ภายในถ้ำกองไฟกำลังลุกโหมท่อนไม้ที่ใส่เข้าไป ส่วน้าคือหม้อที่กำลังเดือดปุดๆภายในอัดแน่นไปด้วยเนื้อปลาหลีฮื้อหลงหลิง เนื้อเม่นหนาม เนื้อหมาป่าและเนื้อไก่ป่าที่ต้มรวมกันอย่างง่าย ตามด้วยเครื่องปรุงและหญ้าเข้าไปอีกนิดแค่นี้ก็ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งถ้ำแล้ว
ข้าใช้ช้อนคนเนื้อในหม้อและตักชิมรส“ดูเหมือนข้าจะเหมาะเป็แนวหลังจริงๆ แหละ!”
ซูเหยียนที่นั่งกอดเข่าอยู่ข้างกองไฟพูดขึ้น“ข้าไม่เคยเห็นแนวหลังคนไหนฆ่าผู้ฝึกฝนิญญาขั้น์ได้ด้วยกระบี่เดียวสักครั้งหรือเ้าเคย?”
ตั้นไถเหยาเม้มปากก่อนจะถามบ้าง“นี่อาจารย์ปู้ เมื่อก่อนเ้าไม่เคยฆ่าคนจริงๆ เหรอ? ข้าเห็นเ้าฆ่าพวกล่าสัตว์กลุ่มนั้นแต่กลับไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลย”
ข้ายกยิ้มขึ้นก่อนจะตอบไป“เพราะพวกนั้นจะฆ่าพวกเราก่อนต่างหาก และสิ่งที่ข้าทำก็เพื่อป้องกันตัวเท่านั้นไม่เห็นจะต้องละอายแก่ใจเลย ข้าว่าเลิกพูดเื่ฆ่าคนเถอะนะไม่อย่างนั้นหลิวถงเอ๋อร์คงนอนไม่หลับแน่ๆ”
หลิวถงเอ๋อร์กะพริบตาถี่แล้วพยักหน้า“อื้ม!”
อาจารย์หลงอี้ยืนแหงนดูท้องฟ้าขณะฟ้าแลบลงมาตรงปากถ้ำ“ฝนน่าจะตกทั้งคืน แต่ก็ดีเหมือนกัน พรุ่งนี้พวกเราจะเข้าไปยังหุบเขาชั้นที่เจ็ดเพื่อแยกย้ายกันฝึกตามอัธยาศัย และในวันถัดไปค่อยกลับสำนัก”
“ขอรับ/ค่ะ อาจารย์”
...
หลังจากกินปลาเพื่อเพิ่มพลังในร่างกายจนอิ่มท้องจึงตั้งใจจะออกไปฝึกฝน “ข้าจะไปฝึกใต้ต้นไม้ข้างนอก พวกเ้าหลับกันเถอะ”
“ระวังตัวด้วย” ซูเหยียนว่าท่าทีเป็ห่วง
“ไม่เป็ไรหรอก อาจารย์หลงอี้ก็อยู่ข้างนอก”
“อืม”
แม้ฝนจะตกหนักแต่ไม่ใช่อุปสรรคต่อการฝึกฝนข้าเลือกเข้าไปนั่งใต้ร่มไม้เพื่อฝึกเคล็ดวิชาลมหายใจั
หลังจากเคลื่อนพลังได้สามรอบเหตุประหลาดจึงเริ่มขึ้น เมื่อฝนที่ตกลงมาบนตัวกลับระเหยกลายเป็ไอคล้ายกับน้ำที่หยดลงบนเปลวเพลิงจนเกิดเสียงระเหยออกมาไม่หยุดพลังิญญาในร่างกายพลุ่งพล่านรอการปะทุ เพียงชั่วพริบตา พลังิญญาที่ระเหยออกมากลายเป็ัเขียวและัดำทะยานออกจากตัวในลักษณะเลื้อยรัดกันอยู่
เนื่องจากพลังในร่างกายมีไม่เพียงพอที่จะเรียกพลังระดับเซียนออกมาข้าจึงกัดโสมโลหิตที่เตรียมมาหนึ่งคำก่อนจะฝึกต่อ กระทั่งเคลื่อนพลังไปเจ็ดรอบทั่วทุกอณูของร่างกายค่อยเริ่มรู้สึกได้ถึงความร้อนเหมือนว่าข้าใกล้จะบรรลุในอีกไม่ช้า!
พลังลมปราณร้อนระอุก่อนจะมีเสียงคล้ายกระดูกแตกดังแทรกขึ้นมาไม่นานัตัวใหญ่สองตัวก็ปรากฏอยู่รอบแขนทั้งสองข้างพร้อมกับพลังที่แผ่ซ่านออกมาไม่หยุด
ในที่สุดการฝึกฝนพลังของเคล็ดวิชาาในขั้นที่สามอย่าง‘มุกธาราเทวะั’ ก็สำเร็จ!
พลังที่ส่งออกมาจากแขนทั้งสองเป็ดั่งปาฏิหาริย์แม้แต่คนที่นอนอยู่บนต้นไม้อย่างอาจารย์หลงอี้ยังต้องลุกขึ้นมาดูพลางส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาเขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเอนตัวลงนอนต่อ
เมื่อเห็นว่าพลังลมปราณและปลาที่กินเข้าไปเริ่มจะหมดฤทธิ์ จึงเปลี่ยนไปฝึกเพลงขาเมฆาหมอกและเพลงหมัดสายฟ้าตรงชายเขาแทน วันนี้ถือได้ว่าข้ามีอวัยวะแขนขาที่ครบสูตรจะขาดก็แต่ความคุ้นเคย และความชำนาญในการฝึกที่ยังไม่เข้าขั้นเซียนแต่ของแบบนี้ฝึกไปเรื่อยๆ จะได้เอง
หลังจากฝึกจนเสื้อผ้าแห้งเกือบหมดก็กลับไปยังถ้ำซึ่งสาวงามทั้งสี่คนต่างนอนหลับกันหมดแล้ว
ข้านำหญ้าแห้งปูรองก่อนจะนั่งพิงผนังถ้ำซึ่งอยู่ใกล้กับทางออกนอนตรงนี้สบายกว่านอนบนต้นไม้อย่างอาจารย์หลงอี้อยู่แล้ว แต่จู่ๆซูเหยียนก็ลืมตาตื่นขึ้นมากะทันหัน
“ทำไมเ้าไม่มานอนตรงนั้นล่ะ?” นางว่าพลางชี้ไปทางหญ้าแห้งที่ปูไว้เรียบร้อยแล้วถึงมันจะสบายกว่าแต่ก็ใกล้นางเกินไป และข้าก็กลัวว่าตัวเองจะ...
ข้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงปฏิเสธไป“ไม่เป็ไร นอนตรงไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ อีกอย่างนอนตรงนี้จะได้ดูแลพวกเ้าด้วยเกิดมีหมาป่าเข้ามามันจะได้กินข้าก่อน”
นางหัวเราะชอบใจก่อนจะพูดขึ้น“ถ้าอย่างนั้นเ้าก็ระวังถูกหมาป่าคาบไปกินด้วยแล้วกัน”
“อืม เ้ารีบนอนเถอะ”
“ฝันดีนะ เ้าคนกินจุ”
“ฝันดีเหมือนกัน ซูเหยียน”
นางจัดแจงแผ่นรองก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้งคนที่นอนขดตัวอยู่ตรงหน้าช่างเหมือนลูกแมวน้อยไม่มีผิดข้าหลับตาลงแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราไปแบบไม่รู้ตัว
...
เช้าวันถัดมาพระอาทิตย์สาดแสงอ่อนๆกระทบลงบนใบหน้า
“ตื่นแล้วก็เริ่มการฝึกฝนของพวกเ้าได้เลยนะ”
อาจารย์หลงอี้ที่หน้าตาสดชื่นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เหมือนนาฬิกาปลุก“กินข้าวเช้าเสร็จแล้ว เตรียมมุ่งหน้าไปยังหุบเขาชั้นที่เจ็ดซึ่งวันนี้ข้าจะไม่ตามไปด้วย และเราจะกลับมาเจอกันที่นี่ในวันพรุ่งนี้เวลาเดิมสำหรับการฝึกฝนครั้งนี้ข้าไม่้าอะไรมากนอกจากสังหารสัตว์ิญญาระดับสี่อย่างน้อยสองตัว และนำหลักฐานมาให้ข้าดูระวังตัวกันด้วยล่ะ”
พวกเราไม่ได้ตอบรับเพราะต่างรีบกินข้าวจนอิ่มแล้วเริ่มออกเดินทาง
...
พอไม่มีสัมภาระหนักๆข้าก็เดินเหินได้เร็วขึ้น หลังจากนั้นเพียงครึ่งชั่วโมงก็เข้ามาถึงขอบของหุบเขาชั้นที่เจ็ดซึ่งอาจมีสัตว์ิญญาที่แข็งแกร่งอย่างระดับห้าโผล่ออกมาได้ทุกเมื่อเมื่อเข้าไปในพื้นที่ป่าได้ไม่นานก็เจอเข้ากับสัตว์ิญญาตัวหนึ่ง
หมีหมอกสัตว์ิญญาระดับสี่ที่หนักเป็ตันหากเทียบขั้นกับผู้ฝึกฝนิญญาก็น่าจะอยู่ในขั้น์ ทว่าพละกำลังของมันกลับเทียบได้กับขั้นเทวิญญาเลยทีเดียว
โฮก!!!
มันส่งเสียงคำรามดังสนั่นก่อนจะวิ่งฝ่าต้นไม้ใหญ่จนหักโค่นระเนนระนาด
“มันมาแล้ว!”
ซูเหยียนพูดเสียงเข้ม“ถงเอ๋อร์ดึงความสนใจ เชวียหรานหาโอกาสจัดการดวงตาของมันตั้นไถเหยาเพิ่มพลังให้ข้า ส่วนปู้อี้เชวียน เ้าดูสถานการณ์แล้วค่อยตามน้ำ!”
ให้ตายเถอะ!นึกไม่ถึงเลยว่านางจะพูดแบบนั้นออกมา แบบนี้มันก็ยากสิ!
หลิวถงเอ๋อร์เรียกโล่ัดำที่สว่างจ้าไปด้วยพลังิญญาก่อนจะปรี่เข้าไปพร้อมใช้ดาบั์ฟันจนเกิดเสียงแต่ก็ตัดได้เพียงขนไม่กี่เส้นเท่านั้น เพราะขนของหมีหมอกตัวนี้ทั้งหนาและแข็งแกร่งเกินกว่าดาบธรรมดาจะทำอะไรได้และตอนนี้นางกำลังทำให้มันโกรธก่อนจะง้างอุ้งเท้าอันทรงพลังฟาดลงไปที่โล่จนเกิดเสียงดังขึ้นถึงสองครั้ง
ตั้ง!ตั้ง!
เสียงกระทบดังก้องไปทั่วร่างของนางเหมือนตะปูที่ยึดให้หมีหมอกนั่นอยู่กับที่ จู่ๆ ก็เกิดแสงสว่างวาบซูเหยียนใช้เคล็ดวิชาเมฆาเพลิงัฟันลงไปเจ็ดถึงแปดครั้งจนเืไหลอาบแต่ทำได้เพียงให้มันาเ็สาหัสเท่านั้น
ถังเชวียหรานนั่งล็อกเป้าหมายอยู่บนต้นไม้ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ดวงตาทั้งสองข้างจนมันแผดเสียงร้องคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว
ถึงแม้หมีหมอกจะแข็งแกร่งแต่ไม่มีทางสู้การทำงานเป็ทีมของพวกเราได้
โฮก!โฮก!...
หมีหมอกร้องออกมาด้วยความเ็ปและเผ่นหนีเข้าไปในป่าด้วยสภาพที่มองไม่เห็นและถ้าไม่รีบหนีไปอาจจะต้องจบชีวิตอย่างอนาถในที่สุด
อุ้งเท้าที่เหยียบย่ำจนเกิดรอยลึกแม้แต่ก้อนหินดินทรายยังปลิวว่อนนกกาที่เกาะตามต้นไม้ต่างบินหนีหายด้วยความใจากการต่อสู้เมื่อครู่แต่ในเวลานี้แผ่นดินกลับสั่นไหว กลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายผุดขึ้นจากใต้ดินแย่แล้ว! สัตว์ิญญาที่แข็งแกร่งกว่ากำลังจะเผยตัวออกมาในไม่ช้า
ขณะที่ซูเหยียนกำลังจะตามไปสังหารหมีหมอกตัวนั้นถึงกับชะงัก“เกิดอะไรขึ้น?”
ก้อนหินและเศษไม้เล็กๆค่อยๆ ถูกกลืนหายไปในพื้นดินเมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงรีบใช้พลังเพลงขาเมฆาหมอกพุ่งปราดไปคว้าเอวของนางให้พ้นจากตรงนั้น
“เ้าคนกินจุ ทำไมเ้าถึง...” ซูเหยียนถามขึ้นอย่างสงสัย
ไม่กี่อึดใจพื้นดินที่ซูเหยียนเหยียบเมื่อครู่ก็ะเิออก ตามด้วยเสียง โฮก!!!ของสัตว์ตัวใหญ่มหึมาพุ่งขึ้นมาพร้อมกับอ้าปากงับอากาศ้าและถ้าไม่ใช่เพราะข้าช่วยนางไว้ ป่านนี้อาจไม่รอดจากคมเขี้ยวนั้นเป็แน่
สัตว์ิญญาที่โผล่ขึ้นมามีขนาดใหญ่ถึงจะไม่เห็นเต็มตัว แต่ปากของมันก็กัดหมีหมอกตัวนั้นจนขาดเป็สองท่อนแม้แต่สัตว์ิญญาระดับสี่ยังถูกกัดและกลืนหายไปอย่างง่ายดาย
กรอดกรอด...
เสียงแห่งความพึงพอใจดังขึ้นจากลำคอเมื่อได้ลิ้มรสชาติของหมีหมอกเมื่อครู่มันหมอบอยู่ตรงนั้นก่อนจะคลานขึ้นมาอย่างช้าๆ จนพวกเราต่างใกับภาพที่เห็นขนาดของมันใหญ่และยาวกว่าสิบเมตร ตามร่างกายปกคลุมด้วยเกล็ดหนาสีดำทะมึนส่วนหัวสีดำแดงเถือกไปด้วยเืก่อนดวงตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึกจะหันมามองพวกเราราวกับเจออาหารชิ้นใหม่
ถังเชวียหรานพูดขึ้นเสียงเบา“แย่แล้ว...นี่มันัดินหลังเหล็ก าาแห่งสัตว์ิญญาระดับห้า!”
“จะสู้หรือจะหนี?” ข้าถามขึ้น
ถังเชวียหรานตอบอย่างไม่ลังเล“ข้าว่าหนีจะดีกว่า...”
ข้าถึงกับพูดอะไรไม่ออก...
ซูเหยียนผละจากอ้อมอกและเรียกกระบี่เพลิงกัลป์ออกมาอีกครั้ง “ถ้าคิดจะหนีก็ต้องหนีให้ได้ถึงจะดีเ้าสัตว์ิญญาตัวนี้มันเร็วยิ่งกว่าเสือดาวเพลิงเสียอีก หนีไม่รอดแน่! ถงเอ๋อร์พลังิญญาของเ้ายังเพียงพอที่จะใช้กระบวนท่าเลี่ยงกรงเล็บัได้หรือเปล่า?”
“ข้าจะลองดู”
“ดี ถงเอ๋อร์ใช้กระบวนท่าเลี่ยงกรงเล็บัยื้อเวลา อาเหยาเพิ่มพลังให้ข้าพวกเราจะรอดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยลงมือ การต่อสู้ยังเหมือนเดิมเมื่อเชวียหรานทำลายดวงตามันได้ ข้าก็จะมีโอกาสแล้วล่ะ”
“ได้!”
ัดินหลังเหล็กเป็หนึ่งในาาของสัตว์ิญญาระดับห้าพละกำลังของมันสูงยิ่งกว่าผู้ฝึกฝนิญญาขั้นเทวิญญาเมื่อเทียบกับพวกเราสี่คนซึ่งอยู่ในขั้น์ และอีกหนึ่งคนอยู่ในขั้นประกายจิตระดับพลังแตกต่างกันมากทีเดียว!
แต่ในเมื่อหนีไม่ได้วิธีของซูเหยียนจึงเป็สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้ คงต้องใช้สมองให้มากขึ้น!
ขณะนั้นัดินหลังเหล็กได้เริ่มอ้าปากโจมตีมาที่หลิวถงเอ๋อร์ซึ่งนางได้ตั้งโล่เตรียมรับไว้ก่อนแล้วก่อนจะใช้พลังิญญามหาศาลจนเกิดเป็สนามพลังที่กว้างออกไปหลายเมตรเสียงะเิดังทั่วทั้งผืนป่า ตูม! ตูม! ตูม!ตามด้วยพลังกรงเล็บัที่กระจายออกไปทั่วบริเวณนางนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหลังเพื่อดึงความสนใจ
ปัง!
ัดินหลังเหล็กกัดลงไปยังโล่ของหลิวถงเอ๋อร์ขณะกำลังใช้พลังเลี่ยงกรงเล็บัด้วยััที่คล้ายกับขนเม่นจึงทำให้ปากของมันเต็มไปด้วยเื
ชวิ้ง!ชวิ้ง!...
ดาบคมจันทราส่งเสียงอันคมกริบและพร้อมรบ!
เท้าเยื้องย่างลงไปด้วยกระบวนท่าเพลงขาเมฆาหมอกก่อนจะพุ่งไปยังด้านข้างซึ่งเป็จุดอ่อนของัดินหลังเหล็กกระบี่เล่มยาวถูกยกขึ้นเหนือหัวก่อนจะฟันลงไปที่ขาหน้าด้วยพลังเพลงกระบี่ัแกร่ง!
เกร้ง!
สะเก็ดไฟสาดกระเด็นไปทั่วทุกสารทิศข้าถึงกับอ้าปากค้างเมื่อทำได้แค่สร้างรอยแหว่งที่เกล็ดของมันเท่านั้นไม่ได้การแล้ว ข้าต้องใช้พลังให้มากกว่านี้ไม่อย่างนั้นหลิวถงเอ๋อร์คงต้านเอาไว้ไม่ไหว
ข้ายกขาขึ้นและเหวี่ยงลูกเตะออกไปด้วยพลังที่เต็มเปี่ยมจากกระบวนท่าเอกากัลป์เบิกขุนเขา!
ตูม!
ครั้งนี้ร่างของมันเริ่มสั่นไหวเล็กน้อยแต่ขาของข้ากลับชาไปเลยทีเดียว ให้ตายเถอะ! นี่คงเป็ความแตกต่างของพลังสินะข้าที่อยู่ในขั้นประกายจิตกำลังจู่โจมสัตว์ที่อยู่ในขั้นเทวิญญาที่ไม่รู้จักกับความเ็ปเสียด้วยซ้ำ
อีกฝั่งหนึ่งพลังของเปลวเพลิงกำลังสว่างวาบจากกระบวนท่าเมฆาเพลิงัของซูเหยียน
ตูม!!!
ดูเหมือนว่าพลังของเปลวเพลิงนั้นจะเผาไหม้เกล็ดของมันเป็วงกว้างและการโจมตีของนางครั้งนี้ทำให้เ้าัดินหลังเหล็กถึงกับหงายหลังล้มตึงมาทางข้าด้วย
ให้ตายเถอะนางช่างเป็หญิงงามที่แฝงไปด้วยพลังจริงๆ
ในตอนนี้ใครก็คงจะช่วยข้าไม่ได้เมื่อกวัดแกว่งกระบี่จนกลายเป็โพรงเล็กๆ ก่อนจะมุดเข้าไปหลบด้านในพอเงยหน้าก็เจอกับร่างที่กำลังล้มลง พลางยกกระบี่ขึ้นค้ำเพื่อไม่ให้ถูกทับและเหตุที่กระบี่คมจันทราไม่สามารถโจมตีได้ ไม่ใช่เพราะมันไม่แข็งพอแต่เพราะพลังของข้าไม่เพียงพอต่างหาก
แต่คราวนี้ปลายกระบี่แทงทะลุเกล็ดของมันได้เืสดๆ สาดกระเซ็นจนร้อนไปทั้งตัว
...
โฮก!โฮก!
ัดินหลังเหล็กได้รับาเ็แต่ไม่ถึงตายร่างใหญ่ลุกขึ้นอีกครั้งก่อนจะฟาดกรงเล็บไปยังซูเหยียนจนปลิวเข้าไปในพุ่มไม้และนั่นเป็เครื่องพิสูจน์ว่าพลังของสัตว์ิญญาตัวนี้น่ากลัวขนาดไหน
“เสี่ยวเหยียน!”
ตั้นไถเหยาร้องะโด้วยความใแล้วรีบยกไม้เท้าเวทขึ้นหลอมรวมพลังิญญาจนหนาแน่นออกมา “กรงเล็บหมอกน้ำแข็งจับ!”
เพียงพริบตาเดียวหมอกน้ำแข็งก็ลอยผุดขึ้นจากพื้นดินกลายเป็กรงเล็บยึดจับขาหลังทั้งสองข้างของมันไว้ แต่เหมือนจะไม่ได้ผลเพียงแค่เ้าัดินก้าวขา พลังนั้นก็สลายหายไปทันที มันปรี่เข้าไปหาซูเหยียนเพราะนางคือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งและต้องเอาชีวิตนางให้ได้
จังหวะนั้นเสียงความเร็วลมดังขึ้นสวบ! ตามด้วยลูกธนูที่หลอมขึ้นจากพลังิญญา ก่อนจะพุ่งใส่ดวงตาของัดินตัวนั้นถังเชวียหรานที่รอเวลากว่าสองนาทีเพื่อกาลนี้โดยเฉพาะ!
...
ตอนนี้เ้าัดินหลังเหล็กที่เสียดวงตาไปแล้วข้างหนึ่งเหมือนจะโกรธขึ้นกว่าเดิมมันแผดเสียงคำรามก่อนจะตะปบไปที่ซูเหยียนอีกครั้งจนได้เื!
ตูม!!!
ร่างของนางปลิวไปกระแทกกับขอนไม้ส่วนเกราะรบที่ใช้ป้องกันก็สลายไปแล้ว หากถูกโจมตีอีกครั้งเดียวอาจจะถึงจายได้
ข้าพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจความเจ็บที่แล่นเข้ามาในแขนซ้ายข้ากวาดตามองจนเห็นหางที่ยกขึ้นสูง เผยให้เห็นทวารที่มีต้นสาลี่เสียบคาอยู่ด้วยความแข็งของต้นสาลี่นั้นเป็ที่รู้จักกันดีคงเพราะเ้าัดินโง่ตัวนี้นั่งอย่างไม่ระวังจนขอนไม้แทงเข้าไปกว่าหนึ่งในสามส่วน
ในเมื่อเป็แบบนี้ข้าจะช่วยให้เ้ามีความสุขเอง!
ข้าทะยานตัวขึ้นสูงกว่าสี่เมตรด้วยพลังของเพลงขาเมฆาหมอกก่อนจะเตะลงไปที่ขอนไม้ด้วยกระบวนท่าเอกากัลป์เบิกขุนเขาท่ามกลางความตกตะลึงของซูเหยียน
เอาสิข้าไม่เชื่อหรอกนะว่ามันจะเป็รูทวารเหล็กที่ไม่รู้สึกเจ็บ!
และก็เป็ไปตามคาดเมื่อมันร้องโอดครวญด้วยความเ็ปก่อนจะหมุนตัวกลับเล่นงานข้าเพื่อระบายอารมณ์ทว่าความเร็วของมันช้ากว่าเพลงขาเมฆาหมอกอย่างเห็นได้ชัดข้าจึงะโขึ้นสูงแล้วเตะซ้ำลงไปอีกครั้ง
เอกากัลป์เบิกขุนเขา!
หืม? ดูเหมือนว่ามันจะเข้าไปได้อีกนิดหนึ่งแล้ว!
ข้าต้องพยายามต่อไป!
เอกากัลป์เบิกขุนเขา!
เอกากัลป์เบิกขุนเขา!
เอกากัลป์เบิกขุนเขา!
…
ท้ายที่สุดต้นสาลี่ทั้งต้นก็จมหายเข้าไปจนหมดเหลือไว้เพียงกิ่งก้านเล็กๆ ด้านนอก
เ้าัดินโง่เจ็บเจียนล้มแล้ววิ่งหนีหายเข้าไปในป่าท่ามกลางสายตาอันตื่นตระหนกของทุกคน
ซูเหยียนมองข้าด้วยสายตาที่ยังใไม่หาย“ปู้อี้เชวียน เ้า...”
ถังเชวียหรานเช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าก่อนจะพูดขึ้น“ข้าไม่เคยเจอการต่อสู้แบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต...”
ตั้นไถเหยาพูดเสริม“วันหนึ่งถ้าเ้าตามเขาไปเรื่อยๆต้องมีเื่แบบนี้เกิดขึ้นอีก...ข้าสาบานเลยว่าต้องเกิดขึ้นแน่นอน…”
ถังเชวียหรานที่ฟังอยู่ถึงกับพูดไม่ออก
หลิวถงเอ๋อร์แบกโล่เดินกลับมาด้วยสีหน้าที่เหนื่อยล้า“ช่วยซูเหยียนก่อนแล้วค่อยคุยกันได้ไหม!”