เฟนริลรู้สึกชื่นใจ เขาเลือกที่จะออกไปตามหากางเขนแห่งความหวัง ด้วยตัวคนเดียวโดยบอกสามสาวว่าจะตรวจสอบพื้นที่ พวกนางเข้าใจ เมื่อเขามาถึงโบสถ์
...ซึ่งบัดนี้กลายเป็ซากปรักหักพังไร้เปลวไฟ ตนจึงพยายามรื้อไม้ร้อนระอุแข่งกับเวลาเพราะไม่รู้ว่าจะเจออุปกรณ์ประกอบฉากฝันร้ายเมื่อไหร่
เ้าตัวค้นหาอยู่นานหลายสิบนาทีพลางส่องตะเกียงน้ำมันไปทั่ว และนึกถึงรายละเอียดก่อนโบสถ์ถูกไฟเผา ตนจำได้ว่าไม่มีส่วนไหนน่าสนใจเป็พิเศษ มากสุดเพดานเพราะดวงิญญาสี่ตนโผล่ขึ้น
‘ถ้าจำไม่ผิดน่าจะอยู่แถวนี้ ไม่เกินห้าเมตรหากตกลงมา’ เฟนริลพลิกไม้ สอดส่องหากางเขน บางครั้งเขาก็หยุดพักหายใจ เกิดอาการเมื่อยคอ
“หากสมมตินาเดียทำเหมือนกัน และเจอแค่ของจำลอง แสดงว่าฉันก็ไม่ต่างกัน มันต้องอยู่ในโบสถ์แต่ไม่ใช่จุดที่ฉันสังเกตง่าย ๆ และฉันไม่รู้ด้วยว่า นาเดียได้เผาสัญลักษณ์ที่สองรึเปล่า?"
"หรือการเคลียร์ระดับฝันร้ายไม่ได้ทำให้ภาพวาดหายไป? ฉันว่าน่าจะเป็อย่างแรก"
"บางทีนาเดียอาจไม่ได้เคลียร์ความปรารถนาที่แท้จริงของวินเซนต์ แวน โก๊ะ ไม่งั้นแล้วหนังสือสีดำคงบอกฉันว่าของจำลองอยู่ไหน และฉันควรจะเจอมันตั้งนานแล้ว"
"หากเป็งั้นจริงแสดงว่ามีส่วนหนึ่งที่สังเกตไม่ถึงนั่นน่าจะเป็ใต้ดิน?”
เฟนริลกระทืบไม้อย่างต่อเนื่อง ไล่ทำลายสิ่งก่อสร้างจนปวดกล้ามเนื้อ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ หอบหายใจ ร่างกายสั่นเทา
ปัง! ในที่สุดก็มีจุดนึงที่ขาเขาทะลุลงไป ชายหนุ่มเผยยิ้มรีบกระชากส่วนนั้นพบว่าเป็ห้องใต้ดินแห่งหนึ่ง
“ไม่มีละอองิญญา” เทคนิคิญญาของเขาไม่ตอบสนอง
“หรือจะเป็กับดักทางวัตถุ?”
ชายหนุ่มโยนเศษไม้ลงไปพลางฟังเสียงพบว่าลึกประมาณสิบเมตร เ้าตัวหยิบไม้อีกหนึ่งเผาจนเต็มไปด้วยเปลวไฟ สไลด์ลงไป เผยให้เห็นแสงจากด้านล่างซึ่งเหมือนไม่มีอะไรดักรอ
ชายหนุ่มนิ่งก่อนจะจับไม้อีกอันเคาะบันไดปูนทีละขั้น และออกแรงจำนวนมากเผื่อกลไกอิงตามน้ำหนัก จนกระทั่งผ่านไปไม่กี่นาที
เขาก็พบว่าที่นี่ไม่มีอันตรายใด ๆ ราวกับว่าเปลวไฟจากการเผาโบสถ์ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
ใช้เวลาไม่นานเขาก็เห็นกางเขนอันหนึ่งวางบนโต๊ะ รูปร่างมันค่อนข้างไม่เหมาะสำหรับพิธีศาสนา มันทำจากแร่ธาตุผสมสีน้ำเงินสดเข้มบางไล่กันไปให้อารมณ์เหมือนกำลังดูหยกกางเขนพกพา
เฟนริลเอื้อมมือัั เทคนิคิญญาของเขาก็สั่นไหว ชายหนุ่มรับรู้ถึงพลังมหาศาลภายในที่อัดแน่น หากตนไม่แตะต้องเขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คือของล้ำค่า
"กางเขนแห่งความหวัง…”
เฟนริลเก็บไว้กับตัวก่อนจะเอามือคลำกำแพงและทุกสิ่งภายในห้องเผื่อว่าจะมีของสำคัญน่าสนใจ
แน่นอนว่าเขาพบดาบเล่มหนึ่งไม่ต่างจากของเฮเลนแต่ดูขลังกว่าเพราะด้ามจับมีสายอะไรไม่รู้สามเส้นสีแดงถักกันเป็อักษรปริศนาภายในปรากฏพลังงาน
เขาพึงพอใจกับการเก็บเกี่ยวครั้งนี้…หลังจากนี้ตนไม่ต้องรอผีสางโจมตีก่อน เขาสามารถริเริ่มจัดการได้ทันที
วินาทีนั้นเฟนริลก็หยุดเคลื่อนไหว เขานั่งลงอย่างช้า ๆ พร้อมวางแผนในใจเพราะรู้สึกว่าต่อจากนี้จะเป็ของจริง
หากการทำลายสัญลักษณ์ต้นไซเปรสเกิดขึ้น เบาะแสอย่างสุดท้ายจะปรากฏรวมถึงอันตรายนับไม่ถ้วนจากระดับฝันร้าย
ชายหนุ่มพยายามตั้งสติและคิดถึงเหตุการณ์เป็ไปได้มากมายพลางหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาจดอยู่นานพอสมควรก่อนจะเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ แอบสะกิดโดนของชุ่มแฉะบางอย่างก็ขมวดคิ้ว
พบว่าเป็กางเกงในของอีฟยังอยู่ในตัวแต่เขาไม่โยนทิ้ง บางทีเอาไปกวนใจนางน่าจะสนุกกว่า
“รู้สึกหิวแล้วสิ”
เขาเดินทางกลับไปหาสามสาว พวกนางเอ่ยถามเล็กน้อยเขาก็ตอบตามธรรมชาติไม่ได้เอ่ยถึงกางเขน หรือโบสถ์ ทั้งหมดเข้าไปในบ้านผีสางตนนั้น
ไลล่าอธิบายว่าผีตนนี้ชื่อว่า ‘แอนนา’ มีขอบเขตร่างกายระดับสี่ ตอนตายกลายเป็ผีระดับหนึ่ง เฟนริลพยักหน้าพลางประทานอาหารจนอิ่มหนำสำราญ
“คุณเจอดาบนี้ ที่ไหนอะ?” ผีสางชะโงกหน้าดู ,เขากระชากเสื้อเธอจนเกือบเห็นหัวนม
“ให้เย็ดก่อนดิ เดี๋ยวบอก”
แอนนาอายมากจนกลับไปนั่งที่เดิม
ไลล่าหัวเราะลั่นกล่าว
“คนบ้าอะไรเอากับผี โรคจิตอะ!”
ชายหนุ่มไม่สนใจ “…แล้วคนอื่นละ?” เฟนริลถามถึงผู้รอดชีวิตที่เหลือเพราะขณะมาที่นี่ไม่เห็นมีใครอยู่นั่นทำให้เขานึกสงสัยว่าคนพวกนี้หายไปไหนกันหมด เฮเลนได้ยินก็อธิบาย
“ชายผมทองนำทีมตามหาเถาวัลย์สีน้ำเงิน จากที่ฉันตรวจสอบก่อนหน้านี้เส้นทางแสงสว่างของดวงดาวไปถึงโพรงิญญาพอดี"
"หากพวกเขาทำสำเร็จก็ดี หากไม่ก็แค่ทำส่วนที่เหลือ” ชายหนุ่มกุมคางเล็กน้อยก่อนจะอธิบายความตั้งใจตนเอง
“ฉันคิดว่า…ฉันจะไปต้นไซเปรสคนเดียว พวกเธอสามคน ไปเนินเขาที่ฉันเคยมา เฮเลน เธอน่าจะจำได้ บริเวณแสงสว่างมากสุดของภาพวาดอยู่จุดนั้น"
"ฉันรู้สึกว่าเมื่อทำลายสัญลักษณ์ที่สอง เราคงไม่มีเวลามากนัก ฉันจะมอบสมุดบันทึกให้เธอ มันจะช่วยเธอได้”
เขาไม่ได้ห่วงหน้าห่วงหลังจนขนาดเสี่ยงชีวิตฆ่าตัวตายแต่เฟนริลคิดว่าการกระทำของตัวเองน่าจะทำให้เกิดผลดีในอนาคต นี่คือสัญชาตญาณของเขา
เฟนริลรู้สึกว่าหลังจากทำลายต้นไซเปรสไป ทุกอย่างจะไม่ง่าย แม้กระทั่งตอนนี้ก็เช่นกัน เขาไม่ได้ดูถูกดีกรีแชมป์โลก การที่เธอไม่พูดไม่ได้หมายความว่าเธอไม่รู้
เขาคิดว่าเธอเฉียบขาดมากแค่ไหนตอนวิเคราะห์เจตนาของวาดภาพก่อนหน้านี้ เฮเลนพยักหน้าดูใจเย็น เข้าใจความตั้งใจของเขา นางหันไปมองแอนนาเล็กน้อยถามด้วยความสงสัย
“เธอมีทักษะหรือเทคนิคบางอย่างสำหรับการป้องกันจิตใจรึเปล่า?” แอนนาพยักหน้าหงึก ๆ นั่นทำให้เธอดูพอใจ
“งั้นก็ดี พวกฉันจะรอนายที่ทางออกของภาพวาด” เมื่อทั้งสามลุกขึ้น ไลล่าก็เหลือบตามองอย่างเป็ห่วงแต่เขากลับโบกมือไปมาว่าไม่ต้องใส่ใจ
ผีสางเองก็ตื่นเต้นอยากโลดแล่นบ้างแต่พริบตาที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เฟนริลก็คว้าแขนเธอไว้ด้วยสีหน้าคนดี
“ฉันบอกหรอว่าเธอไปได้?”
แอนนางอแงเล็กน้อย
“ไม่เอา ฉันอยากไปบ้าง? ฉันเป็ผีนะ”
เขาส่ายหน้า
“เธอต้องไปกับฉัน อย่าคิดตุกติก”
หญิงสาวช็อกรีบอธิบาย
“ไม่ได้ ไม่ไหวอ่า! ฉันเป็ผี ถ้าเจอต้นไซเปรสฉันตายแน่ ไม่สิ ฉันจะถูกควบคุมและฆ่านาย ต่อให้รั้งฉันในโลกวัตถุก็มีปัญหา เอาฉันไปไม่ดีแน่นอน อีกอย่างนายบอกว่าจะไปคนเดียว ทำไมฉันเกี่ยวด้วย”
เฟนริลยิ้ม
“ฉันไปคนเดียว…แต่ผีไม่นับเป็คน…ฉันพูดผิดตรงไหน?” แอนนาไม่ยินยอมเพราะเธอไม่อยากตาย เธอยังอยากมีชีวิตอยู่
ชายหนุ่มมองอาการดังกล่าวก็ถอนหายใจดูเหมือนว่าการเกลี้ยกล่อมเธอจะเป็ไปได้ยาก ,เวลานั้นไลล่าที่กำลังออกจากบ้านก็หยุดมอง
“ให้ฉันช่วยไหม?” เฟนริลอึ้งครู่หนึ่ง
“ได้สิ ทำให้ที” นางเผยยิ้มอ่อน โบกมือแ่เบา พริบตานั้นผีสางก็ราวกับตกอยู่ในภวังค์ ชายหนุ่มฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย
‘หากเธอสามารถสะกดจิตคนได้ก่อนหน้านี้ ทำไมต้องโดนฉันเย็ดด้วย? หรือว่ามีเงื่อนไขการใช้ ไม่ก็ เงี่ยนอยากโดนเย็ดเอง’
เ้าตัวไม่ค่อยเข้าใจ ไลล่าสนทนาบางอย่างกับแอนนาเล็กน้อย อีกฝ่ายที่มีพลังขอบเขตสูงกว่ากลับเชื่อฟังได้ค่อนข้างน่าสนใจ
“เรียบร้อย” เธอบอกลาเขาอีกครั้งก่อนที่ทั้งสามจะออกเดินทาง เฟนริลเหลือบมองผีสางเล็กน้อยซึ่งตอนนี้เธอกะพริบตาปริบ ๆ ราวกับไม่เข้าใจสถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น
‘มีความเป็ไปได้ไหมว่า เธอจิตใจอ่อนแอแต่ผีก็คือิญญา หรือเกี่ยวกับอารมณ์เชิงลบ ยิ่งอ่อนแอทางอารมณ์ยิ่งง่ายต่อการควบคุม?’
เหมือนเขาจะเข้าใจการทำงานของพลังพิเศษไลล่าเล็กน้อย ไม่แปลกใจว่าทำไมไม่สะกดจิตเขาคราวนั้น
“ไปกันเถอะ…มีเื่ต้องทำอีกมาก”
แอนนาวิ่งมากอดแขน ช้อนตามอง
“อยู่ใกล้ฉันเข้าไว้นะที่รัก”
“ห๊ะ?” เฟนริลเอ๋อแดกชั่วคราว ‘อย่าบอกว่านังนั่นสะกดจิตว่าเราเป็แฟนกัน?’ เขานวดขมับ ััได้ถึงผิวเย็นเฉียบแน่นอนว่าตนไม่ได้มีอารมณ์กับผีเพราะเขาคงมีความสุขมากกว่าถ้าได้เย็ดกับคนแต่ถึงแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะสั่งให้แอนนายืนตรงหน้า
“มีอะไรเหรอที่รัก?” เฟนริลไอเล็กน้อย
“เปล่า แค่อยากตรวจสอบร่างกาย” เขามองอีกฝ่าย เธอมีใบหน้าทรงไข่ ั์ตาสีฟ้า หดเล็กราวผีในทีวี ผมยาวสลวยกลางหลังสีบรอนซ์ สวมชุดนักศึกษาแหวกร่องอก กับกระโปรงครึ่งน่องสีเหลืองทั่วตัว ผิวพรรณขาวซีดเย็นเฉียบ
“ตอนเป็ผี เคยช่วยตัวเองรึเปล่า?”
แอนนาเม้มปากแน่น เบือนหน้าหนี
“คะ เคยค่ะ…แต่หนูไม่มีอารมณ์ทางเพศ ร่างกายตายแล้ว มากสุดมีความรู้สึกในใจ และก็ไม่ได้ทำมากด้วย ทำเพียงครั้งเดียวเพราะเปลืองพลังงาน”
เฟนริลเข้าใจนั่นหมายความว่าหากพูดเล้าโลมก็ทำได้แต่ร่างกายไม่มีการตอบสนองไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามที
ถึงแบบนั้นชายหนุ่มก็นึกอะไรได้ หากเป็งั้นจริงทำไมผีทุกตนที่เขาฆ่าทิ้งถึงกรีดร้องด้วยความเ็ปละ เ้าตัวใช้มือสองข้างบีบหัวนมเธอผ่านชุด พึบ! อ๊า…
แอนนาหน้าแดงก่ำ ตัวสั่นระริก
“โกหกเหรอ?” นางรีบปฏิเสธ
“ปะ…เปล่าค่ะ…นะ…หนู…คนดี…” ชายหนุ่มระงับความเงี่ยนในใจแม้จะอยากสั่งสอนเธอก็ตาม เขาเดินออกจากบ้านพร้อมร่มขนาดใหญ่หนึ่งคันยื่นให้เธอ
“โดนแสงจากดวงดาวไม่ได้ใช่ไหมละ? และหากไปที่นั่นต้องผ่านผีทั้งหมดก็คงยาก อีกอย่าง ต้นไซเปรสไม่ได้มีอำนาจขนาดนั้น ไม่ต้องกลัวเกี่ยวกับการควบคุม ฉันจะช่วยเธอเอง”
ชายหนุ่มคว้าแขนหญิงสาวเดินไปในแสง แอนนาที่เห็นก็กางร่มรวมถึงแอบมองตะเกียงน้ำมันที่ชายหนุ่มถืออยู่ก็รู้ว่ามีไว้สำหรับไล่ปีศาจจากความมืด
“ฉันอยากรู้เกี่ยวกับนาเดีย เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม?” แอนนาย่นจมูก
“ที่รักอยากเย็ดรุ่นพี่เหรอคะ?”
เฟนริลเซไปมา
/// จบตอนที่ 6 ///
เฮเลน อายุ 18 ปี นิสัย: (สถานะ:ซิง) ฉลาด ใจเย็น สุขุม ชอบความท้าทาย ลึกลับ น่าค้นหา ขี้สงสัย ชอบให้คนที่ตนสนใจแสดงผลงาน(จากนั้นหากชอบจะยกระดับและฝึกให้เชื่องอย่างช้า ๆ เป็สุนัขที่ภักดีของเธอ) แอบี้เีครั้งคราว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้