จวีจื่อหลิงกำมือแน่น นางเพิ่งรู้ไม่นานมานี้เองว่าแท้จริงฉินเสวียนลอบคบชู้กับม่านซุนหลันบุตรสาวของเสนาบดีกรมพิธีการอย่างลับๆ คนทั้งสองพบกันที่งานเลี้ยงเมื่อหนึ่งปีก่อน จากนั้นก็ลอบสานสัมพันธ์กันมาโดยตลอด ช่างต่ำช้านัก! ม่านซุนหลันเป็ถึงคุณหนูตระกูลใหญ่แต่กลับอาจหาญคิดแย่งสามีผู้อื่นช่างหน้าไม่อายยิ่งนัก จวีจื่อหลิงเองก็ไม่มีหลักฐานว่าสองคนนั้นคบชู้กันจึงไม่อาจเอาผิดประจานความชั่วของพวกเขาได้ ที่ผ่านมานางโง่เอง นางคิดว่าเขาซื่อสัตย์กับนาง แม้จะระแคะระคายแต่นางก็ยังไม่ยอมรับความจริง คิดว่าเขายังคงรักนางอยู่ทุกเมื่อเมื่อเชื่อวัน นางช่างไร้เดียงสาโดยแท้!
ฉินเสวียนยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินเข้ามาหาจวีจื่อหลิง เขากระชากตัวนางขึ้นมาจากเตียงแล้วใช้สองมือบีบหัวไหล่ของนางอย่างแรง
“เ้าโง่เองนี่ คนโง่ย่อมตกเป็เหยื่อของคนฉลาด เ้าเอาเื่นี้ไปบอกใคร ก็ไม่มีผู้ใดเชื่อเ้าหรอก หลักฐานเ้าก็ไม่มีแล้วจะเอาสิ่งใดมาเอาผิดพวกข้าสองคนกันเล่า เ้าดูสภาพตนเองยามนี้สิ ใกล้จะตายเต็มทนแล้วกระมัง มิสู้กลับไปตายที่ตระกูลจวีเถอะ อย่ามาตายอยู่ในตระกูลฉินให้เป็อัปมงคลเลย!”
ว่าจบเขาก็ผลักนางลงบนเตียงอย่างไม่แยแส ปล่อยให้นางนอนร้องไห้เป็บ้าเป็หลังอยู่เช่นนั้น จวีจื่อหลิงหญิงสาวผู้น่าสงสารร้องไห้จนหมดเรี่ยวหมดแรงและสลบไปทันที
………
แม่มันเถอะ! นี่มันผัวชั่วในตำนานชัดๆ!
จวีจื่อหลิงสบถออกมาอย่างหัวเสีย นางถึงกับโยนหนังสือในมือทิ้งลงถังขยะทันทีเพราะไม่อยากจะอ่านต่อให้อารมณ์เสียไปมากกว่านี้ นางเอกในนิยายจะโง่เกินไปแล้ว ผัวชั่วขนาดนี้ยังรักและเทิดทูนบูชา ถึงขนาดยอมลดศักดิ์ศรีตนเองจากเมียหลวงกลายเป็เมียรองอีกต่างหาก ช่างไร้เดียงสาจริงๆ แล้วดูสิ่งที่ได้รับตอบแทนกลับมาสิ มันน่าเจ็บใจขนาดไหน ให้ตายเถอะ เธอไม่อ่านต่อแล้ว จุดจบของนางเอกแสนซื่อผู้นี้สุดท้ายก็คงต้องตายอยู่ดีสินะ จากนั้นก็วนลูปไปเกิดใหม่แล้วกลับมาแก้แค้นต่อ แล้วผัวชั่วก็สำนึกผิดกลับมาหา พอเถอะ ยิ่งอ่านก็ยิ่งหงุดหงิด!
หญิงสาวส่ายหน้าไปมาอย่างเบื่อหน่าย นิยายเื่นี้เธออ่านต่อไม่ไหวจริงๆ นอกจากจะมีสามีชั่วในตำนานแล้ว นางเอกนิยายยังมีชื่อเหมือนกับเธออีกด้วย บ้าบอที่สุด!
ถ้าเธอเป็นางเอกในนิยายเื่นี้นะ รับรองได้เลยว่าผัวชั่วกับเธอต้องตายกันไปข้างหนึ่งอย่างแน่นอน
จวีจื่อหลิงรู้สึกหมดสนุกแล้ว จึงคิดจะปิดไฟนอนหลับพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เธอมีประชุมแต่เช้า หากไปสายอาจจะถูกหัวหน้าเรียกไปตำหนิเอาได้
ทว่าจวีจื่อหลิงเพิ่งจะล้มตัวลงนอนได้ไม่นานก็เกิดอาการแน่นหน้าอกและหมดสติไปในทันที
…….
สายลมต้นฤดูร้อนให้ความรู้สึกอบอ้าวเป็อย่างมาก ยามนี้ดอกกุ้ยฮวากำลังผลิบานสะพรั่งต้อนรับลมร้อน ดูแล้วช่างงดงามยิ่งนัก
จวีจื่อหลิงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงนอนและบิดกายไปมาอย่างเกียจคร้าน อยู่ๆ จมูกของนางก็ได้กลิ่นยาสมุนไพรลอยวนอยู่ในอากาศจนเริ่มฉุน เมื่อตั้งสติให้ดีและมองดูรอบตัวอีกครี่งก็ถึงกับชะงักไปทันที
ที่ไหนละเนี่ย?
นี่มันไม่ใช่ห้องนอนของเธอนี่?
จวีจื่อหลิงหันซ้ายมองขวา ความสงสัยก่อตัวขึ้นในใจไม่หยุด ในขณะที่กำลังจะลุกขึ้นยืนก็รู้สึกเวียนหัวจนต้องนั่งลง หญิงสาวยกมือขึ้นนวดขมับทั้งซ้ายและขวา ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครา
ภาพเบื้องหน้าคือกระจกคันฉ่องทองเหลืองบานใหญ่ที่สะท้อนใบหน้าของเธออยู่ในนั้น
สตรีในคันฉ่องมีหน้าตาเหมือนกับเธอทุกกระเบียดนิ้ว แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่กลับเป็ชุดโบราณ ดวงหน้างามซีดเผือดเหมือนคนป่วย หัวใจของจวีจื่อหลิงพลันเต้นตึกตัก มือเท้าเย็นเยียบอย่างไม่อาจควบคุม เมื่อคิดทบทวนให้ดีจวีจื่อหลิงก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เธอกำลังจะเข้านอนจากนั้นก็หมดสติไปเสียดื้อๆ แล้วก็ฟื้นขึ้นมาอยู่ในสภาพนี้
หมดสติไปเสียดื้อๆ อย่างนั้นหรือ?
อยู่ๆ ในสมองก็มีภาพความทรงจำของเ้าของร่างเดิมปรากฏขึ้นไม่หยุด ั้แ่วันที่มารดาตาย วันที่ได้พบกับฉินเสวียนและวันที่แต่งงาน จนกระทั่งมาถึงวันที่ล้มป่วย ทุกๆ ภาพฉายชัดอยู่ในห้วงความคิดของนางเป็ฉากๆ
เป็ความทรงจำเดิมของจวีจื่อหลิงคนเก่า!
จวีจื่อหลิงถึงกับหมดคำจะเอ่ย นี่มันจะอเมซิ่งจิงเกอเบลเกินไปแล้วกระมัง ไม่ต้องเดานางก็รู้ได้ทันทีว่ายามนี้ตนเองได้ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของจวีจื่อหลิงนางเอกแสนซื่อคนนั้นแล้วเป็ที่เรียบร้อย
เวรจริงๆ เพิ่งด่าตัวละครไปแท้ๆ
จวีจื่อหลิงถอนหายใจออกมาอย่างคิดไม่ตก ดวงตาฉายแววหมดอาลัยตายอยากขึ้นมาแวบหนึ่ง นิยายเื่นั้นนางอ่านไปห้าหน้าก็โยนทิ้งแล้ว ยังไม่ทันได้รู้เลยว่าเนื้อหาดำเนินไปจนถึงจุดจบเช่นไร แล้วระหว่างทางต้องพบเจอกับสิ่งใดบ้างนางก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ช่างน่าปวดหัวจริง ๆ เชียว
แต่เอาเถอะ ไหนๆ ก็ทะลุมิติเข้ามาแล้ว ร้องไห้คร่ำครวญไปก็ไร้ประโยชน์ มิสู้คิดหาวิธีเอาตัวรอดให้ได้สักตั้ง เื่อื่นค่อยว่ากันเถอะ
“ฮูหยิน ท่านฟื้นแล้วหรือเ้าคะ ฮึก บ่าวเป็ห่วงท่านแทบตาย!”
