิงโอกาส ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ได้แก่ เหลียนจิ้น หูเถี่ยซิน หลานซานหู่ และเยี่ยชิง ทว่าคนเหล่านี้ล้วนเสียชีวิตด้วยน้ำมือของหนิงเทียน ทั้งยังถูกเขาปล้นอาวุธิญญาจื๋อซิวมาด้วย
หากประเด็นนี้ถูกเปิดเผยออกไป สถานการณ์ของหนิงเทียนย่อมไม่ปลอดภัยเป็แน่
---------------------------------------
[1] ผิดที่ครองหยก (怀璧其罪) จากสำนวนเต็ม คือ คนไร้ซึ่งความผิด หากมีหยกกลับเป็โทษ (匹夫无罪,怀璧其罪) เดิมจะกล่าวถึงชาวบ้านยากไร้ ไม่สามารถของมีค่าเช่นหยกได้ เว้นแต่จะไปขโมยมา โดยในเวลาต่อมาใช้เปรียบเทียบถึงผู้มีความสามารถ แต่ความสามารถนั้นกลับเป็ภัยต่อตน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้