หากนางพูดโน้มน้าวให้ฉือหางสงบลง คงจะต้องใช้คําพูดมากมายอย่างแน่นอน
เมื่อคิดเช่นนั้น หลินกู๋หยู่ไม่พูดอะไร พลันเอื้อมมือไปจับมือของฉือหางออกไปโดยไม่ลังเลแล้วถอดกางเกงของฉือหางออกอย่างเด็ดขาด
นางไม่รู้สึกอายแม้แต่น้อย แต่ในตอนที่นางซักผ้าเช็ดตัว นางเห็นใบหน้าของฉือหางแดงก่ำ
หลังจากช่วยเช็ดทําความสะอาดร่างกาย หลินกู๋หยู่เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดให้อีกฝ่ายด้วยความว่องไว
เปลี่ยนผ้าบนกระดานไม้ไปซัก เอาผ้าสะอาดมาแทนที่ ผูกผ้าและจัดร่างกายให้ฉือหาง
"ข้าจะช่วยพยุงเ้าลุกขึ้นไปนอนบนเตียง" หลินกู๋หยู่พูดอย่างใจเย็น
"ข้า ข้านอนบนพื้นก็ได้แล้ว" ฉือหางทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย ใบหน้าของเขาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็สีแดง "ข้ากลัวว่าจะแพร่เชื้อให้พวกเ้า”
"มันไม่ติดต่อเสียหน่อย" หลินกู๋หยู่พูดอย่างอดทน "ถ้าเ้านอนบนพื้น แมลงพวกนั้นจะมากัดเ้าอีก แล้วร่างกายของเ้าจะดีขึ้นได้เมื่อไรกัน?”
อาการเจ็บป่วยของเขายังพอมีวิธีรักษาให้หายงั้นหรือ?
ฉือหางเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีเข้มจ้องมองหลินกู๋หยู่เป็เวลานาน "เ้าไม่จําเป็ต้องโกหกข้า”
หลินกู๋หยู่คร้านเกินกว่าจะอธิบายมากมายในตอนนี้ แต่โรคที่เกิดขึ้นบนร่างกายของเขาไม่ใช่โรคติดต่อ มันไม่แพร่เชื้อให้พวกนาง พูดอย่างเ็า "ลุกขึ้น… ไปนอน!”
ฉือหางก้มศีรษะลงอย่างเศร้าๆ "ข้าไม่อยากไป”
เด็กสาวเหลือบมองโต้ซาที่นอนหลับผล็อยอยู่บนเตียง ถอนหายใจอย่างทําอะไรไม่ถูก นางไม่คาดคิดเลยว่าฉือหางจะดื้อรั้นได้ถึงขนาดนี้
เขาคงจะกลัวว่าตนเองจะแพร่เชื้อไปยังพวกนางทั้งสองคน
หลินกู๋หยู่เหลือบมองกล่องใหญ่ของนางปราดหนึ่ง จัดกล่องใหญ่ของนางที่อยู่ข้างๆ และย้ายกล่องใบใหญ่ของฉือหางที่อยู่ไปไม่ไกลมาไว้ตรงนี้
โชคดีที่ข้าวของด้านในมีไม่มาก ไม่เช่นนั้นหลินกู๋หยู่ไม่รู้ว่าต้องย้ายอย่างไรเช่นกัน
เมื่อนำกล่องทั้งสองมาวางเคียงข้างกัน ความยาวราวสองหมี่และกว้างราวหนึ่งหมี่
นางกางฟูกที่สะอาดไว้บนนั้น เดินไปหาโต้ซาพลางอุ้มอย่างระมัดระวัง
โต้ซาดูเหมือนจะนอนไม่สบายตัวนัก เมื่อถูกหลินกู๋หยู่อุ้มขึ้นมา คิ้วน้อยๆ ก็ขมวดหากัน
เมื่อจัดทั้งหมดนี้แล้ว หลินกู๋หยู่ก็นั่งยองๆ ต่อหน้าฉือหาง นางพูดอย่างอดทนว่า "เ้าไปนอนบนเตียง ข้ากับโต้ซาจะนอนบนกล่องเอง”
......
หลังจากพยุงฉือหางไปที่เตียงอย่างยากลำบาก หลินกู๋หยู่ก็เหงื่อซึมไปทั้งตัว
หลังจากช่วยเขาคลุมผ้าปูที่นอน หลินกู๋หยู่ก็พูดเบาๆ ว่า "ถ้าเ้ารู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว เ้าก็บอกมาได้ พรุ่งนี้เช้าข้าจะไปหายาให้เ้า”
ดวงตาสีเข้มของฉือหางมองไปที่เด็กสาวอย่างเงียบๆ ฝืนถามด้วยเสียงมั่นคงว่า "โรคนี้… จะหายได้จริงหรือ?”
ใบหน้าของหลินกู๋หยู่นิ่งงันเล็กน้อย นางตอบเขาอย่างอ่อนโยน "ข้าไม่รู้ว่าใครเป็คนบอกว่าเ้าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน แต่ในความคิดของข้า อาการเจ็บป่วยของเ้าไม่ใช่ปัญหาใหญ่และจะดีขึ้นในไม่ช้า แต่ถ้าเ้า้าฟื้นตัวให้เหมือนปกติเช่นเมื่อก่อน คาดว่าจะต้องใช้เวลามากกว่าครึ่งปี”
นางนั่งลงด้านข้างฉือหาง ดึงผ้าห่มขึ้นห่มให้เขา "ที่ถูกแมลงกัดบนร่างกาย เดิมทีจะดีขึ้นในระยะเวลาสิบวัน แต่..."
"วางใจเถอะ กล้ามเนื้อและกระดูกที่หักของเ้าจะหายในเวลาร้อยวัน และเอวของเ้าจะดีด้วยเช่นกัน" หลินกู๋หยู่ยิ้มมุมปากตื้นๆ มองไปที่ฉือหางด้วยความอ่อนโยน
รอยยิ้มของนางสดใสเบ่งบานประหนึ่งดอกไม้ ฉือหางรู้สึกราวกับมีแสงสว่างอยู่ตรงหน้า หัวใจของเขาก็พลอยโบยบินไปกับมันด้วย
หัวใจของเขาเปี่ยมไปด้วยความหวัง เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน
ฉือหางมองใบหน้าของหลินกู๋หยู่อย่างว่างเปล่า เขามีความลังเล ไม่อยากที่จะละสายตาไปจากนางอยู่หลายส่วน
"ตอนกลางคืนถ้าเ้ารู้สึกไม่สบายตัว เ้าเรียกข้าได้เลย" หลินกู๋หยู่พูดอย่างไม่อาจวางใจ
"อืม" ฉือหางตอบรับเสียงต่ำ
เด็กสาวเดินไปยังด้านนอกห้อง ลดผ้าม่านระหว่างห้องด้านนอกและห้องด้านใน ซึ่งแยกออกเป็สองห้อง
หลินกู๋หยู่รีบถอดเสื้อผ้า เติมน้ำ นั่งยองๆ หน้าอ่างไม้ขนาดเล็กและอาบน้ำอย่างระมัดระวัง
ได้ยินเสียงน้ำดังแว่วจากด้านนอก ฉือหางหันมองไปตามแหล่งที่มาของเสียง และเห็นร่างหนึ่งด้านในม่านอย่างคลุมเครือ
เขาเห็นการเคลื่อนไหวของนางอย่างเลือนราง แต่ไม่สามารถเห็นรูปร่างของนางได้อย่างชัดเจน ยามสายลมพัด ใต้ม่านปรากฏเท้าขาวเนียนคู่หนึ่ง
ฉือหางรีบหันศีรษะหนี สายตาจดจ้องไปบนกําแพง
ร่างกายของเขารู้สึกร้อนวูบวาบ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ หลินกู๋หยู่ดับไฟในเตา เปิดม่านและเดินเข้าไปข้างใน
ฉือหางได้ยินการเคลื่อนไหวของนาง เขาหลับตาอย่างรวดเร็ว
เด็กสาวเดินไปที่ข้างเตียง เอื้อมมือไปแตะหน้าผากของฉือหาง ดูเหมือนว่าความร้อนจะยังไม่ลดลง
นางคิ้วขมวด เอาอ่างน้ำเย็นเข้ามาและเช็ดร่างกายส่วนที่อยู่นอกร่มผ้าเบาๆ จากนั้นจึงรู้สึกว่าศีรษะของฉือหางไม่ร้อนนัก
เมื่อเดินมาถึงเทียนไข หลินกู๋หยู่ก้มลงดับไฟ ก่อนเดินไปที่ข้างกล่องไม้
เอื้อมมือไปคลุมผ้าห่มบนร่างของโต้ซา หลินกู๋หยู่ก็ทิ้งตัวลงนอน
อาจเป็เพราะเมื่อวันก่อนนางทํางานมากเกินไป ยามเมื่อหลินกู๋หยู่ตื่นขึ้นมา นางก็เห็นโต้ซานั่งเล่นอยู่กับผ้าปูที่นอนในมือของเขา
"ท่านแม่" เมื่อเห็นว่าหลินกู๋หยู่ตื่นขึ้นมาแล้ว โต้ซาก็ดึงผ้าห่มมาปิดปากอย่างเขินอาย ดวงตาดําขลับคู่หนึ่งมองหลินกู๋หยู่อย่างไม่ละสายตา
"อรุณสวัสดิ์" หลินกู๋หยู่ยังคงสะลึมสะลือเล็กน้อย นางรู้สึกปวดเมื่อยตรงส่วนเอวและแผ่นหลัง
สาเหตุมาจากการทำงานหนักเมื่อวานนี้เป็แน่ นางลุกขึ้นนั่งในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น พลางมองไปที่โต้ซาซึ่งนั่งอยู่ด้านข้าง ประทับจูบที่หน้าผากของเด็กน้อยเบาๆ "เ้าหิวแล้วหรือไม่?”
จิตใจของเด็กอ่อนไหวมาก ใครก็ตามที่ดีกับเขา เขาย่อมใกล้ชิดกับผู้นั้น
เด็กน้อยทิ้งผ้าห่มในมือ โต้ซากอดแขนของหลินกู๋หยู่และกระซิบเสียงเบาว่า "ท่านแม่ ข้าหิวแล้ว”
"อืม ข้าจะลุกไปทําอาหาร" หลินกู๋หยู่หรี่ตายิ้ม พลางััใบหน้าเล็กๆ ของโต้ซา ผิวเด็กเนียนนุ่มทำให้มือที่ััรู้สึกดีเป็พิเศษ
เมื่อลงจากเตียง หลินกู๋หยู่เดินไปเปิดหน้าต่างพลางมองไปที่ท้องฟ้าสีเทา ลมมาแล้วทั้งยังมีฝนตกปรอยเล็กน้อย
หากใช้เวลาในยุคปัจจุบันมาอธิบาย ตอนนี้ก็น่าจะเกือบแปดโมงแล้ว
หลังจากต้มบะหมี่น้ำเสร็จแล้ว หลินกู๋หยู่ก็ป้อนบะหมี่น้ำให้โต้ซาจนอิ่มก่อนจะเดินไปที่เตียง
อาจจะเป็เพราะไม่สบายตัวจริงๆ คิ้วของฉือหางขมวดเป็ก้อน ในขณะที่เขานอนหลับยังเปล่งเสียงร้องฮืออย่างทรมาน
อาการาเ็ของเขาไม่อาจรักษาให้หายได้เป็ปลิดทั้งภายในระยะเวลาอันสั้น แต่โชคดีที่ตอนแยกบ้าน โจวซื่อให้เงินกับพวกนางเล็กน้อย และใน่เวลานี้พวกนางสามารถใช้เงินได้โดยตรง
หลังจากปลุกฉือหางให้ตื่น หลินกู๋หยู่ก็ป้อนบะหมี่น้ำให้กับเขา
ใบหน้าของเขาซีดเซียวมากกว่าเดิม ดูอ่อนล้ามากกว่าเมื่อวาน
หลังจากป้อนอาหารให้ฉือหาง หลินกู๋หยู่ก็จัดการบะหมี่น้ำคำใหญ่แล้ววางชามไว้บนโต๊ะด้านข้าง
ประตูในมุมตะวันออกเฉียงเหนือยังไม่ปิด หลินกู๋หยู่เดินไปที่ลานหน้าบ้าน ภายในลานเงียบสงบ
หลังจากมองไปยังรอบๆ นางก็เห็นโจวซื่อนั่งอยู่ที่ประตูห้องโถง มือของนางกำลังทอตะกร้าไม้ไผ่
เมื่อเห็นหลินกู๋หยู่เดินมา โจวซื่อก็วางงานในมือไว้ด้านข้าง ก่อนเช็ดมือบนเข่า ลุกขึ้นและมองไปที่หลินกู๋หยู่ "เ้ามาที่นี่ทำไมหรือ?”
"ท่านแม่" หลินกู๋หยู่ทักทายเสียงเบา ศีรษะของนางก้มต่ำ "พี่ฉือหางมีไข้ ข้าอยากเข้าไปในตัวเมืองเพื่อเชิญหมอมาดูอาการ!”
คิ้วของโจวซื่อขมวดแน่น ใบหน้าของนางดูน่าเกลียดอยู่หลายส่วน
หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองโจวซื่อด้วยความนิ่ง "ท่านเคยให้คำสัญญาแล้วไม่ใช่หรือว่าจะให้เงินสิบตำลึงกับพวกเรา ข้าไม่้าสิ่งอื่น ตอนนี้ท่านให้เงินนั้นกับข้าก็เพียงพอแล้ว!”
ดวงตาของโจวซื่อหรี่เล็กลง พลางพูดอย่างอันตรายว่า "เ้าคิดจะทําอะไร?”
หลินกู๋หยู่ตอบสนองทันที นางถามอย่างลังเลว่า "หรือว่าท่านไม่ได้คิดที่จะให้เงินกับพวกเราหรือ?”
โจวซื่อไม่ตอบ นางหมุนตัวหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน หยิบถุงเงินสีแดงออกมาและวางไว้ในมือของหลินกู๋หยู่
เมื่อหลินกู๋หยู่กลับไปที่ห้อง ฝนด้านนอกก็ตกหนักมากขึ้น
เอื้อมมือไปแตะหน้าผากของฉือหาง รู้สึกถึงความร้อนอย่างชัดเจน
หลินกู๋หยู่วิ่งฝ่าสายฝนไปที่ลานใหญ่อย่างตื่นตระหนก "ท่านแม่ ท่านมีสุราไหม?”
"เ้าจะเอาสุราไปทำอะไร?" โจวซื่อมองหลินกู๋หยู่ด้วยสีหน้าเ็า อย่างไรก็ตามนางก็ยังคงลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องครัว
หลินกู๋หยู่ไม่มีเวลาอธิบายอะไรมากนัก นางหยิบขวดสุราในมือของโจวซื่อแล้ววิ่งกลับไปที่ลานบ้านของนางอย่างรีบร้อน
ร่างกายของนางเปียกโชก
หลินกู๋หยู่หยิบอ่างออกมาและใส่สุราลงไปบางส่วน ก่อนจะใส่ผ้าเช็ดตัวลงไป แล้วเช็ดร่างกายของฉือหาง
"พี่สะใภ้สาม” เสียงอ่อนโยนแว่วดังมาจากด้านหลัง "พี่กําลังทําอะไรอยู่หรือ?”
หลินกู๋หยู่ได้ยินการเคลื่อนไหว เมื่อหันไปมอง นางก็เห็นเด็กหนุ่มที่ดูสุภาพเรียบร้อยยืนอยู่ด้านหลัง
"เ้าคือ?" หลินกู๋หยู่เหลือบมองปราดหนึ่ง จากนั้นก็หันศีรษะกลับมาและง่วนอยู่กับงานในมือต่อ ปลดเสื้อของฉือหางออกโดยไม่ลังเล จากนั้นเช็ดตัวให้เขา
"ฉือเย่" ฉือเย่ยืนอยู่ข้างหลังนาง เห็นมือที่เคลื่อนไหวอย่างช่ำชองของหลินกู๋หยู่ ความสงสัยในดวงตาของเขาหายไป
หลังจากเช็ดตัวเรียบร้อยแล้ว หลินกู๋หยู่ลุกขึ้นและมองไปที่ชายที่อยู่ข้างหลัง ลดศีรษะเล็กน้อยและพูดอย่างสุภาพว่า "น้องสี่”
พี่สามไม่สบาย ฉือเย่รู้มาตลอด เขาเพิ่งกลับจากสถานศึกษาเมื่อเช้าวานนี้ ในทุกๆ สิบวันเขาจะมีวันหยุดสองวัน
ในขณะที่คนในครอบครัวของเขาดูแลพี่สาม ทุกคนจะห่อมือก่อนถึงจะกล้าที่จะััพี่สาม
แต่มือของพี่สะใภ้สามกลับไม่ได้ห่ออะไรเลย นางใช้มือััโดยตรง
"น้องสี่ ข้าขอรบกวนเ้าอย่างหนึ่ง เ้าช่วยข้าเช็ดร่างกายให้พี่สามของเ้าได้ไหม?" หลินกู๋หยู่พูดเบาๆ ว่า "สุรานี้ค่อนข้างระเหยเร็ว แต่มันสามารถลดความร้อนได้เร็วมาก"
ฉือเย่แปลกใจเมื่อได้ยินคําพูดของหลินกู๋หยู่
"ข้าจะออกไปซื้อยาตอนนี้ ตอนแรกข้าคิดจะออกไปซื้อยาในยามอู่ แต่ดูเหมือนว่าอาการของเขาจะกำเริบหนัก ไม่สามารถรอช้าได้อีกแล้ว" หลินกู๋หยู่มองไปที่ฉือเย่ด้วยสีหน้าที่จริงจัง "ถ้าเ้าไม่เต็มใจที่จะช่วย เ้าช่วยข้าดูโต้ซาก็ได้”
ราวกับว่าเขานับว่านางเป็พี่สะใภ้สามของเขาแล้ว ฉือเย่พยักหน้าและตอบเบาๆ ว่า "ข้าทราบแล้ว”
ทันใดด้านนอกก็มีเสียงฟ้าผ่า โต้ซากอดต้นขาของหลินกู๋หยู่ด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าเล็กๆ ของเขาห่อเป็รอยย่นด้วยความกลัว
ฉือหางลืมตาขึ้นอย่างไม่สบายใจ สายตาของเขามองไปที่หลินกู๋หยู่ เมื่อเห็นฉือเย่อยู่ด้านข้าง คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย
"โต้ซา เด็กดี เล่นกับอาสี่ของเ้าไปก่อน ท่านพ่อป่วยหนัก แม่ต้องออกไปซื้อยา" หลินกู๋หยู่นั่งยองๆ กอดโต้ซาและอธิบายอย่างอ่อนโยน
"ท่านแม่..." โต้ซามองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างน้อยใจ
หลินกู๋หยู่พิงหน้าผากของโต้ซา ก่อนจะประทับจูบเบาๆ จากนั้นก็พูดอย่างอ่อนโยน "โต้ซา เด็กดี เชื่อฟังอาสี่ของเ้า”
โต้ซามองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างน้อยใจ
ฉือเย่เอื้อมมืออุ้มโต้ซาเอาไว้
เสียงฟ้าร้องข้างนอกดังขึ้นอีก
หลินกู๋หยู่ได้คิดเกี่ยวกับเื่นี้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นนางหยิบอะไรก็ได้มาคลุมศีรษะก็เพียงพอแล้ว
ในขณะที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะออกไปข้างนอกอย่างไร ฉือเย่ก็เดินไปหาหลินกู๋หยู่ ยัดเสื้อกันฝนที่ทำจากฟางไว้ในมือของนาง
หลินกู๋หยู่ตกตะลึงเล็กน้อย ก้มศีรษะลงและพูดว่า "ขอบคุณ”
"อย่าไป!" เสียงแหบแห้งของฉือหางดังมาจากเตียง เขาพยายามเอื้อมมือจะจับหลินกู๋หยู่ ทว่าสุดท้ายแล้วเขาก็คว้าสิ่งใดไม่ได้เลย
สิ่งที่เขาได้เห็นคือเงาของการจากไปของนาง
สายตาของหลินกู๋หยู่มองไปยังใบหน้าของฉือหางครู่หนึ่ง ก่อนจะสวมเสื้อกันฝนและวิ่งออกไป
โจวซื่อนั่งอยู่ในลานบ้าน เดิมทีนางกําลังง่วนอยู่กับงานในมือ พลันสายตานางเห็นคนสวมเสื้อกันฝนออกไปจากบ้าน เมื่อพินิจมองแล้วก็พบว่าคนนั้นคือหลินกู๋หยู่
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหลินกู๋หยู่หนีไป? โจวซื่อรีบไปที่ห้องข้าง นางะโเรียกฉือซู่
ฉือซู่จึงสวมเสื้อกันฝนและแอบติดตามหลินกู๋หยู่ไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้