ซูอินกับหลินเฉวียนเดินคู่กันไปบนทางเท้าและพูดคุยกันหลายเื่
ถึงจะบอกว่าเป็การพูดคุย แต่เป็ซูอินที่ตั้งคำถามเสียมากกว่า
หลินเฉวียนไม่สนใจเื่นี้ เดิมทีเขาเพียงรู้สึกแปลกใจที่เด็กสาวคนนี้ยืนกรานเดิมพันฝั่งเกาหลีใต้ด้วยเงินจำนวนมาก แต่หลังจากได้คุยกัน เขาก็แอบละอายใจ เด็กสาวอายุสิบหกปีพกเงินมากมาย ไร้ที่พึ่ง เป็เื่ปกติที่ต้องระวังตัว
เขาจึงให้ความร่วมมือกับเธอ
แม้จะเคยร่วมมือกันครั้งหนึ่งแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ซูอินเพิ่งจะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับหลินเฉวียน
สถานะเดิมของเขาเป็ทหารพราน แต่หลังจากเปลี่ยนอาชีพ จึงมาอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้
คนที่เคยเป็ทหารทำให้ซูอินยิ่งวางใจ และนึกถึงฉินหล่างโดยไม่รู้ตัว
“เขาก็เป็ทหารเหมือนกันหรือคะ”
“เหมือนกับฉัน เคยเป็ แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนอาชีพแล้ว”
อย่างนี้นี่เอง ซูอินพยักหน้า
“พวกคุณที่เป็ทหารล้วนจิตใจดีทั้งนั้นเลย”
ฉินหล่างช่วยเหลือเธอ หลินเฉวียนก็ช่วยเหลือเธอ
หลินเฉวียนเผลอยิ้ม แม้แต่รอยแผลเป็บนหน้าผากก็ไม่ดูน่ากลัวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
หลังจากรู้รายละเอียดของอีกฝ่าย สีหน้าเธอผ่อนคลายลง ขณะที่รอสัญญาณไฟจราจร ซูอินมองก้อนเมฆที่ถูกแสงแดดแผดเผา และดวงอาทิตย์ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังก็อดยิ้มไม่ได้
โดยพื้นฐานซูอินมีรูปร่างดี เป็สาวน้อยผิวขาวละเอียด ขายาว ตราบใดที่ไม่ปล่อยตัวเองมากเกินไปก็คงไม่มีทางดูแย่ เธอเมื่อชาติก่อนตอนอายุสิบหกปีถูกผู้ใหญ่พร่ำสอนให้ทำตัวเรียบร้อยไม่แสดงออก เธอจึงใช้ผมหน้าม้าบดบังดวงตาคู่สวยตลอดทั้งปี ทำให้ดูน่าเบื่อ ถึงกระนั้นเธอก็เป็ที่ประทับใจไม่น้อยของเพื่อนร่วมงานในโรงพยาบาลที่อู๋อู๋ทำงานอยู่
น่าเสียดายที่สิบปีสุดท้ายในชาติก่อนกระดูกสันหลังของเธอถูกกดจนงอ หลังค่อม ไหล่ห่อ แย่ยิ่งไปกว่านั้นคือ เพื่อไม่เป็การต่อต้านหลิงเมิ่ง และให้อู๋อู๋โปรดปราน เธอจึงพยายามแต่งตัวให้น่าเกลียดที่สุด
เมื่อกลับชาติมาเกิด เธอตามหาตัวตนใหม่ หลังตรง เผยใบหน้าบางที่ถูกบดบังด้วยผมหน้าม้ามาหลายปี เมื่อมีความมั่นใจในตนเอง บวกกับผิวขาวอมชมพูจากสุขภาพที่แข็งแรง ทำให้เธอเบ่งบานดั่งดอกไม้ แววตาสดใสมากขึ้นทุกวันๆ
ชุดที่เธอใส่ซื้อมาจากแผงลอยตอนไปซื้อของในตลาดที่ชนบท ั้แ่เมื่อสองปีก่อนที่คุณย่าหลิงยังมีชีวิตอยู่ สองปีผ่านไปนอกจากความสูง ร่างกายเธอไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก กางเกงขาเจ็ดส่วนถูกเปลี่ยนเป็กางเกงขาสั้นแค่เข่า
เสื้อผ้าที่ซักขาวสะอาดมีกลิ่นติดตัว พูดได้แค่ว่าเธอดูดีมาก ต่อให้ใส่กระสอบก็ยังดูดี
ยามพระอาทิตย์ตกดิน สาวน้อยคิ้วหนา ดวงตากลมโต อารมณ์สดใสยืนรอสัญญาณไฟจราจร ริมฝีปากแดงยกยิ้ม เผยให้เห็นไข่มุกขาวเปล่งประกายสดใส เป็ทัศนียภาพที่สวยงามยิ่งนัก
คนสวยและของงามๆ มักดึงดูดผู้คนให้มีความสุข ผู้คนที่เลิกงานหันมามองเธอ เพียงแค่นั้นก็ทำให้หายเหนื่อยจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน จิตใจผ่อนคลาย จนยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
หลายคนต่างรู้สึกเช่นนี้ ยกเว้นบางคนที่ดูอึดอัด
เช่นหลิงเมิ่ง
หลังเลิกเรียนคนขับรถไปรับเธอมาจากโรงเรียนในชุมชนและตอนนี้กำลังติดไฟแดง รถซานตาน่าจอดอยู่ตรงสี่แยก เธอนั่งอยู่เบาะหลัง สามารถมองเห็นซูอินผ่านหน้าต่าง
หญิงสาวผิวขาวผอมเพรียว โดดเด่นท่ามกลางรถสองล้อมากมายที่กำลังรอสัญญาณไฟ
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เธอไม่สบายใจ
ไม่นานนักเธอเห็นชายที่ก้มหน้าลงมาคุยกับซูอิน ระยะไม่ห่างมากนักจากที่มองผ่านกระจก จึงเห็นชัดว่าบนหน้าผากของชายคนนั้นมีรอยแผลเป็
แผลเป็ที่โดดเด่นนั้นทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก ต้องก้มมองเท้าของตนเอง และอดไม่ได้ที่จะนึกถึงน้ำเย็นแก้วนั้นที่ซูอินสาดเธอ แถมยังเหยียบเท้าอย่างโหดร้ายอีกด้วย
ความเกลียดชังยังคงก่อตัว ั์ตาของหลิงเมิ่งหันกลับไปมอง
“รีบตามไป!”
เมื่อไฟเขียวสว่าง กลุ่มคนที่รอเคลื่อนตัวท่ามกลางอาทิตย์อัสดง รถซานตาน่าที่ควรจะตรงไป กลับเลี้ยวตรงหัวมุมเพื่อสะกดรอยตามคนทั้งสองไปห่างๆ
หลินเฉวียนเป็ทหารหัวกะทิ แม้จะไม่ได้เข้าอบรมในด้านนี้เป็พิเศษ แต่ก็เคยเข้ารับการอบรมการลาดตระเวนต้านภัย ทำให้รู้ว่ามีคนสะกดรอยตาม
“สะกดรอยตามหรือคะ”
ซูอินหันไปมองทางที่เขาชี้ ก็เห็นเลขทะเบียนรถที่คุ้นเคย มองไปที่เบาะหลังก็เห็นเงาของหลิงเมิ่ง
ในขณะที่ประสานสายตา เธอเห็นสีหน้าเหยเกและตื่นเต้นของหลิงเมิ่ง
หลิงเมิ่งต้องเข้าใจผิดแน่ๆ…
ในเวลานั้นซูอินอยากเข้าไปอธิบาย แต่ก็นึกได้ อันที่จริงหากหลิงเมิ่งเข้าใจผิด แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ
เธอหันไปทางหน้าต่างรถแล้วพยักหน้า ก่อนหมุนตัวกลับมา “ลูกสาวตระกูลหลิง ความสัมพันธ์ของเราไม่ค่อยดี คาดว่าเธอคงเข้าใจผิด”
“แล้วเธอจะ…”
ถึงแม้หลินเฉวียนไม่พูด แต่เขากลับแสดงความหมายอย่างชัดเจน อีกทั้งการยืนอยู่ข้างเธอเช่นนี้ เขาก็ได้แสดงออกว่าให้การสนับสนุนเธอ
ซูอินรู้สึกประทับใจ แต่กลับส่ายหน้า “เธอจะคิดยังไงก็ปล่อยไปเถอะ ไม่เกี่ยวกับฉัน”
ซื้อลอตเตอรี่ฟุตบอลเสร็จเธอต้องกลับไปทำงานที่ร้านพี่หงอีกพร้อมขออนุญาตลางาน เพราะใกล้สอบขึ้นมัธยมปลายแล้ว เธอจำเป็ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ
เธอไม่มีเวลามาใส่ใจหลิงเมิ่งหรอก
“เย็นมากแล้ว พวกเราไปกันเถอะค่ะ”
หลินเฉวียนตกตะลึงเล็กน้อย เหตุการณ์ล่าสุดทำให้เขารู้ว่าสองสามีภรรยาคิดแผนกระทำการบางอย่างและแสดงอารมณ์ชั่วร้ายต่อเด็กสาว เด็กอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งพบเจอความเ็ปใดมากันแน่ ถึงทำให้เธอเปลี่ยนไปเป็เฉยเมยได้เช่นนี้
เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงตัวเองตอนที่ยังอายุไม่มาก
เมื่อหันไปมองสาวน้อยอีกครั้ง ท่าทีของเขาก็อ่อนโยนมากขึ้น
ทั้งคู่เดินต่อไปบนทางเท้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หลิงเมิ่งที่อยู่บนรถกลับโมโหจนตัวสั่น
ท่าทีสบายใจของซูอินที่พยักหน้าให้เธอเมื่อครู่…คิดจะเสแสร้งอะไรอีก!
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา อู๋อู๋ให้ความเอ็นดูบุตรสาวคนนี้มาก จึงซื้อโทรศัพท์โนเกียราคาแพงให้ หลายวันมานี้หลิงเมิ่งพกมันไปโรงเรียน จนเพื่อนๆ อิจฉา แม้แต่ครูอายุน้อยบางคนที่เพิ่งเข้าทำงานก็ยังอดอิจฉาไม่ได้
ตอนที่หลิงเมิ่งโทรศัพท์เข้ามา อู๋อู๋นั่งดื่มไวน์อยู่บนโซฟาในคฤหาสน์เพื่อคลายกังวล ไวน์แดงหลายแก้วไหลลงท้อง ทำให้หน้าเธอแดงระเรื่อ สติสัมปชัญญะตกอยู่ในความมึนงง
“เมิ่งเมิ่ง ลูกไม่รู้สินะว่าตอนนี้ซูอินปีกแข็งแล้ว คุณลุงซุนของลูกบอกแม่ว่าเลขาธิการผู้อำนวยการกองโจวที่นำทีมตรวจสอบเข้ามาจากมณฑลสนใจในตัวเธอมาก แม่คิดว่าเื่ที่เธอช่วยเด็กคนหนึ่งไว้น่าจะจริง แต่ไม่ว่ายังไงก็ห้ามบอกเื่นี้กับพ่อของลูกเด็ดขาด…”
ประตูคฤหาสน์ถูกเปิดออก สีหน้าของหลิงจื้อเฉิงไม่สู้ดีนัก “อย่าบอกผมเื่อะไร”
อู๋อู๋รีบวางสาย สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ไม่มี…”
“ช่างเถอะ ผมจะไปถามซุนเหริน”
หลิงจื้อเฉิงล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าและกดโทรเข้าเบอร์บ้านของซุนเหริน ต่อมาจึงได้รู้เื่ที่คนจากมณฑลเข้ามาตรวจสอบ
เขาไม่ใช่อู๋อู๋ เพราะอยู่ในแวดวงธุรกิจ หลายๆ เื่จึงมีความเฉียบคมกว่าคนทั่วไป ระยะนี้อุปสรรคทำให้เขาสังเกตเห็นบางอย่างที่คลุมเครือ ความโปรดปรานของเลขาธิการผู้อำนวยการกองโจวที่มีต่อซูอินทำให้เขายิ่งมั่นใจในสิ่งที่ตนเองวิเคราะห์
“ฐานะของเด็กที่อินอินช่วยไว้ต้องไม่ธรรมดาแน่”
เมื่อมีสิ่งนี้ยืนยัน สามีที่แสนประเสริฐมาตลอดยี่สิบสี่ปีก็โมโหอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน “ผมเคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าเราเลี้ยงดูเธอมาตั้งสิบหกปี ควรเห็นแก่หน้าผู้ใหญ่ และดูแลเธอให้ดีสักหน่อย แต่คุณกลับเหมือนคนบ้า ชักสีหน้า อารมณ์เสีย”
หลังจากว่าฉอดๆ ไม่หยุด เขาก็พูดอย่างเด็ดขาด “แพะหายแต่ยังไม่สายที่จะล้อมคอก รีบไปตามอินอินกลับมาและชดเชยให้ดี!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้