“ฉลาดอยู่บ้างเหมือนกันนี่” คนแซ่เมิ่งจัดแขนเสื้ออย่างไม่ใส่ใจ ไม่ร้อนรนแม้แต่น้อย “แต่เ้าคลายเชือกสายไปกระมัง เ้าควรคลายออกั้แ่ระหว่างทางที่มาแล้ว ไม่แน่อาจจะมีโอกาสรอดก็เป็ได้”
จิ่งฝานส่ายหน้า “ไม่สาย ยังเร็วไปด้วยซ้ำ”
คนแซ่เมิ่งหัวเราะฮ่าๆ ออกมาเสียงดัง “เร็ว? เหตุใดถึงเร็วไป?”
“หรือพวกเ้าจะยังมีพรรคพวกคนอื่นอยู่อีก?”
คนแซ่เมิ่งและคนชุดเทาต่างพากันอึ้ง หลังจากนั้นทั้งคู่ก็หัวเราะออกมา คนชุดเทาแค่หัวเราะพรืดออกมาเบาๆ แต่คนแซ่เมิ่งนั้นอดรนทนไม่ไหว หัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนฉุดไม่อยู่ หาได้กลัวสักนิดไม่ว่าจะทำให้คนข้างบ้านใจนพาคนมาตรวจสอบ
เขาหัวเราะอยู่นานจึงได้ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่หางตา “ทำไม? เด็กน้อย เ้าอยากสืบเื่ของพวกเราหรือ?”
จิ่งฝานตอบกลับด้วยความเงียบ แต่ความหมายชัดเจนมาก
“ช่างน่าขันเสียจริง!” คนแซ่เมิ่งยังไม่ทันพูดจบก็กดมุมปากลง ใบหน้านั้นดูชั่วร้ายขึ้นหลายส่วนทันใด “เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเกลียดอะไรในตัวเหล่าคุณชายนายน้อยเช่นพวกเ้ามากที่สุด?”
คนผู้นี้เปลี่ยนสีหน้าราวกับพลิกหน้าหนังสือ ทั้งที่เพิ่งหัวเราะไป ครู่เดียวก็มีสีหน้าชั่วร้ายดำมืดราวกับเป็คนละคนก็ไม่ปาน “คือความโง่เขลาของพวกเ้าอย่างไรเล่า! คิดว่าแค่มีชาติตระกูลก็จะได้สมปรารถนาทุกอย่างหรือ? อยากสืบเื่ของพวกข้า? เด็กน้อย วันนี้เ้าจะหลุดรอดจากมือข้าไปได้หรือไม่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ!”
พวกเฒ่าหลิวน่ารังเกียจยืนขวัญหนีดีฝ่ออยู่ข้างๆ คนแซ่เมิ่งเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ประเดี๋ยวยิ้มประเดี๋ยวโกรธ ส่วนเ้าเด็กที่ล่อลวงมานี่ดูแล้วก็ไม่ใช่ธรรมดา เกรงว่าหากปล่อยเวลาให้ผ่านนานไปจะยิ่งเกิดเื่เหนือความคาดหมายขึ้น ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยแล้วจากไปโดยเร็ว เมื่อเงินถึงมือแล้ว ใจถึงจะสงบได้ “นาย...นายท่านเมิ่ง หากท่านชอบเ้าเด็กนี่ เช่นนั้นพวกเราก็มามือหนึ่งยื่นเงิน มือหนึ่งส่งคนกันเถอะ”
คนแซ่เมิ่งหรี่ตาไปทางเขาแล้วตอบกลับอย่างช้าๆ ว่า “ได้สิ ข้าผู้นี้ทำการค้าอย่างมีหลักการ เด็กที่เ้าพามานี้ดีกว่าที่ข้าคิดไว้มาก ข้าจะจ่ายให้เ้าสองเท่าจากที่เคยคุยกันไว้!”
ประโยคนี้เขาพูดกับจ้าวตง แต่สายตากลับอยู่ที่จิ่งฝาน ดูท้าทายอย่างชัดเจน แล้วยังพูดคุยเื่ราคาซื้อขาต่อหน้าต่อตาเขาอีก นับว่าเยาะเย้ยกันอย่างยิ่ง
จิ่งฝานจะคิดอย่างไรก็ไม่อาจรู้ได้ แต่จ้าวตงกับเฒ่าหลิวน่ารังเกียจนั้นมีความสุขจนเสียสติไปแล้ว ราคาสองเท่า...พอให้พวกเขาใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายไปได้หลายปี ขายคุณชายมีตระกูลได้เงินดีถึงเพียงนี้นี่เอง! ราคาที่พวกเขาได้จากการขายเด็กทั้งหมดยังเทียบไม่ได้สักเสี้ยวหนึ่งของราคาค่าตัวจิ่งฝานเลยด้วยซ้ำ ทั้งสองรู้สึกเืลมพลุ่งพล่านอย่างยิ่ง!
คนชุดเทาเอากล่องใบหนึ่งออกมาจากห้องด้านใน ในกล่องมีเงินใส่อยู่เต็ม พวกจ้าวตงยิ้มเห็นฟันจนไม่เห็นตาแล้วพลิกดูอย่างละเอียดทีละก้อน คนทั้งสี่ทำการค้าขายมนุษย์สำเร็จต่อหน้าจิ่งฝาน เมื่อได้เงินมาแล้วทั้งสองก็ไม่อยากรั้งอยู่ต่อแม้สักนาทีเดียว ขอบคุณคนแซ่เมิ่งนั่นครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วยังบอกอีกว่าครั้งหน้าหากยังมีเด็กเช่นนี้อีกหวังว่าจะได้ร่วมงานกันอีก
คนทั้งสองพูดจบแล้วก็หาได้มองจิ่งฝานแม้สักนิดไม่ จากนั้นก็อุ้มกล่องเงินแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
บรรยากาศโดยรอบหลังจากที่มีคนน้อยลงสองคนก็สงบเงียบขึ้นมาก คนแซ่เมิ่งยกริมฝีปากยิ้ม “เด็กน้อย เ้าพอใจราคาที่ถูกซื้อมาของตนเองหรือไม่? หลายปีมานี้เ้าเป็คนที่ข้าซื้อมาแพงที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ไม่รู้ว่าจะคุ้มทุนหรือเปล่า ข้าไปเชิญคนให้มาประมูลดีหรือไม่? จะได้เพิ่มราคาได้ง่ายขึ้น”
จิ่งฝานมองเขาพูดอยู่คนเดียว “หลังจากนี้พวกเราจะไปที่ใดกัน?”
คนแซ่เมิ่งถูกเขาถามจนชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงค่อยๆ เดินมาตรงหน้าเขา “รีบร้อนถึงเพียงนี้? ต้องพักผ่อนที่นี่คืนหนึ่งก่อน”
จิ่งฝาน “ออกไปตอนเช้าไม่เสี่ยงกว่าหรือ”
คนแซ่เมิ่งตอบ “เื่นี้เ้าวางใจเถิด ไม่ใช่เื่ที่เ้าต้องกังวล”
“ต้องเดินทางไกลแค่ไหน?”
ไม่รอให้คนแซ่เมิ่งตอบ คนชุดเทานั้นก็ขมวดคิ้ว “เ้าพูดมากเกินไปแล้ว”
จิ่งฝานตอบ “ข้าพาลูกหลานในตระกูลมาด้วย ต้องไปรวมกับพวกเขา หากข้าไม่รีบกลับไปก็จะไม่มีคนจัดการดูแลพวกเขา”
แล้วคนแซ่เมิ่งก็หัวเราะขึ้นมาอีก “พามากี่คน? มิสู้เ้าพาพวกเขามาหาข้าที่นี่ดีหรือไม่ ข้าจะได้จัดการดูแลให้แทน”
จิ่งฝานหาได้สนใจเขาไม่ “หากว่าไกลเกินไปเกรงว่าครั้งนี้ข้าคงไปด้วยไม่ได้”
คนแซ่เมิ่งเลิกคิ้วขึ้นทันใด ิับนใบหน้าของขาหย่อนยาน ทั้งที่ดูจากการก้าวเดินและรูปร่างนั้นแล้วก็ค่อนข้างหนุ่มมาก แต่ผิวหน้ากลับเต็มไปด้วยริ้วรอยเป็ชั้นๆ อีกทั้งสีหน้าของเขายังเปลี่ยนไปมาอยู่บ่อยๆ ถ้าไม่หัวเราะเสียงดังก็โกรธเกรี้ยว ใบหน้าไม่เรียบจึงทำให้ดูแก่ขึ้นมาก ตอนนี้ิับนใบหน้าล้วนย่นเข้าหากัน สีหน้าดูดำมืดชั่วร้ายอย่างที่สุดนับั้แ่ที่แสดงมาในวันนี้แล้ว ดูน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
“นิสัยของเ้านี่ทำให้ข้ารังเกียจเกินไปแล้ว” น้ำเสียงของคนแซ่เมิ่งอึมครึม เขาเดินมาตรงหน้าของจิ่งฝานทีละก้าวๆ “ความมั่นใจที่น่าขันกับความสบายๆ ของเ้าในสายตาข้านั้นก็ราวกับคนโง่งม ข้านึกแปลกใจจริงๆ ว่าเ้ามาจากตระกูลใดกัน?”
จิ่งฝานคิดอยู่สักพัก แต่สุดท้ายก็ตอบว่า “ตระกูลจิ่ง”
คนแซ่เมิ่งอึ้งไปนาน เด็กที่เขาซื้อมายังไม่เคยมีผู้ใดมาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ช่างน่าประหลาดยิ่งนัก จ้าวตงผู้นี้เหตุใดถึงโชคดีถึงเพียงนี้ ถึงกับได้ไปเจอกับตระกูลที่หลบเร้นจากโลกภายนอกมาตลอดและยังมีประวัติความเป็มายาวนานนับพันปีอีกด้วย
แต่ว่าถึงเขาไม่เคยเจอก็ไม่ได้หมายความว่านายหน้าคนอื่นจะไม่เคยเจอด้วยเหมือนกัน แม้แต่ตระกูลอันธพาลที่ทั้งแผ่นดินใหญ่ยอมรับอย่างตระกูลเฉินก็ยังไม่อาจทำอะไรพวกเขาได้แม้แต่น้อย
คนแซ่เมิ่งเลิกคิ้ว “ทำไม? คิดว่าตัวเองมาจากตระกูลใหญ่จึงคิดอยากจะผดุงคุณธรรมคิดบัญชีกับพวกข้าทั้งขบวนการอย่างนั้นหรือ? ได้ยินมาว่าตระกูลจิ่งของเ้าเป็หมอรักษาคน เป็หมอช่วยผู้คนมานาน ไม่ว่าเื่อะไรก็อยากสอดมือเข้าช่วยไปหมดอย่างนั้นหรือ?”
“เ้าลองถามดูสิว่ามีกี่ตระกูลใหญ่กันที่เข้ามาแล้วไม่มีโอกาสได้กลับออกไป เติบโตมาภายใต้การปกป้องของตระกูล คิดว่ามีแต่ตระกูลตัวเองเท่านั้นที่มีอำนาจยิ่งใหญ่หรือ? ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ในโลกนี้มีคนมากมายที่จัดการพวกเ้าได้อย่างสบาย! ไม่ว่าจะเป็ตระกูลอะไรก็ไม่...” มีประโยชน์...
เสียงเบาหายลงไป
คนแซ่เมิ่งพูดไปก็ฉุนเฉียวไปจึงเอื้อมมือไปบีบบ่าของจิ่งฝานอย่างแรงจนปลายนิ้วเป็สีขาว
แต่ทว่า...จิ่งฝานกลับไม่ขยับแม้แต่น้อย คนแซ่เมิ่งค้างคำพูดไว้ที่คำสุดท้าย แล้วอึ้งไป แรงที่เขาใช้นั้นเขาย่อมรู้ดี หากเป็คนทั่วไปต้องถูกเขาผลักถอยหลังไปหลายก้าวแล้ว
“เ้า...”
คนชุดเทาเห็นเขาหยุดพูดไปกลางคันก็รีบเดินขึ้นหน้าไปหนึ่งก้าว “เมิ่งชิง เป็อันใด”
คนแซ่เมิ่ง...ไม่สิ เมิ่งชิงยังไม่ทันได้พูด จิ่งฝานก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “คนเป็หมอมีหน้าที่ช่วยเหลือคน”
เมิ่งชิงส่งเสียงดังเฮอะออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง แล้วสะบัดแขนเสื้อ “ดูเหมือนจะมีความสามารถกว่าพวกที่ข้าเคยเจอ เ้าคิดว่าจะหนีไปจากเงื้อมมือข้าได้อย่างนั้นหรือ?”
จิ่งฝานพยักหน้าอย่างจริงจังอีกครั้ง เมื่อถูกถามเป็ครั้งที่สองของวันนี้ คำตอบก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“ฮ่าๆๆๆ ช่างน่าขันเสียจริง เ้าเด็กนี่เหตุใดถึงได้น่าขันถึงเพียงนี้ ฮ่าๆๆๆๆ!” เมิ่งชิงหัวเราะอย่างโอหังอีกครั้ง ทั้งยังแฝงความเยาะหยันเอาไว้
คนชุดเทาผู้นั้นไม่พูดอะไร ทั้งที่ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ความรู้สึกใดๆ แต่กลับว่องไวราวกับแสง เขาไปถึงตรงหน้าจิ่งฝานในทันใด ทำมืองอเหมือนกางกรงเล็บแล้วพุ่งไปตรงหน้าจิ่งฝาน
พอเมิ่งชิงเห็นเช่นนั้นก็กดเสียงหัวเราะลงไปแทบไม่ทัน แล้วรีบะโว่า “อย่า...แค่ก อย่า...แค่กๆ อย่าข่วนหน้าเขา เ้านี่ช่างทึ่มทื่อเสียจริง! เป็เงินเป็ทองทั้งนั้นเลยนะนั่น อา!”
รวดเร็วเกินไป เมื่อเห็นว่าปลายเล็บแทบจะััลงบนหน้าจิ่งฝานแล้ว เมิ่งชิงก็รู้สึกร้อนรนยิ่งนัก การที่เขาจับคู่กับเ้าท่อนไม้นี่ ผู้อื่นจึงมักคิดว่าเขาใจร้อน ส่วนอีกฝ่ายนั้นเ็าหนักแน่น แต่ความจริงแล้วกลับกันเลย เ้าท่อนไม้บ้านี่พอบ้าขึ้นมาฉุดอย่างไรก็ฉุดไม่อยู่
ไม่มีเวลามาสนใจเื่อื่นอีก เมิ่งชิงรีบเคลื่อนกำลังภายในตั้งใจเข้าห้าม
จิ่งฝานสงบนิ่งหนักแน่นราวกับหินผา สายตายังอ่อนโยนดังเดิม ไม่มีความเกรงกลัวแม้แต่น้อย ในชั่วพริบตาที่อันตรายแทบมาถึงตัวแล้วนั่นเองจึงค่อยๆ ยกมือขึ้น จับข้อมือของคนชุดเทาไว้ เล็บแหลมคมของอีกฝ่ายแทบจะััถูกหน้าเขาแล้ว ถ้ามองให้ดีก็จะเห็นความห่างเล็กน้อยนั่นที่น้อยเสียจนแทบจะมองไม่เห็น
เมิ่งชิงพุ่งเข้ามารุนแรงเกินไป ยั้งตัวเองไว้ไม่ทันจึงชนเข้ากับหลังของคนชุดเทาไปเต็มๆ แต่คนชุดเทานั้นมีจิ่งฝานจับข้อมือไว้อยู่จึงมีแรงค้ำยันไว้ไม่ให้ขยับไปไหน
ทันใดนั้นทั้งห้องโถงก็เงียบเสียจนหากมีเข็มตกลงพื้นก็คงสามารถได้ยินอย่างชัดเจน!
คนชุดเทานั้นมีสีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจยิ่งนัก ตาเรียวเล็กเบิกกว้างมากขึ้นกว่าเดิมทันใด
ส่วนสีหน้าของเมิ่งชิงที่อยู่ด้านหลังก็ไม่ได้ดีกว่ากันสักเท่าไร
ทั้งวงการนายหน้านี้ถึงแม้พวกเขาสองคนจะไม่นับว่าอยู่แถวหน้า แต่ก็มีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย อย่าว่าแต่หนุ่มน้อยที่ยังไม่โตเต็มที่พวกนี้เลย แม้แต่ผู้นำตระกูลจากตระกูลเล็กๆ หลายตระกูลก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้แก่เขา บวกกับที่ในองค์กรนายหน้าเองก็ได้บอกช่องทางหลบหนีลับและส่งลูกน้องจำนวนมากมาให้ ด้วยเหตุนี้จึงสามารถดำเนินกิจการไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่มาจนถึงวันนี้ได้ เรียกได้ว่าราวกับปลาได้น้ำ ไม่กลัวผู้ใดทั้งสิ้น
แต่ว่าการปะทะกันง่ายๆ หนึ่งกระบวนท่านี้ก็บอกอะไรไม่ได้มากนัก คนชุดเทาดึงมือกลับแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “มีความสามารถอยู่เหมือนกันนี่ ดูถูกเ้ามากไปหน่อยแล้ว”
พูดจบก็หันศีรษะไปหาเมิ่งชิง คนทั้งสองสบตากันทีหนึ่ง หลังจากนั้นก็ลงมือพร้อมกัน
——
“ที่เ้ามีชื่อเสียงั้แ่ยังเยาว์ก็คงเพราะสองคนนี้กระมัง?”
จิ่งฝานพยักหน้า
การปะทะกันของคนทั้งสามนั้น จิ่งฝานพูดเหมือนง่ายดาย เล่าแค่เพียงเล็กน้อย อธิบายอย่างธรรมดา หาได้มีจิตสังหารรุนแรงไม่ อีกทั้งไม่มีคมกระบี่เงาดาบใดๆ ราวกับไม่น่าตื่นตาตื่นใจเลยสักนิด
แต่ในนิยายต้นฉบับกลับอธิบายไว้อย่างน่าตื่นเต้น ตอนนั้นอาวุธของจิ่งฝานถูกพวกเฒ่าหลิวน่ารังเกียจริบไปแล้ว มีเพียงมือเปล่าจึงทำให้ต้องสู้กับสองคนตรงหน้าที่มีประสบการณ์ในยุทธภพมาอย่างโชกโชนอย่างดุดัน ผลสุดท้ายก็เป็จิ่งฝานที่ได้รับชัยชนะไป หากไม่ใช่เพราะฝ่ายตรงข้ามใช้วิธีสองรุมหนึ่ง มีประสบการณ์โชกโชน แล้วยังเข้าขากันเป็อย่างดี เกรงว่าการปะทะครั้งนี้คงจบลงเร็วกว่านี้แน่
จิ่งฝานผนึกกำลังภายในของคนทั้งสองไว้ภายใต้สายตาไม่อยากจะเชื่อของพวกเขา แล้วจึงหิ้วคนทั้งสองกลับไปยังโรงเตี๊ยมที่บรรดาลูกหลานในตระกูลรวมตัวกันอยู่ ระยะทางค่อนข้างไกล ทั้งยังลดเลี้ยวเคี้ยวคด กว่าจะไปถึงก็ฟ้าสางแล้ว
ในหนังสือบรรยายตำแหน่งของพวกเมิ่งชิงไว้ไม่ชัดเจน บอกแค่ว่าคนทั้งสองค่อนข้างมีชื่อเสียง หาเื่ไปหลายตระกูล บนแผ่นดินใหญ่จึงมีคนที่อยากจะบดขยี้พวกเขาไม่น้อย แต่ล้วนทำไม่สำเร็จ วันนี้กลับต้องมาพ่ายแพ้อยู่ในมือของหนุ่มน้อยอายุสิบห้าเพียงคนเดียว
และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้จิ่งฝานมีชื่อเสียงไปทั่ว ไม่มีผู้ใดไม่รู้จัก