ครึ่งวันต่อมาการสอบขึ้นชั้นมัธยมปลายเป็ไปอย่างราบรื่น
ซูอินรู้โจทย์ข้อสอบอยู่แล้ว และได้หาคำตอบที่ถูกต้องแม่นยำ สำหรับเธอการสอบครั้งนี้ก็แค่เขียนคำตอบลงไปตามความทรงจำ
ง่าย แต่ก็ไม่ควรทำให้ดูง่ายเกินไป
เธอไม่ได้แกล้งทำมากนัก ตั้งใจเขียนคำตอบและตรวจทานให้แน่ใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดก่อนจะส่งกระดาษคำตอบ
โดยไม่สนใจว่าการกระทำของเธอจะทำให้คนอื่นใมากขนาดไหน
และคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คงไม่พ้นหลิงเมิ่ง
แม้ว่าซูอินจะได้รับความเหินห่างจากตระกูลหลิง ทว่าบิดามารดาโดยเฉพาะบิดาของเธอที่ให้ความสำคัญกับซูอินจนเธอรู้สึกหมดหนทาง ในด้านเหตุผลเธอเข้าใจว่าเื่นี้ไม่เกี่ยวกับซูอิน แต่ในด้านอารมณ์เธอไม่สามารถโทษบิดามารดาของตัวเอง โดยเฉพาะใน่เวลาที่อ่อนไหวต่อความรู้สึกเช่นนี้ ยิ่งทำให้เธอต้องแสร้งเป็เด็กว่าง่าย ความขุ่นเคืองทั้งหมดที่ไม่สามารถหาที่ระบายจึงไปลงกับซูอิน
เมื่ออีกฝ่ายส่งกระดาษคำตอบเร็ว เธอแอบดีใจ แต่ไม่นานสิ่งที่ครูผู้คุมสอบกระซิบกระซาบกันก็ได้ทำลายจินตนาการทั้งหมดของหลิงเมิ่ง
ลายมือเรียบร้อยสวยงาม อัตราความถูกต้องค่อนข้างสูง
เธอรู้ดีว่าซูอินเป็คนที่มีผลการเรียนดี แต่ไม่คิดว่าจะทำได้ดีขนาดนี้
หลิงเมิ่งรู้สึกไม่สบายใจจนไม่มีสมาธิทำข้อสอบ เดิมทีเธอก็ไม่ใช่คนเรียนดี ทำให้ในใจยิ่งโกรธเคือง ตลอดเวลาในการสอบ เธอทุกข์ทรมานมาก
เดิมทีเธอคิดว่าเมื่อเสร็จสิ้นการสอบขึ้นชั้นมัธยมปลาย ฝันร้ายในครั้งนี้ก็คงจบลงเช่นกัน คิดไม่ถึงว่ายังมีเื่ยุ่งยากมากกว่าเดิมรออยู่
หลิงจื้อเฉิงสามารถขยายธุรกิจได้ใหญ่โตขนาดนี้ นอกจากความสามารถแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเส้นสาย
่เวลาราวๆ สองวันเพียงพอที่จะตรวจสอบเื่รถคันนั้น
รถคันนั้นอยู่ภายใต้สังกัดกองบัญชาการกองทัพบก…
เมื่อรู้เช่นนั้นทำให้เขายิ่งรู้สึกหนักใจ
“อาจเป็ไปได้ว่าซูอินเพิ่งจะรู้จักคนคนนั้นเมื่อสองวันที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้เมิ่งเมิ่งก็เห็นเธออยู่กับผู้ชายหน้าบากคนหนึ่ง”
ในใจของอู๋อู๋ยังคงรู้สึกโชคดี ไม่ว่าจะเป็ด้านสติปัญญาหรือด้านความรู้สึก เธอก็ไม่สามารถยอมรับซูอินที่มีต้นกำเนิดไม่ธรรมดา
“นี่เธอจะไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาใช่ไหม!”
หลิงจื้อเฉิงตบโต๊ะด้วยความโกรธ “ก่อนหน้านี้ผมเคยบอกคุณแล้วว่า คนอย่างเลขาธิการผู้อำนวยการกองโจวไม่มีทางปฏิบัติต่อเด็กมัธยมต้นคนหนึ่งอย่างดีเช่นนี้แน่ คุณดูสิ่งที่เขาทำสิ ไม่ว่าจะเป็การหักหน้าหลี่อวี้จือ หรือการปลดครูใหญ่หลี่ หากจะพูดให้ดูยิ่งใหญ่สักหน่อย ก็คงเป็การจัดการจุดด่างพร้อยของวงการการศึกษา แต่หากจะพูดให้ดูเป็เื่เล็กทั่วไป เขาอาจทำไปเพียงเพราะ้าให้อินอินได้ระบายความแค้น ตัวเขาเป็ถึงเลขาธิการอำนวยการกองโจว รองคณะกรรมการของมณฑล ทำไมเขาต้องยอมให้อินอินระบายความแค้นด้วย”
ในใจของอู๋อู๋ไม่อาจยอมรับ เมื่อมีหลักฐานที่ไม่อาจมีสิ่งใดมาหักล้าง นั่นก็เพียงพอให้เธอยอมรับความจริง
“ถ้างั้น...จะทำยังไงดี”
“ทำดีต่ออินอินสักหน่อย”
“คุณก็เห็นหลายทีแล้วนี่ว่า เด็กคนนั้นมีทิฐิ”
เมื่อนึกถึงท่าทีที่แสนเ็าของซูอินที่หน้าโรงเรียนในวันนั้น หลิงจื้อเฉิงจึงรู้ดีว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นเป็ความจริง
เขาเองก็ไม่เข้าใจ ทำไมสิบหกปีที่เลี้ยงดูเธอมา เธอที่เป็เด็กดีและเชื่อฟังมาตลอด จู่ๆ ก็เปลี่ยนไปกะทันหันราวกับเป็คนละคน แต่ท่าทีทัศนคติของเธอที่แสดงออกนั้นทำให้ครอบครัวของพวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก
ในเวลานั้นตัวเขาคิดวิธีแก้ไขไม่ออก
ทว่าไม่นานหลังจากนั้นโอกาสก็ถูกส่งมา คนจากตระกูลซูเดินทางมาหาพวกเขาพอดี
ั้แ่รู้เื่จากหลานสาว ความรู้สึกของเมิ่งเถียนเฟินที่เป็ห่วงบุตรสาวมาตลอดก็ยิ่งเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะไปจุดธูปอธิษฐานที่วัด แต่พระโพธิสัตว์คงไม่อาจปลอบโยนจิตใจของเธอ
หากไม่ใช่เพราะคำพูดกระทบจิตใจที่หลิงเมิ่งเอ่ยเมื่อก่อนหน้านั้น บวกกับความกังวลที่เกรงว่าการเดินทางมาอาจทำให้สถานการณ์ของบุตรสาวแย่ลง เธอคงรีบเดินทางมาแล้ว
หลายวันมานี้เธอฝันร้ายติดต่อกัน เธอฝันเห็นอินอินสวมชุดนักเรียนนั่งอยู่ในสนามสอบ ร่างกายที่ผอมเหมือนกุ้งแห้ง อารมณ์ความรู้สึกที่ทุกข์ทรมาน แม้แต่มือที่จับปากกาก็สั่นเล็กน้อย
ไม่ง่ายเลยที่จะอดทนรอจนถึงวันสุดท้ายของการสอบ เธอรู้มาจากเด็กในชนบทที่เข้าสอบว่า่บ่ายนี้จะเป็การสอบวิชาสุดท้าย เมื่อรู้ว่าเวลาที่นัดหมายไว้มาถึงแล้ว เธอก็ตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม รีบพาสามีเข้ามาในเมืองด้วยความรู้สึกแทบจะทนรอไม่ไหว
่เที่ยง สองสามีภรรยาเดินทางมาถึงด้านนอกโครงการพอดี
บ้านที่ตระกูลหลิงอยู่เป็โครงการระดับไฮเอนด์คนที่พักอาศัยด้านในหากไม่ใช่พวกคนรวยก็จะเป็ผู้มีชื่อเสียง มีระบบความปลอดภัยเข้มงวด แน่นอนว่าตระกูลซูที่เข้ามาต้องถูกห้ามไว้
“พี่ชาย พวกเรามารับลูกสาว พวกเราเพิ่งเคยมาที่นี่เมื่อราวๆ ครึ่งเดือนก่อน”
เื่ที่ตระกูลหลิงอุ้มลูกกลับมาผิดคนนั้นโด่งดังไปทั่ว ถึงแม้เื่จะผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยในโครงการต่างก็รู้เื่นี้กันทั้งนั้น เมื่อได้ยินคำอธิบายจากเมิ่งเถียนเฟิน พนักงานรักษาความปลอดภัยก็รีบไปแจ้งตระกูลหลิงด้วยความกระตือรือร้น
เมื่อได้ยินว่าสองสามีภรรยาตระกูลซูมาถึง อู๋อู๋และหลิงจื้อเฉิงที่กำลังขมวดคิ้วอย่างตึงเครียดกลับมีแววตาเป็ประกาย
“อู๋อู๋ พวกเรารีบไปรับตระกูลซูที่หน้าประตูกันเถอะ”
“ทำไมต้องให้ความสำคัญพวกเขาขนาดนั้น”
สองสามีภรรยาคู่นั้นทำให้เมิ่งเมิ่งลำบากั้แ่เด็กจนโต อู๋อู๋โกรธเคืองพวกเขามาก ทำไมต้องวิ่งโร่ออกไปรับด้วยตัวเอง
“ผมรู้ว่าคุณคิดยังไง แต่พวกเขาเป็พ่อแม่ของอินอิน ตอนนี้พวกเรามีปัญหากับเธอ ไม่ว่าจะพูดยังไงเธอก็ไม่ฟัง การที่เราจะเริ่มลงมือจากตระกูลซูก็ถือว่าเป็ตัวเลือกที่ไม่เลว”
หลิงจื้อเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงแสดงถึงการร้องขอ “อู๋อู๋ นึกถึงหน้าที่การงานของพวกเราหน่อย”
“ก็ได้”
สิ่งนั้นเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ที่ค่อนข้างใหญ่ ทำไมอู๋อู๋จะไม่ปฏิเสธ หลังจากลังเลอยู่นาน เธอก็พยายามสะกดความรู้สึกไม่สบายใจชั่วคราวและตอบตกลง
คราวก่อนที่มาที่นี่พวกเขาได้รับการปฏิบัติเหมือนหัวขโมย แต่ผ่านไปเพียงครึ่งเดือน เมื่อตระกูลซูกลับมาอีกครั้ง กลับได้รับการต้อนรับจากตระกูลหลิงอย่างอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ
สองสามีภรรยาตระกูลหลิงเดินออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ฉีกยิ้มกว้างพร้อมแนะนำโครงการ เมื่อเข้ามาด้านใน อู๋อู๋ก็ต้มน้ำชงชา ส่วนหลิงจื้อเฉิงก็รินชา จากนั้นจึงถามถึงชีวิตในระยะนี้อย่างเอาอกเอาใจ ั้แ่เื่ครอบครัวจนถึงการทำไร่ทำสวน รวมไปถึงเื่ญาติคนอื่นๆ ของตระกูลซูที่เดินทางมากับพวกเขาเมื่อคราวก่อน
ท่าทีที่แสดงออกทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความใส่ใจที่จริงใจ แต่ก็ไม่อบอุ่นมากไปจนน่าอึดอัด
ท่าทีเช่นนี้ทำให้เมิ่งเถียนเฟินรู้สึกสับสน…
ไม่ใช่ว่าตระกูลหลิงปฏิบัติต่ออินอินไม่ดีหรอกหรือ
เธอเป็เพียงหญิงชาวไร่ธรรมดาคนหนึ่ง ระดับการศึกษาแค่ชั้นมัธยมต้น เมื่อเผชิญหน้ากับสองสามีภรรยาตระกูลหลิงซึ่งมีการศึกษาสูงทั้งคู่ หน้าที่การงานดี บ้านหลังใหญ่โต ทำให้เธอรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจและขี้ขลาด
แต่ความเป็ห่วงบุตรสาวของผู้เป็มารดากลับสามารถเอาชนะอารมณ์ความรู้สึกในเชิงลบ
คนที่มีการศึกษาน้อยเช่นเธอ ใช้ชีวิตเกือบครึ่งอยู่กับการทำไร่ทำสวน เมิ่งเถียนเฟินไม่ใช่คนมีเล่ห์เหลี่ยม จึงพูดแบบตรงไปตรงมา
“ฉันได้ยินมาว่าอินอินไปทำงานหาเงิน มันเกิดเื่อะไรขึ้นคะ”
สิ่งนั้นทำให้หลิงจื้อเฉิงที่คิดว่าตนเองควบคุมสถานการณ์ได้ดีแทบสำลัก
ขณะนั้นเองเสียงกริ่งของคฤหาสน์ก็ดังขึ้น
ป้าสวี่ที่กำลังยุ่งเพราะได้รับคำสั่งจากอู๋อู๋ให้จัดเตรียมอาหารมื้อใหญ่ได้สวมผ้ากันเปื้อนออกมา เมื่อมองผ่านตาแมวก็เห็นเด็กสาวยืนอยู่ด้านนอก เธอรู้สึกประหลาดใจมาก
“อินอิน”