หลี่หรูอี้กล่าวว่า “ขอกล่าวตามจริงโดยไม่ปิดบัง คนที่้าซื้อวิธีทำแป้งย่างใส่ไข่ของครอบครัวเรามีไม่น้อย คนที่มาขอซื้อก่อนหน้านี้เสนอเงื่อนไขไม่ถูกใจพวกเรา พวกเราจึงไม่ได้ขายให้ ไม่ทราบว่าพวกท่านจะซื้ออย่างไร มีเงื่อนไขอะไร”
ชายชราไฝดำที่ตำบลจินจีเสนอเงินห้าตำลึงเงินขอซื้อวิธีทำแป้งย่างใส่ไข่ โดยมีเงื่อนไขคือ ต่อไปบ้านหลี่ห้ามทำแป้งย่างใส่ไข่ออกมาขายอีก
หลงจู๊ของโรงเตี๊ยมจวี้โหย่วที่อำเภอฉางผิง ให้เงินสิบตําลึงเงิน ขอซื้อวิธีทำแป้งย่างใส่ไข่ โดยมีเงื่อนไขว่า ต่อไปนี้ครอบครัวหลี่ห้ามทำแป้งย่างใส่ไข่ออกมาขายอีก
ตอนนี้บ้านหลี่อาศัยแป้งย่างใส่ไข่หาเงินทุกวัน ได้วันละสองร้อยกว่าทองแดง หนึ่งเดือนก็ได้หกตำลึงเงิน จะขายวิธีทำให้ชายชราไฝดำและหลงจู๊ของโรงเตี๊ยมได้อย่างไร
หลี่ิ่หานรู้สึกร้อนใจ รีบลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องโถง เดินไปหาจ้าวซื่อที่กำลังปักผ้าอยู่ในห้องนอน “ท่านแม่ แขกสองคนนี้มาขอซื้อวิธีทำแป้งย่างใส่ไข่จากพวกเราขอรับ”
จ้าวซื่อได้ยินดังนั้นจึงวางงานในมือแล้วเดินประคองท้องออกไปที่ห้องโถง ตอนนี้หลี่ซานไม่อยู่ เื่ใหญ่อย่างการขายวิธีทำแป้งย่างย่อมต้องให้จ้าวซื่อเป็คนออกหน้า
“ศิษย์พี่ ท่านออกไปหารือกับข้าหน่อยเถิด” เหอซานเห็นครอบครัวหลี่มีบ่อน้ำ ทั้งยังเห็นว่าบ้านของพวกเขาเพิ่งปรับปรุงใหม่ แม้พี่น้องบ้านหลี่จะสวมเสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆ แต่หากจะขุดบ่อน้ำและปรับปรุงบ้านก็ต้องมีเงินสิบกว่าตำลึงเงิน บ้านหลี่เพิ่งขายแป้งย่างเพียงไม่กี่เดือนก็ได้เงินมากมายเพียงนี้แล้ว หากเงื่อนไขไม่ดีพอบ้านหลี่ต้องไม่ยอมขายวิธีทำแป้งย่างให้แน่นอน
หูเอ้อร์และเหอซานเดินออกไปที่ลานด้านนอก สุมหัวกันกระซิบกระซาบเพื่อหารือ เมื่อเห็นสตรีตั้งครรภ์ผู้หนึ่งเดินเข้าไปในห้องโถง ก็คิดว่าต้องเป็มารดาของพี่น้องบ้านหลี่แน่นอน พวกเขารู้สึกประหลาดใจ หรือว่าเ้าบ้านชายไม่อยู่ ออกไปขายแป้งย่าง?
หลี่หรูอี้รีบพูดว่า “ท่านแม่ ท่านไม่ต้องสนใจ เื่นี้ให้ข้าจัดการเอง”
จ้าวซื่อขมวดคิ้วพลางกระซิบว่า “พวกเขาขี่ม้ามา เมื่อครู่ข้าให้พี่สี่ของเ้าดูอย่างละเอียดแล้ว พวกเขาสวมชุดผ้าไหม คงมีฐานะไม่ธรรมดาแน่ ครอบครัวชาวบ้านอย่างพวกเราอย่าล่วงเกินผู้สูงศักดิ์เลย มิฉะนั้นต่อไปจะมีปัญหา”
“ข้ารู้ ท่านกลับไปที่ห้องนอนเถิด อย่าออกมาอีกเลย” หลี่หรูอี้จ้องมองจ้าวซื่อที่มีใบหน้าเนียนใสแดงระเรื่อ กลัวจ้าวซื่อจะถูกคนทั้งสองแอบมอง จึงรีบจูงแขนของนางแล้วเดินประคองกลับไปส่งที่ห้อง
จ้าวซื่อกล่าวอย่างกังวล “หรูอี้ นับวันเ้าก็ยิ่งใจกล้าขึ้นเรื่อยๆ คราวนี้เ้าต้องฟังคำแม่ ต้องระวังสักหน่อย”
“ท่านวางใจเถิด ข้ารู้จักแยกแยะ” หลี่หรูอี้ปิดประตูห้องนอนแล้วเดินกลับมาที่ห้องโถง
หลี่อิงฮว๋าและหลี่ิ่หานเห็นหลี่หรูอี้มีท่าทีเคร่งขรึม ในใจจึงรู้สึกนับถือยิ่งนัก ขณะเดียวกันก็เรียนรู้ความใจเย็นจากนางไปด้วย
หูเอ้อร์และเหอซานหารือกันเรียบร้อยแล้วก็กลับมาที่ห้องโถง พูดพร้อมกันว่า “บิดาเ้าอยู่บ้านหรือไม่”
หลี่อิงฮว๋ากล่าวอย่างเนิบช้า “ท่านพ่ออยู่ข้างนอกขอรับ ระยะนี้ไม่อยู่บ้าน เื่ในบ้านให้พวกเราพี่น้องจัดการเองได้เลย”
หูเอ้อร์ส่ายหน้า “เช่นนั้นไม่ได้ การซื้อขายวิธีทำแป้งย่างเป็เื่ใหญ่ พวกเราพี่น้อง้าคุยกับพ่อของเ้า”
หลี่หรูอี้ก้มหน้าลงเล็กน้อย กล่าวอย่างเรียบๆ ว่า “คนทั่วทั้งหมู่บ้านหลี่ล้วนรู้ว่าพวกเราพี่น้องเป็คนที่ทำแป้งย่างใส่ไข่ได้ มิใช่บิดาของพวกเรา แต่หากพวกท่านไม่เชื่อใจก็รอผ่านปีใหม่ไปก่อนค่อยกลับมาคุยกับท่านพ่อเถิด”
หูเอ้อร์กล่าวอย่างร้อนใจ “ปีใหม่ช้าเกินไป พวกเรารอไม่ไหว เดือนเดียวก็รอไม่ได้”
หลี่หรูอี้แอบหัวเราะในใจ
“ในเมื่อพวกเ้าเป็ผู้จัดการเื่นี้ พวกเราก็จะคุยเงื่อนไขกับพวกเ้า แต่เมื่อตกลงเงื่อนไขเสร็จแล้ว ผู้ที่จะเซ็นสัญญาต้องเป็ผู้าุโของบ้าน” เหอซานปรายตามองหูเอ้อร์ ศิษย์พี่โง่งมผู้นี้รีบร้อนพูดออกไปเช่นนั้น บ้านหลี่ไม่ขึ้นราคาก็แปลกแล้ว
หลี่หรูอี้พยักหน้า “ได้เ้าค่ะ ท่านแม่ของข้าอยู่บ้าน ถึงตอนทำสัญญาพวกเราจะให้หัวหน้าหมู่บ้านของหมู่บ้านเรามาเป็คนกลางร่วมทำสัญญาด้วย ให้สามฝ่ายร่วมกันเซ็นสัญญาประทับรอยนิ้วมือ”
สองพี่น้องเห็นว่า หลี่หรูอี้พูดจาเป็งานเป็การเช่นนี้ก็รู้สึกพึงพอใจ
หลี่ิ่หานร้อนใจ จึงรีบดึงหลี่หรูอี้ไปข้างๆ มองหน้านางเขม็ง ถามว่า “น้องห้า เ้าจะขายวิธีทำแป้งย่างใส่ไข่จริงๆ หรือ”
หลี่หรูอี้จงใจกล่าวเสียงดัง “เช่นนั้นก็ต้องดูว่าเงื่อนไขของท่านทั้งสองเป็อย่างไร” อีกไม่นานอากาศจะเย็นแล้ว ไม่เหมาะที่จะขายแป้งย่างใส่ไข่อีก หากอากาศหนาวพื้นลื่นย่อมไม่เหมาะที่คนในบ้านจะต้องเดินทางไกลทุกวัน
หลี่อิงฮว๋าปรายตามองออกไป เห็นคนในหมู่บ้านจำนวนหนึ่งยืนอยู่นอกรั้วมีท่าทางสนอกสนใจ จึงรีบเดินไปปิดประตูห้องโถง
เหอซานพูดเบาๆ “พวกเราขอซื้อวิธีทำแป้งย่างใส่ไข่ด้วยเงินสามสิบตำลึงเงิน แต่มีเงื่อนไขคือ ั้แ่เดือนนี้เป็ต้นไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า บ้านของเ้าห้ามขายแป้งย่างใส่ไข่อีก”
หูเอ้อร์ได้ยินเหอซานบอกราคาต่ำกว่าที่หารือกันเมื่อครู่นี้ถึงยี่สิบตำลึงโดยไม่ปรึกษากันก่อน ก็กลัวว่าบ้านหลี่จะไม่เห็นด้วย ร้อนใจจนเหงื่อออกท่วมตัว ทั้งยังส่งสายตาเป็สัญญาณให้กับเหอซานด้วย
“เงินที่พวกท่านเสนอต่ำเกินไปเ้าค่ะ” หลี่หรูอี้กวาดตามองคนทั้งสอง “ให้พวกเราพี่น้องหารือกันก่อนนะเ้าคะ”
หลี่หรูอี้ หลี่อิงฮว๋า และหลี่ิ่หาน เดินออกไปยังสวนด้านหลังผ่านทางประตูหลังของห้องโถง ทิ้งหูเอ้อร์และเหอซานไว้ในห้องโถงอันกว้างใหญ่ที่มีของวางอยู่เพียงไม่กี่ชิ้น
หูเอ้อร์รีบกระซิบข้างหูเหอซาน “มิใช่หารือกันว่า ห้าสิบตำลึงเงินหรือ เหตุใดเ้าจึงบอกพวกนางไปเพียงสามสิบตำลึงเงินเล่า?”
เหอซานอธิบายเบาๆ “หากข้ากล่าวไปว่า ห้าสิบตำลึงเงินตรงๆ พวกเขาต้องขึ้นราคาแน่ ข้าจึงบอกไปสามสิบตำลึงเงินก่อน หากพวกเขาเพิ่มราคาถึงห้าสิบตำลึงเงิน ก็พอดีกับเป้าหมายที่พวกเราหารือกัน”
หลี่อิงฮว๋าเดินนำเข้ามาด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ด้านหลังมีหลี่ิ่หานที่มีใบหน้าเคร่งขรึม และหลี่หรูอี้ที่มีสีหน้าปกติที่สุดเดินตามเข้ามาด้วย
หูเอ้อร์ถาม “ว่าอย่างไร”
หลี่อิงฮว๋ากล่าวด้วยใบหน้าปกติ “พวกเราพี่น้องหารือกันแล้ว สามสิบตำลึงเงินก็สามสิบตำลึงเงินขอรับ ไม่ให้พวกข้าขายก่อนเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าก็ได้ขอรับ แต่พวกท่านห้ามเผยแพร่วิธีทำแป้งย่างใส่ไข่ให้ผู้อื่น และห้ามขายแป้งย่างใส่ไข่ในบริเวณห้าสิบลี้รอบหมู่บ้านของพวกเราด้วย”
หูเอ้อร์และเหอซานยินดียิ่งนัก มองหน้าสบตากัน ตอบตกลงพร้อมกันว่า “ได้ เช่นนั้นทำสัญญาตามนี้”
หลี่อิงฮว๋ากล่าวต่อไป “รอสักครู่ขอรับ เมื่อครู่พวกเราบอกว่า ต้องไปเชิญคนมาเป็คนกลางด้วย พวกท่านต้องจ่ายค่าคนกลางให้เขาหนึ่งส่วน”
“ได้ พวกเ้ารีบไปเชิญหัวหน้าหมู่บ้านมาเถิด” หูเอ้อร์และเหอซานเคยพบคนระดับท่านอ๋องและไท่เฟยมาแล้ว เพียงตำแหน่งเล็กๆ อย่างหัวหน้าหมู่บ้านจะเป็อะไรไป อีกอย่างเงินหนึ่งส่วนก็แค่สามตำลึงเงินเท่านั้น เมื่อรวมกับสามสิบตำลึงเงินที่เป็ค่าซื้อวิธีทำ ก็เท่ากับสามสิบสามตำลึงเงิน น้อยกว่าห้าสิบตำลึงเงินที่คิดไว้ถึงสิบเจ็ดตำลึงเงิน
หวังไห่อยู่บ้านพอดี เมื่อรู้ว่าบ้านหลี่ตกลงให้พ่อค้าทั้งสองจ่ายค่าคนกลางให้กับตนถึงสามตำลึงเงิน ก็ยินดีจนยิ้มไม่หุบ
“ดูเถิด น้องจ้าวดีกับข้าเพียงใด ข้าจะไปกับท่านด้วย” เฟิงซื่อตามหวังไห่ไปที่บ้านหลี่อย่างกระตือรือร้น
หวังไห่หรี่ตามองคนในหมู่บ้านสิบกว่าคนที่พากันมาห้อมล้อมดูเหตุการณ์อยู่ที่ประตูรั้วบ้านหลี่ กล่าวยิ้มๆ ว่า “สองคนนั้นเป็คนจากบ้านเก่าของครอบครัวหลี่ ระหว่างเดินทางทำการค้าผ่านตำบลพอดี ได้ยินคนพูดถึงบ้านหลี่จึงเดินทางมาเยี่ยมเยียน”
“บ้านเกิดของครอบครัวหลี่อยู่ห่างจากหมู่บ้านขอวพวกเราสี่ร้อยกว่าลี้ พวกเขาค้าขายจนมาเจอครอบครัวหลี่ได้เช่นนี้ ช่างบังเอิญจริงๆ”
“สองคนนั้นสวมเสื้อผ้าไม่ธรรมดาแล้วยังขี่ม้ามาด้วย ทีแรกคิดว่าพวกเขาเป็คนของทางการเสียอีก ที่แท้ก็เป็พ่อค้ามาทำการค้านี่เอง”
“ตอนนี้หลี่ซานยังอยู่ที่เมืองเยี่ยน พวกเขาจะไปเยี่ยมหลี่ซานที่เมืองเยี่ยนอีกหรือไม่”
คนในหมู่บ้านวิจารณ์กันไปต่างๆ นานา หวังไห่จึงโบกมือบอกให้พวกเขากลับไป แล้วจึงค่อยเข้าไปที่บ้านหลี่
.......................................